เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
อ่าน: 65965 คำผญาเกี้ยวสาว
สาวจำปา
บุคคลทั่วไป
 เมื่อ 12 ม.ค. 01, 12:57

จั่งขอเปลี่ยนบรรยากาศ มาเว่า คำผญาเกี้ยวสาว เด๊อ  อ้ายเอื้อยอี่นายน้องเอย  

ไปได้พบผญาเกี้ยวสาว ข้ามฟ้าไทยไปเดนมาร์ค  ระหว่างบ่าวสาวไทยหลายปีมาแล้ว  ก็มั่วๆแปลไป  จะว่าคำผญาเองกะบ่ช่าง  
ขอลอกมาแปะอ่านกันม่วนใจเด้อ

--------------------------------------------

>> ถึงสิอยู่ฝากฟ้าก้ำฝ่ายเขาเขียว กะคือกับอยู่หอแห่งโฮงเดียวก้ำ
>> สิบปีล้ำซาวปีล้ำ บ่เห็นกวางมายามมัง
ข้าวขึ้นเล้าจังเห็นเจ้าเทือเดียวน้อ อ้ายนุเอ๋ย

ถึงจะอยู่ไกลโพ้นผ่านฟ้าเขาเขียว  ก็เหมือนกับอยู่หอแห่งเดียวร่วมห้อง
สิบปีผ่านไป ยี่สิบปีผ่านไป  ไม่เห็นพี่มาเยือนกันบ้างเลย  
จนเกี่ยวเก็บข้าวขึ้นยุ้งแล้วนั่นแหละ  
เพิ่งจะเห็นได้พี่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ  พี่นุเอ๋ย

>>
>> น้องนี่ มาดีใจหลายเด่ ดีใจเด๊เห็นอ้ายมา แวะถามข่าว
>> แต่ว่ากำ้ทางฝ่ายเจ้า สบายบ้างบ่อน้อ?
>> นางขอฝากกำลังใจน้อยๆ ห้อยมาตามสายลวด
>> ยามพี่หวดหนูนั่น ให้มันขึ้นสู่ตา ชายเด้อ

น้องนี่มาดีใจมากแท้  ดีใจจริงที่เห็นพี่มาแวะถามข่าว
แต่ว่าฝ่ายพี่ล่ะ  สบายดีหรือเปล่า
นางขอฝากกำลังใจน้อยๆ  แนบมาตามสายเน็ต
ยามพี่หวดนิ้วใส่หนู ก็ขอให้ได้เห็นเมล์นี้เถิดหนา

>(^_^) คันว่าไฟบ่ไหม้ป่า ก็บ่ได้เห็นหน้าหนูแท้ๆแหล่วน้อนาง
>พี่นี้งานติดพันจั่งได้ผันไปห่าง บ่ได้ลืมนงคราญผู้ดีอยู่ทางพี้ ตั๊ว.
>อ้ายขอถามข่าวเจ้า ถามข่าวขอคีเพิ่นผู้สาวผู้ดีสุขซำบายหือจั่งได๋
>คงบ่ทุกข์ยากฮ้ายอุกอั่งในมโนดอกนอ
คงสิลุลาภได้เงินคำกองเป็นหมื่นแท้ๆแหล้ว
>ก็จั่งว่าคิดฮอดหลายแท้ดอก จั่งส่งสารมาหา ให้นางเจรจาตอบมาบ้าง
>พอให้ได้ส่วงใจเดอ
>บ่าวนุ...

