เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
อ่าน: 8855 เศรษฐีหรือจะสู้เจ้าได้....
sugar
มัจฉานุ
**
ตอบ: 53


 เมื่อ 08 ก.ย. 09, 14:53

ดิฉันรู้สึกว่าความเป็นเจ้าหรือการได้เกี่ยวดองกับเจ้านั้นเป็นสิ่งที่คนในสมัยก่อนนิยมชมชอบกันมาก เหมือนกับว่าได้รับการยกย่องได้รับเกียรติมีคนนับหน้าถือตาเป็นชนชั้นสูง เป็นผู้ดีแปดสาแหรก มีภาษีดีกว่าพวกเศรษฐีซะอีก  รุ่นคุณแม่ดิฉันก็ชอบพูดเรื่องเจ้าอยู่บ่อยๆ ชอบอะไรๆเกี่ยวกับเจ้า และเลือกเจ้ามากกว่าเลือกเงิน แต่...อนิจจา เจ้ามากมายที่สืบเชื้อสายลงมานั้น ปัจจุบันบางคนก็จน ทำงานก็ไม่เป็น ติดความเป็นผู้ดีซะเคยตัว เจ้ายศเจ้าอย่าง ดูแลครอบครัววงค์ตระกูลก็ไม่อยู่ บางครั้งต้องขายทรัพย์สินเก่าๆเพื่อเลี้ยงชีพ อาจดูเหมือนดิฉันเขียนรุนแรงและไม่ให้เกียรติ แต่มิได้ค่ะ ดิฉันเพียงเสนอความจริงด้านหนึ่งเพื่อลดความกดดันของตัวเองและความสงสัยที่เกิดเมื่อโลกเปลี่ยนไป ชีวิตเปลี่ยนไป แต่ไม่อาจเปลี่ยนนิสัยและความเคยชิน ติดอยู่กับความเป็นเจ้าที่ยากจน ดิ้นรนไม่เป็นซะงั้น

นี่คือเรื่องราวจากประวัติศาสตร์สู่ยุคปัจจุบันกับการเปลี่ยนแปลงค่ะ ดิฉันยินดีรอรับคำวิจารณ์ค่ะ
บันทึกการเข้า
srisiam
สุครีพ
******
ตอบ: 857


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 08 ก.ย. 09, 15:29

ประเด็นน่าจะอยู่ที่ว่า..เราเชื่อหรือไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงที่กำลังรุกคืบคุกคามวิถีชีวิตและความคิดของพวกเราในทุกวันนี้..ให้เชื่อมั่นในการบูชาเงินเป็นพระเจ้า..ทำทุกอย่างเพื่อไต่เต้าที่จะเป็นเศรษฐี..เป็นสิ่งที่สร้างสุขแก่เราอย่าแท้จริงและเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่...หากไม่?  อะไรเล่าคือแก่นสารแห่งชีวิต...ส่วนประเด็นเรื่องเจ้านั้น...ทุกวันนี้ขบวนการล้มเจ้า..ต้องยอมรับว่ามีอยู่จริง...แต่ทำไมไม่หวนคิดและจำแนกแยกแยะ...ว่า"เจ้า" คือผู้มีพระคุณแห่งแผ่นดิน ...สืบเนื่องมาช้านาน..หากมีบาง"เจ้า"  ที่นอกลู่นอกทางก็น่าเป็นเรื่องเฉพาะตนของแต่ละ"เจ้า" หาควรไม่ที่จะมาเหมารวมด่วนสรุปจนลืมมองรากเหง้าของเราเผ่าไทย...ว่าล้วนเป็นหนี้บุญคุณของบรรพบุรุษซึ่งเป็น"เจ้า"ของเราอยู่..จนแทบจะกลายเป็นผู้อกตัญญูโดยไม่เจตนา..
บันทึกการเข้า
sugar
มัจฉานุ
**
ตอบ: 53


