เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 ... 9
  พิมพ์  
อ่าน: 77632 ตำนานนักกลอน
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
 เมื่อ 17 พ.ค. 08, 04:56

"นักกลอน" เป็นคำเรียกหนุ่มสาวนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ที่มีใจรักและมีฝีมือในการแต่งบทร้อยกรอง  ถอยหลังกลับไปในอดีตทศวรรษ 2500 มาจนถึง 2516
มหาวิทยาลัยที่มีนักกลอนชุมนุมกันมากที่สุดคือ ธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ถ้าเป็นสมัยนี้  "นักกลอน" ก็คือคำที่เราเรียกกันทั่วไปสำหรับคนเขียนกลอนว่า "กวี"
แต่ในสมัยโน้น  กวีหมายถึงสุนทรภู่  ศรีปราชญ์ นายนรินทร์ธิเบศร์   หรืออย่างใหม่ที่สุดคือนายชิต บุรทัต
หนุ่มสาวที่เดินถือตำราเข้าประตูมหาวิทยาลัย  ยังไม่อหังการ์ถึงกับเรียกตัวเองว่า  "กวี"
ทั้งๆฝีมือหลายคนในที่นั้น  ถ้าอยู่ในสมัยนี้  ก็เรียกอย่างอื่นไม่ได้นอกจาก"กวี"

ขอเริ่มด้วยธรรมศาสตร์  ซึ่งเป็น"นักกลอน"ที่รู้จักเลื่องลือ ในนาม "สี่มือทอง"
คือ  เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์  ทวีสุข ทองถาวร  นิภา บางยี่ขัน และดวงใจ รวิปรีชา
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 17 พ.ค. 08, 05:11

เชิญอ่านเว็บนี้ค่ะ
http://wannasilp.bravehost.com/link1/history.htm

ในวันนี้ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ที่มีสมญาว่า "กวีรัตนโกสินทร์" เป็นกวีซีไรต์  เป็นศิลปินแห่งชาติ
แต่ย้อนหลังไปสี่สิบกว่าปี   เขาเป็น "นักกลอนมือทอง" ของธรรมศาสตร์  ที่ขึ้นชื่อลื่อเลื่องในแวดวงคนรักวรรณศิลป์
ในยุคนั้น  วรรณกรรมเพื่อชีวิตยังไม่เกิด    กลอนเป็นที่นิยมกันยิ่งกว่าคำประพันธ์แบบอื่น    หัวข้อที่นิยมที่สุดคือการแสดงอารมณ์ส่วนตัว 
เน้นความอ่อนไหว  พริ้งพรายในลีลาภาษา และสะท้อนอารมณ์รักของวัยหนุ่มสาว

อย่างบทกลอนที่ชื่อ "บนลานอโศก"   ภาษาสวยงามเหมือนแก้วเจียระไน

หยาดน้ำแก้วเกาะกลิ้งกิ่งอโศก
โลกทั้งโลกลอยระหว่างความว่างเปล่า
มีความรื่นร่มเย็นแผ่เป็นเงา
ลมแผ่วเบาบอกลำนำคำกวี

เราพบกันฝันไกลในความรัก
เริ่มรู้จักซึ้งใจในทุกที่
มีแต่เรามิมีใครในที่นี้
ใบไม้สีสดสวยโบกอวยชัย

อยากให้รู้ว่ารักสักเท่าฟ้า
หมดภาษาจะพิสูจน์พูดรักได้
เต็มอยู่ในความว่างกว้างและไกล
คือหัวใจสองดวงห่วงหากัน


หลับตาเถิดที่รักเพื่อพักผ่อน
ฟังเพลงกลอนพี่กล่อมถนอมขวัญ
ใจระงับรับใจในจำนรรจ์
ต่างแพรพันผูกใจห่มให้นอน

โอ้ดอกเอ๋ยดอกโศกตกจากต้น
เปียกน้ำฝนปนทรายปลายเกษร
โศกสำนึกหนาวกมลคนสัญจร
นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะร่อนลง

