เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 ... 18
  พิมพ์  
อ่าน: 51142 กรุเรื่องเก่า สาวครีเอทีฟ
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



 เมื่อ 08 เม.ย. 08, 15:59

เมื่อเราทำงานโฆษณา ไม่ได้ถามตัวเองก่อนว่า นี่ทำเอาเงิน หรือเอาชื่อเสียง ทำไปโดยไม่มีจุดหมายมาก แค่สนุกกับงาน
แต่ไปๆมาๆ ไม่ใช่แค่นั้น

ชีวิตจริงของสาวน้อยวัยยี่สิบยุคหนึ่ง เริ่มแรก มันต้องเจอกับเอเจนซี่ที่มีงานให้ทำน้อยชิ้นมาก เหมือนกับว่า งานแอคเคานท์(แปลว่าลูกค้าค่ะ ไม่ใช่บัญชี)ที่น่าจะสนุก น่าจะได้ใช้ความคิดนอกกรอบ คนอื่นเขาได้ไปทำหมด

ก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำแอคเคานท์ที่ไม่มีกิจกรรมการขายมาก ไม่มีโอกาสเสนองาน อย่างมากก็แค่เขียนสป็อตเหลือๆที่เขาส่งมาให้ ไม่ได้ผุดได้เกิดกับเขาหรอก
หลงคิดว่าตัวเองเป็นนายภาษา มาทำงานโฆษณามันง่าย ที่จริงไม่ใช่อย่างนั้น ต้องมาเรียนรู้วิธีเขียนภาษาอีกแบบหนึ่ง ตรง สั้น กระชับ เข้าจุด และน่าสนใจ จำไว้ว่าขายของ ไม่ได้เขียนบทกวีนะเฟ้ย..
ที่สำคัญ มันต้องมีไอเดียด้วย..
บางที่เขาเรียกว่าคอนเส็ปท์..
บริษัทโฆษณาแรก ก็ไทยมาก ไทยจีน เป็นอินเฮาส์ของเครือสหพัฒน์ชื่อว่า ฟาร์อีสท์ ซึ่งอยู่ยงคงกระพันมาทุกวันนี้ แถมเข้าตลาดหลักทรัพย์สำเร็จอีกด้วย..
แต่ช่างเหอะ ตอนนั้น ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่นั่น ดิฉันมีรุ่นพี่สีชมพูหล่อสมาร์ทแบบจีน สไตล์อากู๋เป็นครีเอถีบไดเร็คเตอร์ค่ะ และแม่น้องนุชบุษบงเป็นเพื่อนร่วมงาน
..
ส่วนลูกค้ารายใหญ่ของเรา ก็นายห้างเทียม โชควัฒนา ซึ่งจะว่าไป ท่านก็เป็นเจ้าของตัวจริง
รู้จักนายห้างเทียม
นายห้างเทียม เป็นนักธุรกิจดังคนหนึ่งของยุคนั้น ผลิตภัณฑ์ในเครือเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค หลายอย่าง
สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก และดาวรุ่งของบริษัท มาม่า
ดิฉัน ไม่เคยมีชีวิตวนเวียนแถวถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เมื่อต้องไปทำงานแถวนั้น บรรยากาศน่ากลัว สองข้างทางเต็มไปด้วยโรงนวด ชื่อเก๋ๆ เพราะๆทั้งนั้น
สายฝน ..เป็นโรงที่ติดกับตึกที่ทำงานพอดี
ตึกใหญ่ของสหพัฒน์อยู่ริมถนน ใช้สีส้ม และสิงโตเป็นสัญลักษณ์ เนื่องจากมีที่มาเป็นผู้ร่วมทุนของบริษัทไลอ้อนที่ญี่ปุ่นมาก่อน และดูเหมือนว่า ลูกชายคนสำคัญของนายห้างจะได้ไปฝึกงานที่นั่นตอนหนุ่มๆ
เป้าหมายของสหพัฒน์ยุคแรกๆ สมัยละครวิทยุเป็นสื่อที่มีบทบาทต่อคนทั้งประเทศโดยเฉพาะแม่บ้าน นายห้างใช้อาภัสรา นางงามจักรวาลเป็นพรีเซนเตอร์ยาสีฟันไวท์ไลอ้อนมาก่อน
มีละครวิทยุคณะ 213 โดยคุณเอิบ กันตถาวร และอีกท่านหนึ่ง คุณวีระ ลิมปะพันธ์เป็นโพรดิวเซอร์
หลายปีต่อๆกันมา สหพัฒน์จึงได้ฐานของคนในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในเมือง แต่ในขณะที่คนเมืองหลวงและเมืองใหญ่ๆ สินค้าพวกคอนซูเมอร์ยังเป็นของบริษัทข้ามชาติ ที่ชื่อว่าลีเวอร์บราเธอร์ ประเทศไทย
ขณะนั้น สบู่ที่ครองใจคนไทย ชัดเจนว่าคือลักส์ โด่งดังก็ด้วยโฆษณาคอนเส็ปท์อมตะ ดารา 9 ใน 10 คนใช้
ผงซักฟอกที่ครองอันดับหนึ่ง บรีส คอนเส็ปท์โฆษณา กลิ่นสะอาด ดมดูก็รู้ว่าบรีส ใช้แนว testimonials คุณธาดาจะตามไปสัมภาษณ์แม่บ้านทุกภาค
ทั้งสองผลิตภัณฑ์เป็นของค่ายลีเวอร์บราเธอร์
ส่วนยาสีฟัน ก็เป็นคอลเกต ของค่ายแฟ้บและคอลเกต
นายห้างมีวิธีต่อสู้อย่างไร ต่อแบรนด์ต่างชาติเหล่านี้
ดิฉันจะลองฟื้นความจำมาเล่าให้ฟังค่ะ

