เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7
  พิมพ์  
อ่าน: 35755 เริ่มต้นเป็นนักเขียน
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 03 ก.พ. 09, 08:48

สวัสดีค่ะ และขอต้อนรับ
บันทึกการเข้า
Pandejo
อสุรผัด
*
ตอบ: 1


ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 20 พ.ย. 09, 09:12

มีแต่พล็อตและแนวเรื่องมากมาย ลงมือไปได้ แตมันไม่ต่อเนื่อง เขียนได้แต่เรื่องสั้น ได้ตีพิมพ์ทุกครั้ง
แต่เขียนนวนิยายไม่ได้ ปัจจุบันก็ยังเขียนไม่ได้สักที
ต้องการคำแนนำด้วยครับ
คุณรุ้ง จิตเกษม นี่เป็น idealist
Liberal
Conservative

Pandejo
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 20 พ.ย. 09, 09:23

ไม่มีคำแนะนำอะไร นอกจาก "ลงมือเขียน" เถอะค่ะ 
ถ้าเขียนเรื่องขนาดยาวมากๆไม่ได้     เพราะยังวางพล็อตขนาดยาวไม่ได้
ลองความยาวสัก ๒๐ หน้า ไปก่อน
บันทึกการเข้า
manit peuksakondh
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 20 พ.ย. 09, 10:13

เกรงใจทุกๆท่านอย่างที่สุด แต่อยากจะขอความกรุณาขอให้ช่วยตรวจสอบสักนิดหนึ่งเถอะครับว่า ผมเป็นนักอะไรกันแน่ (แต่คงไม่ใช่นักเขียน) เริ่มจากโดนเจ้านายจับให้แปลหนังสือลงในนิตยสารรายเดือนของที่ทำงาน(เป็นกองบก.) งานนี้มิใช่งานหลัก(เป็นงานรอง) ทำแบบนี้นานโขก็ขยับขึ้นมาเป็นบรรณาธิการของนิตยสารรายเดือนของที่ทำงานต้องทำทั้งแปล ทั้งเขียน ก็เป็นงานรองอีกนั่นแหละครับ เขียนตำรับตำรา เขียนรายงานการวิจัย ซึ่งก็เป็นงานรองครับ ต่อมาก็คิดว่าวันเกิดปีนี้จะเขียนบันทึกจากความทรงจำแจกญาติดีกว่า เริ่มตั้งแต่จำความได้ ไล่มาจนถึง ณ วันที่เขียนจบและแจก (ตอนนี้ก็เพิ่มเข้าไปเรื่อยๆ) ญาติๆเขาว่าเขียนได้สนุกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์(จริงไม่จริงไม่ทราบ) คนที่อ่านประจำตอนนี้คือหลานอายุ 7 ขวบ เขาบอกว่าเขาชอบเรื่องเก่าๆของปู่ งานที่ทำหลังๆนี่ก็คือ การเขียนเอกสารภาษาฝรั่งสำหรับงาน megaproject เขาเรียกชื่อตำแหน่งว่า Tender Document Specialist อ้อในชีวิตผมไม่เคยเขียนนิยาย และไม่ค่อยได้อ่านนิยายด้วยครับ
คำถามสั้นๆคือ ผมไม่ใช่นักเขียน แต่เป็นนักวิชาการใช่ไหมครับ
ด้วยความเคารพ
มานิต
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 21 พ.ย. 09, 09:06

นักเขียน เป็นคำกว้างๆ   ถ้าเจาะจงว่าเขียนอะไร ก็จะมีคำตามมา ระบุประเภทหนังสือที่เขียน  เช่นนักเขียนสารคดี  นักเขียนนวนิยาย  นักเขียนเรื่องสั้น
เมื่อก่อนนี้ นักเขียนนวนิยาย มีคำเรียกแยกออกไปว่า "นักประพันธ์"  เดี๋ยวนี้คำนี้หายไปแล้ว

คุณมานิต ก็เป็นนักเขียนนั่นแหละค่ะ
นักวิชาการ มักจะใช้สำหรับพวกเขียนตำรา และทำงานวิจัย ส่วนใหญ่เป็นอาจารย์ระดับอุดมศึกษา     เป็นหน้าที่ของพวกเขาอยู่แล้ว
แต่ก็มีอีกพวกคือรับจ้างทำงานวิจัยให้หน่วยงานรัฐหรือเอกชน   ถ้าไม่สังกัดที่ไหนโดยตรง ก็เรียกว่านักวิจัยอิสระ
บันทึกการเข้า
manit peuksakondh
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 21 พ.ย. 09, 19:05

