เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
อ่าน: 22635 กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 16 ม.ค. 01, 10:03

ธรรมดาถิ่นใดไร้นักปราชญ์  ณ ถิ่นนั้นผู้มีปัญญาแต่เล็กน้อยมักยอตัวว่าเลิศ   เปรียบเหมือนในดินแดนอันไร้รุกขชาติ  ชั้นแต่ต้นละหุ่งก็ขึ้นชื่อว่าเป็นไม้ใหญ่
****************************************
"ผู้นี้เป็นพวกเราหรือพวกอื่น?" นี่เป็นปัญหาของผู้มีใจคับแคบ  
ผู้มีใจกว้างขวางย่อมถือว่า ผู้อยู่เหนือพสุธาทั้งหมด เป็นพวกเดียวกัน
********************************************
อันว่าทรชน แม้จะมีความรู้เป็นอาภรณ์  ก็ต้องหลีกเลี่ยงเสียจนพ้น  อย่าได้สมาคมข้องแวะเป็นอันขาด
 เปรียบเช่นอสรพิษประดับดวงมณี  เชื่อได้ว่าจะไม่ทำอันตรายละหรือ?
*********************************************
สัตบุรุษ แม้จะโกรธแค้น ก็มิเปลี่ยนกิริยาให้วิกล  
น้ำในสาคร จะเอาฟางติดไฟสุมสักเท่าไร  ก็หาทำให้น้ำเย็นกลายเป็นร้อนไม่
*********************************************
การเข้าเป็นพวกกลมเกลียวกัน จะมีแก่โลหธาตุเพราะธรรมชาติเป็นโลหะเหมือนกันเป็นเครื่องประสาน
จะมีแก่สัตว์จัตุบาททวิบาท เพราะสรีรรูปเป็นเครื่องประสม
จะมีแก่คนโง่เขลา เพราะความขลาดและความโลภเป็นเครื่องชักจูง
จะมีแก่สัตบุรุษเพราะทรรศนะปรีชาเป็นเครื่องสมาน

(หิโตปเทศ)
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 17 ม.ค. 01, 00:15

การเข้าประสมกลมเกลียวกัน ข้อสุดท้ายของคุณเทาชมพู จากหิโตปเทศ ทำให้ผมนึกถึงคำขวัญของสมาคม - ดูเหมือนจะเป็น สยามสมาคม? เป็นสมาคมวิชาการเก่าแก่อันหนึ่งของเมืองไทย
อดีตบรรณาธิการอาวุโสมากของวงการหนังสือเมืองไทยท่านหนึ่ง เคยยกคำขวัญนี้มา บอกว่า "วิชายังให้เกิดมิตรภาพ"

ขยายความว่า การได้สนทนาแลกเปลี่ยนทัศนะในหมู่ผู้สนใจวิชาการเรื่องคล้ายๆ กัน ทำให้เกิดความสุขทางใจและรู้สึกสนิทสนมกันมาก เหมือนเช่นบนเรือนไทยนี้
ขอบคุณทุกท่านครับ
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 17 ม.ค. 01, 00:27

จาก หิโตปเทศ เท่าที่จำได้คร่าว ๆ นะครับ

ผู้ใด เห็นสัตว์โลกอื่นเสมอด้วยตนเอง เห็นภริยาผู้อื่นเสมอด้วยมารดาตน เห็นทรัพย์สินของผูอื่นเสมอด้วยก้อนดิน ผู้นั้นแลเป็นบัณฑิต...