หากไฟมิไหม้ป่า  คงไม่ได้เห็นหน้าหนูดอก นางเอย
พี่นี้งานติดพันจึงได้หายไกลห่าง  มิได้ลืมนงคราญคนดีทางนี้ หรอกนะ
พี่ขอถามข่าวน้อง  ถามข่าวขอ (คี ?) น้องสาวคนดีอยู่สุขสบายดีหรืออย่างใด
คงไม่มีทุกข์ยากร้ายให้อึดอัดหัวใจดอกนะ  
คงได้ประสบลาภสินเงินทองกองเป็นกอบเป็นกำแน่ๆแล้ว
เพียงว่าพี่คิดถึงมากแท้ดอก  จึงส่งสารมาหา  ให้นางเจรจรตอบมาบ้าง
ให้พี่ได้วางใจคลายคิดถึงนะเออ

>  
> น้องนี่ทุกข์ยากไฮ้ ปากก่ำกินมันหมก คันบ่กินหมกมันปากบ่ดำมุมเม้า ตั๊ว
> ฮักบ่ได้เว้าอกสิเน่าโนมใน ฮักบ่ได้ไขวาจาอกสิเพพังม้าง
> คันแมนพังจังส้าง คือสิม้างแต่ดน แท้แหล่ว พี่นุ
>สาวนิด

น้องนี้ทุกข์ยากไร้  ต้องอดอยากปากแห้ง กินมันเผาต่างข้าว  
ปากมันถึงได้ดำมอมแมมอย่างนี้น่ะซีพี่
หากรักแต่ไม่ได้เอ่ย อกมันจะแน่นขนัดกลัดหนอง  หากรักแล้วไม่ได้ไขเป็นคำ  
อกมันจะพังทลายลง  ของอื่นพังยังสร้างใหม่ได้  
แต่ใจคนมันซ่อมไม่ได้ดอกนะพี่
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 09 ม.ค. 01, 01:43

ชอบตรงคำผญาของสาวสมัยใหม่นี่ ผ่านไปตามสายลวดอินเทอร์เนต อะไรจะทันสมัยขนาด...

เร็วๆ นี้มีโจ๊กว่า ภาษาอีสาน อินเทอร์เนตว่าไง คำเฉลยว่า ฟ้าบ่กั้น ยังไงเล่า... (โจ๊กน่ะครับ แต่ผมชอบ เอาชื่อเรื่องฟ้าบ่กั้นของลาว คำหอม นักเขียนอีสานผู้ยิ่งใหญ่ มาเข้ากับอินเทอร์เนตได้อย่างเหมาะเจาะ)

มีผญาอีสานเดิมบทหนึ่ง ว่าอะไรผมก็จำไม่ได้แม่น แต่ถอดเป็นคำแปลภาษาไทยกลางได้ว่า หากพี่คิดถึงน้อง ขอให้จ้องดูดาว แล้วสายตาของเราจะกอดก่ายกันอยู่บนฟากฟ้า...
สมัยนี้ต้องเปลี่ยนเป็น หากพี่คิดถึงน้อง ขอให้จ้องดูจอ แล้วสายใจเราจะก่ายกอดกันอยู่ในเครือข่ายความจริงเสมือน...
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 09 ม.ค. 01, 18:01

***นางขอฝากกำลังใจน้อยๆ แนบมาตามสายเน็ต
ยามพี่หวดนิ้วใส่หนู ก็ขอให้ได้เห็นเมล์นี้เถิดหนา****

นอกจากเมล์แล้ว  พี่ควรจะมี pirch /ICQ/yahoo message ด้วยนะคะ เผื่อเหนียว

***สิบปีผ่านไป ยี่สิบปีผ่านไป ไม่เห็นพี่มาเยือนกันบ้างเลย***
อะไร้  หนุ่มในผญาให้สาวรอนานขนาดนี้เชียวหรือคะ  
ถึง ๒๐ ปีก่อนยังไม่มีเน็ต  พี่ก็น่าจะโทร.ข้ามทวีปมาได้นี่นา
เครื่องคองคอร์ดยังไม่มี แต่โบอิ้ง ๗๔๗ มีแน่ๆ ก็น่าจะไปเยือนกันบ้าง
บันทึกการเข้า
สอบวา (จำแลงกายมาจ่ายผญา)
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 09 ม.ค. 01, 19:54

