เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5
  พิมพ์  
อ่าน: 59891 พระนางศุภยาลัต
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 27 ธ.ค. 12, 19:12

หลังเสียพระราชวังมัณฑเลย์ อังกฤษก็บังคับกษัตริย์และพระราชินีพม่าให้นิราศพ้นพระราชอาณาจักร ไปยังเมืองรัตนคีรีของอินเดีย ในคืนที่จำต้องเสด็จออกจากวังนั้น หลักฐานฝ่ายพม่าบันทึกว่าอังกฤษจัดให้ประทับในเกวียนเทียมโคไปยังท่าเรือ ถือเป็นการหยามเกียรติแบบตัดไม้ข่มนาม

ภาพวาดฝีมือนาย Saya Chone หรือ ฉายา สอน ตามที่คุณนวรัตนเรียก

 ยิงฟันยิ้ม 


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 27 ธ.ค. 12, 20:11

เคราะห์กรรมของพระเจ้าสีป่อในชาตินี้จบลงในพ.ศ. 2459 ตรงกับในรัชกาลที่ 6   พระองค์สิ้นพระชนม์ไปอย่างไม่มีใครสนใจไยดี เมื่อพระชนม์ได้ 58 พรรษา   ส่วนพระนางศุภยาลัตไปสู่ปรโลกในพ.ศ. 2468  ตรงกับปีสุดท้ายในรัชกาลที่ 6     ทิ้งไว้แต่พระธิดาสี่องค์ให้เผชิญเวรกรรมกันต่อไป    พระราชโอรสและธิดาอีก 4 องค์ล้วนสิ้นพระชนม์กันไปตั้งแต่ยังเยาว์
เจ้าฟ้าหญิงพม่าตกอยู่ในสภาพน่าเวทนาอย่างยิ่ง      นอกจากจะต้องทนอยู่ในสภาพเชลยเนรเทศแล้ว   อินเดียก็มิได้อินังขังขอบเจ้านายพลัดถิ่น     ความเป็นสตรีทำให้เจ้าหญิงประกอบอาชีพอะไรก็ไม่ได้   ที่สำคัญคือหาสามีไม่ได้   ไม่มีใครวิวาห์ด้วยเพราะถือว่าเป็นคนต่างชาติต่างภาษา
เจ้าหญิงองค์ใหญ่ มีพระนามภาษาพม่า สะกดเป็นภาษาอังกฤษ ว่า Myat Phaya (Mibura) Gyi    ( ใครทราบว่าพม่าออกเสียงว่าอะไรกรุณาบอกด้วยนะคะ)   ในที่นี้ขอเรียกว่าเจ้าหญิงองค์ใหญ่     หลังจากอยู่เป็นสาวใหญ่มาจนอายุได้ 24 พระบิดายังมีชีวิตอยู่ เธอก็ได้สามีเป็นสารถีขับรถและยามเฝ้าประตูของตำหนักในรัตนคีรีนั่นเอง  นายคนนี้เป็นชาวอินเดียชื่อนายโคปาล  สาวันต์   จนมีลูกสาวเชื้อชาติครึ่งอินเดีย-พม่ามาคนหนึ่ง   ทั้งสองมิได้แต่งงานกันจนแล้วจนรอด  ลูกสาวที่เกิดจึงกลายเป็นลูกนอกสมรส  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 27 ธ.ค. 12, 20:25

สามปีต่อมาพระนางศุภยาลัตกลับพม่าพร้อมเจ้าหญิงทั้งสอง       เจ้าหญิงองค์ใหญ่หอบหิ้วลูกสาวชื่อตูตูกลับมาด้วย   ก็ประสบความรังเกียจเดียดฉันท์จากชาวพม่าที่มีต่อลูกสาวเชื้อชาติครึ่งพม่าครึ่งอินเดีย จนเธอทนไม่ไหว     เจ้าหญิงเขียนจดหมายนับไม่ถ้วนถึงทางการอังกฤษ เพื่อขอกลับไปสู่รัตนคีรี และกลับไปหานายโคปาลผู้สามีซึ่งไม่ได้ติดตามมาพม่าด้วย     นั่นหมายถึงว่าเธอต้องสละฐานันดรศักดิ์เจ้าหญิง  ไม่มีสิทธิ์ได้รับเบี้ยเลี้ยงหรือเงินทองอะไรเลยจากทางการ