เปลี่ยนจากเมืองแขกไปเมืองจีนบ้าง จากธรรมะในพุทธศาสนานิกายเซน หรือ ฉาน
...โศลกของชินเชา ศิษย์เอกของท่านสังฆปริณายกองค์ที่ 5 แห่งนิกายเซน ผู้มีสิทธิได้รับสืบทอดตำแหน่ง (แต่ในที่สุดไม่ได้)
"กายนี้ คือต้นโพธิ์
ใจของเรา คือกระจกเงาอันใส
เราเฝ้าดูด้วยความระวังทุกชั่วโมง
และไม่ยอมให้ฝุ่นละอองจับ"

...โศลกของท่านเว่ยหล่าง หรือท่านฮุยเหนิง ผู้ได้รับสืบทอดตำแหน่งตัวจริง เป็นสังฆปริณายก องค์ที่ 6
"ไม่มีต้นโพธิ์
ทั้งไม่มีกระจกเงาอันใสสะอาด
เมื่อทุกสิ่งว่างเปล่าแล้ว
ฝุ่นละอองจะลงจับอะไร?"
บันทึกการเข้า
พวงร้อย
สุครีพ
******
ตอบ: 904


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 17 ม.ค. 01, 02:10

เห็นด้วยกับคุณ นกข มากเชียวค่ะ  สำหรับความร่มรื่นทางปัญญาใน เรือนไทย  ไปได้หนังสือ "สุภาษิตพระร่วง" จากเที่ยวก่อน เลยคัดมาฝากค่ะ

"...
ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง..............สร้างกุศลอย่ารู้โรย
อย่าโดยคำคนพลอด..............เข็นเรือทอดกลางถนน
เป็นคนอย่าทำใหญ่...............ข้าคนไพร่อย่าไฟฟุน
คบขุนนางอย่าโหด...............โทษตนผิดรำพึง
อย่าคะนึงถึงโทษท่าน.............หว่านพืชจักเอาผล
เลี้ยงคนจักกินแรง...............อย่าขัดแข็งผู้ใหญ่
อย่าใฝ่ให้ตนเกิน................เดินทางอย่าเดินเปลี่ยว
นำ้เชี่ยวอย่าขวางเรือ............ที่ซุ้มเสือจงประหยัด
จงเร่งระมัดฟืนไฟ...............ตนเป็นไทอย่าคบทาส
อย่าประมาทท่านผู้ดี..............มีสินอย่าอวดมั่ง
ผู้เฒ่าสั่งจงฟังความ..............ที่ขวากหนามอย่าเสียเกือก
ทำรั้วเรือกไว้กันตน..............คนรักอย่าวางใจ
ที่มีภัยจงพึงหลีก.................ปลีกตนไปโดยด่วน
ได้ส่วนอย่ามักมาก...............อย่ามีปากกว่าคน
รักตนกว่ารักทรัพย์...............อย่าได้รับของเข็ญ
เห็นงามตาอย่าปอง..............ของฝากท่านอย่ารับ
ที่ทับจงมีไฟ....................ที่ไปจงมีเพื่อน
ทางแถวเถื่อนไคลคลา............ครูบาสอนอย่าโกรธ
โทษตนผิดพึงรู้.................สู้เสียสินอย่าเสียศักดิ์
ภักดีอย่าด่วยเคียด..............อย่าเบียดเสียดแก่มิตร
ที่ผิดช่วยเตือนตอบ..............ที่ชอบช่วยยกยอ..."

เอาแค่นี้ก่อนนะคะ

ชอบ หิโตปเทศ ที่คุณเทาชมพูเอามาให้มากเลยค่ะ  ไม่เคยอ่านเลย

น่าสงสัยว่าในหลักสูตรการศึกษาสมัยนี้  เน้นด้านการสอนเรื่อง คุณธรรม กันขนาดไหนบ้างนะคะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 17 ม.ค. 01, 09:32

คุณนกข. มีหนังสือเล่มไหนที่คุณไม่เคยอ่านไหมคะ  ดิฉันจะไปหามา เผื่อจะถูกล็อตเตอรี่ไปพร้อมๆกันด้วยไงคะ

คุณพวงร้อย  หลักสูตรม.ปลายมีวิชาพุทธศาสนาค่ะ   เคยเอามาอ่านก็เขียนดีค่ะ เรียบเรียงง่ายๆ  มีเหตุผล
แต่ก็เป็นเพียงวิชาหนึ่งในหลายๆวิชา   เด็กเก่งของเราตอนนี้มักจะเรียนสายวิทย์  หนักไปทางด้านฟิสิกส์เคมีกันมาก

