เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 19 20 [21] 22 23
  พิมพ์  
อ่าน: 129945 คนเขียนเพลง
Bana
องคต
*****
ตอบ: 439



ความคิดเห็นที่ 300  เมื่อ 05 ธ.ค. 08, 01:27

อิอิ.......คุณกุ้งแซวผมจนได้  ก็จริงนี่ครับเวลาให้สาวๆฟัง Green day , Nirvana  etc. ทีไรเป็นปากจู๋ส่ายหน้าทุกทีมิเคยพานพบรสนิยมแบบคุณกุ้งจริงๆครับ  ได้ยินเหมือนกันครับระหว่างอังกฤษกับอเมริกา  แต่ผมชอบทั้งสองไม่ว่าจะแบบ ELP หรือ slipknot  โปรเกรสสีฟแบบ Yes หรือ Queen ที่ชอบเรียกว่าโอเปร่าร็อค  ก็ฟังได้ครับแต่ในบางอารมณ์  ถ้าช่วงอินเลิฟก็อาจหันมาฟังพวก easy listening แต่โดยสันดานก็ชอบร็อคล่ะครับ....อิอิ

คุณกุ้งให้การบ้านทำให้นึกถึงท่านอาจารย์ใหญ่  อาจารย์พิพัฒน์....... ยิ้ม  มีหลายศัทพ์ที่ผมแปลไม่ได้จริงๆ  ถามผู้รู้ว่าเป็นคำสวด , คำเอื้อน อะไรทำนองนี้อ่ะครับ  แต่พอทราบเนื้อหาโดยรวมที่แฝงปรัชญาชีวิตไว้  ยังไงคุณกุ้งก็พยายามฝืนใจอ่านดูนะครับ  ผิดพลาดขออภัยด้วยครับ........ เจ๋ง เจ๋ง เจ๋ง

Bohemian Rhapsody
Queen

Is this the real life?
Is this just fantasy?
Caught in a landslide
No escape from reality
นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นหรือ
หรือนี่เป็นสิ่งที่จินตนาการขึ้นมา
จงจับไว้ในสิ่งที่กำลังจะสลาย
ไม่อาจหลีกหนีจากความเป็นจริงได้

Open your eyes
Look up to the skies and see
เปิดดวงตาของคุณ
แหงนมองไปบนท้องฟ้าและจงดู

I'm just a poor boy, I need no sympathy
Because I'm easy come, easy go
A little high, little low
Anyway the wind blows, doesn't really matter to me, to me
ฉันเป็นเพียงคนจน ฉันไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร
เพราะฉันเป็นคนเล็กๆที่ง่ายๆ สบายๆ
อย่างไรก็ตาม สายลมก็ยังคงพัดผ่านไป
และก็ไม่มีอะไรสำคัญจริงแท้สำหรับฉัน

Mama, just killed a man
Put a gun against his head
Pulled my trigger, now he's dead
Mama, life had just begun
But now I've gone and thrown it all away
แม่ ลูกเพิ่งฆ่าคน...เพียงแค่เอาปืนจ่อหัว
แล้วเหนี่ยวไก...เขาก็ตาย
แม่ ชีวิตลูกเพิ่งจะเริ่มต้น
แต่ตอนนี้เหมือนกลับว่า..ลูกได้ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไปแล้ว

Mama, ooo
Didn't mean to make you cry
If I'm not back again this time tomorrow
Carry on, carry on, as if nothing really matters
แม่จ๋า....
ลูกไม่ตั้งใจที่จะทำให้แม่ต้องเสียใจ
ถ้าหากลูกไม่ได้กลับมาที่นี่อีก...ในเวลานี้ของพรุ่งนี้
ขอให้แม่จงเข้มแข็งและดำเนินชีวิตต่อไป

Too late, my time has come
Sends shivers down my spine
Body's aching all the time
Goodbye everybody - I've got to go
Gotta leave you all behind and face the truth
สายไปแล้ว เวลาของฉันคงหมดแล้ว
ความหนาวสั่นสะท้านไปถึงกระดูกสันหลัง
มันเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วร่าง
ลาก่อนทุกคน ฉันคงต้องไปแล้ว
ต้องทิ้งทุกคนไว้เบื้องหลัง และเผชิญความจริงที่เกิดขึ้น

Mama, ooo - (anyway the wind blows)
I don't want to die
I sometimes wish I'd never been born at all
แม่จ๋า.... (แม้ว่าจะเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่าน)
ลูกยังไม่อยากตาย
มีบางครั้งที่คิดว่า ลูกไม่น่าจะเกิดมาเลย

I see a little silhouetto of a man
Scaramouch, scaramouch will you do the fandango
Thunderbolt and lightning - very very frightening me
Gallileo, Gallileo,
Gallileo, Gallileo,
Gallileo Figaro - magnifico
ฉันเห็นร่างเป็นเงารางๆ ของชายคนหนึ่ง
สแคระมูช, สแคระมูช เต้นระบำได้ไหม?
ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ แผดดังสนั่น จนทำให้ฉันรู้สึกกลัว
Gallileo, Gallileo,
Gallileo, Gallileo,
Gallileo Figaro - magnifico (แปลไม่ได้..อิอิ)

But I'm just a poor boy and nobody loves me
He's just a poor boy from a poor family
Spare him his life from this monstrosity
Easy come easy go - will you let me go
แต่ฉันก็เป็นเพียงคนจน ไร้ซึ่งคนรักใคร่
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ ที่มาจากครอบครัวจนๆชั้นต่ำ
ปล่อยเขาจากวิถีชีวิตอันโหดร้ายเถอะ...
เอาง่ายๆ เลยนะ พวกคุณจะปล่อยฉันไปได้ไหม

Bismillah! No - we will not let you go - let him go
Bismillah! We will not let you go - let him go
Bismillah! We will not let you go - let me go
Will not let you go - let me go (never)
Never let you go - let me go
Never let me go - ooo
No, no, no, no, no, no, no -
Oh mama mia, mama mia, mama mia let me go
Beelzebub has a devil put aside for me
for me    for me
บิสมิลล่าห์(คำสวดภาษาอาหรับ)...... ไม่ - เราจะไม่ปล่อยเธอไป(เสียน่ากลัว) – ปล่อยเขาไป(เสียงไพเราะ)
บิสมิลล่าห์..... เราจะไม่ปล่อยเธอไป – ปล่อยเขาไป
บิสมิลล่าห์..... เราจะไม่ปล่อยคุณไป – ปล่อยเขาไป
จะไม่ปล่อยคุณไป – ปล่อยฉันไป (ไม่เป็นอันขาด)
ไม่มีวันปล่อยคุณไป – ปล่อยฉันไปเถอะ
ไม่มีวันปล่อยคุณไป – อูววววว์  ไม่ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แม่จ๋า... ได้โปรดปลดปล่อยลูกด้วยเถิด
ปีศาจร้ายซาตานทั้งหลาย  เอามารพจญตนนั้นไปจากลูก...เพื่อลูก...สำหรับลูก