ในที่สุด  เจ้าหญิงองค์ใหญ่ก็ได้รับอนุญาตให้กลับไปรัตนคีรีได้ตามต้องการ    นายโคปาลซึ่งยังอยู่ที่นั่นให้เธอไปอาศัยอยู่ในกระต๊อบแห่งหนึ่ง    มีบันทึกว่าเธอได้ให้กำเนิดบุตรคนที่สองกับนายโคปาล แต่ตายเสียก่อนคลอด เมื่อพ.ศ. 2490     เจ้าหญิงอยู่ที่นั่นอย่างโดดเดี่ยวอ้างว้าง  ลำบากยากไร้แสนสาหัส    จนกระทั่งเสียสติ กลายเป็นคนคุ้มดีคุ้มร้าย   ว่ากันว่าเธอถึงกับขว้างก้อนหินใส่ใครก็ตามที่ไปเยือนหรือแม้แต่เดินผ่านหน้ากระต๊อบ    
เจ้าหญิงสิ้นชีพไปอย่างสิ้นเนื้อประดาตัว  ไม่มีแม้แต่ค่าทำศพ  ชาวบ้านต้องช่วยกันเรี่ยไรเงินทำศพให้เธอ   จนบัดนี้ก็ไม่รู้ว่าเถ้ากระดูกและอัฐิของเธอเก็บไว้ที่ไหน ในอินเดียหรือว่าพม่า


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 27 ธ.ค. 12, 20:30

เรื่องน่าเศร้าของพระธิดา-เจ้าหญิงพญา

เจ้าหญิงพญาผู้น่าสงสาร

 เศร้า
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 28 ธ.ค. 12, 07:34

อ้างถึง
ผมมีรูปช่วงอังกฤษเข้าไปยำพม่าได้มาใหม่อีกหลายสิบ แต่ซ้ำๆกับที่ลงไปแล้วก็เยอะ จะทยอยคัดเอาลงที่เรือนไทยนี่ก็แล้วกัน ใครที่ชอบเรื่องพรรค์นี้ก็คอยติดตามนะครับ

มาแจ้งสำหรับผู้ที่ยังไม่ทราบ ผมได้นำมาเสนอเป็นกระทู้ใหม่ เรื่อง “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”


ตามนี้เลยครับ

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5490.msg117233;topicseen#msg117233
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 30 ธ.ค. 12, 07:23

รออ่านชีวิตที่น่าเศร้าของพระนัดดา ตู ตู   ยิ้มเท่ห์

ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าสีป่อ จากคำให้สัมภาษณ์ของ อูตานส่วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของพม่า  ที่เดินทางไปเยือนอินเดียพร้อมประธานาธิบดีเต็งเส่ง

จากหนังสือพิมพ์ The New Light of Myanmar ฉบับวันเสาร์ที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

 ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 30 ธ.ค. 12, 08:04

ประธานาธิบดีเต็งเส่งมอบเงินและของขวัญแก่เชื้อพระวงศ์พระเจ้าสีป่อในอินเดีย

 ยิ้ม



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 30 ธ.ค. 12, 09:02

รออ่านชีวิตที่น่าเศร้าของพระนัดดา ตู ตู   ยิ้มเท่ห์
พูดยังงี้แปลว่ารู้เรื่องชีวิตของตูตูแล้ว   ยิงฟันยิ้ม
ภาพในค.ห. 36 น่าจะเป็นลูกสาวของตูตู ชื่อ Jayu (Jayashree) Kule ซึ่งอาศัยอยู่ในอินเดีย   ดำเนินชีวิตอย่างคนอินเดียเต็มตัว