เมตตาแล้วแก้วตาอย่าทิ้งทอด
ช่วยให้รอดอย่าปล่อยบินลอยหลง
จะหุบปีกหุบปากฝากใจปลง
จะเกาะกรงแก้วกมลไปจนตาย

งามเอยงามนัก
แฉล้มพักตร์ผ่องเหมือนเมื่อเดือนฉาย
งามตาค้อนคมเยื้องชำเลืองชาย
ลักยิ้มอายแอบยิ้มงามนิ่มนวล

จะห่างไกลไปนิดก็คิดถึง
ครั้นดื้อดึงโดยใจก็ไห้หวน
ถนอมงามห้ามใจควรไม่ควร
ให้ปั่นป่วนไปทุกยามนะความรัก

ผีเสื้อทิพย์พริบพร้อยลอยแตะแต้ม
เผยอแย้มยิ้มละไมใจประจักษ์
ทุกกิ่งก้านมิ่งไม้เหมือนทายทัก
ร้อยสลักใจเราให้เฝ้ารอ

ฝันถึงดอกบัวแดงแฝงผึ้งภู่
คล้ายพี่อยู่เป็นเพื่อนในเรือนหอ
ชื่นเสน่ห์เกษรอ่อนละออ
โอ้ละหนอหนาวนักเอารักอิง

ในห้วงความคิดถึงซึ่งเงียบเหงา
ใจสองเราเลื่อนลอยอย่างอ้อยอิ่ง
คอยคืนวันฝันเห็นจะเป็นจริง
โลกหยุดนิ่งแนบสนิทในนิทรา

ร่มอโศกสดใสในความฝัน
ร่มนิรันดร์ลานสวาทปรารถนา
ร่มลำธารสีเทาเจ้าพระยา
และร่มอาณาจักร.....ความรักเรา

ที่พิมพ์ตัวเอียงไว้ คือบทที่จำกันได้มากที่สุด  มักจะนำไปอ้างอิงกันแพร่หลาย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 17 พ.ค. 08, 06:52

อีกบทหนึ่ง  ชื่อ "ใบศรี"

เหมือนเมื่อไข่มุกหล่นบนจานหยก
วณิพกพ่ายสิ้นเพียงยินเสียง
มธุรสโอษฐ์ฉะอ้อนประอรเอียง
ดาลเผดียงดาเรศเนตรอนงค์

รอยลักยิ้มริมแก้มเมื่อแย้มยิ้ม
พิศยิ่งพิมพ์ใจพึงตะลึงหลง
ช้อนชะม้ายชายมาพาพะวง
อยากผจงจุมพิตสนิทนวล

เกล้ากระหวัดรัดเกี้ยวเกลียวเกศแก้ว
รอยไรแนวเนียนระดับรับถี่ถ้วน
เจ้าปักปิ่นปัทมาค่าเคียงควร
ชดช้อนชวนเชยหวังระวังแวง

เทียบทุกคำที่เขียนคือเทียนไข
ผู้เผาไหม้ตัวเองเพื่อเปล่งแสง
ยิ่งค่าความงามเทิดเจิดแจรง
ยิ่งเสียดแทงหัทยางค์ให้ร้างเลย

อย่าให้เหมือนใบศรีที่เบิกขวัญ
พอเสร็จพลันเป็นใบตองนะน้องเอ๋ย
ถนอมหน่อยอย่าลอยร้างไปอย่างเคย
เก็บไว้เชยเมื่อช้ำเช็ดน้ำตา
บันทึกการเข้า
agree
ชมพูพาน
***
ตอบ: 114


แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 17 พ.ค. 08, 09:28

เห็นชื่อกระทู้แล้วสนใจครับเลยรีบแจ้นเข้ามาอ่าน  อ.เนาวรัตน์ แต่งสุดยอดมากเลยครับต้องยอมรับในฝีมือจริง ๆ  ยิ้ม
บันทึกการเข้า

Some dream of worthy accomplishments, while others stay awake and do them.
บางคนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 17 พ.ค. 08, 12:16