So you think you can stone me and spit in my eye
So you think you can love me and leave me to die
คุณคิดว่าคุณจะปาก้อนหินใส่ผม ถ่มน้ำลายรดหน้า ดูถูกผมได้หรือ?
คุณคิดว่าคุณจะรักแล้วจบด้วยการทิ้งไป ปล่อยฉันตรอมใจตายได้งั้นหรือ?

Oh baby - can't do this to me baby
Just gotta get out - just gotta get right outta here
โอที่รัก - ทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ
ต้องออกไป..ไปจากที่นี่..ถูกต้องแล้ว  ออกไปจากที่นี่กันเถอะ

Ooh yeah, ooh yeah

Nothing really matters
Anyone can see
Nothing really matters
Nothing really matters to me
ไม่มีอะไรที่เป็นแก่นสารจริงๆ
ทุกคนสามารถเข้าใจได้
ไม่มีสิ่งใดจริงแท้แน่นอนหรอก ..สำหรับฉัน

Anyway the wind blows...
และสายลมยังคงพัดผ่านไปเช่นเดิม...
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 301  เมื่อ 06 ธ.ค. 08, 08:30

 ยิ้มเท่ห์ 5555
ถ้าอาจารย์ของคุณ คุณพิพัฒน์มาอ่านเข้าคงอมยิ้มและรู้สึกเหมือนดิฉันตอนนี้ค่ะ
ว่าน่ารักดี เป็นเรื่องเป็นราว ได้อารมณ์ แม้จะมีบางประโยคที่ยากจะแปลได้สละสลวย เช่น
Caught in a landslide
No escape from reality ฯลฯ
การเขียนเพลงไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องเริ่มจากการมีไอเดียก่อน และยิ่งเป็นยุคที่ศิลปินต้องพึ่งยาเสพติดถึงจะมีไอเดีย ยิ่งแปลยากใหญ่
ดิฉันชอบงานของเฟรดดี้ เมอคิวรี่และเพื่อนร่วมวงของเขา ไบรอัน เมย์ค่ะ
อย่างเพลงtoo much love will kill you เขียนได้เพราะมาก และเพลงก็สวยงาม
เฟรดดี้ ได้รับอิทธิพลจากเอลวิส บีทเติ้ลส์ และไลซ่า มิเนลลี่ เขามีพลังเสียงที่ดีมาก เป็นนักร้องนักแต่งเพลงที่สามารถคนหนึ่ง น่าเสียดายที่เสียชีวิตเร็วไป เรื่องราวของเขาอ่านแล้วต้องซึม
ส่วนไบรอัน เมย์ ยิ่งน่าทึ่ง คนอะไร เรียนเก่งชมัด เป็นทั้งอาร์ตทิสท์และเป็นทั้งนักฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ เพิ่งได้พีเอชดี และเป็น ชานเซลอร์ มหาวิทยาลัยในลิเวอร์พุล
ลองฟังเพลงนี้ ที่ปาวารอตติกับเขา ในคอนเสิร์ทการกุศลหาทุนช่วยเด็กในไลบีเรีย

I'm just the pieces of the man I used to be
Too many bitter tears are raining down on me
I'm far away from home
And I've been facing this alone
For much too long
I feel like no-one ever told the truth to me
About growing up and what a struggle it would be
In my tangled state of mind
I've been looking back to find
Where I went wrong
Too much love will kill you
If you can't make up your mind
Torn between the lover
And the love you leave behind
You're headed for disaster
'cos you never read the signs
Too much love will kill you
Every time
I'm just the shadow of the man I used to be
And it seems like there's no way out of this for me
I used to bring you sunshine
.....ฯลฯ
ใครจะอาสาถอดความบ้างคะ

versionนี้ เฟรดดี้ร้องค่ะ





บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 302  เมื่อ 06 ธ.ค. 08, 14:10

ไหนๆก็ออกนอกลู่นอกทางวู้ดสต็อคมาพอประมาณ เพลงของควีนที่ใครๆก็ร้องได้อีกเพลงคือ Love of my life เฟรดดี้เขียนเพลงนี้จากเปียโนอีกเช่นเคย มันเป็นวิธีการของเขา ภาษาก็แสนจะง่าย คนอะไรไม่รู้เก่งจัง ทั้งแต่ง ร้อง และเล่นเองจนใครๆเรียกมันว่า freddie song
ถ้าขึ้นเวทีเล่นสดเมื่อไหร่ เฟรดดี้จะร้องแค่ท่อนแรก แล้วก็ปล่อยให้มวลแฟนของควีนร้องกันเอง
แบบเดียวกับที่ดีพเพอร์เพิ่ลปล่อยให้แฟนๆร้อง smoke on the water ท่อน refrain กันเอง


Love Of My Life Lyrics

Love of my life - you've hurt me
You've broken my heart and now you leave me
Love of my life can't you see
Bring it back, bring it back
Don't take it away from me
Because you don't know -
What it means to me

Love of my life - don't leave me
You've taken my love and now desert me
Love of my life can't you see
Bring it back, bring it back
Don't take it away from me
Because you don't know -
What it means to me

You will remember -
When this is blown over
And everything's all by the way -
When I grow older
I will be there at your side to remind you
How I still love you - I still love you

Back - hurry back
please bring it back home to me
Because you don't know
What it means to me

Love of my life
Love of my life ...
Oooh, oooh...