เดี๋ยวนี้มันยุคพัฒนา เรามาเล่นผญาฟ้าบ่กั้นกันก็ดีแหม
อยู่กันไกลปานนี้ก็ขอจ่ายผญาผ่านหน้าจอ ผ่านฟ้าข้ามมหาสมุทรไปเมืองพู้นแหล่วกันเน้อ
“ไกลกายเจ้า..ใจกะอยู่นำนาง
บ่มีทางไกลกัน..ให้พรากหนีข้าง
แม่นสิอยู่ฟากฟ้า..สิหย่อเป็นแผ่นดินเดียว
คราวสิบคืนซาวคืน..สิหย่อเป็นคราวมื้อ
ครั้นความมักมันคือเข้า..สิขอกินให้มันอิ่ม
ครั้นความมักความฮัก..มันคือน้ำบ่อแก้ว
สิลงล้างอาบสรง..น้องเอ้ย”
(แม้ว่ากายเราจะไกลกัน แต่พี่นี้ก็ขอนำหน้านางคอยป้องปกน้องจากภัยต่างๆ
จะไกลแค่ไหน ก็ไม่มีทางพรากสองเราให้ห่างไกลกันได้
แม้นว่าจะอยู่คนละฟากฟ้า แต่ว่าใจเราก็จะย่อให้เป็นผืนดินเดียว
ถึงแม้ต้องบากบั่นเดินทางไกลสิบวันสิบคืน แต่ใจเราก็ช่วยให้เหมือนกับว่าใกล้กันแค่มื้อเดียว
ถ้าใจที่อยากพานพบนี้เป็นเช่นดั่งข้าว พี่ก็จะขอกินแทนข้าวให้มันอิ่มท้อง
ถ้าความรักที่อยากพบเจ้า มันเป็นเช่นดั่งน้ำใส
พี่ก็ขอลงอาบชำระร่างกายของพี่ไว้ที่นี้”
มื้อนี่อ้ายก็ขอจ่ายผญาแค่นี้ก่อนเน้อ  เสียงแคนลายสุดสะแนนนายฮ้อยบ้านโน้นเพิ่นใกล้เข้ามา อ้ายขอลาไปก่อนเน้อ มื้อหน้าสิมาต่อผญาใหม่
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 09 ม.ค. 01, 21:31

ฟังเพลิน  หยุดจ่ายผญาแล้วหรือคะอ้าย
กินข้าวอิ่มท้องแล้ว มาต่อผญาใหม่เน้อ
บันทึกการเข้า
พวงร้อย
สุครีพ
******
ตอบ: 904


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 10 ม.ค. 01, 01:13

บทต่อของฉบับเดิมเค้านะคะ  จะไปตามเจ้าตัวมาดูอีกทีค่ะ  ยังไม่ทราบคุณนิดเธอจะว่างหรือเปล่า  คุณสอบวาอย่าเพิ่งไปไหนนะคะ  
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
(บ่าวนุ) โอนอ นางเอย ไขก็ไขมาถ่อนทางอ้ายซิถ่าต่ง ไขให้ตรงต่อท้าง ทางอ้ายซิต่งเอา
ย้านแต่ตีแถลงเว้าเอาเลามาปลูก บ่แม่นเชื้อชาติอ้อย
กินแล้วบ่ห่อนหวานดอกตี้นาง (พาโลดอกนอกินมันหมกตั้งแต่ปีกายพุ้น)
(โอ้ละหนอ นางเอย
ว่าไงก็ว่ามาเข้าทางพี่ได้ ว่าแต่เปิดช่องไขนำ้เข้านาพี่ให้ตรงทางนี้เหอะ พี่จะรอรับคำนางอยู่
เกรงว่าน้องจะพูดไปยังงั้นเองน่ะซี เหมือนเอาต้นเลามาปลูก มันใช่ต้นอ้อย
กินจะไม่หวานละน้า น้องเอ๋ย  โกหกรึป่าวน่ะ  ว่ากินหมกมันมาตั้งแต่ปีกลายนู้นแล้วนี่นา)

(สาวนิด) อันว่ามันหมกนั้นนางกินสู่ปีต้ัว กินเทือได๋กะแฮงแซบ กินแล้วกะกินอีก ฮั่นแล้วอ้าย ยิ้ม
(ที่ว่ามันเผานั่น น้องกินมาอยู่ทุกปีดอกพี่  กินทีไรก็อร่อยติดใจ  
เลยกินแล้วกินอีก  น่ันแหละพี่)