ยกมาอีกบท ฝากคุณ agree   ฝีมือคุณเนาวรัตน์ เช่นกัน

นกขมิ้น

เขาคลอขลุ่ยครวญเสียงเพียงแผ่วผิว
ชะลอนิ้วพลิ้วผ่านจากมานหมอง
โอดสะอื้นอ้อยอิ่งทิ้งทำนอง
เป็นคำพร้องพริ้งพรายระบายใจ

โอ้ดอกเอ๋ยเจ้าดอกขจร
นกขมิ้นเหลืองอ่อน จะนอนไหน
ค่ำลงแล้วแนวพนาและฟ้าไกล
เจ้านอนได้ทุกเถื่อนท่าไม่อาทร

แล้วหวนเสียงเรียงนิ้วขึ้นหวิวหวีด
เร่งอดีตดาลฝันบรรโลมหลอน
ถี่กระชั้นสั่นกระชากใจจากจร
ระเรื่อยร่อนเร่มาเป็นอาจิณ

โอ้ใจเอ๋ยอ้างว้างวังเวงนัก
ไร้แหล่งพักหลักพันจะผันผิน
เพิ่มแต่พิษผิดหวังยังย้ำยิน
ระด่าวดิ้นโดยอนาถแทบขาดใจ

ข้าเคยฝันถึงฟ้ากว้างกว่ากว้าง
ฝันถึงปางทับเปลี่ยวเรี่ยวน้ำไหล
ถึงช่อเอื้องเหลืองระย้าคาคบไม้
ในแนวไพรนึกเหมือนเป็นเพื่อนเนา

รู้รสแรงแห่งทุกข์และสุขสิ้น
บนแผ่นดินแผ่นเดียวเปลี่ยวและเหงา
จิบน้ำใจจนทั่วเจียนมัวเมา
ไร้ร่มเงารังเรือนและเพื่อนตาย

เขาเคลียนิ้วเนิบนุ่มเสียงทุ้มพร่า
เหมือนหวนหาโหยไห้น่าใจหาย
เจ้าขมิ้นเหลืองอ่อนนอนเดียวดาย
จะเหนื่อยหน่ายหนาวน้ำค้างที่กลางดง

เสียงฉับฉิ่งหริ่งรับขยับเร่ง
จะพรากเพลงเพื่อนยินสิ้นเสียงส่ง
เขาเบือนนิ้วผิวแผ่วแล้วราลง
เสียงนั้นคงเน้นครางอย่างห่วงใย

เจ้าดอกเอยดอกขจรอาวรณ์ถวิล
นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะนอนไหน
เขาวางขลุ่ยข่มน้ำตาว้าเหว่ใจ
ตอบไม่ได้ดอกหนาข้าคนจร
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 17 พ.ค. 08, 12:59

        ได้อ่านจากคอลัมน์คุณณรงค์ จันทร์เรือง ในมติชนสุดสัปดาห์ และ จากบทความเรื่องราวเกี่ยวกับอ.จำนง

          เล่าถึงกิจกรรมการกลอนในอดีตที่คึกคักกว่ายุคนี้มากมาย
          นามนักกลอนในอดีตที่จุฬาฯ เช่น คุณโกวิทย์ สีตลายัน ต่อมาเช่น คุณ จินตนา ปิ่นเฉลียว,ภิญโญ ศรีจำลอง,
ประยอม ซอมทอง
          ส่วนทางธรรมศาสตร์มี ๔ มือทอง คือ คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, ทวีสุข ทองถาวร เป็นต้น
          
          ไทยทีวีช่องสี่ โดยอ.จำนง ท่านก็จัดให้มีที่ทางสำหรับนักกลอนประชันกัน ทั้งระดับอาวุโส และต่อมาเป็น
หนุ่มสาวชาวมหาวิทยาลัยจุฬาฯ และธรรมศาสตร์ในยุคนั้น

           นอกจากเป็นนักกลอนแล้ว คุณเนาวรัตน์ ในตอนนั้นยังเคยแสดงหนังทีวี ชุด พระอภัยมณี ให้ได้ชมด้วย
แน่นอนท่านรับบทเป็นพระอภัยมณี ครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 17 พ.ค. 08, 13:01