เมื่อเฟรดดี้จากไป ไบรอันก็นำเวอร์ชั่นที่เป็นกีตาร์มาเล่น.. ฟังดูก็สบายๆ เขาตามเฟรดดี้โดยให้คนร้องไปด้วย ในการแสดงหนึ่งที่อังกฤษ เขาบอกผู้ชมว่า คุณแม่ของเฟรดดี้มาชมด้วย ขอให้พวกเราร้องให้กับคุณแม่ของเฟรดดี้ด้วย
ทำเอาทุกคนเทใจให้หมดเลย
ครอบครัวของเขาเชื้อสายเปอร์เชีย หรือปาร์ซี เรียกแบบไทยคือเขาเป็นแขกขาวนั่นเอง เกิดที่ประเทศแซนซิบาร์ ซึ่งพลเมืองส่วนใหญ่เป็นคนผิวสี พูดภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อเพราะเป็นอาณานิคมเก่า
ย้ายมาอยู่บอมเบย์ หรือมุมไบ ก่อนที่จะกลับไปแซนซิบาร์ใหม่ และเมื่อมีการกวาดล้างทางการเมืองวุ่นวาย ก็ย้ายมาปักหลักที่อังกฤษเป็นการถาวร
เฟรดดี้ทิ้งชื่อและตัวตนเก่า สร้างชื่อนามสกุลใหม่ขึ้นมา ไม่น่าแปลกใจที่เขาเขียนเพลงให้ควีนแต่มีภาษาอาหรับปนได้ บางคำมาจากคัมภีร์บ้าง ฟังแล้วเง็ง
คนแซนซิบาร์ภูมิใจในตัวเขา แต่พอจะจัดงานเฉลิมฉลองให้ในวันครบรอบหกสิบปี กระทรวงวัฒนธรรมไดโนเสาร์เต่าตุ่นบอกว่า ไม่อยากให้คนรำลึกถึงเขาขนาดนั้นเพราะจริงๆแล้ว เขาไม่ใช่ชาวแซนซิบาร์ และการนำเกย์อย่างเฟรดดี้มาเกี่ยวข้องกับเกาะนี้ จะทำให้ชาติอิสลามแปดเปื้อน
(ฮัดชิ้ว....ให้กับความใจแคบของกระทรวงนี้ เอ เหมือนประเทศอะไรนะ)
ในขณะที่โลกถือว่าเขาเป็นชาวเอเชียที่ทรงอิทธิพลของวงการดนตรี ประเทศอัฟริกาที่เขาเกิดกลับดูแคลนเสียนี่
นอกจากแต่งเพลงเก่งและแสดงบนเวทีได้ไม่เหมือนใคร นับว่า เฟรดดี้จัดการเรื่องส่วนตัวของเขาได้ดีมาก ที่จริงไม่ใช่ว่าเขาไม่แต่งงานนะคะ เฟรดดี้เคยใช้ชีวิตคู่กับแมรี่ ออสติน สาวที่เพื่อนแนะนำให้ เธอเป็นแรงบันดาลใจในเพลงนี้เอง
ถึงแม้จะหย่า เฟรดดี้ก็บอกว่าแมรี่เป็นเพื่อนแท้ในชีวิตของเขา พร้อมกับรับเป็นพ่ออุปถัมภ์ให้ลูกของแมรี่ในภายหลังด้วย
เมื่อเขาเสียชีวิต พินัยกรรมของเขาน่าทึ่งมาก มรดกส่วนใหญ่ บ้านสไตล์จอร์เจียนที่ย่านเคนซิงตันที่เขารัก รวมถึงลิขสิทธิ์เพลงตกเป็นของแมรี่ เท่านั้นยังไม่พอ ครอบครัวหมายถึงพ่อแม่พี่สาว เชฟ เลขานุการส่วนตัว คนขับรถ รวมถึงเพื่อนชายที่อยู่กับเขาคนหลังสุดและเป็นคนที่ดูแลเขาร่วมกับแมรี่ก่อนจาก ก็ได้รับมรดกเช่นกัน
แมรี่เป็น Love of my life จริงๆ






บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 303  เมื่อ 06 ธ.ค. 08, 14:55

นักแต่งเพลงคนหนึ่งที่เป็นตำนานของฝั่งอังกฤษก็คือ จอห์น เลนนอน
เมื่อเขาต้องการแต่งเพลงที่ย้อนรำลึกไปถึงวัยเด็ก เขาก็เขียนออกมาได้ดี โดยคำร้องช่างuniversalไม่ต้องพูดถึงชื่อคน ชื่อสถานที่เช่น สตรอเบรี่ฟิลด์ เพนนี เลนในเนื้อเพลงเลย ทำให้เพลงนี้ ไปร้องวันไหนก็ได้ที่เราเกิดนึกถึงเพื่อนบางคน สถานที่บางแห่ง หรือวินาทีที่ประทับใจ รวมถึงคนที่ there is no one compared with you.
จอห์นแต่งในปี1965 โดยมีพอลช่วยตามฟอร์ม
คำร้องดี ร้องกันเรื่อยมาจนข้ามทศวรรษ ด้วยน้ำเสียงของศิลปินดังๆ แถมยังเอาไปประกอบหนังได้ซาบซึ้ง เช่นในเรื่อง Beaches (1988) ที่เบ็ตต์ มิดเลอร์เล่นกับ บาร์บาร่า เฮอร์ชีย์
บางคนระบุว่าให้เปิดในงานศพชั้นนะ ดิฉันว่า ใช้ในงานมีทติ้งเพื่อนเก่าคืนสู่เหย้าจะเหมาะมากเลยค่ะ

มีคนเอามาต้มยำทำแกงประกอบโฆษณาก็ยังได้
มาดังในเมืองไทยก็ตอนเอามาโฆษณาสบู่น้ำที่ใช้ดาราไปนั่งชมธรรมชาติอยู่ถึงอิตาลี



IN MY LIFE

There are places i'll remember
All my life though some have changed
Some forever not for better
Some have gone and some remain
All these places have their moments
With lovers and friends i still can recall
Some are dead and some are living
In my life i've loved them all

But of all these friends and lovers
There is no one compared with you
And these memories lose their meaning
When i think of love as something new
Though i know i'll never lose affection
For people and things that went before
I know i'll often stop and think about them
In my life i love you more

Though i know i'll never lose affection
For people and things that went before
I know i'll often stop and think about them
In my life i love you more
In my life i love you more
ดูจากมิวสิควิดิโอ มีภาพของผู้จัดการวงคนเก่งของเขา ไบรอัน เอปสตีนด้วย
ซึ่งจากไปก่อนใครเพื่อน
ตอนนี้ วงสี่เต่าทองเหลือเพียงสองหนุ่ม พอล กับริงโก้ เท่านั้น