 

บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 08 เม.ย. 08, 16:01

พยายามนึกถึงโฆษณาล่าสุดที่จำได้..และขำ
ผู้ชายคนหนึ่ง มีปัญหาอย่างแรง อยากได้กระดาษชำระ เข้าไปที่ร้านชำ ที่มีคุณป้าขาย ได้แล้ว ส่งเงินให้ ป้าเล่นดีมาก แกทอนช้าจนหนุ่มคนนั้นปล่อยเสียงออกมา คนดูก็รู้ว่าเป็นอะไร
จำได้ ขำ และติดตา แต่เชื่อไหมคะว่า จำแบรนด์ไม่ได้ ว่าขายบัตรสมาร์ทอะไร ของใคร
คงไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าทำโฆษณาออกไปแล้ว คนดูจำได้ แต่จำแบรนด์ไม่ได้
เฃ่น โฆษณาโค้ก ดันไปจำเป็นเป๊บซี่
หรือกระเบื้องคัมพาน่า ดันไปจำเป็นคอตโต้
Brand awareness สำคัญตรงนี้ค่ะ

ใช่ค่ะ นั่นหมายความว่า โฆษณาที่ประสบความสำเร็จ คนดูต้องจำสินค้าที่โฆษณาได้ว่าเป็นตราอะไร
ไม่ใช่ไปจำเหตุการณ์
บทเรียนของการทำหนังโฆษณาที่ดรามาไทซ์เรื่อง แต่ไม่เน้นแบรนด์ดิ้ง
โฆษณาประกันชีวิตบางชิ้น ดูไป เปลี่ยนโลโกท้ายเป็นประกันภัยยังได้เลย เพราะเล่นเปิดเรื่องที่อุบัติเหตุรถยนต์

เท้าความสร้างบรรยากาศหน่อยค่ะ ตอนเรียนตรีน่ะ สิ่งที่กลัวกันเหลือเกินคือตกงานค่ะ พอปลายปีสี่ พวกเราสาวๆสวยมั่งไม่สวยมั่งแล้วแต่จะมอง ก็ออกหางานกันขวักไขว่ งานมันหายาก เศรษฐกิจตกต่ำ จบตรีมาส่วนใหญ่เคว้งหนึ่งปี
ที่แรกดูเหมือนจะเป็นโรงแรม เพราะอาชีพประชาสัมพันธ์กำลังอินเทร็นด์ ไปกินข้าวเที่ยงแถวเกษรแล้วแวะเข้าโรงแรมใหญ่ตรงนั้นเลยหละ สามสาวมีระดับนางนพมาศมหาวิทยาลัยหนึ่งคน ดิฉัน แล้วก็เพื่อนอีกหนึ่ง บุกเข้าไปพบผู้จัดการฝ่ายบุคคลเลย

ท่านต้อนรับดีมาก พูดคุยถึงงานสาขานี้ ทั้งที่เราเรียนมาไม่ตรง ผลที่สุดไม่มีใครได้งานเพราะไม่มีอัตรา จากนั้นก็ไปสมัครกันแถวบางแค เป็นล่ามบริษัทส่งออกกล้วยไม้ไปนอก พี่ที่จบภาษาเยอรมันได้ไป เพราะได้ใช้ภาษา

อาจารย์แผนกดราม่าแนะให้ดิฉันไปสมัครช่อง5 ตอนนั้นผู้การถาวรกำลังเป็นผู้อำนวยการอยู่ ได้เจอคุณจำนรรจ์ ศิริตัน รุ่นพี่สองปีซึ่งทำงานอยู่ที่นั่น บอกว่าตอนนี้ไม่มีอัตราจ้างใหม่ แต่ได้แนะนำให้ไปลองสมัครเป็นนักเขียนคำพูดโฆษณาดู จะสมัครช่อง 5 ทิ้งไว้ก็ได้แต่ควรมีนายทหารฝากให้ ปัทโธ่ ทหารที่สนิทท่านยังเป็นแค่ร้อยตรีอยู่เล้ย(ตอนนี้เป็นพลโทแล้ว) ..แล้วจะได้ได้ยังไง้

ว่าแล้ว ดิฉันด้วยดีกรีสาราณียกร(คนทำหนังสือหัวรุนแรง)และนักกลอน(ประตู)ก็เลยตุหรัดตุเหร่ขึ้นรถเมล์ ชวนเพื่อนไปไม่มีใครสน..
ไปสมัครถึงเอเจนซี่ไทยแถวเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งตอนนั้นเต็มไปด้วยโรงนวด ..ประกบทั้งข้างซ้าย และข้างขวา

ฝั่งตรงข้ามห่างหน่อยในระยะสิบเมตร

เพื่อนๆถามที่ทำงานอยู่ไหน พอบอกว่าเพชรบุรีตัดใหม่เท่านั้นหละ ทุกคนขมวดคิ้ว.. ชะชะ เขตอตร.ของสาวสมัยหนึ่งเลยหละ เปรียบเป็นสมัยนี้ก็ประมาณรัชดาฯมังคะ
มีอยู่วันไม่สบาย เป็นไข้หวัด ลากลับบ้านตอนบ่ายๆ ไปยืนป้ายรถเมล์เลยไปหน่อย รอเรียกแท็กซี่ ยังไม่ทันไร
ก็มีรถปร้าด..โฉบมารับ