"มือทอง" ที่ขอเอ่ยถึงต่อจากเนาวรัตน์ คือ ทวีสุข ทองถาวร  ฝีมือฉกาจฉกรรจ์ขนาดไหน อ่านได้จากบทนี้ เป็นบทแรกค่ะ

เหมือนนกขมิ้น

ความเป็นห่วงของใครก็ไม่รู้
มาซุกอยู่ใต้หมอนฉันนอนหนุน
พรางสื่อพจน์รสถ้อยร้อยละมุน
ซ้ำยังกรุ่นกลิ่นแก้มไว้แกมกัน

นี่รอยแก้มแต้มไว้..ของใครหนอ
แนบแก้มคลอเคลียครองข่มหมองขวัญ
ฉันว้าเหว่แรมหวังมาทั้งวัน
ขอฝากฝันพอแฝงสร้างแรงใจ

เดือนข้างแรมค้างรุ่งรอพรุ่งนี้
เหมือนใจที่ทุกข์ท้อรอวันใหม่
คืนพรุ่งนี้นี่จะนอนแนบหมอนใคร
เหลือบ้างไหมชายคาที่อาทร

"โอ้อกเอ๋ยหัวอกนกขมิ้น
เจ้าเสเพลพลัดถิ่นเที่ยวบินร่อน
นี่ดึกแล้วเตลิดหลงกลางดงดอน
จะเกาะคอนเคียงใครที่ไหนเอย"

นกขมิ้น น่าจะเป็นนกยอดฮิทในสมัยนั้น  เป็นสัญลักษณ์ของหัวใจพเนจร  ของชายหนุ่ม  ว้าเหว่  ร่อนเร่ หารังนอนไม่ได้
คงจะได้แรงบันดาลใจจากเพลงเก่าแก่ชื่อ "นกขมิ้น" ที่ขึ้นต้นว่า

ค่ำคืน  ฉันยืนอยู่เดียวดาย เหลียวมองรอบกาย มิวายจะหวาดกลัว
มองนภามืดมัว สลัวเย็นย่ำ ค่ำคืนเอ๋ย..
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 17 พ.ค. 08, 13:08

คุณจำนง รังสิกุลเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ของวงการโทรทัศน์ยุคต้น    ดิฉันยังทันจำได้ถึงรายการดีๆ เสริมสร้างสติปัญญาหลายสิบหลายร้อยรายการที่ท่านคิดขึ้นมา สำหรับผู้ชม
ส่วนคุณเนาวรัตน์ จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าตอนหนุ่มๆหน้าตาดีไม่ใช่เล่น    ดูหล่อแบบเย็นๆ นิ่มนวล  สมเป็นศิลปิน  เป่าขลุ่ยก็เก่ง
มิน่า ถึงได้เล่นเป็นพระอภัยมณี

งานชิ้นนี้ของคุณทวีสุข  เป็นบทกลอนที่น่ารัก บรรยายตัวตนพระเอกในกลอนออกมาเป็นคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนมาก   คารมคมคาย ลดเลี้ยว ชวนให้สาวหลงและใจอ่อนได้ไม่ยาก
ถ้าเขียนเป็นนิยาย  น่าจะเป็นพระเอกสาวๆกรี๊ดได้ทีเดียว

นี่ แ ห ล ะ ฉั น ล ะ

คนอย่างฉันถ้าใครทำให้โกรธ
ก็ใจโหดโกรธมากยากจะหาย
เช่นเดียวกันถ้าใครทำให้อาย
ใจฉันร้ายพอที่จะย้อนประจาน

อาจเห็นว่าอ่อนไหวและใจน้อย
สะกิดหน่อยแต่เลือดก็เดือดพล่าน
ใจกลับดำคำกลับกล้าวาจาพาล
และอาจรานให้อีกฝ่ายทลายลง

ตรงกันข้ามกับที่ใครทำให้รัก
ย่อมประจักษ์แก่ตาว่าฉันหลง
ทั้งจะห่วงท้วงทักพะวักพะวง
ยอมให้ทรงสิทธิ์สุขทุกสิ่งอัน