บันทึกการเข้า
Bana
องคต
*****
ตอบ: 439



ความคิดเห็นที่ 304  เมื่อ 07 ธ.ค. 08, 00:35

ผมชอบเพลงบัลลาดของเฟรด  โดยเฉพาะ Love of my life แม้ชีวิตเค้าจะสับสนบ้าง  แต่ผลงานก็เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่  และคงไม่มีเพลงสไตล์นี้ออกมาอีก  เรียกได้ว่า Queen style แต่พฤติกรรมของเฟรด  จะให้ชาวมุสลิมยอมรับคงเป็นไปได้ยากครับ  เป็นความผิดที่ยิ่งใหญ่ตามหลักศาสนา  เป็นความละเอียดอ่อนมากครับคุณกุ้ง  พี่น้องชาวมุสลิมจะเข้าใจดีว่าผมหมายถึงอะไร  เอาเถอะครับให้เค้าเป็นคนหนึ่งในใจเราก็พอแล้วนี่ครับ
ในกระทู้ก็มีเพียงผมกับคุณกุ้ง  ถามหาอาสาสมัครแปลเพลงนี้  ก็จำต้องจัดให้ล่ะครับ  แม้จะเขินอายเมื่อต้องมาแปลต่อหน้าคุณกุ้ง  ยังไงผิดพลาดแก้ไขให้ผมด้วยก็จักขอบคุณครับ  มือใหม่หัดขับครับ.......... อายจัง

I'm just the pieces of the man I used to be
Too many bitter tears are raining down on me
I'm far away from home
And I've been facing this alone
For much too long
ฉันเป็นเพียงเศษเสี้ยวของชายที่เคยเป็น
หยดน้ำตาขมปร่าดูจะทะลักหลั่งออกมากมายเกินไปในเวลานี้
ฉันอยู่ห่างไกลจาก “บ้าน” เสียเหลือเกิน
และฉันจำต้องเผชิญกับสภาพนี้ เพียงลำพัง
และทนอยู่กับมันอย่างเนิ่นนาน...

I feel like no-one ever told the truth to me
About growing up and what a struggle it would be
In my tangled state of mind
I've been looking back to find
Where I went wrong
ฉันรู้สึกเหมือนไม่มีใครเคยบอกความจริงกับฉัน
เกี่ยวกับการเติบโตที่เป็นไปอย่างทุลักทุเล
ภายใต้สภาพอันวุ่นวายของจิตใจนี้เอง
ฉันกำลังย้อนกลับไปยังอดีตที่ผ่านมา
ค้นหาว่าฉันทำอะไรผิดไป...

Too much love will kill you
If you can't make up your mind
Torn between the lover
And the love you leave behind
You're headed for disaster
'cos you never read the signs
Too much love will kill you Every time
ความรักที่มากเกินไปก็ฆ่าคุณได้
ถ้าคุณไม่รู้จักทำใจเอาไว้บ้าง
ความร้าวฉานระหว่างคู่รัก
และความรักที่คุณทิ้งไว้เบื้องหลัง
รู้ไหมว่าคุณจะถูกดึงเข้าไปสู่มหันตภัย
เพราะคุณไม่เคยอ่านสัญญาณบอกเหตุที่เกิดขึ้นบ้างเลย
ความรักที่มากเกินไปก็ฆ่าคุณได้  ทุกเวลา...

I'm just the shadow of the man I used to be
And it seems like there's no way out of this for me
I used to bring you sunshine
Now all I ever do is bring you down
ฉันเป็นเพียงเงาของชายที่ฉันเคยเป็น
และมันดูเหมือนไม่มีทางออกสำหรับฉัน
ฉันเคยเป็นเหมือนผู้นำแสงสว่างเธอ
แต่วันนี้ทุกอย่างที่เคยทำกำลังฉุดเธอจมดิ่ง

How would it be if you were standing in my shoes
Can't you see that it's impossible to choose
No there's no making sense of it
Every way I go I'm bound to lose
มันจะเป็นอย่างไร ถ้าเธอสามารถมายืนในจุดเดียวกับฉัน
เธอเห็นไหมว่าไม่มีทางเลือกใดๆ ให้ฉันเลย
ไม่..แม้ว่าจะดูไร้เหตุผลก็ตาม
ทุกคราวที่ฉันก้าวไปข้างหน้า ล้วนนำฉันไปสู่ความพ่ายแพ้ทั้งสิ้น!

Too much love will kill you
Just as sure as none at all
It'll drain the power that's in you
Make you plead and scream and crawl
And the pain will make you crazy
You're the victim of your crime
Too much love will kill you Every time
ความรักที่มากเกินไปก็ฆ่าคุณได้
ไม่ต่างอะไรกับการขาดความรักนั่นเลย
มันจะดึงเอาพลังภายในของคุณออกมา
ทำให้คุณคร่ำครวญ อ้อนวอน กรีดร้อง
และความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจะทำให้คุณบ้าคลั่ง
คุณจะตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมที่คุณก่อขึ้นเอง
ความรักที่มากเกินไปฆ่าคุณได้ ทุกเวลา...

Too much love will kill you
It'll make your life a lie
Yes, too much love will kill you
And you won't understand why
You'd give your life, you'd sell your soul
But here it comes again
Too much love will kill you  In the end...
ความรักที่มากเกินไปฆ่าคุณได้
มันจะทำให้ชีวิตคุณเป็นสิ่งหลอกลวง
ใช่... มันฆ่าคุณได้
และคุณก็จะไม่มีทางเข้าใจหรอกว่า เพราะอะไร
คุณให้ชีวิต คุณขายทั้งวิญญาณ
แต่มันก็ยังเกิดขึ้นอีก
ความรักที่มากเกินไปสามารถฆ่าคุณได้ ในที่สุด...... อายจัง
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 305  เมื่อ 07 ธ.ค. 08, 09:38

นั่นน่ะสิคะ ไปๆมาๆเหลือเพียงดิฉันกับคุณกล้วยน้ำว้าสองคน คุณเครซี่ฮอร์ส คุณป้ากุน คุณศิลาที่เข้มแข็งไปไหนหมด เขียนด้วยความสุข คนอ่านจะสุขกับเราหรือเปล่าล่ะนี่
คุณบานาชั่วโมงบินเริ่มขึ้นฟ้าแล้วนะคะ

