pakun2k1d
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 30 เม.ย. 08, 22:15
|
|
ก็น่านนะซิค่ะ ท่านขู่ฟอด ๆ ว่าถ้าไม่ยอมให้น้ำตาลขึ้นราคา น้ำตาลจะหนีออกนอก ชาวไร่อ้อยก็จะไปทำอาชีพอื่นเราจะไม่มีน้ำตาลกิน ก็ถ้าน้ำตาลนำเข้าถูกกว่า ก็นำเข้าซิค่ะไม่เห็นจะแปลก เอาพื้นที่ไปปลูกอย่างอื่นที่เราทำได้ดี ไม่ดีกว่าหรือ ไปทำการเกษตรผสมผสาน เหลือกินเหลือใช้แล้วค่อยขาย แล้วให้พวกที่เรียนสูง ๆ นั่งวิเคราะห์ วิจารณ์ ตินั่น บ่นนี่(เอ พวกเราด้วยหรือเปล่านี่) ทำนา ปลูกผัก จับปลาไม่เป็น ต้องรอว่าเมื่อไหร่เกษตรกรเขาเหลือกินเหลือใช้ แล้วถึงจะมีกิน อาชีพเกษตรกรจะได้มีคุณค่า ราคาจริง ๆ เสียที
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 30 เม.ย. 08, 23:26
|
|
ขอเชิญรูปนี้ มาไว้กระทู้นี้ดีกว่า งานก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก....ไม่นึกว่าชีวิตนี้จะได้เห็น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 30 เม.ย. 08, 23:30
|
|
รวยจริงๆ ประเทศนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Bana
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 01 พ.ค. 08, 00:40
|
|
วันนี้พึ่งไปใส่ปุ๋ยอ้อยตอสองพอดี(อ้อยที่งอกขึ้นใหม่หลังจากตัดแล้ว) กำลังคิดปลูกปาล์มน้ำมันและขยายพื้นที่ทำอ้อยทำมันสำปะหลัง เพราะทางภาครัฐเค้ามาให้ความรู้ว่าพืชพวกนี้จะเป็นพืชพลังงานทดแทน พวกทำแอลกอฮอล์หรือน้ำมันชีวภาพ ไม่ถึงเดือนก็มาได้ยินข่าวว่าควรขยายพื้นที่ปลูกข้าวและพืชที่ใช้ในการบริโภค เลยมานั่งงงปรึกษากับคุณพ่อว่าจะเอาไงกันดี หรือข่าวสารบ้านเราจะเป็นแบบท่านหัวหน้าห้องว่า อะไรก็ตามพวกเราชาวไร่ชาวนาขอเพียงอย่างเดียว คือขอให้ทราบว่าสิ่งที่เราจะลงทุนลงแรงเพาะปลูกจะขายได้แน่ และขายได้ราคาเท่าไหร่ ให้มีความแน่นอนถึงผันผวนบ้างก็ไม่ให้มากเกินไป ไอ้ทุนหรือแรงก็ส่วนนึงเวลาที่เสียไปเป็นปีนี่สิมันมืดมนจริงๆ ประเทศน้ำมันคนทำน้ำมันรวยที่สุด ประเทศคาสิโนคนทำคาสิโนรวยที่สุด แต่ประเทศบางประเทศเป็นประเทศผลิตอาหาร ผู้ผลิตตัวจริงจนที่สุด บริหารกันได้ดีจริงๆ.........งิงุ เห็นรูปของท่านพิพัฒน์แล้วปวดใจพิลึก โทษอะไรดีล่ะ การศึกษาการ เข้าถึงคุณค่า ความเอาใจใส่ของสังคมต่อสมบัติอันเป็นวิญญาณของบรรพบุรุษ ที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาบริสุทธิ์ ..........
