เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
  พิมพ์  
อ่าน: 23805 ตัวหนอนในสมุด
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 21 มี.ค. 08, 21:15

ขอบคุณค่ะคุณ V ที่มาแบ่งปันกันให้อ่าน   ดิฉันเคยเข้าแต่อีกเว็บหนึ่ง คือ
http://www.samgler.org/
คนที่อ่านสามเกลอ ไม่ว่าเว็บไหน ล้วนแล้วแต่แฟนพันธุ์แท้ทั้งนั้น
น่าปลื้มใจแทนคุณป.อินทรปาลิต

คุณป.อินทรปาลิตเคยออกหนังสือพิมพ์เล่มเล็กๆ ขนาดเท่า "กองหน้าร่าเริง" หรือ "วีรธรรม" ที่นักเรียนร.ร.คริสต์เมื่อ ๕๐ ปีก่อนคงรู้จักดี
ชื่อ "หรรษา"
เนื้อหาในเรื่องเป็นนิยาย ไม่ใช่ข่าว  ท่านเขียนเองทั้งเรื่อง
เอาเหตุการณ์ในเรื่องมาพาดหัวข่าว เป็นคำโปรยให้ตื่นเต้นอยากติดตามอ่าน

นิยายในนั้นชื่ออะไรจำไม่ได้แล้ว แต่เป็นเรื่องนักเรียนหญิงรุ่นสาวสองคน แข่งขันกีฬากัน    คิดว่าเป็นการวิ่งแข่ง
คุณป. พาดหัวข่าวว่า "ดารณีเฆี่ยนเสาวลักษณ์ยับ"
ดารณีคือนางเอก  ส่วนเสาวลักษณ์เป็นคู่แข่ง  น่าจะเป็นนางร้ายในเรื่องด้วย   เพราะมีเหตุการณ์ว่ากีฬาแพ้คนไม่แพ้  เสาวลักษณ์อิจฉาดารณีที่ชนะ
แต่"หรรษา "ออกไม่นานก็ล้มเลิกไป

นิยายรักหวานจ๋อยก็มีค่ะ  คุณป.ท่านก็บรรเลงไว้หลายสิบหรือเป็นร้อย   มีอยู่เรื่องหนึ่ง ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คงยุงชุมบินว่อน  แต่ภาษาท่านดีมาก เขียนมีชีวิตชีวา  อ่านได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่รู้สึกว่ามันเลี่ยนตรงไหนเลย
ชื่อ "ลูกสาวคนสวน"ค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า เจ้าคุณอะไรคนหนึ่งมีลูกสาว  จำได้รางๆว่าชื่อระรินทิพย์   ในบ้านมีลุงคนสวนมีลูกสาวเหมือนกันชื่อเรไร
แม่เรไรคนนี้สวย และทะเยอทะยาน วางตัวเป็นคุณหนู  ในที่สุดก็มีไอ้หนุ่มมาจีบ เป็นคุณหนูฝ่ายชายเหมือนกัน
พอฝ่ายชายนั่งรถมาหาที่บ้าน หล่อนก็เล่นละครเป็นลูกสาวเจ้าคุณเสียเอง   ส่วนลูกสาวตัวจริงก็ยอมร่วมมือเล่นเป็นตัวลูกสาวคนสวน
แล้วเลยไปรักกับคนรถหนุ่มของคุณชายคนนั้น

ในตอนจบ เหตุการณ์ก็..อย่างที่เดาๆกันได้ละค่ะ    ปรากฎว่าบ้านฝ่ายชายก็เล่นอุตริปลอมตัวเหมือนกัน  แสดงว่าคงรวย    เลยมีเวลาว่างมาก
คนขับรถหนุ่มกลายเป็นคุณชายตัวจริง   ส่วนคุณชายตัวปลอมเป็นคนใช้ของคุณชายตัวจริงอีกที
เท่มากตอนพระเอกยืดอกประกาศว่า
"พี่คือสุขสันต์ มนูธรรม ลูกชายเจ้าคุณ....."

แฮปปี้เอนดิ้งไปตามระเบียบ

มาเจอคุณ Wandee น่าจะหนอนหนังสือเหมือนกัน คงคุยกันได้ยาว    กระทู้นี้ดิฉันทำท่าจะขโมยซีนจากคุณพิพัฒน์เสียแล้วซีคะ
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 21 มี.ค. 08, 21:34

ดีใจที่หลอกอาจารย์มาเล่าเรื่องเบาอารมณ์ แต่หนักความรู้สึก
ใครที่หลงอดีต คงนึกออกว่า การท่องเข้าไปในความทรงจำนั้น
บางครั้งก็เหนื่อยเหมือนโคลนดูดขา
แต่ถ้าเขียนน่าอ่าน ความทรงจำก็เป็นของดีมีค่า เสมอ