บั้นปลายชีวิตพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตที่วังในรัตนคีรี มีสีสันดราม่าไม่น้อยไปกว่าชีวิตเบื้องต้น    แม้ไม่โหดร้ายเท่าแต่ก็ระทมขมขื่นด้วยความเครียดจัด   จนไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดพระองค์จึงสิ้นพระชนม์ไปเมื่ออายุแค่ 58 เท่านั้นเอง  ทั้งๆน่าจะอยู่มาได้จนวัยชรา 
อินทรเนตรมองทะลุเข้าไปเห็นภายในตำหนัก ว่าพระเจ้าสีป่ออยู่ที่นั่นในแต่ละวันด้วยความโดดเดี่ยวหงอยเหงาและเบื่อหน่ายอย่างที่สุด   จริงอยู่ พระองค์ก็ไม่ได้ลำบากตรากตรำ    ไม่ต้องตักน้ำฝ่าฟืนหรือไถนาปลูกข้าวกินเองแต่อย่างใด  ยังดำรงพระยศอย่างกษัตริย์มีข้าราชบริพารรับใช้  คล้ายๆกับเมื่ออยู่ในพม่า    ถ้าหากว่าเป็นคนแก่อื่นๆ อยู่ได้ขนาดนี้ก็อาจจะถือว่าตัวเองโชคดีมากๆ    แต่พระเจ้าสีป่อทรงเครียดจัดกับชีวิตแบบนี้   เห็นได้จากจดหมายจำนวนนับไม่ถ้วนที่ทรงระดมส่งถึงไวซรอยหรือผู้สำเร็จราชการแห่งอินเดียซึ่งเป็นชาวอังกฤษ   และเป็นผู้มีอำนาจเต็มในการเนรเทศพระองค์มาที่นี่

ในจดหมายเหล่านั้นทรงเรียกร้องให้ผู้สำเร็จราชการเชิญเสด็จพระองค์กลับบ้านเกิดเมืองนอนตามเดิม     เรียกร้องแล้วเรียกร้องอีก  แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ     อันที่จริงพวกเราก็คงจะรู้ว่าไม่มีทาง  เรื่องอะไรอังกฤษจะเอากษัตริย์พม่ากลับไปเป็นชนวนก่อความยุ่งยากทางการเมืองขึ้นในพม่า ให้ต้องเหนื่อยปราบปรามกันอีก         ยิ่งเป็นกษัตริย์ที่เรียกร้องโน่นนี่ไม่รู้จบแบบนี้ ยิ่งไม่น่าเสี่ยง
ปัญหาที่สองของพระเจ้าสีป่อคือค่าใช้จ่าย      พระองค์ไม่ใช่ชาวบ้านกระจอกๆที่ขอแค่มีหลังคาคุ้มหัวกับข้าววันละสามมื้อก็พอ   แต่ทรงอยู่อย่างกษัตริย์ มีภาระค่าใช้จ่ายมากมาย    เบี้ยเลี้ยงที่รัฐบาลอังกฤษในพม่าจ่ายให้ก็น้อยนิดเมื่อเทียบกับพระเกียรติยศ  จึงต้องทรงนำพระราชทรัพย์อันได้แก่เครื่องเพชรนิลจินดาที่พระนางศุภยาลัตนำติดตัวมา ออกขายในราคาถูกกดมหาโหดจากพ่อค้าอินเดีย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 30 ธ.ค. 12, 09:34

