เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
อ่าน: 11092 เมืองวิเศษไชยชาญ
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


 เมื่อ 15 ส.ค. 09, 14:22

จากทริปไปวิเศษฯคราวนี้ แม้มีเวลาน้อยแต่ก็ทำให้ผมได้พบเจออะไรดีในเวลาสั้นๆครับ
มีคนเคยพูดว่าเมืองเพชรฯคือลมหายใจของอยุธยา แต่ถึงอย่างนั้นศิลปะอยุธยาก็ยังมีอยู่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป
บางทีก็เป็นส่วนเล็กๆน้อยๆที่กระจัดกระจายอยู่ รู้กันแต่เฉพาะคนในชุมชนนั้นๆ(หรือไม่รู้เลยก็มี)
ทำให้นับวันยิ่งค่ิอยๆถูกทำลายหรือเลือนหายไปเรื่อยๆ  เศร้า ทั้งงานจิตรกรรม และ สถาปัตยกรรม

ความตั้งใจแรกที่ผมจะไปวิเศษฯก็คือ การไปนมัสการพระพุทธไสยาสน์ วัดป่าโมก ด้วยความชื่นชมศรัทธามากๆ



บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 15 ส.ค. 09, 15:03

พระพุทธไสยาสน์องค์นี้มีความเป็นมายาวนาน มีเตำนานเล่าว่าสร้างในสมัยสุโขทัย
ก็คิดว่าคงสร้างในสมัยสุโขทัยหรืออโยธยาเดิมล่ะครับ  เพราะบริเวณแถบนี้เป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญ
ในระดับภูมิภาคมาตั้งแต่อดีต เป็นเส้นทางน้ำในการล่องเรืองขนส่งสินค้าจากด้านตะวันตกและทางเหนือ
เพราะเป็นจุดที่แม่น้ำน้อยไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยาในตำบลโผงเผง 
ทำให้ในฤดูแล้งจะเดินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาได้ในจุดนี้ (อาจจะเพราะเป็นตะกอนทรายจากแม่น้ำน้อย)
จากพระราชพงศาวดารสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อทรงยกทัพเสด็จข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ตำบลโผงเผง
แล้วจึงเสด็จไปนมัสการพระพุทธไสยาสน์ ก่อนไปทำสงครามกับทัพหงสาวดี

และยังมีตำนานพระพุทธไสยาสน์ที่คนท้องถิ่นเล่ากันมาว่า เมื่อแม่น้ำน้อยกัดเซาะตลิ่งพังทลายเข้ามาใกล้
องค์พระเลยลุกขึ้นเสด็จไปประทับสีหไสยาสน์ให้ห่างลำน้ำ  ตกใจ
แต่เรื่องนี้ใช่จะเป็นเรื่องไร้เหตุผลไปซะทีเดียว ในสมัยพระเจ้าท้ายสระแม่นำ้กัดเซาะตลิ่งจนเข้าใกล้องค์พระจะเป็นอันตราย
พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระจึงมีพระดำริจะให้สร้างใหม่ แต่พระยาราชสงครามได้ขอจะทำการชลอย้ายองค์พระให้ห่างจากที่เดิม
พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระไม่วางพระทัย เพราะกลัวองค์พระจะเสียหายระหว่างขนย้ายเป็นที่อับอาย
พระยาราชสงครามจึงขอเดิมพันด้วยชีวิต (ต้องขอบคุณพระยาท่านที่เป็นตัวอย่างในการรักษาโบราณสถานโบราณวัตถุ แต่สมัยนี้ไม่ค่อยมีใครเอาอย่าง)
พระยาราชสงครามทำการอย่างยากลำบาก โดยต้องขุดดินทำร่อง ใช้ซุงทำราง ใช้แรงงานทั้งคนทั้งช้าง และสามารถเคลื่อนย้างองค์พระเป็นผลสำเร็จ
นับว่าท่านเป็นวิศกรคนเก่งเลยจริงๆ หลังจากนั้นก็สร้างพระวิหารครอบองค์พระแต่แล้วเสร็จในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ