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 08 ก.ย. 09, 16:07

ดิฉันยังคงรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้เหนือเกล้าค่ะ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ไม่เกี่ยวกับการคิดล้มเจ้าล้มศักดินาใดๆ เพียงแต่รู้สึกว่าเมื่อกล่าวถึงประวัติศาสตร์มันคืออดีตที่ส่งผลเป็นปัจจุบันที่ห่อเหี่ยว เก่า โบราณ ขายต่อ รกร้าง  ไม่รักษา(รักษาไม่ได้) ไม่ศิวิไลสืบทอดสดสวยงดงามดังอดีตกาล  มีแต่ความเสื่อมถอยจนเป็นความน่าเสียดายไปเกือบหมด เพราะอะไรเจ้ารุ่นหลังถึงประสบปัญหาชะตากรรมเหล่านี้... หรือเพราะต้องทำอาชีพรับราชการซึ่งมีอยู่อย่างเดียวเท่านั้นที่เจ้าจะทำได้ และอาชีพนี้หรือที่จะเลี้ยงหม่อมทั้งหลายและลูกหลานอีกมากมายให้อิ่มหนำและสมบูรณ์ เมื่อหมดบุญท่านแล้วลูกเด็กเล็กแดงก็กระจัดกระจายไปรับใช้ตามวังเจ้านายต่างๆ พี่พลัดน้อง ไม่ได้ร่ำเรียนอะไรในวังนอกจากการเรือน อาหาร ตัดเย็บ โตก็ออกเรือนกับคนธรรมดาไป ไม่มีทรัพย์มีแต่ศักดิ์ แล้วคิดว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปคะ...(ที่ได้ดีก็มีนะคะ) แต่ที่ไม่ ก็คงมีมาก เพราะลูกหลานมากเหลือเกิน

นี่คือโศกนาฏกรรมหรือเปล่าคะ รูดซิบปาก
บันทึกการเข้า
pornpan Vaddhanayon
อสุรผัด
*
ตอบ: 27


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 08 ก.ย. 09, 19:31

 ยิ้มในความเห็นของดิฉัน ความเป็น "เจ้า" อยู่ในสายเลือดตั้งแต่กำเนิดเป็นฐานันดรศักดิ์ที่ติดตัวผู้สืบสกุลจากฝ่ายชายนามสกุลที่สืบสายมาจากบรรพบุรุทซึ่งท่านได้กระทำคุณงามความดี ให้แก่ประเทศชาติและแผ่นดินเกิดอย่างมากล้น ผู้ใดได้เกิดในราชสกุลเจ้านับว่าเป็นผู้ที่มีเกียรติยศ เป็นที่ยกย่องว่ามีเลือดเนื้อเชื้อไขจากราชสกุลทางพระมหากษัตริย์ หรือราชินีกุล สืบสายมาจากราชสกุลทางพระราชินี เจ้านายฝ่ายเหนือผู้ที่สืบสายจากเจ้าผู้ครองนครจะได้ใข้คำนำหน้าว่าเจ้าทั้งชายและหญิง เช่นเจ้าพงศ์แก้ว ณ ลำพูน ธิดาเจ้าพงศ์แก้ว คือคุณเจ้าดารารัตน์ ณ ลำพูน คุณหญิงเจ้ารวิพรรณ (ณเชียงใหม่) ธิดาเจ้าราชบุตร (วงษ์ตะวัน ณ เชียงใหม่) เมื่อแต่งงานกับสามัญชน ท่านก็ใช้นามสกุลสามีแต่ยังใช้คำนำหน้าว่าเจ้า เมื่อได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเหรียญตราได้รับอิสริยยศเป็นคุณหญิง ท่านก็ใช้  คุณหญิงเจ้ารวิพรรณ สุจริตกุล ส่วนตำแหน่งเจ้านายในสมัยรัตนโกสินทร์ พระโอรส พระธิดาพระเจ้าแผ่นดินที่ประสูติจากพระราชินี ถวายพระราชอิสริยยศตามลำดับ จาก เจ้าฟ้าชาย เจ้าฟ้าหญิง พระองค์เจ้าชาย พระองค์เจ้าหญิง หม่อมเจ้าชาย หม่อมเจ้าหญิง (ม.จ.) หม่อมราชวงศ์ชาย หม่อมราชวงศ์หญิง ( ม.ร.ว.)
หม่อมหลวง (ม.ล.)  บุตร ธิดาที่เกิดจากบิดาที่เป็นหม่อมหลวง ใช้คำนำหน้านามสามัญชนว่า นาย นางสาว ได้มีสิทธิใช้ ณ อยุทธยา ต่อท้ายนามสกุล เพื่อให้ทราบว่าสืบเชื้อสายมาจากราชสกุล แต่ต้องเป็นลูกที่เกิดจากบิดาที่เป็นหม่อมหลวง ภรรยาและลูกจึงจะใช้ ณ อยุทธยาต่อท้ายนามสกุล
ดังนั้นการเป็นผู้สืบเชื้อสายจากเจ้า เป็นราชสกุล มีนามสกุลพระราชทานบ่งบอกเกียรติยศว่ามาจากราชสกุลใดจึงเป็นความพากภูมิใจของผู้ที่มีสิทธิในราชสกุลอย่างยิ่งเพราะความเป็นเจ้าอยู่ในสายเลือด แม้สายเลือดทางมารดาเป็นเจ้า ลูกไม่มีสิทธิใช้นามสกุลมารดาก็ตามแต่ก็ภูมใจในชาติตระกูลเช่นกัน
พรพรรณ วัฑฒนายน
บันทึกการเข้า
natadol
ชมพูพาน
***
ตอบ: 171