ผู้ชายท่าทางเป็นเสือ(ผู้หญิง)เปี๊ยบเลย..แถมใส่เรย์แบนอีกตะหากไขกระจกติดฟิลม์ ชะโงกหน้ามาถามว่า
“ไปด้วยกันไม้น้อง”

บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 08 เม.ย. 08, 16:02

แหวะ…ช็อค ! ถ้ามีแรงหน่อย คิดคำเจ็บๆด่าออกไปนานแล้ว แต่อารามงง และป่วย ก็อึกอัก พูดว่า”บ้า”ได้คำเดียว

อีตานั่น ขับรถหนีไปเลย..
แสนจะอายและโกรธ คิดยัวะตัวเองที่เลือกมาทำงานในถิ่นเกรดต่ำๆ แล้วคิดเลยไปว่าชั้นก็แต่งตัวดี ดูไงเป็นแบบนั้นวะ แต่พอเล่าให้เพื่อนฟัง มันกลับหัวเราะบอก น่าจะภูมิใจ ที่อาเสียคนนั้นคิดว่า เราเป็นน้องนางข้างอ่าง..

“หายากนะเธอ ที่ครีเอทีฟผู้หญิงจะดูดีได้ขนาดนั้น”

เออ..คิดไปได้ แต่ก็ทำให้เราหัวเราะ ขำ.. แต่ขำแบบเซ็งๆไปกับมุมคิดของเพื่อน..

คุณอาจคิดไม่ถึงว่าบรรยากาศของถนนเพชรบุรีตัดใหม่ตอนนั้นมัน เงียบมากในตอนกลางวัน แต่คึกคักตอนเย็น ร้านอาหารเวลาจะกินกลางวันที เดินไปแถวเลยโรงนวดหน่อย หรือไม่ก็เพิงข้างๆโรงนวด ส่วนเช้าๆก็ผูกขาดร้านข้าวแกงมะ(เป็นอิสลาม) หน้าตึกใหญ่เลย ดิฉันรู้จักไข่ต้มเป็นยางมะตูมก็จากที่นี่ หากมื้อเที่ยงอยากกินอะไรแปลกๆแก้เบื่อเช่นส้มตำไก่ย่าง ต้องรวมกันขับรถไปน้อมจิตต์ เอกมัยบ้าง แต่เรื่องจะมาถึงสุขุมวิท ไกลเกินไปค่ะ

บ่ายๆ เวลาคิดอะไรไม่ออก เพื่อนผู้ชายครีเอทีฟก็จะชวนให้มองลงมาที่ตึกโรงนวดข้างๆ ดูสาวๆที่เพิ่งเข้างาน เพลินดีเหมือนกัน จะบอกให้ว่า สาวโรงนวดสมัยนั้น เอ๊าะๆมากๆ ชายหนุ่มละอ่อนครีเอทีฟมักจะบ่นอยากได้แคมเปญประเภทกางเกงใน เสื้อชั้นในมาทำแก้เหงา จะได้หาเรื่องไปสำรวจหานางแบบแถวนั้น

ดิฉันเอง เนื่องจากเป็นคนขี้อายมากๆ เวลาเดินแถวนั้น ไม่ค่อยสบายใจเลย ต้องทำใจ เพราะโดนมาแล้วครั้งหนึ่งที่เล่าให้ฟัง ทั้งโกรธทั้งยัวะ ไม่ชินท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยของชายชะแรแก่ชะรา ที่นิยมสาวเอ๊าะแถวๆนั้น อีกอย่างหนึ่ง ดิฉันสายตาสั้น แถมเซ่อไม่ค่อยมองใครอีกต่างหาก ก็พอช่วยได้ให้เดินกินเดินกลับไม่แวะไหนจนติดเป็นนิสัย
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 08 เม.ย. 08, 16:04

หลังๆ วัฒนธรรมเปลี่ยนไป ดิฉันลาออกไปแล้ว สาวรุ่นน้องที่มีรถ เมื่อไม่มีที่จอดเหลือแล้วในบริษัท ต้องไปผูกเดือนจอดในอาบอบนวด จึงเดินเข้าออกได้อย่างปกติ หน้าตาเฉย
โดยเฉพาะพวกผู้ชาย ถามเพื่อนๆพี่ๆหนุ่มๆว่าเห็นเข้าไปบ่อยๆ ทำอะไร ไปนวดเหรอ มักจะได้คำตอบว่า

"เฮ่ย คุณฯละก้อ..ไปเอารถไงล่ะ"

ที่จริงดิฉันชอบทำงานตอนเย็นๆเพราะจะคิดอะไรออกง่าย มีสมาธิ แต่เมื่อทำงานที่ถนนสายนี้ พอห้าโมงครึ่งปั๊บ พวกเราวัยรุ่นก็จะรีบกลับบ้าน ไม่งั้นจะไม่ปลอดภัย เรามีแกงค์ที่นั่งรถเมล์ไปทางเดียวกันอยู่สามสี่คน เราจะไปเปลี่ยนสายใครสายมันที่กล้วยน้ำไท และจะหยุดนั่งร้านลาบส้มตำ ถามว่าทำไมถึงชอบกินอาหารอีสาน ก็เพราะสมัยนั้นหายาก และต้องเป็นร้านมืออาชีพจริงๆคนถึงเข้า ที่จริง สำหรับเรา เรื่องกินเรื่องเล็ก

..คุยกันไปอย่างสนุกสนานสักชั่วโมงก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน

บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 08 เม.ย. 08, 16:08

โรงเรียนครีเอทีฟ

ว่าด้วยเรื่องงานบ้าง เอเจนซี่เรา เป็นเหมือนโรงเรียนครีเอทีฟดีๆนี่เอง รับแต่เด็กจบใหม่ เพราะเชื่อว่าไฟแรง มีลูกค้าเป็นเจ้าของบริษัท พร้อมสินค้าในเครือเพียบ มีโฆษกวิทยุจัดรายการทั่วประเทศ ที่กินเงินเดือนเรา เปิดสป็อตให้เราและพูดเชียร์สินค้าให้ พนักงานฝ่ายครีเอทีฟมีอยู่ทีมเดียว หน้าที่คิด เขียน ทำหนัง ทำสป็อต

ส่วนฝ่ายทำเลย์เอาท์เราเรียกฝ่ายศิลป์ ทำหน้าที่วาดรูป วาดสตอรี่บอร์ด คุมถ่ายรูป

ลูกค้ารายใหญ่เป็นนักธุรกิจชื่อดัง ใจดี มีคุณธรรม และน่าเคารพมาก ยังรำลึกถึงท่านเสมอ ท่านเรียกดิฉันด้วยชื่อเล่น เป็นกันเอง เราเรียกท่านว่า"นายห้าง" อย่างที่บอก..แรกๆทนทำงานอยู่แบบไม่เข้าที่เข้าทางไม่ได้แสดงออกหลายเดือน

..กว่าจะได้โอกาสแสดงความสามารถให้เข้าตาท่านได้ ก็เดือนที่เกือบจะไม่พ้นโปรนั่นแหละ..

ส่วนหัวหน้าเป็นรุ่นพี่รั้วสีชมพู สองหนุ่ม คนละมุมมอง คนหนึ่งก็ยอดจะพ่อค้า คือหน้าตาเป็นอาแปะหุ่นดี แก้สป็อตดิฉันเยินจนเสียเซ็ลฟ์ อีกคนก็ช่างอาร์ตทิสติคหลุดโลกเป็นนักกลอนสจม.รุ่นพี่
ถามว่านับถือใคร ก็ทั้งคู่ แต่ออกจะลำเอียงไปทางคนหลัง ทั้งที่ท่าทางพี่เขาเมาประจำ

พี่เมานี่สาวๆสนใจเยอะ น่าแปลกที่ผู้หญิงคุณนายๆและกุลสตรีส่วนหนึ่ง มักจะชอบพวกผู้ชายที่ทำตัวเป็นbad boy
เวลาทำงานจะน่ารัก ทำงานก็เป็นงาน อยู่ที่นั่นเรียนแบบครูพักลักจำ อ่านค่ะ อ่าน คุณพี่เขาจะเก็บแฟ้มงานที่เคยเขียนไว้เรียบร้อย เพราะเลขาฝ่ายเราคือพี่อ้อยและพี่ตุ๊เขาจะพิมพ์ๆๆแล้วเก็บอย่างดี
เด็กใหม่ที่ไม่ประสีประสาวิชาเขียนคำโคนาอย่างดิฉันจึงลุยอ่านๆๆด้วยความสนุกและอยากรู้อยากเห็น ทำให้ดิฉันเข้าถึงอาชีพการเขียนคำโฆษณาได้เร็ว ส่วนคนที่เป็นยอดพ่อค้านั่นก็ขยันแก้สป็อต ทำให้ท้อแท้ ห่อเหี่ยวใจ
แต่ถือว่าเป็นเจตนาดีอยากให้เราเก่งอย่างเขาก็แล้วกัน
...
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 08 เม.ย. 08, 16:10

โลกของครีเอทีฟที่นั่นจะสบายๆ งานน้อย ประชุมเยอะ เรามีห้องอัดเสียงเอง เพราะฉะนั้น เขียนอะไรผ่านปุ๊บ ลงไปอัดได้เลย โฆษกดังๆเรียกได้หมด เพลงและซาวนด์เอ็ฟเฝ็คท์ไม่มีให้เลือกมากเท่าไหร่
อาศัยรู้เพลงเยอะ ก็เปลี่ยนไป ใช้หัวบ้าง กลางบ้าง ท้ายบ้าง ไม่เบื่อ ช่างบันทึกเสียงเราชื่อพี่นิด เสียงคุณพี่ก็หล่อมาก บางทีดิฉันเห็นสินค้าเหมาะ ก็ใช้พี่ท่านซะเลย

เพื่อนครีเอทีฟ

ครีเอทีฟรุ่นดิฉัน มีแค่สี่คน หญิงสอง ชายสอง ไม่นับหัวหน้าสองคน เพื่อนชายโต๊ะใกล้ๆเป็นคนเงียบๆ หน้าตาดีมาก ตัดผมติดหนังหัวเพราะไปบวชมา เราสนิทกันพอควรเพราะดิฉันเป็นคนชอบผู้ชายเรียบร้อยค่ะ และชอบคนพูดตรงๆ
เนื่องจากตอนนั้น มีเพื่อนสนิทที่สุดชายหนุ่มเป็นคนคล่อง ปากหวาน และพูดเก่งไปหน่อย มันเลี่ยน.. ว่างั้นเถอะ

เพื่อนดิฉันคนนี้ คิดอะไรเก่งมาก เราได้ข้อแนะนำเรื่องงานจากเขาเยอะเหมือนกัน เขาไม่ต้องทำสินค้าให้สหพัฒน์ แต่ทำให้บริษัทสหไทยพัฒนภัณฑ์ซึ่งมีสินค้าให้เล่นหลากหลาย เช่นถุงเท้าคาร์สัน เสื้อยืดตราลูกไก่ ครีมแก้สิวยูบี และแป้งน้ำ อื่นๆอีกมากมาย