เธอก็รู้อยู่เต็มใจมิใช่หรือ
คนหัวดื้อคนนี้...นี่แหละฉัน
นี่แค่เรื่องเคืองคับลิ้นกับฟัน
เธอยกมันขึ้นมาเป็นอารมณ์

รู้ว่าโกรธยังกล้าท้าให้โกรธ
เลยลงโทษคนที่ท้าอย่างสาสม
ปล่อยให้สองตาฉ่ำน้ำตาตรม
รอยแค้นบ่มค้างอยู่ในใจฉันนี้

อยากแก้แค้นเธอนักที่รักเอ๋ย
อย่างที่เคยทำทุกคนจนผละหนี
แต่ฉันพบการแก้แค้นซึ่งแสนดี
คือการที่ฉันยอมให้อภัยเธอ....
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 17 พ.ค. 08, 16:38

ชอบกลอนของทั้งคุณทวีสุข ทองถาวร และคุณนิภา บางยี่ขันค่ะ อ่านบทนี่แหละคือฉันแล้วกรี๊ดลึกๆ เด็กสาวสมัยนั้นกรี๊ดไม่ได้ ไม่เป็นกุลสตรี
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 17 พ.ค. 08, 16:51

        บทกลอนเกี่ยวกับความรักซึ่งเป็นที่นิยมท่องจำและจดกันไว้ให้พบเห็นได้เสมอ ครับ

          คือน้ำผึ้งคือน้ำตาคือยาพิษ
คือหยาดน้ำอมฤตอันชื่นชุ่ม
คือเกสรดอกไม้คือไฟรุม
คือความกลุ้มคือความฝัน...นั่นแหละรัก

"ไฟรัก ไฟลา ไฟชัง" - รยงค์ เวนุรักษ์

             ตอนยังเล็กเคยอ่านเรื่องสั้นของเธอในชาวกรุง และได้อ่านพ็อคเกทบุ๊ครวมเรื่องสั้นของเธอ
ในชื่อว่า กระดังงากลีบไหน ซึ่งมีคำนิยมโดยคุณ 'รงค์ วงษ์สวรรค์  
         จำได้ว่าเป็นประสบการณ์ทางอักษรที่ประทับใจคล้ายๆ กับเมื่อได้อ่านงานเรื่องสั้นของ 'สุวรรณี สุคนธา'
เป็นครั้งแรก
         หลังจากนั้นเธอก็เงียบหายไป ไม่ได้เห็นผลงาน ไม่ได้ข่าวอีกเลย

         เมื่อนานนับสิบปีก่อน เคยฝากคนไปถามถึงเธอจากคุณ'รงค์ วงษ์สวรรค์ซึ่งมาที่ทำงาน ได้คำตอบว่า เธออยู่ที่อเมริกา  
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 17 พ.ค. 08, 16:54