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 08 ก.ย. 09, 20:20

ผมขอออกความเห็นหน่อยนะครับ..เราทุกๆคนถูกปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็กๆว่าให้เทิดทูนเจ้าอยู่หัวและราชวงศืทุกพระองค์ ทุกวันนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลง     แม้ว่าข่าวจากไหนจะมาบั่นทอน ก็จะรับฟัง มาศึกษาหาความรู้จากหลายๆด้าน ว่าสิ่งที่มีคนกล่าวอ้างมานั้นจริงหรือไม่ สรุปแล้วไม่พบความเป็นจริงเลยแม้แต่ข่าวเดียวที่ได้ยินมา บ้างก็ว่าได้ฟังมาจากในวังบ้าง จากทหารในวังบ้าง แต่ปัญหาที่เกิดแต่ละปัญหาที่พบก็มาจากคนที่หวังพึ่งบารมีของเจ้านั่นแหละแสดงอำนาจว่าเป็นคนของเจ้า องค์โน้น องค์นี้ ไปเบ่งบารมีหากเป็นสมัยก่อนโดนเฆี่ยนกันหลังลายไปหลายคน   เศรษฐีหลายๆคนนี่แหละตัวดีถวายเงินบ้าง สิ่งของบ้าง แล้วถ่ายรูปมาเบ่งบารมีสร้างความเสื่อมเสียพระเกียรติ          เคยเห็นเชื้อพระวงศ์ที่ไม่ได้มีฐานะมั้ย มีใครอยากจะคบบ้าง ยิ่งคนรวยแทบไม่อยากจะไปสุงสิงด้วย      ผมเคยพบหม่อมเจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง ประมาณปี 2524-25 อายุประมาณ 80ปีแล้ว ช่วงนั้นผมก็ยังเด็กอยู่ เคยจูงท่านมาไส่บาตรหน้าบ้านผม (บ้านของท่านอยู่หลังบ้านผม)  ท่านอยู่ของท่านคนเดียว ไม่มีใครไปสุงสิงด้วย ตอนน้ำท่วมใหญ่ บ้านของท่านอยู่ติดกับบ้าน ส.ส. มีกะสอบทรายมากั้นน้ำไว้ น้ำเลยไหลมาท่วมบ้านของท่าน มจ  ไม่มีใครสนใจท่านเลย  มีแต่ผมและเด็กๆแถวนั้นที่แอบไปขโมยมะม่วงบ้านท่านบ่อยๆ จนกระทั่งท่านเสียชีวิต ปี2528-29 จึงเห็นรถของสำนักราชวังมาอัญเชิญท่านไปวัด แถวๆสนามหลวง 
บันทึกการเข้า
sugar
มัจฉานุ
**
ตอบ: 53