ผมไม่มีปัญญาหาสามเกลอ หรือสี่สหายเป็นของตัวเองเลยแม้สักเล่ม
พ่อผมห้ามขาด ไม่ให้ลูกอ่านอะไรที่นอกเหนือตำรา จนกว่าจะปิดเทอมใหญ่
พอปิดเทอมใหญ่ เราก็ได้แต่เล่นสนุกกันรอบๆ บ้าน
เงินมีไม่มากพอที่จะซื้อหนังสืออ่านเล่นเล่มละหกสลึงได้

สมัยที่โรงหนังศรีสาธรยังเปิดฉายอยู่
สักหกโมง จะมีคนเอาหนังสือมาวางขายหน้าห้องขายตั๋ว
มีสามเกลอเป็นหนังสือชุดเด่น วางบนตั่งไม้ได้สักสิบกว่าเล่ม
นอกนั้นต้องซ้อนกันเป็นตั้ง ที่เหลืออยู่ในกาละมัง ยัดใต้ตั่ง

เป็นที่ถวิลหาของผมมาจนแม้ทุกวันนี้
ความทรงจำยังหอมสด เหมือนกำลังเดินเข้าไปทำทีเลือกซื้อ
แต่ก็เพียงแต่ทำทีท่าแหละครับ ผมต้องเดินออกจากบ้านตั้งแต่เย็นแก่ๆ
มาถึงโรงหนัง พอดีกับที่เขาเริ่มเปืดไฟ ได้ยืนพลิกดูก็สักสิบนาทีสิบห้านาที พอแก้อยาก
แล้วก็ต้องรีบเดินกลับบ้าน ก่อนค่ำ เพื่อไม่ให้พ่อแม่ต้องเป็นห่วง

สามเกลอในความทรงจำ จึงเป็นแต่เพียงหน้าปกเท่านั้น
อีกสิบกว่าปีแหละครับ

จึงมีปัญญาหาอ่านได้
ตอนนั้นเงินที่มี เก็บส่งแผงหนังสือรอบส้วม ที่สามเหลี่ยมแม่พระธรณีบีบมวยผมหมด
หนังสืออื่นๆ เช่าอ่านลูกเดียว
แผงประจำก็คือในตลาดนานา เล่มละบาทต่อวัน
กำลังภายในทั้งหมด ก็อ่านจากที่นี่
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 21 มี.ค. 08, 21:43

เสือดำ กับเสือใบ หรือที่คุณป. เรียกว่า สุภาพบุรุษเสือใบ เป็นจอมโจรที่เท่ที่สุดในนิยายไทย
สองคนนี่เป็นโจรแบบโรบินฮู้ด    คือปราบคนพาล อภิบาลคนดี  ปล้นแต่คนรวยและคนเลว  มีน้ำใจกับชาวบ้าน
ดิฉันไม่ค่อยได้อ่านเสือใบ จะเป็นเพราะในร้านไม่มีขายหรือเราผ่านตาไปเองก็ไม่ทราบ  จำได้แต่เสือดำ
เป็นชายหนุ่มหล่อและแต่งตัวสมาร์ทมาก   สวมเชิ้ตแขนยาวสีดำ กางเกงดำ  มีหมวกปีกกว้างสีดำพร้อมสายรัดคางเหมือนหมวกคาวบอย คาดเข็มขัดปืนด้วย
เวลาออกปฏิบัติการ   ชื่อจริงว่า  "ระพินทร์" ค่ะ
มีนางเอกชื่อ "แน่งน้อย" แต่ตอนจบดูเหมือนเธอจะทรยศพระเอก   เสือดำนั้นตายก่อนเสือใบ แต่ตายไปแล้ววิญญาณยังมาเตือนภัยให้เสือใบ
สุภาพบุรุษเสือใบ ชื่อจริงว่า "เรวัต"

ถ้าจำไม่ผิดนะคะ   เรื่องเสือดำเสือใบนี่แหละ ถูกตำรวจเตือนว่าเป็นตัวอย่างไม่ดี ให้โจรเป็นพระเอก เกรงว่าเยาวชนไทยจะเอาอย่าง
ขนาดมีท่านผู้ใหญ่ให้สัมภาษณ์ลงหนังสือพิมพ์
คงเรื่องนี้มั้ง คุณป.เลยจบแบบพระเอกตายทั้งคู่

คิดว่าเป็นยุคจอมพลสฤษดิ์ค่ะ ไม่ใช่จอมพลป.   ยุคนั้นหัวหน้ารัฐบาลท่านเข้มงวดหลายเรื่อง แม้แต่แฟชั่นเด็กหนุ่มแต่งกายหรือไว้ทรงผมแบบเอลวิส ก็ถูกห้าม ว่าไม่สุภาพ  

ขอแวะออกนอกเรื่องอีกสักนิด
ชื่อคนมียุคสมัยนะคะ  อย่างชื่อ แน่งน้อย หรือไฉไล สมัยคุณป. เป็นชื่อฮิทของหญิงสาว     แต่เดี๋ยวนี้ดิฉันไม่เห็นมีใครชื่อนี้อีก
แน่งน้อย คือเอวบางร่างน้อย   ไฉไล แปลว่า สวย