ฮักบ่เห็นหน้าเห็นเสื้อผ้ากะพออยู่ ฮักบ่ได้อยู่ซ้อนสินอนลี้อยู่จั่งใดหนอ
ปากจังใด๋ใจกะจังซั่นที่นางพรรณาต่อ บ่ได้กินเครือขอฮอที่มันขมปราดเปรี้ยง มาเว้าต่อชายดอกน๋า
(รักกัน ไม่ได้เห็นหน้า เห็นแต่เสื้อผ้าก็พอทนไหว
รักแล้ว มิได้เคียงคู่ จะนอนอยู่ลำพังได้อย่างไรหนอ
พูดอย่างไร ใจก็อย่างนั้น ที่นางพรรณาต่อไว้
ไมได้เหมือนไปกินเถากอฮอที่มันขมปราดเปรี้ยง แล้วเอาความขมใส่คารมมาพูดต่อกับพี่ดอกหนา)
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

[หมายเหตุ คำอธิบายเพิ่มเติมของคุณนิดค่ะ
ท้าง ณ ที่นี้ หมายถึง ช่อง  ล่อง  หรือ ทางน้ำ ที่ชาวนากั้นน้ำให้เข้าในนาของตน
ถ้าพื้นที่นาตรงไหนต้องการน้ำ  
แต่ถ้าในนามีน้ำเพียงพออยู่แล้ว ก็ไม่ต้องกั้นเอาน้ำ

ไขให้ตรงต่อท้าง....เปิดให้ถูกช่องทาง   ถ้าไม่เช่นนั้น น้ำก็จะไหลเข้าในนาของคนอื่นไป
ชาวนาเขารู้ช่องทาง หรือ ทิศทางของน้ำดีค่ะ (เช่น คุณนุ ไง) ยิ้ม
(ไขให้ตรงต่อท้าง คำลาวแท้ๆคือ ไขให้ถืกป่องท้าง)]

ต้นเลา คล้ายๆต้นอ้อย  แต่ลำเล็กกว่า  
>ใบกว้างกว่า  แต่เนื้อในมันเหมือนโฟม  ไม่มีนำ้หวานเลย ใช่มั้ยคะ  
>ที่เคยเห็น รู้สึกจะขึ้นเองตามไร่เก่าที่เค้าถางแล้วปีต่อๆมา ดินมันจืด
>เลยทิ้งร้างไว้  มันนานเหลือเกิน  จะจำผิดจำถูกรึเปล่า กะบ่ฮู้ค่า
>
ถูกแล้วค่ะ อยากจะกระซิบตรงนี้นิดนึง คือ อย่ามองข้ามว่าเลา(ต้นเลา)เป็นแค่หญ้าน่ะค่ะ
ยอดอ่อนๆของเลานำมาทำอาหารแกงใส่หน่อไม้และเห็ดได้อร่อยมาก
วิธีทำ ก็สูตรแกงหน่อไม้นั่นแหละ ใบย่านางนั้นขาดไม่ได้ ถ้าขาดก็จะไม่อร่อยเท่าที่ควร
(เค็ดลับ แกะกาบเสร็จแล้วต้มเอาน้ำเปรี้ยวมันออกก่อน
เช่นเดียวกับ ที่เราต้มหน่อไม้เอาน้ำขมมันออกก่อน นั่นแหละ)
บันทึกการเข้า
สอบวา
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 10 ม.ค. 01, 17:46

โอย อ่านแล้วหิว คิดถึงจี่ข้าวใต้แสงจันทร์ริมฝั่งลำน้ำหวาย
ที่ใช้ไม้พงไม้เลาเป็นแกนพันข้าวจี่
ปั้นข้าวเหนียวอย่างดี พัน พันและพันทบน้ำอ้อย
แล้วชุบไข่ ก่อนจี่ข้าวดังจี่จี่

