"ปฏิทิน" มาจากศัพท์ภาษาบาลี ปฏิ (เวียนกลับ) , ทิน (วัน) บัญญัติขึ้นเพื่อให้มีความหมายว่า
"แบบสำหรับดู วัน เดือน ปี"
สามารถเขียนได้เป็น ประติทิน (ภาษาสันสกฤต) หรือ ประฏิทิน (บาลีแผลง) ประดิทิน หรือ ประนินทิน ก็ได้
(คำหลังนี้พบในหนังสือที่เขียนโดยหมอบรัดเลย์ ในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ หน้า 412 และ หนังสือ สยามไสมย
หน้าโฆษณา ของ หมอสมิท เป็นต้น)
การพิมพ์ปฏิทินมีขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย เมื่อ วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2385 (ปลายสมัย รัชกาล ที่ 3)
ซึ่งสามารถตรวจสอบและค้นคว้าหาหลักฐานได้จาก ไมโครฟิล์ม หนังสือบางกอกคาเลนดาร์ ปี ค.ศ. 1870 ( พ.ศ. 2413 )
หน้า 5 ในหอสมุดแห่งชาติ หรือค้นคว้าได้จากหนังสือต้นฉบับ ที่หอสมุดดำรงราชานุภาพ ซึ่งหมอ บรัดเลย์ ได้เขียนไว้ว่า
“ 14 First Calendar print in B. 1842 ” (ไม่บอกว่าใครเป็นผู้พิมพ์ แต่คาดหมายว่าคือ หมอ บรัดเลย์
ซึ่งเป็นเจ้าของโรงพิมพ์ ผู้มีผลงานทางหนังสือมากมาย)
ปฏิทินฉบับนั้นยังคงใช้ตามแบบ "จันทรคติ" นับ วัน เดือน ปี โดยถือการโคจรของดวงจันทร์เป็นหลัก
ต่อมาจึงมีประกาศใช้ปฏิทินแบบใหม่ตามสุริยคติอย่างเป็นทางราชการ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 5 และยังคงใช้ปฏิทินทางจันทรคติควบคู่ไปด้วย
จากการเปลี่ยนแปลงการนับเดือนทางจันทรคติที่นับเป็นเดือนอ้าย เดือนยี่...มาเป็นแบบสุริยคติ จึงได้มีการกำหนด
ชื่อเดือนขึ้นมาใหม่ โดยสมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ผู้มีความสนพระทัยทางโหราศาสตร์เช่นเดียวกับพระราชบิดา
(พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ทรงเป็นผู้คิดปฏิทินไทยใช้ตามสุริยคติ ซึ่งนับวันและเดือนแบบสากล ขึ้นทูลเกล้าฯ
ถวายรัชกาลที่ 5 แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ต่อกันมาตั้งแต่ พ.ศ.2432 เรียกว่า "เทวะประติทิน"
สมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ทรงคิดตั้งชื่อเดือนมกราคม ถึง ธันวาคม ที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน ตามตำราจักรราศี
หรือการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ในหนึ่งปี ประกอบด้วย 12 ราศี ตามโหราศาสตร์
คำนำหน้าจากชื่อราศีที่ปรากฏในช่วงเวลานั้น มาเชื่อมกับคำหลังคือ คำว่า "อาคม" และ "อายน" ที่แปลว่า "การมาถึง"
โดยเดือนที่มี 30 วัน และ 31 วัน ให้ลงท้ายเดือนต่างกันด้วยคำว่า "ยน" และ "คม" ตามลำดับ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=1105497&month=06-2007&date=26&group=2&gblog=49