ชื่อเล่นของเด็กผู้หญิง อย่างชื่อติ๋ม แต๋ว  ต้อย พวกนี้ พ่อแม่ยุคนี้ก็ไม่ตั้งให้ลูกแล้ว  มีแต่ชื่อ common noun หรือสามานยนาม ภาษาอังกฤษ ให้เด็กไทยเต็มไปหมด   ซึ่งเด็กฝรั่งเขาก็ไม่ชื่อกัน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 21 มี.ค. 08, 21:57

สำนวนภาษาของป.อินทรปาลิต เท่าที่นึกออกตอนนี้
- เจ้าแห้ว เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
- เรียกชื่อคน แล้วต่อด้วยนามสกุล   อย่าง นายพัชราภรณ์ (หมายถึงพล) นายการุณวงศ์(หมายถึงนิกร)
- พรานหมึกโกรธจนปากซีด
- เจ้าคุณปัจจนึกโกรธจนตัวสั่น   ทำปากยื่น ตาถลน ตะโกนออกมาสุดเสียง
- เจียมตัว   คำนี้ใช้บ่อยกับตัวละครฝ่ายยากจนค่ะ โดยเฉพาะพระเอกคนจน 
- เย่อหยิ่ง   (ไม่ใช่หยิ่งเฉยๆ)
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 21 มี.ค. 08, 22:05

ตลาดนานาอยู่ที่ไหนคะ


อ่านกำลังภายในมาบ้างไม่มากนัก
ไม่เข้าใจเรื่องความแค้นต้องล้าง  ไม่ต้องกับทัศนคติอ่านหนังสือเพื่อความสุขค่ะ

เรื่องอาหารการกินที่เอาเต้าหู้มายัดไส้ขาหมูนึ่ง  หรือแกงจืดหลายสีนี่  อ่านแล้วกินข้าวอร่อยมาก


พงศาวดารจีนก็พอมีอยู่บ้างเหมือนกัน   ตำราของใครก็ไม่รุ อ้อ  ของเจริญเกศากิจ   บอกว่ามีอยู่ ๘๐ เรื่อง  ถามชื่อก็บอกไม่ได้


ชอบ บ๊วยทิวฮวง ค่ะ  เวอร์ชั้นเก่านะคะ   
ดรุณีน้อยผู้หลงรักศิษย์ผู้พี่


ดีใจที่คุณเทาชมพูแจ่มใส  ขอบคุณที่กรุณาแวะมาคุยค่ะ

ชมรมสามเกลอคงชื่นใจมากที่ทราบว่าคุณเทาชมพูอ่าน

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 21 มี.ค. 08, 22:14

เข้าเว็บสามเกลอเมื่อหลายปีก่อนค่ะ  ตั้งแต่เริ่มหัดใช้เน็ตใหม่ๆ  เคยส่งบทสัมภาษณ์ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพ็ชร์ ที่พูดเรื่องแผนที่บ้านสามเกลอ ไปให้เวบมาสเตอร์ด้วย เพราะตัดเก็บไว้จากนสพ.  และทางเขายังไม่มี   

คุณเวบมาสเตอร์ส่งดิสก์แผ่นเล็กลงเรื่องสามเกลอมาให้หลายแผ่น  อ่านจนตาแฉะไปเลย
แต่หลังๆไม่ค่อยมีเวลาเข้าค่ะ   เลยห่างหายไป   จำได้แต่ว่าพวกที่ชอบสามเกลอรายไหนรายนั้น แม่นข้อมูลกันจริงๆ

ถ้าจะให้แจ่มใสมากๆ คุณ Wandee และท่านอื่นๆก็เข้ามาชวนคุยบ่อยๆซิคะ  ดิฉันได้ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น ยิ้มกว้างๆ

เกร็ดพงศาวดารจีน ยังอ่านอยู่จนทุกวันนี้เพราะว่าต้องใช้สอนด้วยค่ะ   เป็นส่วนหนึ่งของวิชาพัฒนาการการแปล เรื่องที่ชอบมากที่สุดคือ จอยุ่ยเหม็ง
ส่วนเรื่องกำลังภายใน   อ่านแล้วผิดกับคนอื่นคือไม่สนุกและไม่อ่านซ้ำค่ะ  อาจจะเป็นเพราะก้าวข้ามกำแพงภาษาไปไม่ได้
บันทึกการเข้า
V
อสุรผัด
*
ตอบ: 6


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 21 มี.ค. 08, 22:18

You are most welcome ka. Thank you Khun Tao Chom Poo for sharing that Samgler website. I did not know much about it until I heard from my mother. She talks about Samgler all the time. I was just curious. Then, I started to read from the website. It was so fun.

Reading of what you all talked about earlier... made me miss my mom a lot. Maybe I can ask her more and I can share with you more.

Take care na ka Khun Tao Chom Poo...and Happy Easter to you and everyone.