มีหนังถุงเท้าเรื่องหนึ่ง เพื่อนครีเอทีฟคนนี้ ทำเสร็จ หนังค่อนข้างสวยและทันสมัยมากของยุคนั้น ขายไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงและผู้ชายทันสมัย ประโยคสุดท้าย นางเอกคนสวย(เป็นนางแบบดังและนางเอกหนัง แฟนผู้กำกับไฟแรง) ต้องหันมาพูดกับกล้องว่า
"คาร์สันไงคะ"
เมื่อใช้เสียงผู้ประกาศแล้ว ลูกค้าไม่ซื้อ บอกว่า เสียงไม่เข้ากับหน้า
เพื่อนสนิทดิฉันกุมขมับ
เพื่อนบ่นกลุ้มใจ ใช้ใครดีหว่า..แล้วดีดนิ้วบอกว่า
"อ้ะ ใช้เสียงคุณแล้วกัน  ทั้งเซ็กซี่ ทั้งทันสมัย" (ฮ่าฮ่า นับว่า รสนิยมดีมาก)
ดิฉันเขิน ยั้งว่า "ถ้าลูกค้าไม่ซื้อเดี๋ยวเราเสียใจนะ"
เพื่อนยักคิ้วหล่อๆของเขาแล้วบอกว่า
"แต่ถ้าลูกค้าซื้อ ยูจะได้ สามร้อยบาทเชียวนะ"
"แหม..เยอะนักนี่"
แต่วววว....

ตามกฎ พนักงานบริษัททำอะไรจะได้แค่นั้นเองค่ะ เพื่อกันไม่ให้พนักงานงกหรือยังไงไม่ทราบ ดิฉันรักเพื่อนและอยากลองซิงค์เสียงตัวเองกับปากนางแบบด้วยหละ...เลยบอก เอาเล้ย...
...
หนังโฆษณาเรื่องนี้ใช้ในทีวีและโรงหนังด้วยค่ะ ฉายก่อนหนังฝรั่ง ไปดูหนังกับเพื่อนๆนอกวงการ
ไม่บอกพวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่าเสียงเรา แถมยังชมอีกว่า
เสียงคุณนางแบบคนเก๋ในหนังเท่ห์มากๆ
เฮ่อ..ไม่อยากบอก ว่าเสียงตูเอง
นั่งฟังแบบอมภูมิมันกว่า.. 

บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 08 เม.ย. 08, 16:13

ตำนานการตลาด

นายห้างเทียมเป็นตำนานการตลาดคนหนึ่งของเมืองไทยค่ะ
ถึงแม้ช่วงนั้นงานจะน้อย เพราะทำเฉพาะโฆษณาให้บริษัทในเครือเท่านั้น แต่เราก็ต้องเข้าประชุมร่วมกับนายห้างตลอด เป็นนโยบายของนายห้างเลย ที่จะให้ครีเอทีฟเด็กๆเพิ่งจบ มีประสบการณ์ ได้เข้าประชุมนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาทุกอย่าง
นับแต่ ประชุมครีเอทีฟเอง ทุกวันพุธ.. นายห้างจะมานั่งที่หัวโต๊ะ พูดสิ่งที่ท่านอยากจะบอก เป็นเรื่องการตลาดเสียโดยมาก และถามไถ่เรื่องแคมเปญแต่ละสัปดาห์ พร้อมให้คำแนะนำ มีการอ่านสป็อตให้นางห้างฟัง เอาเลย์เอาท์ให้นายห้างดู ท่านเป็นประธานจะให้ข้อคิดเห็นบ้าง ท่านจะมีเลขาประจำตัว เป็นอาหมวย เรียบร้อยแต่คล่อง ชื่อคุณเล็ก คอยจดบันทึกการประชุมทุกครั้ง และส่งบันทึกตามมาในวันรุ่งขึ้น
ส่วนเลขาอีกสองคน คือลูกสะใภทั้งคู่ของท่าน คนหนึ่ง สวยมากระดับรองนางสาวไทย และสวยหวานเหมือนนางเอกผู้ดีๆหนังฮ่องกงอีกหนึ่งคน
เวลาทำงาน ไม่ใช่จะนั่งโต๊ะ รอคนมาหา หากว่างท่านจะเดินยืดเส้นตลอดทุกชั้น..บางทีสวนกับเราก็ทักทาย หรือยิ้มให้ พวกพนักงานมีความรู้สึกที่ดีกับท่านมาก
นอกจากนั้น นายห้างยังมีนักเขียนชาย ที่รู้ภาษาจีน มาคอยจดเล็คเชอร์ทุกอาทิตย์ แล้วโรเนียวแจกพวกเรา ข้อความจะแทรกคำคม ปรัชญา และแนวคิดการตลาดเสมอๆ

ความแหลมคมของนายห้าง เป็นยาเสพติดที่ทำให้ดิฉันไม่เบื่อ ที่จะเข้าประชุมวันพุธ และมีอีกประชุมหนึ่งคือมีเดีย ว่าไปแล้วนายห้างเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดตัวจริง ท่านจะวิเคราะห์ความสำเร็จของบรีสให้เราฟังเสมอ ตัวท่านเองทำผงซักฟอกท็อป ซึ่งดิฉันเพิ่งมาซื้อเพราะเป็นพนักงานฟาร์อีสท์ จะมีห้องขายของพนักงานในราคาถูก ดิฉันจึงซื้อทั้งสบู่ ยาสีฟัน และผงซักฟอก ตลอดจนมาม่าที่นี่แหละค่ะ ใช้เป็นจริงเป็นจัง จึงทราบว่า ท็อปนั้น คุณภาพดีมาก แรงโฆษณาก็ทั่วถึง