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 09 ก.ย. 09, 10:17

ดิฉันต้องขออภัยที่ใช้คำรวมๆว่าเจ้าค่ะ เพราะเค้าพูดกัน ดิฉันคิดว่าเจ้ามีวรรณะคล้ายอินเดีย แต่อาจจะเป็นชั้นบนกับชั้นล่าง ชั้นบนก็คงมีเรื่องราวที่หาอ่านได้ตามแผงหนังสือหรือสามารถขุดหารายละเอียดไม่ยากนัก เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงตั้งแต่รุ่นสู่รุ่น เป็นที่โปรดของพระองค์เจ้านายชั้นสูง เป็นสายตรง ส่วนชั้นล่างคือเจ้าที่คนรู้จักน้อยจนถึงหายไปแบบไม่มีประวัติให้ค้นหากันเลย ถ้าเป็นลูกหญิงยิ่งน่าสงสารมาก โดดเดี่ยวส่วนมากจนสิ้น ถ้าวิถีชีวิตในอดีตไม่ถูกกำหนดโดยขนบธรรมเนียมจารีตราชประเพณีการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ของเจ้าในวังโดยเคร่งครัดนักก็คงจะดี ถ้าในอดีตเจ้าหญิงสามารถเลือกและแต่งกับสามัญชนได้ไม่ผิดขนบ ถ้าเจ้าชายจะมีหม่อมเพียงองค์เดียว(ข้อดีของการมีหม่อมมากก็คงมีเช่นการสืบเชื้อสายแตกหน่อออกไป )แต่สำหรับบางหน่อนั้นจะคงดำรงอยู่ด้วยยากลำบากด้วยความยึดถือสิ่งที่ปฏิบัติในวังสืบต่อกันมาจนสิ้น...

ดีใจที่ยุคใหม่มีการเปิดกว้างของสิทธิสตรี การมีผัวเดียวเมียเดียว(เมียคนต่อๆมาได้รับเกียรติว่าเมียน้อย) การแสดงความคิดเห็นใดๆที่ยอมรับกันได้ เรื่องของเจ้าสามารถนำมาเล่าสู่ ถกเถียง สืบค้น  ...
บันทึกการเข้า
sugar
มัจฉานุ
**
ตอบ: 53


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 10 ก.ย. 09, 14:16

ประเด็นนี้กลายเป็นอกตัญญูไปแล้วหรอคะนี่.... (ความรู้สึกช้าไปหน่อย ขออภัยค่ะ) ร้องไห้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 11 ก.ย. 09, 13:59

เจ้ามากมายที่สืบเชื้อสายลงมานั้น ปัจจุบันบางคนก็จน ทำงานก็ไม่เป็น ติดความเป็นผู้ดีซะเคยตัว เจ้ายศเจ้าอย่าง ดูแลครอบครัววงค์ตระกูลก็ไม่อยู่ บางครั้งต้องขายทรัพย์สินเก่าๆเพื่อเลี้ยงชีพ อาจดูเหมือนดิฉันเขียนรุนแรงและไม่ให้เกียรติ แต่มิได้ค่ะ ดิฉันเพียงเสนอความจริงด้านหนึ่งเพื่อลดความกดดันของตัวเอง
นี่คือเรื่องราวจากประวัติศาสตร์สู่ยุคปัจจุบันกับการเปลี่ยนแปลงค่ะ ดิฉันยินดีรอรับคำวิจารณ์ค่ะ

ดิฉันไม่ทราบว่าคุณ sugar กดดันเรื่องอะไรกับ "เจ้า" บางคนที่คุณประณาม     แต่คงเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของคุณ ที่คนอื่นเขาไม่รู้เรื่องด้วย
นอกจากนี้ ก็มีหลายตอนที่แสดงว่าน่าจะเข้าใจผิดอยู่มาก
จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงบางประการ ดังนี้

1   ปัจจุบันนี้ "เจ้า" ระดับพระอนุวงศ์ คือระดับหม่อมเจ้า  เหลืออยู่ในประเทศไม่กี่องค์แล้ว  ส่วนใหญ่ก็พระชนม์ 70 -80 ขึ้นไป    
ส่วนหม่อมราชวงศ์และหม่อมหลวง  เราไม่เรียกว่า "เจ้า" ท่านเหล่านี้เป็น "เชื้อพระวงศ์" ไม่ต้องใช้ราชาศัพท์    ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆแตกต่างจากสามัญชน
เท่าที่เห็นมา ท่านเหล่านี้ก็ดำเนินชีวิตอย่างคนธรรมดา  ทำราชการก็มี ทำงานบริษัทก็มี   รวยหรือจนก็แล้วแต่ฐานะของแต่ละคน
ถ้าหากว่ามีท่านใดท่านหนึ่งจะขายทรัพย์สินดั้งเดิม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน   ก็ไม่เห็นจะเสียหาย  ใครๆในประเทศไทยก็ทำได้ทั้งนั้นถ้าอยู่ในฐานะเดียวกัน     จะเป็นเจ้าหรือสามัญชนก็ทำได้ตามสิทธิ์ของตัวเอง    