จี่ข้าวไปข้อยสิจ่ายผญาต่อละเน้อ

“เอื้อยเอย…บ่าวนี้แนวนามเชื้อกาเชื้อต่ำ
มันบ่สมเผ่าเชื้อพระยาชั้นชาติสูง
แนวโครงบ่สมแร้งแกงปลาบ่สมบ่วง
แม่นสิตักต่อนได้ก็ยังเลี้ยวหลูดลง
แนวกงบ่สมฝ้ายไหมลาวบ่สมแหล่ง
แม่นสิจับต่องปั้นก็ยังฝั้นใส่กัน
หากมันหลายกว่าอ้อยกินได้ก็บ่หวาน
อานบ่สมม้าอาชาไนยบ่สมหิ่ง
ซิงบ่สมไก่อนแสนสิห้างก็บ่คา
ปลาบ่สมห้วยหนีไปวังใหม่
ไซบ่สมปากต้อนปลาสิบ้อนห่อนหนี”
(เอื้อยเอย  บ่าวนี้เป็นกาดำต่ำต้อยไม่สมกับชั้นพระยาสูงส่ง เหมือนโครงกระดูกไม่สมแร้ง
แกงปลาไม่สมกับช้อน ถึงจะตักได้ก็ยังหลุดมือ เหมือนกงไม่สมฝ้าย ไหมลาวไม่สมแหล่ง
หัวมันถึงจะมีมากกว่าอ้อยก็กินไม่หวาน อานและกระดิ่งไม่สมม้า ตาข่ายไม่สมไก่ดักก็ไม่ได้
ปลาไม่สมห้วยหนีไปอยู่วังใหม่ ไซไม่สมปากถึงจะดักต้อนปลาก็ยังผุดหนีไปได้)
บันทึกการเข้า
สอบวา
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 10 ม.ค. 01, 17:49

ผมสีดอกเลาเข้าแซมอยุ่มวยผม

ส่งภาพมาให้ดูครับ
http://vcharkarn.com/reurnthai/uploaded_pics/RW272x007.jpg'>
บันทึกการเข้า
สอบวา
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 10 ม.ค. 01, 17:50

สาวจำปาเอย อยู่ไกลคนละฟากฟ้า
ข้อยสิขับทุ้มมือกุมคันซอว่าลำนำขับทุ้มหลวงพระบางให้เน้อ

-----------  ดวงจำปา  ------------------
โอ้……ดวงจำปา………...เวลาชมน้อง
นึกเห็นพันซ้อง…………...มองเห็นหัวใจ
เฮานึกขึ้นได้……………...ในกลิ่นเจ้าหอม
เห็นสวนดอกไม้…………..บิดาปลูกไว้
ตั้งแต่นานมา……….. ….. เวลาง่วงเหงา
เจ้าช่วยบรรเทา……………เฮาหายโศกา
เจ้าดวงจำปา………………คู่เคียงเฮามาแต่ยามน้อยเอย

กลิ่นเจ้าสำคัญ……………ติดพันหัวใจ
เป็นน่าฮักไคร่……………..แพงไว้เชยชม
ยามเหงาเฮาดม…………..โอจำปาหอม
เมื่อดมกลิ่นเจ้า……………ปานพบเพื่อนเก่า
ที่พรากจากไกล……………เจ้าเป็นดอกไม้
ที่งามวิไล…………………..ตั้งแต่ใดมา
เจ้าดวงจำปา………………มาลาขวัญฮักของเฮียมนี้เอย

โอ้…ดวงจำปา…………….บุปผาเมืองลาว
งามดั่งดวงดาว…………….ชาวลาวเพิ่งใจ
เกิดอยู่ภายใน………………แดนดินล้านช้าง
เมื่อใดพลัดพราก…………..มิไปไกลจาก
บ้านเกิดเมืองนอน…………เฮียมจะเอาเจ้า
บันทึกการเข้า
พวงร้อย
สุครีพ
******
ตอบ: 904