แต่คุณแม่บ้านทั้งหลายมอบใจให้แฟ้บกล่องแดงที่ชื่อว่าบรีสไปหมดแล้ว...
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 08 เม.ย. 08, 16:15

ตอนนั้น นายห้างได้นำเข้าหนังชุดจากฮ่องกง เรื่อง เปาบุ้นจิ้น ฉายทางช่องสาม เวลาประชุมมีเดียทีหนึ่ง เราจะได้ความรู้ว่า การวางสป็อตสินค้าเรา มีช่วงไหนบ้าง หัว กลาง ท้าย สลับสินค้าอย่างไร
ถึงแม้จะมีบริษัทวิจัยเรตติ้งโฆษณาอย่างเป็นธุรกิจแล้ว เราก็ทราบเองโดยไม่ต้องพึ่งบริษัทวิจัยนี้ว่า พ่อบ้านแม่บ้านทั้งประเทศติดหนังชุดเปาบุ้นจิ้นของเราจริงจังจนถึงขนาดเป็นฟีเวอร์ ต้องกลับบ้านให้ทันดูเปาบุ้นจิ้น โฆษณาสินค้านอกขอซื้อเข้ามาคิวเต็มไปจรดปลายปี..คุณแม่ดิฉันก็มีความสุขกับการดูหนังเรื่องนี้มาตลอด
วันหนึ่งในที่ประชุมครีเอทีฟ ท่านก็ออกโรงเป็นครีเอทีฟเสียเองด้วยการบอกว่า ท่านจะทำผงซักฟอกยี่ห้อใหม่ขึ้นมา คุณภาพดีเชียวหละ แต่จะขายถูกกว่าบรีส..นะ

เห็นไหมคะ ไอเดียไทยแลนด์แบรนด์บรรเจิดมาตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว จากสมองของผู้ชายที่จบมหาวิทยาลัยชีวิต

วัฒนธรรมที่นี่ไม่มีใครค้านเจ้านายใหญ่อยู่แล้ว ท่านก็เลยลุยต่อไปว่า ผมจะตั้งชื่อว่า ผงซักฟอกเปาบุ้นจิ้นนะ และจะใช้หน้าของนักแสดงคนนี้ เป็นฝากล่องเลย ฝ่ายศิลป์จะว่าไง
ตอนนั้นหัวหน้าฝ่ายศิลป์(จริงๆนายห้างเรียก ฝ่ายสิง)เป็นรุ่นพี่ถาปัดจุฬา..และมือดีไซน์ก็จบจากมัณฑนะศิลป์ ศิลปากรทั้งนั้นก็รับงานมาทำ ตามที่นายห้างบรีฟ ทำหลายดีไซน์จนมาจบที่เห็นเต็มหน้าของท่านเปา ชื่อตราโตชัดเจนว่า เปาบุ้นจิ้น
ที่พวกเราช็อคเป็นนักเป็นหนาไม่ใช่แค่ชื่อค่ะ แต่เป็นสโลแกน..
คุณภาพซื่อสัตย์ ราคายุติธรรม...
มันไหมล่ะคะ
ท่านนายห้างเทียม โชควัฒนาคิดเองค่ะ
 

บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 08 เม.ย. 08, 16:54

พวกเราทึ่งบ้าง ค้านบ้าง คุณภาพมันไม่น่าซื่อสัตย์นะ น่าจะเป็นคนมากกว่า แต่ดิฉันว่าความที่มันสดจากสมอง และแหวกแนวดี ความแหวกนี่ละ คมซะไม่มี
และบวกกับแพคเกจจิ้งกล่องแดง หน้าตาที่เขาคุ้นและมั่นใจ ชาวบ้านร้านช่องที่ได้ลองใช้ ไม่มีใครบ่นว่าไม่ดี..
คุณภาพและราคา เป็นตามที่นายห้างสัญญาไว้ด้วย..

ตกลงนายห้างไม่ใช่เป็นนักการตลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นครีเอทีฟเองด้วย
เฮ้อ ..ขืนทำนานๆ พวกเรามีหวังตกงานแน่
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 08 เม.ย. 08, 18:02

เครือข่ายโฆษก

คงไม่มีอีกแล้วที่จะมียุคไหน เป็นอย่างยุคนายห้าง สหพัฒน์เป็นบริษัทจัดจำหน่ายของคนไทย(เชื้อจีนเลือนแล้วป่านนี้) พลังวางจำหน่ายทั่วประเทศต้องใช้หน่วยรถมากมาย มีเซลระดับต่างๆตั้งแต่ฝึกหัด จนระดับเสื้อสามารถ ปล่อยเดี่ยวไปพบเอเย่นต์ร้านค้าปลีกได้ เพื่อขายของเข้าร้าน เครดิตหรือสดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ซาปั๊วเป็นคำจีนที่สาวครีเอทีฟต้องเข้าใจ
เช่นเดียวกับหยี่ปั๊ว ซึ่งหมายถึงเอเยนต์ขายส่ง

ก็สมัยนั้นไม่มีสะดวกซื้อยี่ห้อเลขเปิดทุกหัวระแหงนี่คะ คนท้องถิ่นก็เลยมีทางทำมาหากิน และมีอิทธิพลกับผู้บริโภคตั้งแต่คุณสาว คุณหนุ่ม ยันเด็กๆ หรือขึ้นมาถึงคุณลุงคุณป้า