2
อ้างถึง
ถ้าในอดีตเจ้าหญิงสามารถเลือกและแต่งกับสามัญชนได้ไม่ผิดขนบ


ขอตอบว่า เจ้าหญิง(ในระดับหม่อมเจ้า) แต่งงานกับสามัญชนมาได้อย่างถูกต้อง ตามกฎหมายและประเพณี  มายาวนานกว่า 75 ปีแล้วค่ะ  
บันทึกการเข้า
sugar
มัจฉานุ
**
ตอบ: 53


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 12 ก.ย. 09, 11:42

ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาช่วยเหลือแสดงความกระจ่างและทำให้ความคิดส่วนที่ผิดๆของดิฉันได้เกิดความฉลาดขึ้นบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ...ดิฉันยินดีที่ได้รับฟังค่ะ

สำหรับดิฉันส่วนตัวแล้วยังเกิดความสงสัยในประวัติศาสตร์ส่วนที่ขาดหาย เหมือนเป็นความลับอันดำมืดที่ล้มหายตายจากไปกับคนรุ่นเก่าที่เก็บงำไว้ ให้เป็นหน้าที่ของคนรุ่นหลังทำการสืบค้นกันต่อไปผิดๆถูกๆเกิดความเสื่อมเสียต่อราชตระกูล ถ้าอะไรๆมันเป็นเพียงเรื่องธรรมดา ก็คงไม่รู้สึกเสียดายในก้อนอิฐก้อนปูนและก็คงไม่ได้รับความรู้สึกถึงความสุขและความทุกข์ในอิฐแต่ละก้อนนั้นนะคะ...

มันก็คงเป็นเรื่องธรรมดา เพราะมันคือวงล้อแห่งกาลเวลาที่จะพัดพาเอาสิ่งที่คงคุณค่าความงามความลับให้หายไป....

ถ้าวังกรมหลวงสรรพศาสตร์ศุภกิจ วังมหานาค วังพระนราธิปประพันธ์พงค์ ก็คงเป็นตัวอย่างของเรื่องธรรมดาๆ แล้วจะมาสืบหากันทำไม...

ถ้าเพียงท่านทั้งหลายฟื้นขึ้นมา ลูกๆๆๆๆๆๆๆๆๆหลานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆท่านจะตอบอย่างไร

อ้อ!   อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา   คงใช้ได้.



ส่วนเรื่องเจ้าหญิง จะเจ้าฟ้าหญิง จะพระองค์เจ้าหญิง หรือหม่อมเจ้าหญิงนั้น ถ้าได้แต่งกับสามัญชนก็คงอิลักอิเหลื่อเต็มทน เพราะฐานันดรสูงกว่าฝ่ายชาย จะกราบไหว้พ่อแม่ฝ่ายชายทีคงรับไหว้ไม่ทัน และต้องนั่งพื้นรึเปล่า ใช้ราชาศัพท์กันรึเปล่า แล้วต้องถอดถอนฐานันดรด้วยรึเปล่า แค่ ม.จ.หญิงก็คงไม่เท่าไหร่ แต่อาจไม่ได้รับการเห็นด้วยจากฝ่ายพระญาติสักเท่าไหร่ เค้าถือองค์กันจะตายไป..ถ้าไม่ใช่เชื้อพระวงค์ด้วยกัน  จริงเท็จอย่างไรอยากได้รับความกระจ่างเหมือนกันค่ะ
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 12 ก.ย. 09, 17:27

ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องที่น่าสนใจ  ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ก็มีพิมพ์ออกมาหลายเล่ม
ขออนุญาต แนะนำ