Regards,
-V-
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 21 มี.ค. 08, 22:42

สมาชิกสามเกลอเรียบง่าย มั่นคงทรงศักดิ์ค่ะ

แต่งตัวกันกางเกงขาสามส่วน  เสื้อยืดคอกลม  ใส่รองเท้าแตะ
ได้ข่าวว่าขี่มอเตอร์ไซด์มา  แหะๆ  ฮาเลย์ค่ะ

บางคนไปหาหนังสือมาฝากเพื่อนๆ  สุภาพเรียบร้อยปานนักศึกษากำลังขอทุนไปวิจัย

บางคนบอกว่าขับสิบล้อ  หลายคนที่นั่้งล้อมวงอยู่พยักหน้ารับทราบ
แล้วไง
ดาราแถวนั้นโฉบมาบอกว่า พี่ๆ  คุณคนนั้นท่านมีฟาร์มรถสิบล้อ
อ้าว   แล้วไง




เข้าใจเองว่า ณ ที่นั้น  นับถือกันที่การมีหนังสือค่ะ

บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 21 มี.ค. 08, 22:55

คุณลุงป.  เป็นคนสุภาพเรียบร้อย รักษาเกียรติ

ในสมัยจอมพลป. พิบูลสงคราม  สุภาพบุรุษใส่สูทชาร์กสกินสีนวล  ผ้าหนาๆมันแผล็บ
ใส่หมวกสักหลาด  อย่างดี็ใบละแปดบาท

ไม่เคยเห็นรูปท่านใส่หมวกปานามา หรือหางนกยูง



ความรู้เรื่องเลี้ยงไก่ของท่านมาจากเรื่องจริงค่ะ


หลานของท่านที่เรียกท่านว่าน้า  เคยมาเล่าที่เว็บว่า ท่านชอบทานซาลาเปา

เห็นหนังสืองานศพคุณย่า(คุณแม่ของคุณลุงป.)ที่ี่หอสมุดกรมพระยาดำรง  ยังไม่ได้ถ่ายเอกสารมาเลยค่ะ
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 21 มี.ค. 08, 23:13

เรื่องสามเกลอและกำลังภายในทำให้ผมนึกถึงคุณูปการณ์ของห้องสมุด
ที่โรงเรียนสมัยมัธยม มีห้องสมุดเป็นกิจจะลักษณะ เป็นห้องปูนเล็กๆ แยกห่างออกจากอาคารเรียน
ค่อนไปทางป่าช้า....เอ่อ โรงเรียนของผม อยู่กลางป่าช้านานาชาติครับ

ผมหลงเข้าไปเพราะไปตามเพื่อนมาเตะบอล
มันนั่งอ่านหนังสืออยู่ในมุมมืด เงียบและดูแปลกตา ผมเพิ่งรู้ว่า มีห้องอย่างนี้ด้วยแฮะ
หนังสือมีไม่มากนัก เพราะโรงเรียนนี้เป็นของมูลนิธิปอเต๊กตึ๊ง ไม่ร่ำรวยแต่อย่างน้อยก็มีมากกว่าที่บ้าน
ส่วนมากเป็นหนังสือปกแข็ง ถ้าจำไม่ผิดก็พวกประวัติศาสตร์โลกของเจริญ ชัยชนะ
และนิยายแซมอยู่บ้าง พอให้หายอยาก

แต่ในสังคมเด็กเพิ่งโตถ้าไม่มีแรงกระตุ้น ใครจะไปอยากอ่านหนังสือ จริงใหมครับ
อย่างมากที่เราใช้ข้อมูลจากการอ่าน ก็คือแข่งกันท่องชื่อเมืองหลวง เมื่อขานชื่อประเทศ
ฆ่าเวลารอขาบอลมาพร้อมหน้า....จากนั้นก็เล่นจนเหื่อโซ่ก กลับบ้านก็เข้าสู่อีกอาณาจักรหนึ่ง
แม้กระนั้น ห้องสมุดก็ยังเป็นที่พักสั้นๆ หลังกินข้าวเที่ยงก่อนเข้าชั้นเรียนอันน่าง่วง......

มาย้อนคิดดู ถ้ากทม. เอาเงินมาเปิดห้องสมุดเล็กๆ ตามหัวมุมถนน หรืออาศัยวัด
ไม่ต้องมากดอก แห่งละซักสองพันเล่ม หมุนเวียนกันไป มันจะใช้เงินสักกี่บาทกัน
แต่ห้องสมุดอนาถาเหล่านี้ อาจจะสร้างคนที่ดีกว่าพวกเราขึ้นมาได้
คงมิใช่ฝันกลางวันกระมัง.....(ฝันร้ายอ่ะดิ มีเสียงตอบมาไกลๆ ..........เฮ้อ)
-----------------------