คำพังเพยที่ว่าเคราะห์ร้ายไม่ได้มาหนเดียว เป็นความจริงในชีวิตพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัต      ราวกับว่าเรื่องถูกเนรเทศเป็นเจ้าไม่มีศาลยังไม่โหดร้ายพอ    โชคชะตาฟ้าลิขิตให้เจ้าหญิงพระธิดาก่อเรื่องให้พระบิดามารดาเกิดอาการเครียดกำลังสองกำลังสามเข้าไปอีก
เราคงรู้จากค.ห.บนๆนี้ว่า พระธิดาองค์ใหญ่ทำงามหน้ามีลูกสาวนอกสมรสออกมากับแขกยามชาวอินเดีย    ตอนแรกพระเจ้าสีป่อกับพระนางศุภยาลัตก็กริ้วโกรธ   หากว่ายังทรงมีอำนาจเต็มเหมือนเมื่อครั้งนั่งบัลลังก์ เห็นทีลูกเขยจะต้องลงไปนอนอยู่ในหลุมใต้ดินเหมือนพระญาติพระวงศ์     
แต่บัดนี้สิ้นยศสิ้นอำนาจวาสนา  จะทำอะไรก็ไม่ได้    ขืนเฉดหัวลูกสาวไปเธอก็ตกระกำลำบาก  พระเจ้าสีป่อกับพระนางศุภยาลัตก็เลยกลืนเลือด ยอมคืนดีกับลูกสาว  รับหลานสาวตัวน้อยๆมาเลี้ยงไว้ในตำหนักรัตนคีรี  ข้อบาดหมางก็ระงับไป   แต่เจ้าหญิงพญาก็ไม่ได้เสกสมรสกับนายโคปาลอยู่ดี    ตูตูจึงเป็นลูกนอกสมรสไป

เวลาผ่านไป 10 ปีหลังเรื่องอัปยศเรื่องแรกสงบลง     มาถึงค.ศ. 1916  พระธิดาองค์รองก็ก่อเรื่องขึ้นมาอีกองค์หนึ่ง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 30 ธ.ค. 12, 09:52

เจ้าฟ้าหญิงองค์ที่สองมีชื่อพม่าสะกดแบบอังกฤษว่า Myat Paya Lat    ได้ชื่อว่าเป็นลูกหัวดื้อไม่ค่อยจะอยู่ในโอวาทพ่อแม่  เธอเกิดสร้างตำนานรักขึ้นมาอีก  ไม่ใช่อินเดียอย่างพี่เขยแต่หนุ่มพม่าชื่อ Khin Maung Gyi.   (ขิ่น เมือง คยี  ??)

หนุ่มคนนี้ถึงเป็นชนชาติเดียวกัน    แต่พระเจ้าสีป่อต่อต้านเต็มที่  เพราะเขาไม่ใช่ใครอื่น เป็นเลขานุการส่วนพระองค์ในตำหนักนั่นเอง   คำนี้ที่ฝรั่งเรียกฟังแล้วค่อนข้างจะโก้   จนหากว่าแปลตรงตัวแล้วเราอาจไม่เข้าใจว่าจะทรงขัดขวางไปทำไม     แต่หน้าที่เลขาฯส่วนตัวนี้ไม่ได้โก้และมีเกียรติอย่างท.ส.ของนายพลทหาร หรือนายเวรของนายพลตำรวจ    เป็นคนละเรื่องกันทีเดียว   แปลตรงๆก็คือบ่าวรับใช้ประจำตัวนั่นเอง     
พระเจ้าสีป่อทรงมองว่า นายขิ่นเมืองคยีนี้ก็คือ "ขี้ข้า" (ฝรั่งใช้คำว่า slave)ของพระองค์   จะอาจเอื้อมมาเป็นราชบุตรเขยมันก็เกินไป     จึงไม่ทรงยินยอม    ดังนั้นหนทางของเจ้าหญิงก็มีทางเดียวคือทรงหอบผ้าหนีออกจากวังไปพร้อมกับคนรัก   เพื่อไปใช้ชีวิตร่วมกันโดยไม่ต้องมีชนชั้นวรรณะกีดขวาง

เมื่อพระเจ้าสีป่อทรงทราบว่าพระธิดาหนีไปไม่มีวันกลับ  พระองค์ก็ทั้งกริ้วทั้งโทมนัสอย่างหนัก   พระชนม์ก็มากแล้ว หลังจากระทมทุกข์กับโชคชะตามาหลายปี    ก็เลยสิ้นพระชนม์ด้วยอาการพระหทัยวาย    พระศพถูกฝังไว้ในบริเวณพระตำหนักรัตนคีรีนั่นเอง   อังกฤษไม่ยอมให้มีพิธีศาสนาตามประเพณีพม่า     ข้อนี้ทำให้พระนางศุภยาลัตทรงบ่นด้วยความแค้นเคืองอังกฤษอย่างยิ่ง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 30 ธ.ค. 12, 10:53