ถ้าคุณพวงร้อยชอบหิโตปเทศ ดิฉันมีมาฝากอีก เพราะทั้งเล่มเป็นข้อคิดเตือนใจที่คมคายทั้งนั้น   ยังหาซื้อได้ที่แพร่พิทยาค่ะ

แม้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงขณะเดียว  แต่เป็นคนมีชื่อลือขจรในหมู่มนุษย์  ไม่เสื่อมทรามจากความรู้ ความกล้าหาญ และชื่อเสียง  นี้ผู้รู้สรรเสริญว่ามีชีวิตอยู่จริง
*********************************************
สตรีจะงาม เพราะจงรักในสามี   คนอนาถาจะงามเพราะมีความรู้  ผู้ประพฤติพรตจะงาม เพราะขันติ
*********************************************
น้ำในสระ  ร่มเงาไม้ไทร  สตรีลำเพาพักตร์  เรือนที่ก่อด้วยอิฐ เหล่านี้  ในฤดูหนาวอบอุ่น  ในฤดูร้อนก็เย็นสบาย
*********************************************
ทรัพย์ใด เจ้าของเผื่อแผ่แก่เพื่อนมนุษย์ ตนเองก็บริโภคอิ่มหนำ  ทรัพย์นั้นจึงเป็นอันนับว่าทรัพย์(เครื่องบำรุงสุข) แท้จริง
*********************************************
เพื่อนทุกคนที่มาเสวนากันบนเรือนไทย   ถึงแม้หลายคนอยู่ไกลกันคนละทวีป  ดิฉันก็รู้สึกเหมือนเป็นมิตรสนิท   ขอบคุณที่พวกคุณสร้างบรรยากาศน่ารื่นรมย์ตลอดมาค่ะ
บันทึกการเข้า
กระบี่อิงฟ้า
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 17 ม.ค. 01, 09:34

มีสองขามายืนบนผืนภพ         มีตาครบคู่สองมาส่องหน
มีสองแขนพิทักษ์รักษาตน          มีกมลไว้เพื่อเชื่อตนเอง
   ผมจำบทเต็มๆไม่ได้  และจำผู้แต่งไม่ได้ด้วยใครทราบช่วยหน่อยครับ
บันทึกการเข้า
นนทิรา
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 17 ม.ค. 01, 09:34

ชอบกระทู้นี้มากเลยค่ะ อ่านแล้วได้คิด ได้สะกิดใจ
ชอบ หิโตปเทศ ด้วยค่ะ เป็นผลงานของเสฐียรโกเศสหรือคะ ภาษาสละสลวยมาก แค่ได้อ่านความงดงามของภาษาก็คุ้มแล้ว แล้วยังมีความหมายเป็นคติสอนใจอีก แปลกจริงที่ว่า หนังสือดีๆเช่นนี้ หาซื้อยากมากๆ หรือไม่ก็หาซื้อไม่ได้เลย เสียดายนะคะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 17 ม.ค. 01, 11:08

ค่ะ หิโตปเทศ เป็นผลงานของเสฐียรโกเศศ (พระยาอนุมานราชธน) ที่ท่านทำคนเดียว  ไม่ได้ร่วมงานกับนาคะประทีป(พระสารประเสริฐ)
เป็นหนังสือที่ดิฉันเรียนตอนปี ๔ ค่ะ
ยังพอมีที่แพร่พิทยา เซนทรัลปิ่นเกล้า  แต่หนังสือแบบนี้หาคนรู้จักน้อยมาก  ขายยาก    ก็เลยไม่ค่อยวางจำหน่าย

หิโตปเทศ ดัดแปลงมาจากคัมภีร์ปัญจตันตระของอินเดีย  ซึ่งเป็นคัมภีร์โบราณอายุอยู่ในราวพ.ศ. ๑๒๐๐  แปลเป็นหลายภาษา  ภาษาอังกฤษชื่อว่า Pilpays Fable ค่ะ  แต่ของเสฐียรโกเศศ แปลมาจากฉบับภาษาสันสกฤต