สำหรับท่อนนี้ ไบรอัน ระบายความกลัดกลุ้มที่เจอรักซ้อนเข้า หลังจากที่มีลูกกับภรรยาคนแรก แล้วไปหลงรักหญิงอื่น
(สงสัยจะเป็นธรรมดาของสัตว์โลก มียกเว้นไม่กี่คน อิอิ)
เวลาเจอรักซ้อน ต้องเลือกระหว่างเก่าที่แสนดี รักมาก แต่สุดเซ็ง กับใหม่ที่แหม... พูดกันรู้เรืองจั๊งง.. ปิ๊งปายโหมด...เสียทุกอย่าง แล้วก็รักเหมือนกัน
เหอะ รักเท่าๆกันได้ แต่อยู่กับผู้หญิงสองคนพร้อมกันมันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากค่ะ
make up your mind ก็คือต้องตัดสินใจ จะมัวสองจิตสองใจ ไม่ได้เด็ดๆ


Too much love will kill you
If you can't make up your mind
Torn between the lover
And the love you leave behind
You're headed for disaster
'cos you never read the signs
Too much love will kill you Every time
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 306  เมื่อ 07 ธ.ค. 08, 09:56

ชอบท่อนนี้
ฉันเป็นเพียงเงาของชายที่ฉันเคยเป็น
และมันดูเหมือนไม่มีทางออกสำหรับฉัน
ฉันเคยเป็นเหมือนผู้นำแสงสว่างเธอ
แต่วันนี้ทุกอย่างที่เคยทำกำลังฉุดเธอจมดิ่ง
บันทึกการเข้า
Bana
องคต
*****
ตอบ: 439



ความคิดเห็นที่ 307  เมื่อ 08 ธ.ค. 08, 01:29

เพลง in my life ก็ยังถกเถียงกันระหว่างสาวกของจอห์นกับพอล  ว่าใครแต่งกันแน่แต่งสองคนและใครแต่งมากกว่ากัน  อย่างบทความที่อ่านเจอ
"In My Life" is a song written by John Lennon and Paul McCartney. It first appeared on The Beatles' 1965 album Rubber Soul.
While the lyrics were indisputably written by Lennon, it is not clear who wrote the music. While Lennon claimed in 1980 that McCartney's contribution was limited to helping out with the "middle eight" or bridge section of the song
จอห์นบอกว่าพอลช่วยแค่ท่อน middle eight และเสียงประสานเล็กน้อย
McCartney claimed in 1984 to have set Lennon's lyrics to music from beginning to end.
เอาละสิ  ท่านเซอร์พอลบอกว่าช่วยแต่งแต่ต้นจนจบ  และนักวิจาร์ก็วิเคราะห์ว่าเมโลดีที่ใช้โน๊ตกระจายตัวสลับไปมาเป็นสไตล์ของพอล  ถ้าจอห์นจะใช้โน๊ตไม่กี่ตัวและระดับเสียงจะไม่ต่างกันมาก  แต่ก็นั่นล่ะครับ  จอห์นร้องแล้วฟังดูดีมากและเหมาะกับเขาด้วย  แต่ผมชอบเสียงป้าเบต มิลเลอร์  มากกว่า.......อิอิ

ได้กำลังใจจากคุณกุ้ง  และได้คำแนะนำขอบคุณมาก  ฮึกเหิมเลยลองแปลเพลงนี้ดู...อิอิ  อายจัง
Love of my life - you've hurt me
You've broken my heart and now you leave me
Love of my life can't you see
Bring it back, bring it back
Don't take it away from me
Because you don't know -
What it means to me
ความรักของฉันเธอทำให้เจ็บ
เจ็บตรงที่เธอหักอกแล้วหนีจากไป
ความรักของฉันเธอไม่เห็นใช่ไหม
ให้มันหวนคืน หวนคืนให้ได้
อย่าให้มันหนีไปจากฉัน
เพราะเธอไม่รู้มันมีค่ากับฉันแค่ไหน

Love of my life - don't leave me
You've taken my love and now desert me
Love of my life can't you see
Bring it back, bring it back
Don't take it away from me
Because you don't know -
What it means to me
ความรักของฉันโปรดอย่าทิ้งฉันไป
เธอรับความรักฉันแล้วทิ้งฉันไป
ความรักของฉันเธอไม่เห็นใช่ไหม
ให้มันหวนคืน หวนคืนให้ได้
อย่าให้มันหนีไปจากฉัน
เพราะเธอไม่รู้มันมีค่ากับฉันแค่ไหน

You will remember -
When this is blown over
And everything's all by the way -
When I grow older
I will be there at your side to remind you
How I still love you - I still love you
แล้วเธอจะนึกถึง
เมื่อทุกอย่างผ่านไปและทุกสิ่งก็เวียนไประยะหนึ่ง
เมื่อฉันแก่ตัวลง
ฉันก็จะอยู่ข้างเธอเสมอคอยย้ำเตือน
ฉันยังรัก ยังรัก เธอทุกครา.....

Back - hurry back
please bring it back home to me
Because you don't know
What it means to me
คืนกลับมา กลับมาเถอะ คืนกลับมา
โปรดกลับมาสู่อ้อมอกฉัน
เพราะเธอไม่รู้หรอกว่า
มันมีความหมายแค่ไหนกับฉัน

Love of my life
Love of my life ...
Oooh, oooh...
โอ ความรักของฉัน............

(ปล.)  กล้วยตีบครับ  ไม่ใช่กล้วยน้ำว้า  คนอีสานจะรู้จักกล้วยชนิดนี้ดีครับ..... อายจัง
บันทึกการเข้า
pakun2k1d
พาลี
****
ตอบ: 285


ความคิดเห็นที่ 308  เมื่อ 08 ธ.ค. 08, 21:59

ยังอยู่ค่ะ  ได้แต่มาโฉบดูแบบลุกลี้ลุกล้นไ่ม่เป็นโล้เป็นพาย  หวังว่าคนเขึยนจะยังไม่หมดสนุกนะคะ
บันทึกการเข้า
Bana
องคต
*****
ตอบ: 439



ความคิดเห็นที่ 309  เมื่อ 09 ธ.ค. 08, 00:10

แอ่ะ...ท่านหัวหน้ามาแว๊บเดียวเอง  ก็ยังดีครับที่หัวหน้ามาให้กำลังใจ...อิอิ 
พูดถึงเพลง IN MY LIFE ทีแรกผมลองแปลดูรู้สึกทะแม่งๆ  คือไม่รู้ว่าจะรักใครแน่  มันเป็นสองมิติระหว่างความทรงจำและผู้ที่ยังอยู่ในปัจจุบัน  ไหนๆก็ไหนๆก็ลองแปลดูครับ  เผื่อจะได้อะไรดีดี  จากคุณกุ้งบ้าง