ตลาดนานา เป็นแดนอาหารอร่อยของพวกผมครับ
จากหน้าพระลาน นั่งรถเมล์ไม่กี่ป้าย หรือรวมเงินกันนั่งตุ๊กๆ สิบห้าบาทก็ถึงตลาด
ถ้าตั้งต้นที่สี่แยกบางลำพู เสี้ยวหนึ่งเป็นแบ๊งค์ไทยพานิช เสี้ยวหนึ่งเป็นห้างหน้าด้าน
เราหันหลังให้ห้างนี้ แบ๊งค์จะอยู่ซ้ายมือ เดินข้ามสะพานไป ถึงเชิงสะพานก็เลี้ยวขวาเข้าซอย
ตลาดที่นี่เปิดถึงเที่ยงคืน บางทีก็ดึกกว่านั้น มีของอร่อย ไม่แพง ที่นั่งริมคลองเป็นที่นั่งรวม
สั่งอาหารข้ามกันได้ (แต่ตอนหลังดูเหมือนจะทะเลาะกัน เลยโต๊ะใครโต๊ะมัน)

สายลมจากคลองคูเมืองพัดโบกมาเย็นสะบายไปทั้งโต๊ะ
เงียบสงบพอที่เราจะคุยอะไรก็ได้ ไม่ต้องตะเบ็ง
และเป็นตลาดที่ไม่พลุกพล่านนัก เราจึงนั่งอ้อยอิ่งกันได้เป็นชั่วโมงๆ
ก่อนจะจับรถกลับหน้าพระลานตอนสองทุ่ม

ปีที่พวกเรานั่งกินกันคึกคักสุด ก็เป็นช่วงที่เจ้าแอ๊ดออกเพลงวนิพก
และเราเลิกรากันไปตอนที่เพลงท ทหารอดทนกำลังดัง
ในห้วงเวลานั้น ตลาดยามค่ำมีไม่มากแห่ง
ตลาดนานาเป็นตัวเลือกนอกเหนือจากตลาดโต้รุ่งประตูน้ำ ซึ่งต้องสวมเสื้อเกราะและทำประกันภัยไว้ จึงควรจะแวะ
และทั้งสองแห่ง รวมถึงอีกหลายๆ ตลาดเป็นต้องมีร้านให้เช่าหนังสือประจำอยู่
ผมคุ้นเคยกับร้านที่ตลาดนานา เช่าสองเล่มตอนสองสามทุ่ม อ่านรวดเดียวถึงตีหนึ่ง
เช้ามาอ่านต่อที่เหลือบนรถเมล์ ถึงหน้าพระลานก็จบสองเล่ม ตกค่ำก็เปลี่ยนสองเล่มใหม่

ผมคงอ่านไปสักห้าร้อยกว่าเรื่อง นอกเหนือจากหนังสือที่ต้องอ่านประจำ
อ่านจนตาแทบบอด แต่มันติดน่ะครับ ทำไงได้
เสาร์อาทิตย์เช่าครั้งละห้าหกเล่ม ทำอย่างนี้ราวห้าปีก็ไม่เหลือนิยายที่อยากอ่าน
คราวนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือโบราณอย่างเดียว

ใครก็ตามอ่านมาถึงตรงนี้ และอยากจะหาอะไรมาอ่านบ้าง ขอบอกว่าลุยโลดครับ ชีวิตเราแสนสั้น จะอ่านได้สักกี่หมื่นหน้ากัน
ถ้าได้อ่านก็แปลว่าชีวิตยังเป็นของเราอยู่ เมื่อไรไม่มีเวลาอ่าน ผมคิดว่าร้ายกาจกว่าขายชีวิตให้คนอื่นเสียอีก
ผมจึงแปลกใจที่เด็กรุ่นหลังไม่อ่านหนังสือกัน ทั้งที่มีโอกาสมากกว่ารุ่นผมเป็นร้อยพันเท่า

ต่อมจินตนาการเหือดแห้งกระนั้นหรือ....น้องเอ๋ย
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 21 มี.ค. 08, 23:33

คุณป. เป็นฮีโร่คนหนึ่งของผม
สมัยที่หาอ่านศาลาโกหก และสามเกลอที่กลายเป็นสี่สหายไปแล้ว
เรื่องเบื้องหลังต่างๆ ยังไม่มี หนังสือพิมพ์ไทยเบื้องหลังข่าว นครไทยเบื้องหลังข่าว
ก็เล่นแต่เรื่องอาชญากรรม
กว่าที่ฟ้าเมืองไทยจะมาจับตำนานนักเขียน ผมก็สิ้นความสนใจเรื่องเหล่านี้เสียแล้ว

แต่เรื่องที่ชอบจากคุณป. ทุกวันนี้ก็ยังไม่ลืม
เรื่องแรกคือท่านยกย่องนักมวยอมตะไว้หลายคน เช่นยักษ์สุข ปราสาทหินพิมาย เป็นต้น
แต่คนเก่งของท่าน เป็นคนหล่อ คือคุณชูชัย พระขรรค์ชัย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเพื่อนรักกัน
เคยคิดอยากจะดั้นด้นไปหาท่านที่วัดบางเสาธง
และจำได้แม่นยำว่าท่านแม่นยำในเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ อ้างหนังสือเจนส์เป็นว่าเล่น
ดูเหมือนท่านจะเคยเล่าว่าเป็นนักเรียนนายร้อย แต่ต้องถูกให้ออก