ย้อนกลับมาถึงตูตู ที่คุณเพ็ญชมพูถามถึง
ทั้งๆตูตูเป็นหลานตาแท้ๆของกษัตริย์พม่าเกิดจากเจ้าหญิงพระธิดาองค์ใหญ่    แต่เธอมิได้มีฐานันดรศักดิ์เป็นเจ้าหญิง   เพราะพ่อเธอเป็นสามัญชนชาวอินเดีย    แถมตัวเธอก็เกิดมาโดยพ่อแม่มิได้สมรสกัน    ดังนั้นรัฐบาลอังกฤษในอินเดียจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่รับรู้ตัวตนของตูตู     เมื่อโตเป็นสาว เธอพยายามร้องขอเบี้ยหวัดเงินปีของพระราชวงศ์จากทางการ ในฐานะเธอเป็นเชื้อพระวงศ์   แต่ข้าราชการอังกฤษในอินเดียก็มีหมัดเด็ดคือให้ตูตูไปหาหลักฐานมาแสดง    แล้วตูตูจะไปหามาจากไหน พ่อแม่ไม่มีทะเบียนสมรส  แม่ก็ตายไปแล้ว    เธอก็เลยถูกมองเหมือนเป็นพวกแอบอ้างคนหนึ่งเท่านั้นเอง

ตูตูใช้ชีวิตในอินเดีย  เธอได้สามีเป็นช่างฟิตชื่อศังการ์ ปาวาร์   มีลูกกันหลายคน     ครอบครัวอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดหรือเรียกง่ายๆว่าสลัมในเมืองมุมไบ   มีลูกมีเต้าก็แยกย้ายกันไปเมื่อออกเรือน  ทุกคนล้วนใช้ชีวิตอย่างลำบากยากจน  และเป็นชาวอินเดีย ไม่มีวัฒนธรรมพม่า เว้นแต่หน้าตาที่ยังมีเค้าพม่าอยู่บ้าง

ในค.ศ. 1978  ตูตูทำเรื่องขอเบี้ยหวัดจากทางการอีกครั้ง  คราวนี้รัฐบาลพม่าอนุญาตจ่ายให้ แต่เป็นเงินจำนวนน้อยนิด   เธอมีอายุยืนยาวมาจน 93 ปี ถึงแก่กรรมในค.ศ. 1999   เธอเคยทำหนังสือขอไปยังรัฐบาลอินเดีย เพื่อขอไปพำนักยังตำหนักรัตนคีรีบ้านเดิมที่เธอกำเนิดมา  แม้ค้างได้แค่คืนเดียวเธอก็พอใจแล้ว
แต่รัฐบาลอินเดียก็ไม่ได้อนุญาตตามคำขอจนแล้วจนรอด
หลังจากทำเรื่องไปไม่กี่เดือน ตูตูก็ถึงแก่กรรมในโรงรถซึ่งดัดแปลงเป็นบ้านที่อยู่อาศัยของเธอกับลูกชายนั่นเอง

ภาพข้างล่างนี้คือตูตู(ซ้าย) กับลูกสาว(ขวา) ซึ่งว่ากันว่าหน้าตาเหมือนพระเจ้าสีป่อ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 30 ธ.ค. 12, 14:52