IN MY LIFE

There are places i'll remember
All my life though some have changed
Some forever not for better
Some have gone and some remain
All these places have their moments
With lovers and friends i still can recall
Some are dead and some are living
In my life i've loved them all
มีสถานที่ที่อยู่ในความทรงจำของฉัน
แม้ว่าตลอดชีวิตและห้วงคำนึงบางสิ่งจะเปลี่ยนไป
บ้างดำรงอยู่ตลอดกาลโดยไม่เปลี่ยนแปลง
บ้างก็จากไปและบางสิ่งก็ยังคงอยู่
สถานที่เหล่านี้เป็นครั้งหนึ่ง
ที่ได้อยู่กับคนรักและผองเพื่อนที่ฉันยังคงหวนถึง
บ้างก็จากไปแต่บางคนก็ยังอยู่
ในชีวิตฉัน......ฉันรักพวกเขาทุกคน

But of all these friends and lovers
There is no one compared with you
And these memories lose their meaning
When i think of love as something new
Though i know i'll never lose affection
For people and things that went before
I know i'll often stop and think about them
In my life i love you more
แต่ว่าเพื่อนๆหรือแฟนานุแฟนนั้น
ไม่มีใครคนไหนปานเปรียบเช่นคุณ
และความทรงจำเหล่านั้นก็หมดความหมาย
เมื่อฉันคิดจะมีรักครั้งใหม่
แม้ฉันจะรู้ว่ามันไม่มีทางสลายไปจากใจ
สำหรับคนเหล่านั้นและทุกสิ่งที่ผ่านมา
ฉันรู้บ่อยครั้งที่ฉันหยุด และคิดหวนถึงพวกเขา
(ไงก็ตาม)  ฉันก็รักคุณมาก..............

Though i know i'll never lose affection
For people and things that went before
I know i'll often stop and think about them
In my life i love you more
In my life i love you more
แม้ฉันจะรู้ว่ามันไม่มีทางสลายไปจากใจ
สำหรับคนเหล่านั้นและทุกสิ่งที่ผ่านมา
ฉันรู้บ่อยครั้งที่ฉันหยุด และคิดหวนถึงพวกเขา
(ไงก็ตาม)  ฉันก็รักคุณมาก.............
ในชีวิตฉัน  ฉันรักคุณมาก...............
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 310  เมื่อ 09 ธ.ค. 08, 21:32

I love you more...
รักคุณมากขึ้น..รักคุณยิ่งกว่าเดิม..
คุณบานา ไหนลองลุยแปลเพลง The boxer ของพอล ไซมอนดูสิคะ นักแต่งคำร้องชั้นเซียนเลยนะ เขาน่ะ
บันทึกการเข้า
Bana
องคต
*****
ตอบ: 439



ความคิดเห็นที่ 311  เมื่อ 10 ธ.ค. 08, 01:38

ขอบคุณครับ  ที่จริงผมอยากแปลว่ามากกว่าใครๆ  แต่ท่อนแรกดันบอกว่ารักทุกคนมากเหมือนกันอ่ะครับ  เลยงงไงครับระหว่างความทรงจำกับปัจจุบัน  มันน่าจะตราตรึงและมากเสมออ่ะครับ (ออกแนวลิเกเลยวุ้ยเรา).......อิอิ
แหมได้ทีให้การบ้านเป็นชุดเลยนะครับ  เพลงนี้ผมฟังน้อยมาก  เพราะที่บ้านไม่มีไม่ใช่แนวของที่บ้านเท่าไหร่ครับ  แต่ทราบว่าดูโอคู่นี้ดังมากครับ  ไหนๆครูกุ้งให้การบ้านมาแล้ว  ก็ต้องทำการบ้านล่ะครับ  แต่พอแปลแล้วเป็นเรื่องของ street boy ที่แต่งได้ดีมากครับ  คนที่ชอบหัดคอรัส  เพลงของดูโอคู่นี้น่าสนใจนำมาฝึกครับ  แล้วเพลงนี้ผมแปลว่า "นักสู้"  คงตรงตามคอนเสปนะครับ......... อายจัง อายจัง อายจัง

THE BOXER(นักสู้)
Simon And Garfunkel

I am just a poor boy and my story’s seldom told       
I’ve squandered my resistance for a pocketful
of mumbles, such are promises
All lies and jest, still the man hears
what he wants to hear
And disregards the rest, hmmmm
ฉันก็เพียงเด็กชายไม่ได้มีความสำคัญเลย เรื่องของฉันไม่ได้เอ่ยถึงบ่อย
ยืนหยัดอดทนหาเลี้ยงตัวเอง
ได้แต่บ่นพร่ำไปเรื่อย หยั่งกับคำสัญญา
คำพูดตลบตแลงและเรื่องเฮฮา ที่ผู้คนอยากได้ยินได้ฟัง
แล้วเขาต้องการจะฟังสิ่งใดเล่า
และไม่ใส่ใจอะไรกับการเฉยเมย...ฮึม

When I left my home and my family,
I was no more than a boy
In the company of strangers
In the quiet of the railway station,
runnin’ scared
Laying low, seeking out the poorer quarters,
where the ragged people go
Looking for the places only they would know
เมื่อได้หนีจากบ้านและครอบครัวมา
ฉันมันเป็นอะไรไปไม่ได้ มากกว่าแค่เด็กชายคนหนึ่งเท่านั้น
ท่ามกลางหมู่คนแปลกหน้า
ในสถานีรถไฟอันเงียบเหงา
วิ่งหนี อย่างขวัญหนีดีฝ่อ
คลานหาเศษเหรียญเศษเงิน
คนทั้งหลายต่างรีบร้อนไปไหนกัน
ก็เพียงเพื่อหาจุดหมายของตนเท่านั้น

...Lie-la-lie,lie-la-lie-la-lie-la-lieLie-la-lie,
lie-la-lie-la-lie-la-lie la-la-la-la-lie-......(เหลวไหลสิ้นดี)

Asking only workman’s wages,
I come lookin’ for a job,
but I get no offers
Just a come-on from the whores on 7th avenue
I do declare, there were times
when I was so lonesome I took some comfort there
เรียกร้องค่าจ้างทำงาน
ฉันมาเพียงเพื่อหางานทำ
แต่ไม่มีใครให้โอกาสฉันเลย
มีแต่เพียงเสียงเย้ายวนว่า "มานี่" จากอีตัวบนถนนหมายเลขเจ็ด
ผมก็ร้องก้องไปว่า มีเวลามีถมเถไป
เมื่อผมเหงาก็คงหาความสุขจากที่นี่แหละ