แรงบันดาลใจอีกอย่างก็คือการที่ท่านเขียนนิตยสารคนเดียวทั้งเล่ม
พวกเราเอาอย่างบ้าง ทำหนังสือใต้ดินอ่านกัน ก็แค่ฉีกสมุดมีเส้นหน้ากลางออกมา
พยายามคิดกันว่าจะเขียนอย่างไร จัดหน้าอย่างไร วางตัวหนังสืออย่างไร
รูปก็วาดสดๆ ครับ ตัวเรียงใช้คัดลายมือ ผลก็คือถูกทำโทษหน้าเสาธง

ยังงงถึงทุกวันนี้ว่า นี่เราทำอะไรผิดหรือ
มารู้เมื่อโตแล้วว่า ครั้งนั้นเราอยู่ในยุคไม่มีเสรีภาพการพิมพ์
และอยู่ในยุคที่ปัญญามีพลังแหลมคมกว่าอาวุธ
ท่านผู้นำมาเห็นความเหลวแหลกของอินเตอร์เนตแบบที่อาจารย์เจอ
คงส่ายหัวสั่งปิดมันหมดทุกเว๊บไซท์

เอ๋....มาลงที่นี่ได้งัยยย
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 22 มี.ค. 08, 05:14

คุณชูชัย  พระขรรค์ชัย เป็นเขยเล็ก  คุณลุงป.เป็นเขยใหญ่ค่ะ

คุณชูชัยแต่งงานกับน้องสาวของคุณป้าปราณี ภรรยาคนที่สองของคุณลุง


คุณชูชัย รูปหล่อมาก  เคยอ่านหนังสือที่ท่านเขียนชีวิตของท่าน
ประหลาดใจที่สมัยก่อนไม่เคยรู้ว่าหน้าตาดีมาก
อาจเป็นเพราะดิฉันไม่สนใจหน้ากีฬาในหนังสือพิมพ์


นักอ่านที่มาชุมนุมดื่มกาแฟฟรีในห้องทำงานของดิฉัน   เป็นนักประวัติศาสต์สมัครเล่นกันทุกคน
เข้าใจเรื่องสงครามโลกครั้งที่สอง จากมุมมองของเปรตเวหา
กรณีพิพาทอินโดจีน  สงครามมหาเอเชียบูรพา   ฉลองสันติภาพ
น้องๆพวกนี้ชวนกันหนีงานไปประมูลหนังสือสามเกลอตามที่ต่างๆ โดยแว่บจากที่ทำงานไปเฉยๆ
ทางแผนกส่งคนมาถามว่าทราบไหมว่า หายไปไหน
ไม่เคยทรยศสหายเลยค่ะ


การเล่นหนังสือสามเกลอ กินขาดกันที่ปกค่ะ  ปกไหนสวยกว่าปกไหน
ดิฉันไม่ลึกซึ้งในเรื่องเล่นปกค่ะ


บรรดาศักดิ์ของนายทหารที่คุณลุงเล่า่ก็น่าสนใจ

เรื่องราวของคุณท้าว เป็นเรื่องจริงนะคะ  เล่าจากมุมมองของคนที่มองโลกสวยงาม
คุณไข่มุก  ภรรยาคนแรกของคุณลุง เติบโตขึ้นในตำหนักพระราชชายา เจ้าดารารัศมี หรือไม่ก็คงเป็นตำหนักของพระองค์เจ้าประดิษฐาสารีค่ะ
ในฐานะลูกหลาน
เป็นมารยาทที่ไม่ต้องเอ่ยว่า  มิพึงบังควรนับญาติกับเจ้านายเป็นอันขาด  เหาจะกินหัว
คุณแม่ของคุณไข่มุก  มาจากสกุล เชื้อเจ็ดตนค่ะ

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 22 มี.ค. 08, 10:30

คุณป .เคยนำคุณชูชัยมาเป็นตัวละครในสามเกลอ  ในชื่อจริงเต็มๆ    ระบุว่า ชูชัย พระขรรค์ชัย เป็นบุตรบุญธรรมของข้าพเจ้า
นิยายเรื่องนี้ คือตอนสามเกลอแวะมาหาคุณป.ที่บ้าน ชวนไปเที่ยวพระพุทธบาท   คุณชูชัยก็ไปด้วย
แล้วหลุดเข้าไปในเมืองลับแลด้วยกัน

จำอะไรไม่ได้เกี่ยวกับคุณชูชัย ค่ะ  เริ่มจำชื่อนักมวยไทยก็เมื่อโผน กิ่งเพ็ชร์ เป็นแชมป์โลก

คุณป. เคยเป็นนักเรียนนายร้อยมาก่อน แต่ว่าออกก่อนจะเรียนจบ  ทราบแค่นี้ค่ะ

ในหนังสือปกอ่อน สามเกลอ  ที่คุณป.คุยกับคนอ่านท้ายเล่ม
มีคนถามกันหลายคนว่า ป.ย่อมาจากอะไร  ท่านก็ตอบเล่นไปเรื่อยๆ  เป็นชื่อ ปิ๋ว บ้าง ป๊อด บ้าง
จนมีคนหนึ่งถามว่า
ทำไมคุณอาไม่ตั้งชื่อพระเอกว่า ปรีชา
ท่านตอบว่า
"อาเห็นชื่อนี้ไม่เพราะ ก็เลยไม่ตั้ง"

