ที่ไม่ทรงสถาปนาพระมเหสี อาจจะเนื่องมาจาก พระราชโอรสในรัชกาลที่สองซึ่งมีศักดิ์สูงกว่าพระองค์ในสมัยก่อนที่พระองค์จะทรงขึ้นครองราชย์ยังทรงพระชนม์อยู่
ซึ่งต่อมาคือ รัชกาลที่สี่

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระโอรสองค์แรกของรัชการที่ 2 กับเจ้าจอมมารดาเรียม พระนามเดิม พระองค์เจ้าชาย ทับ ประสูติตั้งแต่รัชการที่ 2 ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ แต่เป็นพระนัดดาองค์แรกของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชการที่ 1 ที่มีพระพักตร์ละม้ายคล้ายคลึงกับพระอัยการาช (รัชการที่ 1) มากจึงทรงเป็นที่โปรดปรานและรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาททั้งเสด็จปู่และพระราชบิดา จนได้รับพระราชทานบรรณาศักดิ์เป็นกรมหมื่นเจฐษดาบดินทร์ ทรงชำนาญด้านการค้าสำเภากับชาวจีนและเรียกเก็บภาษีอากรได้เป็นกอบเป็นกำจนได้รับพระฉายาจากรัชการที่ 2 ว่า เจ้าสัว ทรงมีพระชนมพรรษากว่าพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 4 เมื่อรัชการที่ 2 สวรรคตไม่ได้มอบราชสมบัติให้ผู้แก่พระโอรสองค์ใด พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงขึ้นครองราชแทนเพื่อปกป้องประเทศชาติให้พ้นภัยจากชาวต่างชาติที่กำลังต้องการล่าอาณานิคม พระองค์ท่านมิได้หวังในราชสมบัติแม้แต่น้อย ด้วยพระราชหฤทัยที่เปี่ยมไปด้วยกุศลผลบุญท่านทรงโปรดการสร้างและปฏิสังขรวัดวาอารามอย่างมากมาย ไม่ทรงแต่งตั้งเจ้าจอมท่านใดให้อยู่ในตำแหน่งพระมเหษีเลย ดังนั้นพระโอรสพระธิดาพระองค์ท่านจึงได้รับพระอิสริยยศเพียงพระองค์เจ้าเท่านั้น เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ เจ้าพนักงานสำนักพระราชวังนำพระมหามงกุฎมาถวาย พระองค์มีรับสั่งว่าจะเก็บไว้ให้เขา (หมายถึงรัชการที่ 4) พระองค์ท่านทำคุณประโยชน์ให้แก่แผ่นดินอย่างใหญ่หลวง ทรงมีพระเนตรยาวไกล ในสมัยพระองค์ท่านทรงปราบปรามข้าศึกศัตรูได้
ราบเรียบ ทรงเก็บเงินถุงแดงไว้ใต้เตียงที่ประทับ เพื่อไว้ใช้ถ่ายบ้านถ่ายเมือง ทรงรับสั่งฝากฝังแผ่นดินไว้ดังนี้
" การศึกสงคราม ข้างญวณกับพม่าก็เห็นจะไม่มีแล้ว จะมีอยู่แต่ข้างพวกฝรั่ง ให้ระวังให้ดีอย่าให้เสียทีแก่เขาได้ การงานสิ่งใดของเขาที่คิด ควรจะเรียนเอาไว้ ก็ให้เอาอย่างเขา แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปทีเดียว "
ถ้าอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ขอแนะนำให้อ่าน " บุญบรรพ์ " เล่ม 1 - เล่ม 2 ของ ม.ล.ศรีฟ้า ลดาวัลย์ เป็นหนังสือดีมีค่า ที่ควรอ่านอย่างยิ่งค่ะ
พรพรรณ วัฑฒนายน