Now the years are rolling by me,
they are rockin’ even me
I am older than I once was,
and younger than I’ll be, that’s not unusual
No it isn’t strange, after changes upon changes,
we are more or less the same
After changes we are more or less the same
บัดนี้เวลาที่ผันเปลี่ยนเวียนไป
มันเปลี่ยนแปลง แม้แต่ตัวฉันเอง
ฉันก็อายุมากขึ้น... มากขึ้นกว่าเดิม
แต่ยังอ่อนกว่า ที่จะต้องโตอีกต่อไป แต่นั่นมิใช่เรื่องแปลก
ไม่หรอก... มันไม่แปลกเลย หลังจากการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ
ซึ่งเราก็แค่เป็นไปได้ดีกว่า หรือแย่กว่าเดิม
หลังการเปลี่ยนแปลง เราก็คงเป็นไปได้ดีกว่า หรือแย่กว่าเดิม

...Lie-la-lie,lie-la-lie-la-lie-la-lieLie-la-lie,
lie-la-lie-la-lie-la-lie la-la-la-la-lie-......

And I’m laying out my winter clothes,
wishing I was gone, goin’ home
Where the new york city winters aren’t bleedin’ me,
leadin’ me to go home
ตอนที่ผมเตรียมเสื้อกันหนาว
หวังไว้ว่าฉันเองจะได้กลับบ้าน
ที่ที่ลมหนาวที่นิวยอร์ค ไม่มาบาดผิวผมได้อีก
พาฉันกลับสู่บ้านด้วยเถิด

In the clearing stands a boxer,
and a fighter by his trade
And he carries the reminders of every glove
that laid him down or cut him
’til he cried out in his anger and his shame
I am leaving, I am leaving,
but the fighter still remains
บนเวทีของนักสู้
และเป็นนักสู้มืออาชีพ
และก็จดจำในทุกๆ กำปั้นที่กระแทกมา
กระทั่งเขาต้องร่ำร้อง  กับการร่วงผลอย หรือโดนถลุง ด้วยแรงโกรธ และความอดทนสูง
ฉันไม่เอาแล้ว ฉันยอมแล้ว
แต่วิญญาณของนักสู้ ก็จะยังคงอยู่
...Lie-la-lie,lie-la-lie-la-lie-la-lieLie-la-lie,
lie-la-lie-la-lie-la-lie la-la-la-la-lie-......
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 312  เมื่อ 10 ธ.ค. 08, 10:57

อ้าว ยกย่องดิฉันให้เป็นครูเสียแล้ว
ดีค่ะ สนุกดี .. ดีใจที่คุณกล้วยตีบยังไม่หมดไฟ
(เอ กล้วยตีบ ชื่อมันทะแม่งๆชอบกลนะคะ ฟังแล้ว น่าจะไม่อร่อย..)
ดิฉันคงเป็นครูที่ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ เพราะชอบปล่อยให้นักเรียนแปลอย่างที่เขาอยากจะแปล บางทีก็มองข้ามอะไรเล็กๆน้อยๆไป
เพราะถ้าขืนแก้ไขมาก คงจะต้องไปขึ้นกระทู้ใหม่เป็นเรียนภาษาอังกฤษจากเพลง
แทนที่จะเป็นเรื่องของคนเขียนเพลง
..

บันทึกการเข้า
Bana
องคต
*****
ตอบ: 439



ความคิดเห็นที่ 313  เมื่อ 11 ธ.ค. 08, 01:47

แหะๆ  กล้วยตีบเป็นกล้วยพื้นบ้านครับ  คนอีสานรู้จักดี  ผมเติบโตมาเพราะกล้วยตีบ(จากคำบอกเล่า)  ที่บ้านคุณยายจะมีสวนกล้วยที่มีแต่กล้วยตีบกับกล้วยตานี  ก็ได้เจ้ากล้วยตีบนี่หล่ะป้อนผมตอนผมโยเย(จากคำบอกเล่าอีก)  คุณยายจึงเป็นคนแรกที่เรียกผมว่าเจ้ากล้วยตีบ  เพราะท่านว่าผมชอบกินมันมาก(ตอนเด็กๆ)  แต่โตมาทำไมเฉยๆก็ไม่ทราบครับ  แต่ก็กินได้และจะนิยมเอาใบตองกล้วยตีบมาทำบายศรีกันครับ  เพราะมันทนดีกว่ากล้วยน้ำว้า  ทางเหนือก็มีครับกล้วยชนิดนี้  ท่านศรีปิงเวียงคงทราบดี  คำว่าตีบ  แปลว่า  ไม่เต่งตึงหรือลีบ  นั่นเองครับ

มาถึงเพลงที่ผมชอบบ้าง  ชอบความหมายฟังทีเดียวโดนเลยครับ  มันเหมือนอยากให้ใครซักคนกลับมา ฮือๆๆๆ     แต่ผมไม่รู้จักเรื่องราวของคณะนี้เลยครับ  ชื่อแปลกดี Bread ชื่อคณะขนมปังซะงั้น  แต่ร้องเพลงเพราะชะมัด  ผมพยายามหาการแสดงสดที่ยูทูบแต่ไม่มีเลยครับ



Everything I own
Bread

You sheltered me from harm.
Kept me warm, kept me warm
You gave my life to me
Set me free, Set me free
เธอคือชายคาที่คุ้มภัย
ทำให้ฉันอบอุ่น
เธอทำให้ฉันมีชีวิต
ทำให้ฉันเป็นอิสระ

The finest years I ever knew
were all the years I had with you
ปีที่สุดยอดแสนหวานที่ฉันรู้และจดจำเสมอนั้น
คือทั้งปีที่ฉันมีเธออยู่ข้างกาย

I would give anything I own,
Give up me life, my heart, my home.
I would give everything I own,
just to have you back again.
ฉันพร้อมมอบเธอทุกสิ่งที่ฉันมี
ยอมแม้ชีวิต หัวใจ และที่พักพิง
ฉันพร้อมมอบเธอทุกสิ่งที่ฉันมี
เพียงเพื่อเธอกลับมาเหมือนเดิม