ถึงแม้ว่าเจ้าหญิงองค์ที่สองกับสามีพยายามหลบเร้นไปอยู่พ้นสายตาชาวบ้านชาวเมืองมากเท่าใดก็ตาม  ในยุคที่อินทรเนตรมองเห็นได้ทุกจุดในโลก    บรรดานักประวัติศาสตร์ฝรั่งก็ตามแกะรอยจนพบ
เจ้าหญิงองค์นี้ใจเด็ด เมื่อตัดจากฐานันดรศักดิ์ก็ตัดแล้วตัดเลย   ไม่ติดต่อแม้แต่กับพี่น้อง   เท่าที่รู้คือทั้งสองพากันไปตั้งถิ่นฐานอยู่
ที่เมืองกาลิมปง ใกล้ๆเมืองดาร์จีลิ่งในอินเดีย   ว่ากันว่าอยู่เชิงเขาหิมาลัย  อากาศดี ภูมิประเทศน่าอยู่
ชื่อกาลิมปงไม่คุ้นหู แต่ดาร์จิลิ่งคุ้นหูเพราะเป็นเมืองที่พ่อแม่คนไทยที่มีสตางค์ในยุคก่อนนิยมส่งลูกชายไปเรียนมัธยมที่นั่นก่อนไปต่อที่อังกฤษ   โดยเฉพาะพ่อแม่เชื้อสายอินเดียในไทย   ที่นั่นเขาว่ามีร.ร.ประจำมัธยมชายซึ่งมีระบบหลักสูตรแบบร.ร.ลูกผู้ดีอังกฤษ  ซึ่งอังกฤษวางรากฐานไว้ให้
แต่เดี๋ยวนี้คงไม่มีใครไปเรียนที่นั่นเพื่อไปต่อที่อังกฤษแล้ว    เพราะบินแค่สิบสองชั่วโมงก็ถึงอังกฤษได้โดยตรง  เข้าเรียนไม่ยากเย็นเหมือนเมื่อก่อน

เจ้าหญิงกับสามีซื้อที่นาผืนหนึ่ง เลี้ยงวัวเป็นอาชีพ  ปักหลักอยู่ที่นั่น  อยู่กันมาจนตายจากกันไป  โดยไม่มีบุตรด้วยกัน   แต่ว่าเจ้าหญิงรับอุปการะเด็กชายเอาไว้คนหนึ่งเป็นลูกของหญิงรับใช้ชาวเนปาลของเธอ   ในเมื่อเด็กคนนี้ไม่ใช่เชื้อสายพระราชวงศ์และยังไม่ใช่ชาวพม่า  นักประวัติศาสตร์ที่ตามแกะรอยก็เลยไม่อยากจะรู้ต่อ  
เป็นอันจบเชื้อสายพระเจ้าสีป่อกับพระนางศุภยาลัตสายเจ้าหญิงองค์กลางไปเพียงแค่นี้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 30 ธ.ค. 12, 15:14

เห็นวิกข้างๆถอดชื่อพม่าออกมาเป็นไทยฟังเข้าท่าดี  อย่างน้อยก็สนิทหูคนไทยมากกว่า เลยลองถอดออกมาเป็นสำเนียงไทยดูบ้าง

Princess Myat Phaya  Gyi (Mibura)           เจ้าหญิงมาดพญาขจี  (มีบุญรา)
Princess Myat Paya Lat                           เจ้าหญิงมาดพญาลัต
Khin Maung Gyi.                                    เคยถอดชื่อออกมาว่า ขิ่นเมืองคยี    ถ้าเป็นขิ่นเมืองขจี น่าจะสนิทหูกว่า
Princess Myat Phaya                               เจ้าหญิงมาดพญา
Kodaw Gyi Naing  ชื่อผู้ชาย                       ขอดาว ขจี นายอิง
U Mya U    ชื่อผู้ชาย                                 อูเมียอู
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 30 ธ.ค. 12, 15:23

^


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 30 ธ.ค. 12, 15:24

จะลงจากเรือนไทยไปฉลองปีใหม่ในที่ที่อาจไม่มี 3G ให้เข้าเน็ตได้  จึงขออวยพรปีใหม่ ส่งความปรารถนาดีมาให้ท่านผู้อ่านเรือนไทยเสียแต่ตอนนี้นะคะ
ขอให้ทุกท่านประสบความสุข ทั้งกายและใจ ถึงพร้อมด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ  ปรารถนาสิ่งใดขอให้สมปรารถนาในปีใหม่ที่จะมาถึงนี้
เจอกันปีหน้าค่ะ
ขออัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์ พรปีใหม่ มาให้ท่านผู้อ่านเรือนไทยได้ฟังเป็นสิริมงคลโดยทั่วกัน

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.041 วินาที กับ 19 คำสั่ง