อีกบทหนึ่งของประยอม ซองทอง
ชีวิตเราถ้าเหมือนเรือ (พ.ศ 2502)
ชีวิตเรา ถ้าเหมือนเรือ เมื่อออกท่า
ไม่รู้ว่า ค่ำนี้ นอนที่ไหน
จะลอยล่ม จมน้ำ คว่ำลำไป
หรือสมใจ จอดฝั่ง ..ก็ยังแคลง
ได้แต่ดื่ม น้ำตา เมื่อฟ้าร่ำ
ยิ่งยามย่ำ สายัณห์ ยิ่งกรรแสง
ถูกลมหวน หอบข่ม ระดมแรง
จึงรู้แล้ง หมดแล้ว น้ำแก้วตา
เพราะหากมัว มาร่ำ กำสรวลอยู่
ไหนจะรู้ ทรงเรือ บ่ายเมื่อหน้า
ต้องตักพาย หมายขืน ฝืนลมฟ้า
ไร้เวลา อาดูร พอกพูนใจ
สติตรง ตาแน่ว ดูแนวน้ำ
ไม่ลอยลำ ขวางเรือ เมื่อน้ำไหล
ถ้าไม่ล่อง ก็ท่องทวน สวนทันใด
เรือจึ่งได้ แนวดิ่ง ไม่ทิ้งทาง
ในโลกนี้ มีสิ่ง ต้องวิ่งแข่ง
ถ้าหย่อนแรง ราข้อ ต่อเข้าบ้าง
ก็จะแพ้ แย่ยับ ถึงอัปปาง
อย่าหมายร่าง เราจะอยู่ สู้หน้าใคร
ชีวิตเรา ถ้าเหมือนเรือ เมื่อออกท่า
ต้องรู้ว่า ค่ำนี้ นอนที่ไหน
ต่อรุ่งเช้า ก้าวอีกขั้น มรรคาลัย
กว่าวันชัย สมประสงค์ ถือธงชู..
และ
สงสารเดือน
ที่ขาดเพื่อน เคว้งคว้าง อยู่กลางหาว
มีเพียงแสง รุบหรู่ ของหมู่ดาว
เป็นเพื่อนคราว เดือนฉาย อยู่ดายเดียว
ยิ่งฟ้าหม่น มืดทะมึน เหมือนคืนนี้
อ้อมสรวงมี เดือนเศร้า อยู่เปล่าเปลี่ยว
เห็นเหงาหงอย ห้อยหาว รูปยาวเรียว
สีซีดเซียว เกี่ยวฟ้า ว้าเหว่ใจ
เคยฟ้าแผ้ว แวววาว ดาวประดับ
บัดนี้ลับ เร้นลี้ ไปที่ไหน
ปล่อยทุกห้อง หาวหน หม่นหมองไว้
ทิ้งเดือนให้ แขวนคว้าง กลางโพยม
ฟ้าคร่ำครืน ครวญคราง ออกอย่างนี้
หน่อยจะมี พายุ พัดพรูโหม
น้ำตาฟ้า จะพร้อยพรั่ง ลงหลั่งโลม
สงสารโคม คู่ฟ้า จะมืดมิด
คิดถึง"เดือน"
ผู้เสมือน เพื่อนใจ อันไพจิตร
เพื่อนเคยอยู่ คู่ขวัญ เป็นเพื่อนชิด
เป็นคู่คิด คู่ขวัญ ร่วมกันมา
"เดือนเอ๋ย"
ไม่โกรธเลย ที่เธอทำ ช้ำหนักหนา
ยังห่วงถึง ซึ้งสนิท ติดตรึงตรา
รอเธอมา ร่วมความหลัง อยู่อย่างมิตร
เธอหลงไหล ไฟเปลว ดิ่งเหวลึก
กว่าเมื่อใด เธอรู้สึก สำนึกผิด
ไร้ใครอื่น หมื่นผู้ เชิดบูชิต
ขอให้คิด มิตรอย่างฉัน มั่นห่วงเดือน
http://forum.serithai.net/index.php?topic=11849.5;wap2