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 01 พ.ค. 08, 01:07
|
|
รีไซเกิ้ลงัย น้องบานา
ไม้สามแผ่นนั่น อาจจะเคยผ่านพระหัตถ์กรมเจษฏ์ สมัยที่ทรงเริ่มทำการวัดจอมทอง ช่างบังเกิดเกล้าของกระผม เห็นว่าหัวไม้มันลิไปหน่อย ถือว่าเสีย แต่ไม้ยังหนาดี หนาตั้งเกือบสามนิ้ว น่าจะแข็งแรงพอรองตีนกุลีที่ลากรถเข็นอิฐปูนเข้าออก
เขาเลยขนมาวางทับพื้นที่เป็นอิฐตัวหนอน ผลิตจากโรงงานทันสมัยที่สระุรี(มั้ง) ก้อนนึงตั้งหลายบาท อิฐจะได้ไม่แหลก
แต่หัวใจชาวไทย แหลกไม่เป็นไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
pakun2k1d
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 01 พ.ค. 08, 12:25
|
|
เศร้าจัง เศร้าที่สุดในโลก ความเสียหายมันอยู่หน้าเรานี่เองแต่ทำอะไรไม่ได้ คนรุ่นใหม่ ๆ ของเราก็ดูจะไม่เป็นความหวังอีก เฮ้อ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 03 พ.ค. 08, 00:10
|
|
ถ้าอนาคตของชาติที่คุณป้ากุนพูดถึง จะหมายรวมถึงคนวัยผมด้วย ผมก็ต้องขออนุญาตเป็นอนาคตของชาติที่ไม่ดีซักคนนะครับ เพราะการรับฝากความหวังชนิดนี้ ทำให้ผู้รับ และผู้ฝากผิดหวังเสมอ เช่นเดียวกับที่ผมเชื่อว่าถ้าผู้ใหญ่ผู้ล่วงลับไปแล้วหลายๆท่านมาเห็นเข้า ก็คงรู้สึกเช่นนั้นในวันนี้
เก็บภาพจากเพชรบุรีมาฝากครับ คาร์บอนไดออกไซด์ที่แพงที่สุดในโลก ตอนที่ผมเห็นเหลือแค่นี้แล้วครับ หลังคา เพดาน ฐาน ทวย เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ไปหมดแล้ว เลยเดาอายุไม่ออก ทราบแต่กระจกยังเป็นชนิดที่เลิศที่สุด สีสันสวยเหลือเกิน เบื้อรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสในภาพล่างนั่นมาจากหน้ากระดานเล็กๆแถบหนึ่ง ความกว้างของกระจกแต่ละชิ้นไม่เกิน 0.5 x 0.5 ซม. คิดว่าใหม่ที่สุดก็ไม่น่าจะใหม่กว่าไม้กระดานของคุณพิพัฒน์นะครับ
ผมล่ะอยากขอซื้อฟืนกองนี้กลับบ้านแทบตาย เพื่อนนักโบราณคดีที่ไปด้วยพูดคำเดียว "การเก็บโบราณวัตถุเป็นสิ่งที่ต่ำช้าที่สุดอย่างหนึ่งที่มนุษย์พึงกระทำ"
เอาเถอะ.... ปล่อยให้พระเพลิงจัดการไปก็แล้วกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pakun2k1d
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 03 พ.ค. 08, 21:14
|
|
อ่านกระทู้ของคุณติบอแล้วนึกถึงคุณเล็กผู้สร้างเมืองโบราณ เคยได้ฟังเรื่องราวโบราณวัตถุหลาย ๆ ชิ้นที่อยู่ในเมืองโบราณ ถูกทิ้ง ถูกไฟไหม้ คุณเล็กไปเที่ยวซื้อมาเก็บเอาไว้ให้คนรุ่นเราได้ชมกัน สิ้นคุณเล็กไปแล้วก็ยังไม่เห็นมีใครอีกเลยนะคะ หรือมีแต่เราไม่รู้กันค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 03 พ.ค. 08, 22:53
|
|
ป้ากุนไปถูกใครหลอกมาหรือครับ เสี่ยแกไม่ทำอย่างที่ว่ามานา......