มหามกุฎราชสันตติวงศ์  พระนามพระโอรสธิดา พระราชนัดดา
กรมหลวงนราธิวาสราชนัครินทร์  ทรงเรียบเรียง
พิมพ์ ๒๕๔๗  
เล่มสีส้มอ่อนค่ะ  ปกแข็ง
มีข้อมูลว่า เจ้านายฝ่ายหญิงสมรสกับท่านผู้ใดบ้าง  ชาวต่างประเทศก็มีค่ะ


อีกเล่มคือ พระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าในพระราชวงศ์จักรี
งานของ
พลตรี ม.ร.ว. ศุภวัฒย์  เกษมศรี กับ รัชนี ทรัพยวิจิตร
เห็นนักศึกษาหลายคนเริ่มใช้ข้อมูลด้วยตนเองก็ดีใจค่ะ  เพราะเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจที่โยงต่อไปได้



ประวัติที่ขาดหาย หรือเป็นความ"มิดเม้น" ก็คงมีบ้าง  เพราะเราไม่นิยมเก็บรักษาบันทึก
ถ้ายังไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้  ก็คงไม่สามารถนำมาพิมพ์ หรือ คุย  หรือ ให้ความกระจ่างได้
การเก็บงำคงแทบไม่มีอะไรเหลือเท่าไร

สมัยนี้การเข้าถึงข้อมูลทำได้ง่ายค่ะ

เราคุยกันเรื่องพระองค์เจ้าปฤษฎางค์     กรมหลวงราชบุรี     หม่อมไกรสร     กันได้อย่างเปิดเผย
ไม่เห็นว่าราชตระกูลจะเสียหายที่ตรงไหน



ไม่ได้ไปสืบหรือค้นหาที่ไหนมาหรอกค่ะ
ซื้อหนังสือมาอ่าน


เรื่องงมารยาทในครัวเรือน ก็เป็นที่ทราบกันทั่วไปนี่ค่ะ ว่า สมเด็จพระพันปีหลวง และ สมเด็จพระพันปี  ทรงกราบกันและกันในที่รโหฐาน

สกุลเจ้าพระยามหาศาลก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับหลานสาวที่เป็นเจ้าจอมมารดาเท่าไร

คงต้องใช้เวลาศึกษาด้วยตนเองอีกสักพักนะคะ


บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 12 ก.ย. 09, 17:39

เมื่อแรกที่เข้ามาเป็นสมาชิกใน เรือนไทย       คุณเทาชมพู และ คุณพิพัฒน์ ได้กรุณาแนะนำหนังสือที่ไม่เคยอ่านให้หลายเล่ม

ขอเรียนว่า  หาอ่านได้เกือบหมดแล้วค่ะ      Court ก็อ่านแล้ว

ถ้าหาอะไรที่แปลกและสนุกได้ จะนำมาลงเมื่อมีเวลาค่ะ


ขอบคุณคุณเทาชมพูที่มีความคิดเป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด

ระลึกถึงคุณพิพัฒน์ ที่ เมตตา คุยและล้อ ดิฉัน บ่อย ๆ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 12 ก.ย. 09, 21:30

มาทักทายคุณ Wandee และขอขอบคุณค่ะ

เข้ามาแก้ไขข้อความ คลิกท่าไหนไม่รู้  ข้อความเลยหายหมด   ร้องไห้

ขอตอบสั้นๆว่า   เจ้านายสตรีที่เสกสมรสกับสามัญชน  ต้องกราบถวายบังคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์ค่ะ  ไม่ได้ถูกถอดถอน  เพราะสมรส ไม่ใช่ความผิดอะไร
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 14 ก.ย. 09, 01:40

เข้ามากราบสวัสดี อาจารย์เทาชมพู และสมาชิกท่านอื่นๆ ครับ
ผมห่างจากเรือนไทยไปนานหลายเดือน (ร่วมปีเศษได้)
กว่าจะได้กลับเข้ามาก่อกวนให้เรือนวุ่นวายอีกก็หายหน้าหายตาไปนานพอดู
ยังระลึกถึงพื้นที่เล็กๆพื้นที่นี้เสมอครับผม



โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าจะเป็นเศรษฐี หรือเจ้า ก็ไม่เกี่ยวครับ
ทั้งหมดขึ้นกับการดำเนินชีวิตของแต่ละคน