สิ่งที่จำได้อีกอย่างคือ หนังสือสามเกลอ  ไม่เคยมีบทอีโรติคเลย  แม้แต่บทรัก เช่นในความเจ้าชู้ของพล ก็เอ่ยถึงอย่างบางเบามาก
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 22 มี.ค. 08, 11:24

อ่านจากที่ใหนนานมาแล้วว่า คุณป. ท่านโด่งดังมาจากนิยายเคล้าน้ำตาของคณะเพลินจิตต์
ของคุณ เวช กระตุฤกษ์
ที่มาแต่งสามเกลอก็เพราะอยากให้สังคมยอมรับในสถานะของพ่อค้า เพราะในช่วงคาบเกี่ยวสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น
พ่อค้ายังไม่ได้รับการยอมรับนับถือ

คุณป. เห็นว่าบ้านเมืองจะเจริญได้ ต้องพึ่งพานิชยกรรม
นับว่าเป็นคนที่เห็นทะลุเวลาจริงๆ
อาเสี่ยกิมหงวน ไทยแท้ ก็อาจจะเป็นพระเอกลูกจีนคนแรกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมไทย
ส่วนด๊อกเตอร์ดิเรก ณรงค์ฤทธิ์ ก็คือตัวแทนความฝันอีกด้านหนึ่งของท่าน
คือสังคมไทยยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์เลย....ข้อนี้คุณจ้อจะต้องชอบใจ

ถ้ากระเทาะเปลือกหัสนิยายชุดนี้ออกให้เห็นเนื้อในแล้ว
ผมคิดว่าคุณป. นั้น ท่านมีความเป็นเมธีอยู่เต็มเปื่ยม
และมีใจรักมั่นในประเทศของท่าน ไม่แพ้ใครในยุคสมัย

หนึ่งในวีระบุรุษของท่าน
คือเสืออากาศศานิต นวลมณี ที่หาญสู้เดี่ยวกับฝูงบินเศษฝรั่ง
เขียนถึงหลายตอนอยู่
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 22 มี.ค. 08, 11:48

       ตอนเด็กก็ได้อ่านสามเกลอฉบับปกอ่อนบางๆ ครับ  ชอบดร.ดิเรก มากกว่าสามเกลอ ทั้งๆ ที่มีบทบาทรองคนอื่นๆ
ตอนเป็นละครทีวี พอจำได้ว่ามีคุณนฤพนธ์ คุณรอง นำแสดง
        จำคุณคุณชูชัยได้จากภาพนักมวยรูปหล่อ และรับบทเป็นพันท้ายนรสิงห์ คู่กับคุณสุพรรณ ในหนังใหญ่ ครับ
   
         เมื่อไม่นานมานี้ตอนปลายปี ได้อ่านจุดประกายวรรณกรรม เรื่อง  -
             เมืองไทย พ.ศ.2550 ของ พล นิกร กิมหงวน และ ป.อินทรปาลิต   โดย ชัชวรรณ ปัญญาพยัตจาติ ครับ

         หากย้อนเวลากลับไปช่วงต้นปี 2482 วานวันนั้นถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบเจ็ดทศวรรษแล้ว ที่ตำนานหัสนิยายอมตะ
ชุด 'พล นิกร กิมหงวน' โดย 'ป.อินทรปาลิต' ยังคงโลดแล่นอยู่บนหน้าบรรณพิภพ นับจากตีพิมพ์เรื่อง 'อายผู้หญิง'
ขึ้นเป็นตอนแรกโดยสำนักพิมพ์เพลินจิตต์

         ป.อินทรปาลิต เป็นนามแฝงของ ปรีชา อินทรปาลิต เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2453 ตำบลยมราช
อำเภอดุสิต เขตพระนคร เข้าเรียนที่โรงเรียนโสมนัส และศึกษาต่อโรงเรียนนายร้อยทหารบกเมื่อปี 2462 แต่
ลาออกก่อนสำเร็จการศึกษา แล้วหันไปประกอบอาชีพอยู่หลายอย่าง ทั้งจัดตั้งโรงเรียนราษฎร์ร่วมกับพี่สาว
สอนหนังสือและรับราชการเสมียนที่กระทรวงพาณิชย์ ก่อนจะก้าวเข้าสู่การเป็นนักประพันธ์อย่างเต็มตัว
นับแต่มีผลงานนวนิยายเรื่อง นักเรียนนายร้อย ออกสู่สายตาหนอนหนังสือเป็นครั้งแรกเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2475