ช่วยเล่ารายละเอียดอีกนิ๊ดดด...เถอะ เสี่ยเดียวกันอ๊ะเป่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pakun2k1d
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 04 พ.ค. 08, 06:20
|
|
ผู้จัดการเมืองโบราณเป็นคนเล่าให้ฟังค่ะ จากที่เล่า เธอทำงานให้คุณเล็ก และเมืองโบราณมานานแล้ว และยังทำอยู่ทั้งที่อายุมากแล้วด้วยความรักความผูกพันที่มีมานาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 04 พ.ค. 08, 13:08
|
|
สมัยเริ่มโครงการ เมื่อช่วง 2510 เสี่ยทำเรื่องที่เลื่องลือไปทั้งวงการเล่นของเก่าอยู่หลายเรื่อง
หนึ่งคือปิดถนนวัวลาย ซื้อหมดทุกร้าน สองคือเหมารถไฟทั้งตู้เพื่อออกกว้านหาของ
แต่ของที่ได้มา ไม่ใช่ของเสียของทิ้งนะครับ แกฉลาดในการเลือกครับ เดิมเคยเป็นสิงห์ของเก่าแห่งเวิ้งนาครเขษมมาก่อน ดูของไม่มีใครสู้ได้ อาจจะมีก็คือ เป็นของที่เจ้าของจะรื้อ เพราะโทรมรักษาไม่ไหว อย่างวิหารวัดจองคำ นั่นก็ทำผาติกรรม ยกมาทั้งวัดเลย
หรือวัดอะไรผมก็จำชื่อไม่ได้แล้ว นั่นสมภารท่านจะรื้อหมู่กุฎีไม้ สร้างเป็นตึกแทน เสี่ยจะมีแมวมองคอยส่งข่าวให้ ถ้าดีแกก็ขอทำผาติกรรมมา ชุดนี้ได้มาหลังสุด คือส่วนมากที่สร้างเป็นตลาดบกนั่นแหละครับ
แกไม่นำของชำรุดเสียหายเข้าเมืองดอกครับ ขอเดาว่า ผู้จัดการคนนี้ คงไม่ทันทำงานกับเสี่ย เพราะการหาของเข้าเมืองนั้น แทบจะบอกว่ายุติเมื่อครั้งสร้างหอพระแก้วและตลาดบก ประมาณ 2520 หลังจากนั้น ของที่น่าหาไม่มีอีกแล้ว
ช่วงต่อจากนี้ เสี่ยจะทุ่มไปในการสร้างสรรค์ใหม่ๆ เช่นที่เริ่มสร้างปราสาทสัจจธรรมที่พัทยานั่นแหละครับ งานชิ้นแรกในยุคนี้ คือโรงละคอนที่เมืองโบราณ เป็นการสร้างสถาปัตยกรรมไม้แบบพลิกแพลง ไม่เคยเกิดที่ใหนมาก่อน นอกจากในจินตนาการของเสี่ย
พนักงานของเมืองโบราณ รุ่นใหม่ๆ เห็นจะไม่เข้าใจปรัชญาเมืองโบราณ ขนาดคนที่ทันแก ก็ยังไม่เข้าใจเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Oam
แขกเรือน
ชมพูพาน
ตอบ: 168
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 04 พ.ค. 08, 13:43
|
|
กระทู้อะไรไม่รู้ อ่านให้มันเจ็บใจเล่น ลองดูฝีมือการอนุรักษ์ของคนรุ่นใหม่นะครับ รูปจากวัดแห่งหนึ่งในอยุธยา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pakun2k1d
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 04 พ.ค. 08, 17:29
|
|
รู้สึกดีจังที่ตัวเองเป็นคนช่างฟัง ช่างซัก รับฟังทุกเรื่อง ทุกมุมมองค่ะ ฟังมากก็รู้มาก จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ถูกบ้าง ผิดบ้าง ก็ค่อย ๆ กลั่นกรองแก้ไขไป อะไรที่ดี มีประโยชน์ก็นำไปใช้ต่อ อะไรที่ผิด พลาด ก็ให้เป็นที่จดจำ จะได้ผิดซ้ำซากกันอีก
่ชื่อ ถนนวัวลาย คุ้น ๆ หูค่ะ แต่นึกไม่ออกว่าที่ไหน อย่างไร อาจารย์พิพัฒน์ขยายความหน่อยนะคะ
กระทู้นี้ชักออกไปในทางเจ็บช้ำน้ำใจอย่างที่อาจารย์พิพัฒน์ว่าจริง ๆ ค่ะ เราพอมีทางทำอะไรให้ความเจ็บช้ำน้ำใจของเราดีขึ้นบ้างไหมค่ะ สำหรับดิฉันน่ะจนปัญญาค่ะ ทำได้แค่เพิ่มเติมความรู้ให้ตัวเอง เผื่อว่าถ้ามีโอกาสจะได้ให้ความรู้ลูกหลานใกล้ ๆ ตัวบ้าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 04 พ.ค. 08, 19:48