แน่นอนว่าเจ้านายหลายพระองค์เมื่อดำรงพระชนมชีพอยู่
ทรงงานในระดับสูง ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยมาก
ก็ย่อมเป็นเศรษฐีไปด้วยโดยปริยาย
พอรุ่นลูก รุ่นหลานลงมา ครอบครัวก็ต้องการแบ่งปันทรัพย์สินชัดเจน
ยิ่งเมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไป การจะรับภาระดูแลครอบครัวก็ยากขึ้น
ทรัพย์สมบัติบางสิ่งเป็นของนอกกาย จะครอบครองไว้เท่าที่จำเป็น
ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทายาทรุ่นถัดลงมานะครับ
ถ้าจะใช้วิธีคิดของคนรุ่นก่อน ในสังคมของคนรุ่นใหม่
ผมเชื่อว่าคงจะดำเนินไปได้อย่างไม่ราบรื่นนัก





ปล. สำหรับสังคมยุคโลกาภิวัฒน์ ผมว่ามีอีกเรื่องที่คนไทยน่าจะรับรู้ไว้
คือ ชนชั้นกลาง (เช่นผมเป็นต้น)
มักจะเห็นเจ้า "เป็นสถานภาพทางสังคมอย่างหนึ่ง"
ยิ่งเจ้าอยู่ในระดับสูงมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งกลายเป็น celeb มากขึ้นเท่านั้น

เพราะฉะนั้น เจ้านายในความเป็น "เจ้า" ของชนชั้นกลาง
(ที่หลายคนตะเกียกตะกายอย่างปากกัดตีนถีบจนได้สถานภาพนี้มาด้วยการศึกษา หรือการงาน)
จึงมักถูกพูดถึง อย่างเป็นเรื่องสนุกปากอย่างหนึ่งไม่ต่างจากคนดังอื่นๆในสังคม



แต่ผมไม่แน่ใจนักว่าชนชั้นกลางที่ประพฤติตัวในทำนองนั้นหลายคน
จะรู้สึกตัวมั้ยว่าสังคมไทยโดยรวม (โดยเฉพาะกับพวกระบบเช้าชามเย็นชามทั้งหลาย)
ต้องการ "เจ้า" มาเป็น "หัวขบวน" ในการเริ่มต้นชิ้นงานที่จะพัฒนาสังคมสักแค่ไหน
ลองมองดูประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายชาติที่เราก็เห็นตัวอย่างอยู่สิครับ
แล้วถามตัวเราเองว่าเราอยากเป็นอย่างนั้นมั้ย? ใครอยากเป็นยกมือขึ้นหน่อยครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 14 ก.ย. 09, 10:08

มาทักทายคุณติบอ พร้อมกับขอต้อนรับกลับเรือนไทย
ถ้ามีเวลาว่าง   อย่าลืมแวะมาแบ่งปันความรู้  และข้อคิดเห็นด้วยนะคะ

เห็นด้วยกับคำตอบของคุณติบอค่ะ    ถ้ากระทู้นี้ยังยาวต่อไป ก็ช่วยแวะเข้ามาสื่อสารเพิ่มเติมด้วย

สำหรับเรื่องนี้
อ้างถึง
ส่วนเรื่องเจ้าหญิง จะเจ้าฟ้าหญิง จะพระองค์เจ้าหญิง หรือหม่อมเจ้าหญิงนั้น ถ้าได้แต่งกับสามัญชนก็คงอิลักอิเหลื่อเต็มทน เพราะฐานันดรสูงกว่าฝ่ายชาย จะกราบไหว้พ่อแม่ฝ่ายชายทีคงรับไหว้ไม่ทัน และต้องนั่งพื้นรึเปล่า ใช้ราชาศัพท์กันรึเปล่า แล้วต้องถอดถอนฐานันดรด้วยรึเปล่า แค่ ม.จ.หญิงก็คงไม่เท่าไหร่ แต่อาจไม่ได้รับการเห็นด้วยจากฝ่ายพระญาติสักเท่าไหร่ เค้าถือองค์กันจะตายไป..ถ้าไม่ใช่เชื้อพระวงค์ด้วยกัน  จริงเท็จอย่างไรอยากได้รับความกระจ่างเหมือนกันค่ะ