เอาหละ หน้าที่การนำของเข้าร้านเป็นของเซล แล้วหน้าที่กระตุ้นคนซื้อให้มาที่ร้านเพื่อหยิบจับ ลอง หรือหาของใช้ล่ะ เป็นของใคร

ยุคนั้นโทรทัศน์เป็นสื่อที่มีอิทธิพลที่สุดก็จริง แต่ไม่สามารถซอกซอนชอนไชเข้าไปทุกหัวระแหง
นายห้างจึงมีโฆษกวิทยุทั่วประเทศ ท่านเหล่านี้ มีสปอนเซอร์ใหญ่คือนายห้างจ่ายค่าสป็อตให้ พวกเรามีหน้าที่เขียนคำโฆษณา อัดสป็อตอย่างเดียวไม่พอ เราจะส่งคำพูดวิทยุไปเป็นไกด์ แบบสั้นแบบยาว เพื่อให้ท่านโฆษกเหล่านี้พูด ดัดแปลงไปตามลีลาลูกเล่นของแต่ละท่าน โอ๊ย สนุกอย่าบอกใครเวลานายห้างท่านเชิญโฆษกเหล่านี้มาประชุมใหญ่ที่สหพัฒน์ กระทบใหล่คนดังของท้องถิ่นกัน
ขอโทษ บางทีเป็นวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ค่ะ เราๆท่านๆก็ต้องมานั่งฟัง
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 09 เม.ย. 08, 00:16

การทำงานกับคนเก่งตั้งแต่เริ่มเป็นเด็กจบใหม่นี่ดีนะคะ ถ้าเราเก็บเกี่ยวสิ่งที่เราไม่มีความรู้มาก่อนได้ ฟัง คิดตาม ถามแล้วจด สมัยเด็กๆ คุณครูดิฉันเน้นเรื่องสุจิปุลิ ออกข้อสอบประจำ นักเรียนมีหน้าที่ท่องจำ และตอบ เพื่อให้ได้คะแนน
เมื่อโตขึ้นทำงาน การฟัง คิดตาม ถาม และจด หากได้นำมาปฏิบัติ มีหรือจะไม่เกิดความเจริญงอกงามทางสติปัญญา

คุณเทียมน่ะทำงานเหมือนเป็นมีเดียแมนเองด้วย เพราะนอกจากจะเชิญโฆษกทั้งหลายมาฟังการบรีฟผลิตภัณฑ์ หรือโปรโมชั่นใหม่ๆแล้ว ยังวางสินค้าลงได้เข้ากับสไตล์การจัด และสถานีด้วย ทั้งมีความจำดีเยี่ยม ลูกชายท่านที่ประจำอยู่ตึกบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ตอนนั้น มีสามคน
คนหนึ่งจบญี่ปุ่น อีกคนจบมหาวิทยาลัยดีเด่นของไทย โดยมีตำแหน่งนายกสโมสรนิสิตฯติดมาด้วย และอีกคนจบมหาวิทยาลัยเมืองฝรั่ง หลากหลายประสบการณ์
ดิฉันได้เห็นลูกชายนายห้างเทียมอยู่ในที่ประชุมเสมอๆ

โฆษกที่เข้ามารับบรีฟและงบนั้น จะรายงานบรรยากาศทางการตลาดและการโฆษณาในท้องถิ่นมาด้วย นายห้างจึงเหมือนมีแม่ทัพรอบเมืองคอยส่งข่าวคู่แข่งซึ่งตอนนั้นมีทั้งบน และล่าง
ยกตัวอย่าง บนก็คอลเกต ล่างก็จำปาทอง
สามบาท ห้าบาท ราคานี้หละค่ะ ขายไม่รู้เรื่องในตลาดต่างจังหวัด

ข้อมูลอันมีค่า ทำให้พวกเราชาวสหพัฒน์และฟาร์อีสท์ ขยับตัวได้เร็วยังกับมีตาสับปะรด ประชุมมันๆ เวลาผ่านไปเร็ว ถึงเวลาเที่ยง นายห้างจะเลี้ยงข้าว ของอร่อยประจำที่ไม่มีใครเบื่อ ก็คือก๋วยเตี๋ยวราดหน้าจากสมบูรณ์ภัตตาคาร ใกล้ๆ

นายห้างก็รับประทานเหมือนเราค่ะ
บันทึกการเข้า
Bana
องคต
*****
ตอบ: 439



ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 09 เม.ย. 08, 01:09

อ่านสนุกมากครับ  เข้ามาให้กำลังใจครับ  ได้ความรู้เรื่องธุรกิจโฆษณาในอีกแง่มุมเยอะเลยครับ  เคยทราบว่างานสป็อตเป็นงานหลักในยุคก่อนๆ  เพราะทีวีและนิตยสารยังไม่ครอบคลุมไปทั่วประเทศ  และรายการที่คนฟังมากที่สุดคือละครวิทยุกับรายการเพลง  ยังรออ่านตอนคุณกุ้งจะพูดถึงการเช็คเรตติ้งหรือการสำรวจมาร์เก็ตแชร์ในตลาดในสมัยนั้นครับ  น่าสนใจว่าเค้ามีวิธีเช็คอย่างไรบ้าง...รออ่านอยู่ครับ

ขอบพระคุณมากครับ   ยิ้ม  ยิ้ม  ยิ้ม
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 09 เม.ย. 08, 09:26