        หลังจากนั้นเขาดำเนินชีวิตด้วยการเป็นนักคิดนักเขียน ผู้รังสรรค์ผลงานสื่ออรรถรส ได้ทุกแขนงอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา
จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิตเมื่อ 25 กันยายน 2511
        ทั้งนี้เพื่อเชิดชูเกียรติของผู้ประพันธ์ และอนุรักษ์วรรณกรรมเป็นอมตะชุด พล นิกร กิมหงวน ไว้ในประวัติศาสตร์สังคมไทย
ในวาระก่อนครบ 100 ปี ชาตกาล ป.อินทรปาลิตในปี 2553 (อีก 3 ปีข้างหน้า) เฉกนั้น โครงการ เมืองไทย พ.ศ. 2550
ของ พล นิกร กิมหงวน และ ป.อินทรปาลิต ก่อนวาระ 100 ปีชาตกาล จึงมีขึ้นที่โรงละครแห่งชาติ (หอเล็ก) เมื่อวันเสาร์ที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา

             เริ่มแรกงานด้วยการปาฐกถานำหัวข้อ วิวัฒนาการสังคมไทยกับหัสนิยายชุด พล นิกร กิมหงวน
โดย ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร ได้กล่าวย้อนความถึงครั้งที่เขียนเรื่อง ป.อินทรปาลิตกับวิวัฒนาการสังคมไทย เพื่อไว้อาลัย
การจากไปของนักประพันธ์ลือนามในหนังสือที่ระลึกงานประชุมเพลิงศพ 'ปรีชา อินทรปาลิต' ว่า

          ในขณะที่นิยายชุดสามเกลอได้เขียนต่อเนื่องกันโดยไม่ขาดระยะมาเป็นเวลา 30 ปีเต็ม เขามองเห็นงานประพันธ์ชิ้นนี้
เป็นบันทึกวิวัฒนาการแห่งสังคมไทย ที่สอดแทรกคติชีวิต และในระยะเวลาเดียวกันก็ยังเป็นงานชิ้นเดียวที่ปราศจากคู่แข่งขัน

         "แม้นิยายสามเกลอจะมุ่งให้ผู้อ่านรู้สึกขบขันและคลายเครียด แต่ก็ได้แทรกปรัชญาชีวิตที่ทรงคุณค่า สำหรับการตรึกตรอง
ป.อินทรปาลิต เน้นว่าความสุขมีที่มาอยู่ 2 ประการ
         ประการแรกคือความมีสตางค์อันได้มาจากการทำมาหากินโดยสุจริต และความมัธยัสถ์ ประการที่สองคือความสุขจะเกิดขึ้นได้
ก็ต่อเมื่อจิตใจร่าเริงแจ่มใส ซึ่งหมายความว่าความมีเงินอย่างเดียวยังไม่พอ จะต้องมีใจที่ร่าเริงด้วยจึงจะมีความสุข

        ป.อินทรปาลิตได้พร่ำสอนให้เยาวชนตระหนักในการบำเพ็ญตนเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษและกุลสตรี มีความสุภาพอ่อนโยน
ไม่ดูถูกดูแคลนเพื่อนมนุษย์ ไม่รังแกข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่า ไม่ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ไม่มัวเมาในการพนันและความเชื่อ
ที่ไม่มีเหตุผล มีความปรารถนาที่จะทำประโยชน์ให้แก่สังคม ทุกข้อล้วนสื่อออกมาจากนิสัยใจคอซึ่งเป็นความประพฤติของสามเกลอ
และคณะพรรคมาตลอด 30 ปี"

         "ป.อินทรปาลิตไม่เคยเปลี่ยนจุดยืน ...ผมสนับสนุนความคิดที่จะนำเสนอชื่อ ป.อินทรปาลิต ต่อองค์การยูเนสโก
ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกในวาระครบรอบ 100 ปี ชาต กาล ในปี 2553 ด้วยเหตุที่ว่า

          เป็นนักประพันธ์ที่มีคนอ่านมากที่สุดตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ และแม้ภายหลังที่ล่วงลับไปแล้วหลายทศวรรษ
          จำนวนเล่มบทประพันธ์ของ ป.อินทรปาลิต ที่พิมพ์ออกจำหน่ายตั้งแต่ปี 2476 จนถึงปัจจุบัน น่าจะไม่น้อยกว่า 100 ล้านเล่ม
          มากกว่าจำนวนพิมพ์หนังสือของนักประพันธ์ไทยทุกคนรวมกันหลายสิบเท่า

         ต้องเน้นย้ำอีกครั้งว่าหัสนิยายชุดพล นิกร กิมหงวน มิใช่นวนิยายชวนหัวที่เขียนขึ้น เพื่อให้ผู้อ่านขบขันเพื่อคลายความเครียด
ของอารมณ์เท่านั้น หากยังเป็นวรรณกรรมทรงคุณค่า ในฐานะแหล่งข้อมูลวิวัฒนาการของสังคมไทย ที่ต่อเนื่องเป็นเวลา
กว่าสามทศวรรษ ที่มีอิทธิพลต่อจิตสำนึกของเยาวชน ในความมั่นคงของจิตใจและความประพฤติที่ดีงาม" ดร.วิชิตวงศ์ กล่าว

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.073 วินาที กับ 19 คำสั่ง