เห็นคุณนนทิราชอบ เลยเอามาฝากอีกค่ะ

มีบุตรที่ฉลาดคนเดียว  ย่อมดีกว่ามีบุตรที่โง่เง่าตั้งร้อยคน
 อันว่าดวงจันทร์แม้ขึ้นแต่ดวงเดียว  ย่อมกำจัดความมืดให้ปราศหายไปได้  
แต่ดวงดาวนับร้อย ย่อมไม่อาจจะกำจัดความมืดให้สว่างได้เพียงพอ
******************************************
มีทรัพย์ ๑  ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน ๑  มีภรรยาน่ารัก ๑  มีภรรยาที่มีวาจาสุภาพเรียบร้อย ๑  มีบุตรที่อยู่ในโอวาท ๑  มีความรู้ทำประโยชน์แก่มนุษย์ ๑  เหล่านี้เป็นสิริมงคล ๖ ประการ ในโลก
******************************************
กรรมทั้งมวล ต้องอาศัยความเพียรพยายามจึงสำเร็จ  มิใช่จะเป็นผลได้มาแต่ความตั้งใจดีโดยเฉยๆเท่านั้น  
 เปรียบเหมือนสิงโต  ถ้านอนหลับอยู่  ไฉนกวางจะวิ่งแร่ถลันมาสู่ปากเล่า?
******************************************
ถึงผู้ที่โง่เขลาก็อาจจะเป็นที่นับถือในที่ประชุมได้  ถ้าผู้นั้นสวมเครื่องแต่งกายงดงาม  
คงจะมีผู้นับถือผู้ที่โง่เขลานั้น   ตราบเท่าผู้นั้นยังไม่แย้มปากพูดออกมา
*******************************************
ถ้าเสพด้วยคนชั่วอาจจะทำใจให้ชั่วได้  และย่อมประพฤติตนเป็นไปตามที่ได้เสวนะ  
เพราะฉะนั้นถ้าเสพกับผู้ที่ประเสริฐแล้วก็ย่อมประเสริฐตามกัน
*******************************************
วิสัยคนมีปัญญา ย่อมใช้เวลาศึกษาศิลปวิทยาและโคลงฉันท์กาพย์กลอน  
แต่ผู้ที่โง่เขลาย่อมใช้เวลาประพฤติการชั่ว  พอใจแต่กินนอน และก่อการวิวาท
******************************************
ผู้ที่ไม่รั้งสติบังคับใจของตนให้อยู่  จึงจะประพฤติการบุญกุศลเท่าไรๆก็หารับประโยชน์ไม่  
เสมือนชำระล้างกายช้าง จะถูเท่าไรก็ไม่สะอาด  
ความรู้มีอยู่ แต่ไม่สนใจจะประพฤติตาม  
ก็เหมือนเครื่องอาภรณ์ประดับหญิงที่ทรามโฉม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 17 ม.ค. 01, 11:12

ของคุณกระบี่อิงฟ้าที่ยกมา  ดิฉันไม่เคยเห็นค่ะ
ใครนึกออกบ้างคะ?
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 17 ม.ค. 01, 18:05

ขออนุญาตเดานะครับ "มีสองขามายืนบนผืนภพ มีตาครบคู่สมองมาส่องหนฯ"  นี่ น่าจะเป็นงานเขียนของ อุชเชนี ครับ แต่ไม่แน่ใจ
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 17 ม.ค. 01, 19:28

อันนี้มาจากโคลงโลกนิติ
- ยามจนทนกัดก้อน  กินเกลือ
ไม่เที่ยวแล่เนื้อเถือ  พวกพ้อง
อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ  สงวนศักดิ์
โซก็เสาะใส่ท้อง  จับเนื้อกินเองฯ
และ
- เสียสินสงวนศักดิ์ไว้  วงศ์หงส์
เสียศักดิ์สู้ประสงค์   สิ่งรู้
เสียรู้เร่งดำรง  ความสัตย์ ไว้นอ
เสียสัตย์อย่าเสียสู้  ชีพม้วยมรณาฯ
บันทึกการเข้า
จ้อ
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1081

แต่งงานแล้วจ้า ...