|
|
คุยเรื่องเสี่ยเล็กนี่ จะเกิดสุขปนเศร้าครับ ใครทำงานกับแก จะทุกข์ใจใหญ่หลวง เพราะกดดันเหลือใจ แต่ละสิ่งนั้น เหมือนต้องมีสองชีวิตและวันหนึ่งพึงมี 48 ชั่วโมง จึงได้งานตามเป้า แตเมื่อแกตายไป
จึงได้รู้ว่าช่วงเวลานั้นคือที่สุดของชีวิต และบางคนจึงรู้ว่าเรือไร้หางเสือเป็นอย่างไร แม้เรือนั้น จะเป็นสุดยอดเรือเร็วของโลกก็ตาม
ถนนวัวลาย เป็นถนนค้าของเก่าในเมืองเชียงใหม่ครับ สองข้างทางมีร้านค้าเรื่องนี้เป็นสิบ ถ้านึกถึงถนนสายไม้ที่บางซื่อ ก็ทำนองเดียวกัน เพียงแต่ถนนวัวลายใหญ่โต ร้านค้าก็มีรสนิยม และสิ่งของก็น่าชมทั้งสิ้น ผมไม่ได้ไปเชียงใหม่นานนน...มาก ครั้งสุดท้ายก็ตอนยึดอำนาจรสช. ไปเห็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าสังเวช เห็นร้านค้าแยกออกไปเปิดกันใหญ่โต และทำกันเป็นอุตส่าหากรรมจริงๆ มีร้านป้าคนหนึ่ง เก็บช่อฟ้าไว้เป็นร้อยอัน ไม่ซ้ำแบบ
ผมก็นึกว่าหนึ่งแบบก็วิหารหรือโบสถ์หนึ่งหลัง คิดแล้วอยากโง่จะได้คิดอะไรต่อไม่ออก อ้อ ...ลืมไป เคยไปหลังกว่านั้นอีกครั้ง แต่วนเวียนทำธุระแต่ในมช. แทบไม่ได้ออกนอกรั้วเลย เว้นแต่ตอนกินข้าว และนั่งรถไปบ้านเพื่อน
สมัยที่เสี่ยเล็กเริ่มสร้างเมืองโบราณ การเดินทางไม่สะดวกเลย มิหนำซ้ำ เส้นทางยังอันตราย เพราะยังเป็นยุคที่บ้านเมืองยังมีพื้นที่สีแดง สีชมพู (คุณบานาน่าจะยังรู้จักเรื่องนี้) เกิดรถเสียระหว่างเดินทางยามค่ำคืน อาจถึงตายได้ เสี่ยและคณะ ซึ่งล้วนเป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิต แม้กระทั่งนักการเมืองหรือข้าราชการ ที่สนใจเรื่องนี้ ไม่ย่อท้อ ลุยไปเก็บข้อมูลและจัดหาสิ่งของเข้าเมืองโบราณ
ลองคิดเลขชั้นประถมก็ได้ว่า ที่ดินที่แกสะสมไว้ทำเมืองโบราณนั้น ปัจจุบันน่าจะมีราคาไม่ต่ำกว่าตารางวาละสามหมื่นบาท เพราะอยู่ติดถนนใหญ่ เป็นชุมชนเจริญและมีมูลค่าเพิ่มจากชื่อเสียง ซึ่งไม่ต้องอ้างเมืองโบราณก็ได้ อ้างว่าอยู่ไกล้สวางคนิวาส หรือฟาร์มจรเข้ แค่นี้ราคาก็พุ่งติดเพดานแล้ว คิดสะระตะ ตกไร่ละสิบสองล้าน แกมีอยู่แปดร้อยไร่ ก็เป็นเงินแค่ เก้าพันหกร้อยล้าน นี่ยังไม่ได้คิดว่า จะต้องถมที่ดินขึ้นมาอีกในราคาเท่าไร ค่าสาธารณูปโภคอีก ต่อให้หักค่างานศิลปะทั้งหมดทิ้งไป โครงการนี้ก็ยังมีมูลค่าร่วมๆ สองหมื่นล้าน
แล้วแกก็เก็บเงินค่าชม หัวละ 50 บาท ไม่ลดไม่เพิ่มจากวันที่เปิดกิจการ คงไม่มีใครกล้าเถียง ถ้าจะขอยกตำแหน่งที่สุดในโลกให้กับเสี่ยเล็ก ผู้ซึ่งเมื่อยามมีชีวิต ไม่อยากเจอหน้าใครทั้งนั้น จะขอทำงานอย่างเดียว
ตอนที่เขมรแตกและเศรษฐีไทยพากันคิดว่า บ้านเมืองจะต้องกลายเป็นคอมมิวนิสต์ และคิดจะหนี เสี่ยบอกกับนายห้าง(คือภริยา)เพียงว่า ถ้าเป็นไปถึงอย่างนั้น เราสองคนขอเป็นคนงานเฝ้าเมืองโบราณ พวกคอมมิวนิสต์คงไม่ว่าอะไรดอกนะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|