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 11 ม.ค. 01, 13:38

กำลังโผเผจะคลานขึ้นที่นอน  หลังจากเพิ่งปั่นต้นฉบับอีกเรื่องหนึ่งให้คุณจ้อเสร็จ  แวะเข้ามาได้กลิ่นข้าวจี่หอมฉุย  เฮ้อ ฝันดีแน่คืนนี้  
นึกถึงดอกเลาลู่ลมเหมือนผมสยายของคุณยาย  ที่กำลังสางหลังจากอาบนำ้มาใหม่ๆ

พูดถึงข้าวจี่แล้วก็นึกถึงของโปรดอีกอย่างคือ ข้าวแดกงา  ที่คั่วงาพอหอมแล้วบุบในครกพอแตก  แล้วนวดให้เข้ากับข้าวนึ่งใหม่ๆร้อนๆ  
ปั้นเป็นก้อนยัดไส้กลางด้วยนำ้ตาลปีป  แล้วเสียบไม้ปิ้งพอหอม  โอ๊ย ท้องร้องจ๊อกๆแล้วค่า
บันทึกการเข้า
สอบวา
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 11 ม.ค. 01, 20:18

พูดถึงเรื่องกินแล้ว   คิดถึงภาพเดินทางกลางทุ่งกุลาปลายหน้าหนาวที่แล้ว ถนนตัดตรงแหนว จากชุมพลบุรี ปลาหน้าปลายนาก่อนหน้าทำบุญขึ้นยุ้งข้าวนี่เยอะจริงๆ วางขายตลอดทางที่ริมบึงน้ำชุมพลบุรี  แวะไปไหว้แม่ใหญ่ที่บ้านไพรขลา ไหว้สาพระที่อยู่ในสิมแล้วอุ่นใจแท้น้อ
 ไหว้สาพระเสร็จก็แล่นรถต่อฝ่าเปลวแดดที่เต้นยิบๆ ล้อลมหมุนกลางทุ่งกุลา บ่ายเปรี้ยงกลางเดือนอ้ายนี่มันร้อนระอุถึงใจจริงๆ  ถึงแยกบ้านตากูยเลี้ยวซ้ายไปสุวรรณภูมิ เมืองร้อยเอ็ด ที่แยกนั้นเห็นบักหน้อย(ไม่กล้าเขียนคำเต็ม เดี๋ยวโดนแบน) น้องสาวหล่า และแม่ใหญ่ ก้มๆ เงยๆ อยู่กลางทุ่งกลางแดดร้อนเปรี้ยง
เลยจอดรถแวะถามว่าทำอะหยัง  แม่ใหญ่บอกว่ามาหาขุดปูนาหน้าแล้ง ปูนาตัวโค่งมันหลายเอาไปแกงอ่อมปูใส่ใบชะพลูแซ่บหลาย
กลับมาบ้านบางบัวทองเล่าความให้ลูกจ้างฟัง อีกหลายวันอีนางน้อยเลยแล่นไปตลาดไปหาปูนาตัวโค่งมัดใส่ไม้ตับมาอ่อมปูนาให้กิน  อร่อยยยยยย เป็นที่สุดจ้ำข้าวเหนียวเคี้ยวปูกรุบๆ ซดน้ำแกงอ่อม
บันทึกการเข้า
สอบวา
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 11 ม.ค. 01, 20:19

มื้อนี้มาว่าผญาที่ว่าด้วยการกินดีกว่า อิ่มแล้วจะได้นอนหลับฝันดี   งั้นกินข้าวกินปลาแล้วว่า
ผญากันต่อเน้อ เอื้อยเน้อ
   “บ้านอ้ายบ่มีสังแล้วแนวใดสิคึดต่อ
หาอันใดบ่พ้อเหมิดมื้อก็บ่มี
หาแต่จินายโม้ปูนาตำป่น
ก่นแต่ปูซุมื้อแนวสิค้าก็บ่มี…เอื้อยเอย”
(บ้านข้อยไม่มีอะไรเลยไม่รู้จะทำอย่างไรดี หวังจะหาอันใดก็ไร้ผลทุกวันนี้ หาแต่จิ้งหรีดเขียดปูนามาตำป่นกินไปวันๆ จะหวังค้าหวังขายก็ไร้หนทางเอื้อยเอย)
บันทึกการเข้า
สอบวา
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 11 ม.ค. 01, 20:20