งานไม้แกะสลักหน้าบันพระวิหาร





บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 15 ส.ค. 09, 15:12

นอกจากองค์พระที่งดงามแล้วพระวิหารก็งามเช่นกัน แม้ในตอนนี้จะมีการสร้างสิ่งก่อสร้างอื่นปะปน
ทำให้พระวิหารไม่สง่างามโดดเด่น แต่ก็นับว่ายังคงรูปแบบงานสถาปัตยกรรมอยุธยาไว้ได้
ตัวพระวิหารทำหลังคาลดสองชั้นหน้าหลัง มีพาไลยื่นออกมาทางด้านหน้า มุงกระเบื้องดินเผาแบบเป็นลอน
หลังคาเชิดตามฐานที่แอ่นโค้งมีความเหมาสมกะทัดรัดน่าชืนชมมากๆครับ


บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 15 ส.ค. 09, 15:23

เป้าหมายต่อมาของแผนการไปเที่ยววิเศษไชยชาญของผมก็คือ  การไปชมภาพเขียนที่วัดเขียน
รองมาคือวัดหลงสุนทราราม และก็ไปดูพระตำหนักคำหยาด ตามด้วยไปวัดอ้อยเป็นจุดหมายสุดท้ายที่ไม่ใส่ใจนัก

แต่วัดอ้อยนี่แหละเป็นวัดที่ทำให้ผมทึ่งใจมากๆ เพราะจากข้อมูลที่ได้รู้มามีไม่กี่บรรทัด
คือมีพระอุโบสถสมัยอยุธยาทรงคล้ายกับวัดราชบูรณะ เคยใช้ในพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา
มีพระประธานเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่หล่อด้วยสำริด ประมาณนี้



บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 15 ส.ค. 09, 15:30

หลังจากที่ได้เห็นพระอุโบสถก็เป็นแบบอยุธยาตอนต้นจริงๆครับ ทรงจะคล้ายกับวัดราชบูรณะแค่ไหนนั้นผมไม่ทราบเหมือนกัน
ลายแกะสลักไม้บนหน้าบันพระอุโบสถยังไม่ทำให้ผมตื่นเต้นเท่าไหร่  เพราะดูไม่ออกว่าสมัยไหนคิดเองว่าคงเป็นฝีมือช่างท้องถิ่น


บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 15 ส.ค. 09, 15:36

การเดินทางต้องเข้าทางหลังวัดเพราะหน้าวัดหันเข้าหาแม่น้ำน้อย ผมสังเกตเห็นนใบเสมาที่ทำจากหินทรายสีแดง
มีบางใบยังมีลวดลายเหลืออยู่  จากลายบนใบเสมาทำให้ผมเข้าใจว่าวัดนี้เก่าแก่ไปถึงยุดอู่ทองหรือยุคอโยธยาเิดิมครับ



บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 15 ส.ค. 09, 15:48

ด้านหน้าพระอุโบสถที่ติดกับแม่น้ำน้อย มีซากเจดีย์สามองค์ผมดูไม่ออกว่ายุดไหน
แต่พอหันไปมองลายบนกรอบประตูก็ทำให้แปลกใจ เพราะไม่คิดว่าจะเห็นงานปูนปั้นแบบนี้ครับ
ลายที่ขมวดเป็นเส้นกลมๆนั่นไม่เท่าไหร่แต่ตรงช่วงนาคสะดุ้ง ที่เป็นเส้นคดๆอย่างเส้นคดกริช
แบบทวยสมัยอยุธยาตอนต้น แม้ฝีมืออาจไม่เท้ากับลายปูนปั้นในอยุธยาแต่ก็ดีใจที่ยังเหลือ
งานยุคอยุธยาตอนต้นไว้ให้ศึกษาครับ



บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 15 ส.ค. 09, 15:56

หลังจากนั้นผมก็เข้าไปในพระอุโบสถ  ก็เจอพระประธานองค์สีดำตั้งอยู่บนฐานชุกชีที่สูงมาก(หล่อสำริด)
ฐานชั้นล่างทำใหม่แต่ฐานชั้นบนดูเป็นของเก่าไม่รู้ว่าสูงอย่างนี้ตั้งแต่แรกหรือเปล่า
แต่องค์พระน่าจะสมัยอู่ทองประมาณนั้นต้องให้ผู้รู้ดูก่อน องค์พระมีพุทธลักษณะงดงามครับ
บนฐานชุกชียังมีพระยืนอีกสององค์ขนาบสองฝั่งและมีพระนั่งอีกน่าจะสามองค์


บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 15 ส.ค. 09, 16:05

ภาพยในพระอุโบสถไม่มีหน้าต่างแต่มีประตูอยู่ด้านหลังสองบาน ด้านหน้าสามบาน
ที่ริมผนังยังพระพุทธรูปวางอยู่ทั้งสองด้าน มีพระพุทธรูปองค์หนึ่งงดงามเช่นกัน
ก่อนหน้าที่ผมไปวัดปราสาทมากพระที่นั่นเล่าให้ฟังว่า ขโมยมากเหลือเกินพองัดเข้า
โบสถ์ได้ก็ทุบดูก่อนว่าองค์ไหนเป็นปูน องค์ไหนเป็นสำริด ทองเหลือง
ถ้าองค์ไหนเป็นพวกสำริด ทองเหลืองก็ขมโยไปเลย  ลังเล

น่าหวั่นใจดีแท้นะครับ


บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 15 ส.ค. 09, 16:14

หลังคาพระอุโบสถทำเป็นมุขลดสองชั้นหน้าหลัง มีเสาหารขนาดใหญ่ค้ำมุขที่ยื่นออกมาถึงหกต้น
คู่นอกค้ำชายคาปีกนกและก่อเป็นเสาเรียงไปตลอดความยาวพระอุโบสถ
หลังคามุงกระเบื้องดินเผาเป็นลอนมีเชิงชายรูปเทพพนมสวยงามครับ


บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 15 ส.ค. 09, 16:26

พระอุโบสถหลังนี้ทำให้มองภาพงานสมัยอยุธยาตอนต้นได้ชัดเจนขึ้นมากครับ
แม้พวกเครื่องลำยองช่อฟ้าหางหงส์จะไม่มี คงเพราะผุพังไปและไม่ได้ทำขึ้นแทนที่
ถ้ามีเวลามากๆผมคงเดินจะไปดู ถามว่ามีโบราณวัตถุอย่างอื่นเหลืออยู่อีกไหม
ผมสรุปเองว่าวัดอ้อยคงเป็นวัดที่มีมาแต่สมัยอโยธยาเดิมและมาก่อสร้างเพิ่มเติม
ในสมัยอยุธยาตอนต้นซึ่งคงเป็นวัดสำคัญสำหรับเมืองวิเศษไชยชาญ
เพราะต้องการอาคารที่มีขนาดใหญ่โตทำให้ต้องสร้างเสาจำนวนมาก ผนังก็ไม่เจาะช่องหน้าต่าง
เพื่อรับน้ำหนักหลังคาเลยทำให้ภาพรวมดูเทอะทะไปบ้างฐานก็ยังไม่ตกท้องช้าง
รวมๆคงคล้ายกับพระวิหารวัดพระศรีสรรเพชญ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดหน้าพระเมรุ


ไม่รู้ว่าในประเทศไทยยังเหลืออาคารลักษณะนี้อยู่อีกหรือเปล่า ถ้ามีก็แนะนำบ้างนะครับ
ภาพตรงช่วงกลางของอกเลาบานประตูพระอุโบสถวัดอ้อย  เป็นลายไทยโบราณครับ



บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 15 ส.ค. 09, 16:50

พระตำหนักคำหยาด เดิมสันนิฐานว่าเป็นที่ประทับของขุนหลวงหาวัดเมื่อคราวมาประทับที่วัดโพธิ์ทอง
แต่มีแนวคิดตามมาว่าพระตำหนักอาจสร้างมาไว้อยู่ก่อนแล้ว สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศหรือพระองค์ใด
พระองค์หนึ่งหลังรัชสมัยพระนารายณ์ลงมา และเมื่อมีการเสด็จผ่านแม่น้ำน้อยขึ้นมาบริเวณนี้ก็คงมีการ
ให้บูรณะพระอุโบสถวัดอ้อยด้วย เป็นสมัยอยุธยาตอนปลายไปปะปน
สำหรับพระตำหนักคำหยาดเดิมมีคูล้อมทั้งสี่ทิศ แต่ปัจจุบันคูด้านหนึ่งเป็นถนนไปแล้ว ส่วนพระตำหนัก
ตั้งอยู่กลางพื้นที่ มีซากอาคารอยู่ด้านข้างคิดว่าคงเป็นหอพระหรือวัดน้อยประมาณนั้น
มีร่องรอยการจัดสวนประดับตกแต่ง มีการสร้างแบบใช้เทคนิคตะวันตกมาผสมผสาน  ซึ่งปรากฏหลายแห่ง
อย่างที่วังในลพบุรีหรือตำหนักในวัดกุฏีดาว เป็นพระตำหนักที่ค่อนข้างสง่างามและสร้างอย่างตั้งใจเป็นที่ประทับ
แม้จะเป็นพระนิเวศน์ขนาดเล็กก็ตาม


บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 15 ส.ค. 09, 17:08

ตัวพระตำหนักที่ชั้นสองจะเห็นการทำฐานให้แอ่นตกท้องช้างชัดเจน ด้านหน้าทำเป็นมุขเด็จยืี่นออกมามีเสาหารขึ้นไปรับ
ด้านข้างมีทางขึ้นซ๊ายขวา มุขเด็จนี้คงใช้เป็นที่เทียบพระคชาธาร ด้านหลังก็เป็นมุขยื่นออกไปแต่ก่อผนังออกไปเป็นห้อง
คล้ายๆพระวิหารวัดมหาธาตุที่ลพบุรี มีข้อสันนิฐานไว้แล้วว่าคงเป็นห้องพระบนพระตำหนัก
ส่วนตัวผมเดาเอาว่าอาคารนี้อาจใช้เป็นท้องพระโรง แล้วมีพระตำหนักประทับเป็นเครื่องไม้สร้างไว้ด้านหลัง



บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 15 ส.ค. 09, 17:50

นอกจากละแวกวิเศษไชยชาญจะมีงานสถาปัตยกรรมโบราณไว้ให้ชมแล้ว  ยังมีงานจิตกรรมให้เราไปชื่นชมได้หลายที่
แต่เนื่องจากเวลาน้อนผมเลยเลือกไว้สามที่คือวัดปราสาท วัดเขียน และวัดหลวงสุนทราราม
วัดแรกคือวัดปราสาท อยู่ที่ตำบลนรสิงห์ ซึ่งมีอนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์อยู่ด้วย
สำหรับในบริเวณวัดมีพระปรางค์ทรงสูงมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปรูปอยู่ด้านบนทั้งสี่ทิศ
ซุ้มทิศตะวันออกมีพระพุทธรูปศิลปะอยุธยาปางห้ามสมุทร  ส่วนอีกสามด้านพระสงฆ์ในวัดเล่าว่า
ถูกขโมยปืนขึ้นไปโจรกรรมโดยเอาเชือกผูกพระศอองค์พระแล้วห้อยทิ้งลงมา  ลังเล (กรรม)

ภายในพระอุโบสถมีภาพเขียนอยู่บริเวณผนังด้านหลังพระประธาน เขียนเป็นป่าหิมพานต์
และผนังด้านข้างเหนือช่องหน้าต่างทั้งสองด้านเขียนรูปพระพุทธเจ้าประทับยืนและพระสาวก
และมีลายอดไม้ร่วง



บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 15 ส.ค. 09, 18:05

ภาพเขียนในส่วนด้านหลังพระประธานนั้นที่จริงคงเป็นภาพเขาพระสุเมรุ หรือจักรวาล
แต่ไม่แน่ใจว่ายังไงภูเขาเห็นแค่ครึ่งเดียวเพราะชนกับฝ้าพอดี เลยเข้าใจว่าเป็นภาพ
ป่าหิมพานต์ไป ซึ่งก็จะมีภาพกินรี หงส์ คชสีห์ ฯลฯ บางตัวก็ไม่รู้จักชื่อครับ




บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.045 วินาที กับ 19 คำสั่ง