ขอบพระคุณครับ ดีใจจังนอกจากจะได้เป็น"ขอม"แล้วยังได้เป็นนักเขียน กะเขาด้วยครับผม
มานิต้
บันทึกการเข้า
caeruleus
ชมพูพาน
***
ตอบ: 155


ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 22 พ.ย. 09, 04:39

หายหน้าหายตาไปนาน กลับมาใหม่เลยต้องรีบเข้ามารายงานตัวกับอาจารย์และสมาชิกท่านอื่นๆเสียก่อน....สวัสดีค่ะ

ดิฉันไม่เป็นนักเขียน หรือแม้แต่จะเป็นคนเขียนที่ดีได้ เนื่องจากว่าตัวเป็นขนซะเหลือเกิน
ตอนนี้เป็นได้แต่นักอ่านค่ะ
มีหนังสือของอาจารย์ที่บ้านไม่กี่เล่มเอง แต่อ่านจนพรุนไปหลายรอบแล้ว...ติดเกาะก็อย่างนี้แหละค่ะ ขาดแคลนเสียเหลือเกิน อายจัง
บันทึกการเข้า
วศิน
อสุรผัด
*
ตอบ: 5


ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 22 พ.ย. 09, 14:33

เพิ่งเข้ามาแจมเป็นครั้งแรกครับ ขออนุญาตฝากตัวด้วยนะครับ (แอบอ่านมานานแล้ว โดยไม่ได้โลจิ้น (ฮิฮิ) ตามคำเชิญชวนของเพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่ง)


กระทู้นี้ถูกใจจนอดใจไว้ไม่อยู่ครับ ด้วยตัวเองกำลังเขียนนิยายอยู่ แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่แน่ใจ และไม่เห็นเพื่อน ๆ ในนี้ถาม ก็เลยขออนุญาตถามอาจารย์ครับว่า การเขียนนวนิยายเรื่องยาว แต่ละตอนจะใช้ความยาวประมาณเท่าไรครับ (เข้าใจนะครับว่าแต่ละตอนจะมีเค้าโครง (plot) ของมันอยู่ซึ่งต้องทำให้ผ่านโครงในตอนนั้นไปได้) เพราะว่าการส่งนิยายไปลงตามนิตยสารเขาจะมีข้อจำกัดเรื่องหน้ากระดาษ


และไม่ทราบว่าอาจารย์ใช้ปากกาหรือคอมฯ ในการเขียนงานครับ ถ้าเป็นคอมฯ ใช้ font อะไร ตัวขนาดเท่าไร และกี่หน้า A4 ครับ ถึงจะจบตอน อย่างใน "พลอยแกมเพชร" หรือ "สกุลไทย" ก็ได้ครับ


ขอบคุณมากครับ


(หมายเหตุ เคยทราบว่าคุณ "ทมยันตี" สมัยที่ยังเป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ที่ รร. เซนต์โยเซฟ ต้องปั่นต้นฉบับตอนพักกลางวัน มีสำนักพิมพ์ส่งมอเตอร์ไซค์มานั่งรอต้นฉบับเป็นแถวราวกับคนไข้รอพบแพทย์ ตอนนั้นมือคุณทมยันตีเธอก็เขียนนิยายไป ปากเธอก็เล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ (ส่วนมากเรื่องในครอบครัว) ของเธอไป เขียนจบเรื่องนี้ก็ส่งให้สำนักพิมพ์นี้ แล้วก็คว้ากระดาษมาเขียนเรื่องต่อไปให้สำนักพิมพ์ต่อไป แยกสมองได้สุดยอดจริง ๆ ครับ)
บันทึกการเข้า
onelifeonelove
อสุรผัด
*
ตอบ: 16


ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 30 ม.ค. 10, 00:08

อาจารย์คะ

หนูเริ่มเขียนนวนิยาย ตอนนี้ได้ประมาณ 8 ตอนประมาณ 60 หน้ากระดาษa4 ยังเหลืออีก 17 ตอน ตอนนี้เริ่มมึนๆแล้วค่ะ

