ภาพเขียนที่ผมถ่ายมาลงไว้ ในบร์อดถ้าดูไม่ชัด ผมลงไว้ในมัลติพาย
ไปโหลดมาชมได้ครับไม่หวงเลย
http://amonrain.multiply.com/หรือใครอยากแบบเต็มๆก็ชมได้ที่วัดชมภูเวกครับ ทางวัดเปิดให้เข้าชมได้แต่ต้องไปขอกุญแจมาเปิดก่อน
ทางวัดใจดีครับชมได้ตามสบาย ไม่เหมือนบางที่ต้องทำเรื่องกันวุ่นวายต้องมีคนมาเฝ้าเพราะกลัวขโมยก็น่าเห็นใจอยู่
แต่ระวังอย่าใช้แฟลตนะครับ เวลาเปิดหน้าต่างประตูระวังไปกระแทกผนังนะครับเดี๋ยวผนังสะเทือน
ธรรมดาของพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำความชื้นจะสูงทำให้ความชื้นถูกระบายออกมาตามผิวดิน
แต่เดี๋ยวนี้เรามีการเทปูนกันทั่วไปหมด ถนนลาดยางคอนกรีตมีทุกที่ ทำให้ความชื้นไม่สมารถระบายออกได้
โบราณสถานสร้างด้วยปูนโบราณมีความสามรถในการระบายความชื้นดี
ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ดีอยู่เพราะปูนโบราณจะช่วยทำให้อาคารมีความคงทนผนังไม่เก็บความชื้น แต่สมัยนี้ความชื้นต้องระบายออกทางนี้ทางเดียว
ผิวปูนทนไม่ได้ก็ร่อนออกไป
แต่ที่ผมอ่านเจอมา ภาพเขียสมัยอยุธยาต่างจากสมัยหลังเพราะว่ามีการเคลือบภาพด้วยยางไม้ ทำใ้ห้คงทนติดกับผนัง จะสลายไปก็ต่อเมื่อผิวปูนหลุดไป
ไม่รู้เหมือนกันว่าอย่างไรพอเวลาไปดูก็เห็นความมันวาวเคลือบอยู่เหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าขาเคลือบใหม่ตอนกรมศิลปบูรณะหรือเปล่า
คงต้องเดือดร็อนผู้รู้มาเฉลยอีกที?
ยังไงก็ดีอยากให้ไปชมกันครับเพราะถ้าปกติโบสถ์จะถูกปิดไว้ ถ้ามีคนไปเที่ยวชมบ่อยๆโบสถ์ก็จะถูกเปิด ความชื้นก็จะได้ระบายออกบ้าง
นอกจากจะได้ไปไหว้พระเอาบุญ ชมศิลปะโบราณ และยังได้ช่วยอนุรักษ์งานศิลปะโบราณด้วย คุ้มจริงๆถ้าใครสนใจก็ขับรถไปเลยครับง่ายมาก ไปที่แยกสนามบินน้ำ มีป้ายบอกทางชัดเจน
รถประจำทางก็ ไปท่าน้ำนนท์ก่อน แล้วมาขึ้นรถสองแถว 6 บาท สีฟ้า ตรงถนนข้างเรือนจำ ไปวัดชมภูเวก
ป้ายสุดท้ายเห็นซุ๊มประตูวัดซ๊ายมือลงรถ เดินเข้าซอยไปสัก 300 เมตรก็ถึง