อิ่มแล้วก็ไปนอนหลับฝันดี  สุขอย่างนี้ อยู่หลีกิ๋นหวาน อย่างนี้ระวังอ้วนกันบ้างเน้อ
ว่าแล้วก็ขอกล่าวผญาลาไปนอนเหมือนกัน
“บัดนี้เดิ้กคล้อยๆ ลมวอยหนาวหน่วง
สุดเป็นห่วงนาถเอื้อยใจสะบั้นสั่นสาย
ข้อยสิลาก่อนเดอหล้าสายตาชู้เพิ่น
วาสนาข้อยฮอดเจ้าคงสิได้ต่าวมาต่อผญากันเน้อ”
(บัดนี้ถึงเวลาดึกแล้วลมหนาวพัดมา ข้อยเป็นห่วงเอื้อยใจแทบขาด ข้อยขอลาก่อน หากวาสนาข้อยมี คงจะได้พบกันแล้วว่าผญากันต่อเน้อ)

----------------------------- ขอลาไปนอนเหมือนกันจ้า ---------------------------------
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 12 ม.ค. 01, 19:06

"อยู่ดีกินหวาน" นี่เป็นคำพูดที่ใช้ในล้านนาไทยด้วยเหมือนกันหรือครับ
ผมเคยทราบว่าเป็นคำพูดที่ชนชาวไตในเมืองจีน ในยูนนาน ใช้กัน รู้สึกว่าเป็นคำที่น่ารักมาก ไม่แน่ใจว่าไตหรือไทเผ่าไหน อาจจะไตลื้อ ไตเขิน ไตใต้คง (จีนเรียก เต๋อหง) แต่ทราบว่า คนที่อู้กำเมืองได้จะพูดกับพ่ออุ๊ยแม่อุ๊ยชาวไตในยูนนานรู้เรื่องเกือบ 80-90 เปอร์เซนต์ คนพูดภาษาไทยกลางอย่างผมยังคุยได้รู้เรื่องเกินครึ่ง
มีคำลาของชนเผ่าที่พูดภาษาตระกูลไท-ไต ในเมืองจีน อีกคำหนึ่ง (มีหลายเผ่าครับ) จะเป็นพวกจ้วงในกวางสี หรือไตลื้อ ไตเขิน หรือพวกไหนก็จำไม่ได้ เวลาลากันคนหนึ่งจะว่า เมิง (-มึง) ไปกูอยู่ อีกคนหนึ่งก็ว่า เมิงอยู่กูไป...
ตรงดี
กู เมิง ยังมีร่องรอยใช้กันในภาษาจ้วง และภาษาไทในยูนนานครับ เขาไม่ถือว่าหยาบ
บันทึกการเข้า
สอบวา
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 12 ม.ค. 01, 20:56

คุณนกข. ครับ ผมขออนุญาตเอาคำลานี้ไปใช้กับเพื่อนผมมั่งแล้วกันครับ
สำนวนน่ารักดี
ส่วนทางไทหลวงพระบางเวลาเค้าลากันก็ใช้พวก
"ขอให้บุญค้ำนำสู่"  
ถ้าเป็นคนอายุน้อยไปลาผู้ใหญ่เค้าก็จะให้พรด้วยอย่างเช่นขอให้ธรรมค้ำครองเน้อ
น่ารักและรู้สึกดีครับ
ส่วน"อยู่หลีกิ๋นหวาน" นี้ เป็นสำเนียงไทยใหญ่ครับ แปลว่าขอให้มีความสุข อยู่ดีกินอร่อยจ้า
ว่าจะเบี่ยงกระทู้จากผญาเกี้ยวอีสานไปเป็นคำอู้บ่าวสาวล้านนามั่งนะครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.046 วินาที กับ 19 คำสั่ง