        ย้อนกลับไปพบว่าพิมพ์นามสกุลอ.ประยอมผิด ชอบกลอนชิ้นนี้ของท่านครับ

      ธารทอง


ฟ้าที่นี่แผ้วผ่องก่องประภาส

ริ้วทองลาดแรรอบขอบคิ้วหาว

น้ำในธารสะท้อนแพรวดั่งแววดาว

กระพริบพราวเพียงภาพทาบเปลวทอง


แด่.....ผู้ที่เจ็บช้ำระกำรัก

ที่ทุกข์หนักพักตร์พริ้มมาปริ่มหมอง

ผู้สูญสิ้นดินฟ้าจะคว้าครอง

น้ำเนตรนองท่วมหทัยไร้ญาติมิตร


เพื่อ....พำนักพักนอนรอนความเศร้า

ที่รุมเร้าเรือนกายเป็นนายจิต

เพื่อวันใหม่ทางใหม่ในชีวิต

เลิกครุ่นคิดคร่ำโศกกับโลกลวง


เพื่อ....พักผ่อนนอนหลับในทับทิพย์

ชมดาววิบแวมวอมในอ้อมสรวง

รื่นรสรินกลิ่นผกาบุปผาพวง

ลิ้มผึ้งรวงหวานลิ้นด้วยยินดี


เพื่อ....อาบน้ำชำระกายในธารทอง

ฟังไผ่พร้องเสียงสังคีตขับดีดสี

ฟังลำนำนกร้อยถ้อยพาที

ระเรื่อยรี่จักจั่นกังวานไพร


เพราะ....ถิ่นนี้มีฟ้ากว้างกว่ากว้าง

มีความมืดที่เวิ้งว้างสว่างไสว

เป็นป่าเถื่อนแต่เป็นที่ไม่มีภัย

อยู่ห่างไกลแต่ก็ใกล้คุณธรรม


ประยอม ซองทอง
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 17 พ.ค. 08, 17:29

อ้างถึง
เหมือนเมื่อไข่มุกหล่นบนจานหยก

       วรรคนี้ทำให้นึกถึงคำบรรยายเสียงระนาดครูบุญยง ครับ
 
       ค้นดูพบว่า บทกลอนนี้ของคุณเนาวรัตน์อยู่ในหนังสือ คำหยาด ซึ่งพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2502 

         ในขณะที่ คุณสุเทพเมื่อครั้งเดินทางไปเชื่อมสัมพันธไมตรี กับสาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน เมื่อปี 2500
เล่าว่า ในการแสดงดนตรี ถึงตอนที่ครูบุญยงค์ เกตุคง บรรเลงตอนท่อนรับด้วยระนาดแล้ว ท่านประธานเหมา เจ๋อตุง และ
ท่านนายกรัฐมนตรี โจว เอิน หลาย ถึงกับเอ่ยปากว่า...เสียงระนาดที่ครูเล่นหยั่งกับไข่มุกหล่นบนจานหยกนั่นทีเดียว

         
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 17 พ.ค. 08, 19:29

คุณรยงค์ เวนุรักษ์เป็นนักเขียนหญิงรุ่นแรก(ละมั้ง) ที่เขียนเรื่องอีโรติค ถอดอารมณ์โหยหาลึกๆของหญิงสาวออกมา   ในสมัยที่ยังไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเขียน
เรื่องของเธอ ใช้ภาษาได้หวานละเมียดละไม ซ่อนนัยเชิงเสน่หาเอาไว้แยบยล  อ่านให้คิดระหว่างบรรทัดได้ทุกฉาก
เป็นจินตนาการที่งดงามในอารมณ์เปล่าเปลี่ยวของหญิงสาว

ที่ดีคือ เรื่องอีโรติคของเธอไม่มีการบรรยายออกมาตรงๆจนคำเดียว   อย่าว่าแต่บอกลีลาทุกขั้นตอนราวกับเอาวิดีโอเข้าไปตามถ่าย  อย่างเรื่องอีโรติคปัจจุบันเลย  แม้แต่เฉียดก็ไม่มี   ไปเน้นที่อารมณ์และนัยยะ
มีวิธีเล่าที่ทำให้คนอ่านคิดต่อได้เอง  ลึกซึ้งกว่า
น่าเสียดายที่เธอเขียนไม่มากนัก   หายเงียบไปจากวงการนานหลายสิบปี  ไม่รู้ว่าเธอเป็นใครอยู่ที่ไหน    เดาว่าถ้าเธอยังอยู่ ก็คงอายุไม่ต่ำกว่า ๗๐ แล้วค่ะ

จากบทกลอนของคุณทวีสุข  ขอตามมาด้วยฝีมือของคุณนิภา บางยี่ขัน
นกเขาเอยเคยขันกระชั้นแจ้ว
เราโตแล้วหาตักอุ่นหนุนไม่ได้
ครั้นพบคนพอจะคุ้นอบอุ่นใจ
"เขา" ก็ไม่ไยดีเท่าที่ควร

                      นิภา  บางยี่ขัน
 
คนสุดท้ายของสี่มือทองธรรมศาสตร์คือคุณดวงใจ รวิปรีชา  เธอจากไปสู่สวรรค์ชั้นกวี  เมื่อพ.ศ. ๒๕๔๖ ค่ะ 
บทนี้เป็นบทที่รุ่นเพื่อนๆและรุ่นน้องๆจำกันได้มากที่สุด