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 18 ม.ค. 01, 04:18

จำได้อีกอันหนึ่ง คิดว่าเป็นพระนิพนธ์ของรัชการลที่ 6 (ไม่แน่ใจ?)
เคยได้ยินบ่อยๆ ครับ ถ้าพิมพ์ผิดขออภัยครับผม

ผู้ใดถึงได้เรียนรู้.......วิชา
แต่รูปร้ายกริยา........โฉดด้วย
ใจงามบ่รักษา...........ปล่อยขาด
ผู้นั้นได้ชื่อม้วย.........ชีพสิ้นสุดสกล
บันทึกการเข้า
นิรันดร์ เจริญกูล
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 06 ก.พ. 01, 12:57

ไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงสมัยนี้จะฟังบทนี้รู้เรื่องไหม โดยเฉพาะชาวเซ็นเตอร์พอย์ท

อย่าเดินกรายย้ายอกยกผ้าห่ม
อย่าเสยผมกลางทางหว่างวิถี
อย่าพูดเพ้อเจ้อไปไม่สู้ดี
เหย้าเรือนมีกลับมาจึงหารือ

กับ

อันนัยตาพาตัวให้มัวหมอง
เหมือนทำนองแนะออกบอกกระแส
จริงไม่จริงเขาก็เอาไปเล่าแซ
คนรังแกมันก็ว่านัยตาซน
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 05 มี.ค. 24, 11:35

หิโตปเทศ เป็นผลงานของเสฐียรโกเศศ (พระยาอนุมานราชธน) ที่ท่านทำคนเดียว  ไม่ได้ร่วมงานกับนาคะประทีป(พระสารประเสริฐ) เป็นหนังสือที่ดิฉันเรียนตอนปี ๔ ค่ะ
ยังพอมีที่แพร่พิทยา เซนทรัลปิ่นเกล้า  แต่หนังสือแบบนี้หาคนรู้จักน้อยมาก  ขายยาก    ก็เลยไม่ค่อยวางจำหน่าย

หิโตปเทศ ดัดแปลงมาจากคัมภีร์ปัญจตันตระของอินเดีย  ซึ่งเป็นคัมภีร์โบราณอายุอยู่ในราวพ.ศ. ๑๒๐๐  แปลเป็นหลายภาษา  ภาษาอังกฤษชื่อว่า Pilpays Fable ค่ะ  แต่ของเสฐียรโกเศศ แปลมาจากฉบับภาษาสันสกฤต

ในแวดวงนักอ่านหนังสือบ้านเรา ถือได้ว่า หิโตปเทศ ฉบับแปลโดยเสฐียรโกเศศ นาคะประทีป เป็นพากย์ไทยที่คุ้นเคยกันยิ่งกว่าสำนวนแปลของคนอื่น ๆ ทั้งที่มีอยู่ก่อนหรือภายหลัง พ.ศ. ๒๔๕๙ อันเป็นที่หิโตปเทศหรือกถาสุนทรานุศาสนี แปลจากฉบับภาษาอังกฤษของ "คารม พ.ศ. ๒๔๕๙"* ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ออกมาโดยการดำเนินการของโรงพิมพ์ไทย ถนนรองเมือง กรุงเทพฯ

*คารม คือนามแฝงร่วมของเสฐียรโกเศศและนาคะประทีป


จากคำแถลง ๑ มกราคม ๒๕๔๑ ในหนังสือ หิโตปเทศ
http://www.openbase.in.th/files/satienbook132.pdf


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 05 มี.ค. 24, 12:14

     ในยามทุกข์ ใจหนักแน่น  ในยามสุขสงบเสงี่ยม ในที่ประชุมพูดอาจอง   ในรณรงค์ใจแกล้วกล้า  ในยศ นิยมยินดี ในการศึกษามีความเพียร  ข้อเหล่านี้เป็นสมบัติประจำอยู่ครบแก่ผู้มหาตมะ

                                                            หิโตปเทศ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.048 วินาที กับ 19 คำสั่ง