รายละเอียดที่คุณ sugar อยากรู้ เป็นเรื่องส่วนตัวของบุคคล   ไม่ใช่ละครทีวีที่จะเล่าสู่กันฟังได้มันปาก 
ก็ขอตอบแต่เพียงว่า ในความเป็นจริงทางสังคม   ก่อนที่ใครจะแต่งงานกับใคร  ญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายก็ต้องได้รับรู้และอนุญาตล่วงหน้าแล้ว    ก็ย่อมจะมีวิธีการจัดให้ลงตัวกันได้
คนไทยรุ่นก่อน เขาได้รับการฝึกฝนเรื่องมารยาท อย่างเข้มงวดมากกว่าปัจจุบัน   การให้เกียรติกันและกัน ย่อมมีวิธีทำได้อย่างเหมาะสม  ลงตัวกับชาติวุฒิ และวัยวุฒิของแต่ละฝ่ายค่ะ

ขอเพิ่มเติมข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์   ถ้าผิด คุณ wandee กรุณาแก้ไขให้ด้วย
๑  เจ้านายสตรีโดยกำเนิด ชั้นเจ้าฟ้าและพระองค์เจ้า(ที่เป็นพระราชธิดาในพระมหากษัตริย์) ตั้งแต่ยุครัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๘ ไม่มีการเสกสมรสกับสามัญชน
๒  เจ้านายสตรีชั้นพระองค์เจ้า  (ที่เป็นชั้นหลานเธอ)  ไม่มีการเสกสมรสกับสามัญชน
๓  เจ้านายสตรีชั้นหม่อมเจ้า   มีอยู่หลายองค์ สมรสกับสามัญชน ตั้งแต่รัชกาลที่ ๗  และก็มีจำนวนมากที่ดำรงชีวิตคู่ด้วยกันจนจากกันไปตามอายุขัย   ญาติพี่น้องทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้รู้สึกเป็นปัญหาอะไร
บันทึกการเข้า
sugar
มัจฉานุ
**
ตอบ: 53


ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 14 ก.ย. 09, 10:34

ต้องขอขอบคุณทุกๆท่านเป็นครั้งๆไปแบบนี้ล่ะค่ะ....

อานุภาพของความรักมันรุนแรงยิ่งนัก ไม่มีอะไรจะยับยั้งได้........  จะให้นั่งกอดนอนกอดฐานันดรศักดิ์/ยศฐาบรรดาศักดิ์ไปทำไมถ้าหัวใจไร้รักที่สมรัก แม้ความตายจะมาพราก ถ้าคนเราไม่กลัวความตายซะอย่าง ก็ไม่มีอะไรจะต้องกลัวอีกต่อไป.....


ฮึ่ม! พอเข้าใจแล้วค่ะ  ว่าความรักทำให้ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงได้



....น่าสงสารเด็กบ้านนอกคอกนาตาดำๆ พวกไกลปืนเที่ยง ที่ยังไม่รู้ว่าข้าวมื้อต่อไปจะเป็นอะไร หรือจะได้กินหรือเปล่า คงไม่เสียเวลามานั่งพิจารณาว่าตัวเองเป็นตัวอะไรในสายตาของพวกที่ถือว่าศิวิไลซ์ บางทีมีค่าน้อยกว่าเจ้าชิสุที่บ้านท่านๆซะอีก บางทีเจ้าชิสุที่บ้านท่านก็ยังดูถูกเอา..

แล้วมันจะแปลกอะไรถ้าเราอยากไปให้ไกลจากจุดเดิม ทั้งถืบทั้งดัน ทั้งยอมให้คนอื่นถีบบ้างก็ไม่ว่ากันขอไปเสียให้พ้นจากวังวนความลำเค็ญ เป็นคนเหนือคนให้ได้แม้ว่าไม่ใช่คำสั่งสอนของพ่อแม่ที่ขอให้เป็นคนดี(อย่าใฝ่สูงให้เกินศักดิ์ จงใฝ่รักในศักดิ์สูง)..... ซึ่งเราคงไม่ขอเป็นคนดีเหนือคนอื่นหรอกเพราะคนดีมันไปไหนไม่ไกล ก็ให้มันรู้กันไปคนยุคนี้จะกราบความดีมีศักดิ์ศรีหรือกราบเงินของฉัน ฮึ...มารสุดๆและลิเกด้วย





บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.084 วินาที กับ 19 คำสั่ง