ไม่อยากเป็นศรีใจคนหลายรัก
แม้ว่าจักเป็นเพชรเหนือเศษหิน
ไม่อยากเป็นดอกฟ้าเกินค่าดิน
ขอเป็นปิ่นฤทัยคนใจเดียว”
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 17 พ.ค. 08, 19:36

เว็บนี้ รวบรวมบทกลอนและวรรคทองของนักกลอนไว้หลายท่าน
http://www.geocities.com/pa_orn/kawee1.html
พบงานของคุณนิภา บางยี่ขันในนี้ด้วยค่ะ

ให้แก่ความรัก

มันไม่เคยได้อะไรในความรัก
รักสอนมันให้รู้จักแต่จะให้
ให้ความรักความหวงความห่วงใย
ให้อภัยเสียสละเสมอมา

รักของมันจึงมีสีมืดดำ
ด้วยกลืนกล้ำทุกข์เต็มอกวิตกผวา
เมื่อรักแปรแลลับลงกับตา
มันทายท้าความอ้างว้างอยู่อย่างคน......

และ
"วันที่ดอกไม้โรย"
นิภา บางยี่ขัน
24/01/2510

"ดอกโสนโรยร้าว
ดอกคัดเค้าโรยรา
ดอกประดู่ร่วงนักหนา
ไม่มัวันกลับมาแล้วเอย"

ทุกทุกสิ่งแล้วล้วนชวนถวิล
ดูด่วนสิ้นโรยราผกาเอ๋ย
ขอมองไว้อีกสักนิดไว้ชิดเชย
เมื่อยามเลยลาลับไม่กลับคืน

จะเก็บภาพประทับใจไว้ถวิล
ไว้แอบรินน้ำตาแอบสะอื้น
ไว้เยือกเย็นกับน้ำค้างที่พร่างชื้น
เก็บไว้ตื่นตาฝันนิรันดร

นับแต่นี้น้ำตาจะหาง่าย
ขาดคนหมายซับมันเหมือนวันก่อน
มือเย็นเยียบเมื่อสายัณห์ตะวันรอน
ใครจะซ้อนมือนุ่มเกาะกุมมัน

จะเดินเปลี่ยวเดียวดายในสายแดด
ชีวิตแวดด้วยความหลังและความฝัน
ฝันถึงวันที่ผกานานาพันธุ์
ปลิดดอกอันเหลืองอร่ามท่ามกลางเรา
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 17 พ.ค. 08, 19:59

ระรื่นรื่นชื่นชมด้วยลมพลิ้ว
ละลิ่วลิ่วริ้วคลื่นครืนผวา
ละลอกเรื่อยกระทบกระทั่งฝั่งสุธา
ละลานตาระวิวาบอาบนที

"ภาพพิมพ์ใจสองฝั่งเจ้าพระยา" - นิภา บางยี่ขัน
ขอให้สังเกตการเล่นคำ  ที่ทำให้เห็นภาพริ้วคลื่นเป็นระลอก ยามถูกลมพัดพลิ้วบนผิวน้ำ และประกายแดดบนผิวน้ำ
เราไม่ค่อยจะเล่นคำแบบนี้กันอีกแล้วในปัจจุบัน

ส่วนฝีมือของดวงใจ รวิปรีชา เห็นได้อีกจากนี้ค่ะ

กลอนบางบทใน " หยุดเวลาไว้ในฝัน"
โดย ดวงใจ รวิปรีชา

"เธอเหนื่อยอ่อนค่อนชีวีแล้วที่รัก
ควรหยุดพักเพื่อคลายล้าก่อนฟ้าค่ำ
ฟังนกร้องมองดอกไม่ดูสายน้ำ
งานตรากตรำเป็นตำนานแล้ววันนี้"

"นั่งนิ่งนิ่งตรงนี้เถิดที่รัก
เหนื่อยก็พักสักเพลาหลับตาฝัน
ถอดหัวโขนปล่อยวางไว้อย่างนั้น
เลิกผูกพันภาระใดในชีวา"
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 ... 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.061 วินาที กับ 19 คำสั่ง