You taught me how to love,
What its of, what its of.
You never said too much,
but still you showed the way,
and I knew from watching you.
Nobody else could ever know
the part of me that can't let go.
เธอได้สอนฉันให้รู้ที่จะรัก
มันเพราะอะไร  มันเพราะอะไร
แม้เธอไม่เอ่ยอะไรมาก
เธอก็ยังคงแสดงให้เห็น
และฉันรับรู้จากการเฝ้าดูเธอ
ไม่มีใครอีกแล้วที่จะรู้และเข้าใจ
เธอเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน  ที่ไม่สามารถสูญเสียไปได้

I would give anything I own,
Give up me life, my heart, my home.
I would give everything I own
Just to have you back again.
ฉันพร้อมมอบเธอทุกสิ่งที่ฉันมี
ยอมแม้ชีวิต หัวใจ และที่พักพิง
ฉันพร้อมมอบเธอทุกสิ่งที่ฉันมี
เพียงเพื่อเธอกลับมาเหมือนเดิม

Is there someone you know,
you're loving them so,
but taking them all for granted.
You may lose them one day,
someone takes them away,
and they don't hear the words you long to say
ถ้ามีใครสักคนที่เธอรู้จัก
เธอกำลังรักเขามากมาย
แต่เพียงครอบครองตัวเขาไว้เพื่อให้ไป
เธอก็อาจจะสูญเสียเค้าไปสักวันหนึ่ง
บางคนได้พรากมันจากไป
และพวกเขาก็ไม่อาจได้ยินสิ่งที่เธออยากจะบอก

I would give anything I own,
Give up me life, my heart, my home.
I would give everything I own
Just to have you back again
ฉันพร้อมมอบเธอทุกสิ่งที่ฉันมี
ยอมแม้ชีวิต หัวใจ และที่พักพิง
ฉันพร้อมมอบเธอทุกสิ่งที่ฉันมี
เพียงเพื่อเธอกลับมาเหมือนเดิม
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 314  เมื่อ 12 ธ.ค. 08, 11:23

อู้ฮู คุณกล้วยของเราไฟแรงมาก เพลงของbreadน่ะ ดังยุคดิฉันอยู่เตรียมอุดมค่ะ เพลง if ของเขาระเบิดใจสาวๆหนุ่มๆยุคนั้นเป็นแถว คำว่า if a picture paint a thousand words, then why can't i paint you เท่มากๆตั้งแต่วรรคแรกเลย
จากนั้นวงขนมปังก็มีเพลงเพราะๆต่อมาไม่กี่เพลงในปีต่อๆมา จนหายเข้ากลีบเมฆ
ยุคนั้นเป็นยุคมินี่ มิดี้ และแม็กซี่เสกิร์ตค่ะ สำหรับผู้หญิง
เราจัดงานมีทติ้งกันที่บ้านเพื่อน ตอนนั้นซอยพานิชกุล คลองตัน ยังนอกเมืองมาก มีบ้านไม่กี่หลัง ชื่อซอยเป็นนามสกุลเพื่อนดิฉันเองซึ่งตอนนี้แต่งงานไปกับหนุ่มฝรั่งเศสไปแล้ว
ที่เหลือเป็นสวน เป็นทุ่ง
เดี๋ยวนี้เข้าไปในซอยแล้วเง็งมาก
ทุกอย่างเปลี่ยนไป ความสงบ สวยงาม หรูหรา แป้ก..
ปกติมีทติ้งกันที ก็จะจับกลุ่มเล่นกีตาร์ ร้องเพลงกันแบบน่ารักๆ
แต่วันนั้น มีแขกคุณพ่อคุณแม่เพื่อนด้วย มีการจ้างวงดนตรีหนึ่งมาเล่นในงาน แล้วก็ปาร์ตี้กัน
กุ้งแห้งเยอรมันออกไปร้องเพลงนี้ค่ะ ถือไมค์ ไฟส่องหน้า ยังมีรูปอยู่ทุกวันนี้
เกร๋มาก
เนื้อเต็มมีว่า

IF
Bread

If a picture paints a thousand words,
Then why can't I paint you?
The words will never show
then you have come to know.
If a face could launch a thousand ships,
Then where am I to go?
There's no one home but you,
and that your love was true.
And when my love for life is running dry,
You come and pour yourself on me.

If a man could be two places at one time,
I'd be with you.
Tomorrow and today, beside you all the way.
If the world should stop revolving spinning slowly down to die,
I'd spend the end with you.
And when the world was through,
Then one by one the stars would all go out,
Then you and I would simply fly away


เพลงเพราะๆของวงก็มี make it with you ที่ขึ้นว่า hey.. have you ever tried really watching out from the other side, I may be climbing on rainbows
But, baby here goes.
Dreams they're for those who sleep,
Life is for us to keep,
And if youre wondering
What this song is leading to.. I'd like to make it with you..
เพลงนี้ขึ้นอันดับหนึ่ง เป็นประเภทแหวกตลาดจากฮาร์ดร็อคตอนนั้นมาเป็นซอฟท์ ค่อนข้างหวาน เพลงดีๆของเขามีอีกมาก เช่น baby i'm a want you, diary, everything i own,the guitar man และ aubrey..
สาเหตุหนึ่งที่ไม่อมตะ อาจเป็นเพราะเพลงหวานๆพวกนี้คิขุ อาโหน่เนะ ฟังบ่อยแล้วซ้ำๆ เกิดความเบื่ออย่างไม่คาดคิด
ตัวเดวิด เกทส์ หัวหน้าวงเด่นมาก น่าตกใจที่สามหนุ่มของวง เด้ดสะมอเร่ไปแล้วสองค่ะ ตอนนี้เหลือแต่ จิมมี่ กริฟฟินคนเดียว
ไปฟัง if เพลงดังของเขากัน
ดิฉันเคยแปลไว้แต่หาไม่เจอ


ส่วนเพลงที่คุณชอบ เดวิด เกทส์เอามาร้องเดี่ยวและเล่นกีตาร์ อยู่ในยูทู้บนี่คะ


และนี่เป็นการแสดงสดปี1997 ย้อนรอยไปที่เพลงแรกของเขาที่ขึ้นอันดับหนึ่งของบิลบอร์ดในปี1970


ถ้าอยากดูคลิปของเขาลองเข้าไปที่
http://www.artistdirect.com/nad/music/artist/songs/0,,434598,00.html


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 19 20 [21] 22 23
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.055 วินาที กับ 20 คำสั่ง