       จำได้ว่า ช่วงหนึ่งมีคำสั่งห้ามโฆษณาสินค้าตรงๆ ทางวิทยุ โฆษกจึงใช้วิธีเปิดเพลงที่ไม่มีคำร้อง
มีแต่ดนตรีทำนองเพลงโฆษณา (ซึ่งเป็นทำนองเพลง นิ้งหน่อง) แล้วบอกว่า ท่านผู้ฟังคงจะจำได้ว่าเป็น
เพลงอะไรนะครับ
         วิธีการโฆษณาสินค้าทั้งทางโทรทัศน์ และวิทยุสมัยก่อน มีเสน่ห์ น่ารักมาก นึกแล้วอดยิ้มไม่ได้ 
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 09 เม.ย. 08, 10:28

โฆษกวิทยุที่เข้ามา เขาจะถือโอกาสติชมงานโฆษณาของเอเจนซี่ด้วยค่ะ
แต่สิ่งที่ทีมงานของเรากลัวที่สุด ไม่ใช่พวกนี้ ใครทราบไหมคะ
ฝ่ายขายค่ะ..
ดิฉันเรียนรู้ด้วยประสบการณ์เลยว่า ทำไม บริษัทอย่างสหพัฒน์ ลีเวอร์ เขาถึงไม่ให้ฝ่ายขายเข้ามามีส่วนตัดสินใจเรื่องแนวทางคิดงานครีเอทีฟ ในการประชุม
ก็เพราะรายไหนรายนั้น ฝ่ายขายจะฆ่างานความคิดสร้างสรรค์ดีๆหมดน่ะสิคะ
อารมณ์ขัน จินตนาการดีๆ ถูกยิงเกลี้ยง..

...
กลยุทธป่าล้อมเมืองทางด้านการวางตลาดและจัดจำหน่ายของสหพัฒน์ยุคนั้นถือว่าได้ผลค่ะ
..วันนี้ สหพัฒน์ถือว่าเป็นบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยที่เชิดหน้าชูตา ขยายธุรกิจไปหลายแขนง เรียกว่า สามารถจัดงานสหกรุ๊ปได้ทุกปี ด้วยขาของตัวเอง เพื่อระบายสินค้าที่ผลิต และส่งออก
ชาวบ้านร้านช่องรุมกันเดินยังกับงานสัปดาห์หนังสือ มีแขกต่างประเทศเข้ามาดู เพื่อเลือกซื้อสินค้าไปขาย หรือนำสินค้ามาให้ผลิตทั้งรองเท้า เสื้อผ้า เครื่องหนัง และอาหาร
เริ่มมีร้านค้าปลีกย่อยของตนเองตามจุดต่างๆของอำเภอสำคัญๆ แม้จะยังต้องพัฒนาระบบให้เท่ากับเชนสโตร์ใหญ่ๆ
ใช้เงินทุนหมุนเวียนสูง มีนิคมอุตสาหกรรมของตนเองไปทั่วเกือบทุกภาคของไทย พัฒนาแรงงานและสร้างงานได้ทั่วประเทศ มีอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง และถึงคราวป้อแป้ ก็ต้องแก้ปัญหา อยู่ได้ก็ดี อยู่ไม่ได้ก็ต้องปิดไป เป็นสัจธรรม
วันที่ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด สหพัฒน์สิ้นคุณเทียม ทายาทของท่านก็เข้ามาดูแล แผนการตลาดเดินไปคนละแนว ครีเอทีฟคงไม่ได้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับการตลาดเท่ายุคหนึ่งซึ่งนายห้างท่านทำตัวเป็นทั้งหัวหน้าใหญ่ พ่อผู้เมตตา และคุณครู
ย้อนความหลังกลับไปถึงการดูตลาดต่างจังหวัดกันหน่อยไหมคะ ว่าสาวครีเอทีฟจะต้องไปเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง
บันทึกการเข้า
Oam
แขกเรือน
ชมพูพาน
***
ตอบ: 168



ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 09 เม.ย. 08, 10:55

คนนอกวงการขอแจม

แต่ก่อนกลยุทธในการขาย นอกจากโฆษณาที่น่าสนใจแล้ว ยังเน้นที่ของแจก เช่นซื้อยาสีฟันแถมจาน

เดี๋ยวนี้ กลยุทธในการขายเน้นเรื่องคุณภาพของสินค้ามากขึ้น เช่น ผู้ใช้ ๙๖ เปอร์เซ็นต์ ใช้แล้วบอกว่าดี
ใช้แล้วเห็นผลภายในสามวัน (แล้วก็เอาแถบสีมาแปะเทียบกับสีของใบหน้า)

แต่...เรื่องของแถมก็ยังไม่ถึงกับขาดหายไปเสียทีเดียว วันก่อน เพื่อนร่วมงานไปซื้อเครื่องสำอางค์ขวดกระจิ๋วหลิว ได้ของแถมเป็นเตาอบกล่องเบ้อเริ่ม

รูปแบบหนึ่งของการสมนาคุณที่เหมาะแก่คนรุ่นนี้คือ gift voucher

กลับมาที่เรื่องโฆษณา อยากให้เล่าเกี่ยวกับการทำจิงเกิ้ลด้วยครับ สมัยก่อนมักมีการแต่งดนตรีประกอบโฆษณา เดี๋ยวนี้มักใช้วิธีเลือกเพลงฮิตมาประกอบโฆษณา ดนตรีประกอบโฆษณาที่ชอบมากที่สุดคือ ของยาคูลท์ ครับ
ยักคู...ยักคู...เพิ่มพลานามัยให้สมบูรณ์
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 ... 18
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.082 วินาที กับ 19 คำสั่ง