เขียนเป็นเรื่องแรกแนวแฟนตาซี โรแมนติก ยิ่งเขียนก็ยิ่งยาก

หนูวางโครงเรื่องเป็นตอนๆไว้แล้วว่าแต่ละตอนจะพูดถึงอะไร ตั้งใจว่าจะเขียนความยาวสัก 120-150 หน้า แต่นี่แค่8ตอน ก็60แผ่นแล้วค่ะ

ไม่อยากให้หนาเกิน สงสัยได้2 เล่มแน่ๆเลยค่ะ ตอนนี้ปมที่ผูกไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องกำลังไล่ผูกคอหนูอยู่ค่ะ ฝังปมเอาไว้มาก

กลัวเก็บปมไม่หมดค่ะ หนูใช้พ้อยออฟวิว เป็นบุรุษที่หนึ่ง เขียนยากมากค่ะ แต่หนูมีความรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเขียนแบบบุรุษที่หนึ่งจะเป็นการพจญภัยแบบน่าตื่นเต้น

ผู้อ่านจะค่อยๆเข้าใจ เท่าๆกับที่ตัวเอกเข้าใจ มันยากมาก กลัวจะหมดแรงเขียน หนูเขียนทุกวันได้งานมากสุดก็ 45บรรทัด น้อยสุดก็ 5 บรรทัด

บางทีก็เบื่อก็จะสลับตอนเขียน หนูอยากเขียนให้จบไวๆ จะได้เขียนเรื่องใหม่ต่อ หนูไม่เคยเขียนเรื่องสั้นมาก่อนเลย เพียงแต่ชอบเขียนความเรียงตอนเรียนหนังสือ

ไม่คิดว่าจะเขียนได้ถึง 8 ตอน วันนี้รู้สึกเหนื่อยแปลกๆ ก็เลยหาอย่างอื่นทำก่อนค่ะ

ขอบคุณงานเขียนทุกเล่มของอาจารย์นะคะ ทุกเล่มเป็นครูภาษาชั้นเอกจริงๆค่ะ หนูจะพยายามเขียนให้จบให้ได้ค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 01 ก.พ. 10, 15:36

๑      ตอนนี้ ถ้าหากว่ารู้สึกเหนื่อย หรือไม่สนุกกับการเขียนจนทนไม่ไหว    ให้พักก่อน  แสดงว่าคุณอาจจะผิดทางแล้วละค่ะ  
         แล้วค่อยๆคิดใหม่อีกที
๒      ถ้าอ่านทบทวนแล้ว รู้สึกว่าไม่ได้ดังใจ  อย่าลังเล      รื้อทิ้งไปเลยแล้วสร้างใหม่  อย่าฝืนเก็บเอาไว้ด้วยความเสียดาย
          มิฉะนั้น  คุณจะพลาดโอกาสในการเขียนให้ดีกว่าครั้งแรก
๓      จำไว้ว่าถ้าคุณไม่สนุกที่จะเขียน  คนอ่านก็ไม่สนุกที่จะอ่าน   คนอ่านรับอารมณ์ระหว่างบรรทัดได้นะคะ
๔        ถ้าเขียนไหว  ลองเขียนต่อให้จบ โดยไม่ต้องพะวงถึงความสั้นยาวของเรื่อง
๕         เมื่อเขียนจบแล้ว  เอามาอ่านใหม่อีกครั้ง  ตัดตอนที่ยาวเยิ่นเย้อออกไป    ให้กระชับขึ้น    ตัดปมออกไป  ให้อ่านง่ายขึ้น   
           อาจได้ผลดีขึ้นค่ะ
           ขอให้โชคดี
    
บันทึกการเข้า
onelifeonelove
อสุรผัด
*
ตอบ: 16


ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 04 ก.พ. 10, 16:37

ขอบพระคุณอาจารย์มากๆคะ

หนูเอาตอนแรกมาให้อ่านว่าพอจะผ่านได้หรือไม่หรือต้องรื้อแก้ใหม่

               ๑

 

                                 น้ำตาจันทร์




                   เสียงพระสวด ควันไฟที่เกิดจากการเผาร่างไร้วิญญาณสองร่าง ได้พวยพุ่งสู่อากาศด้านบน เสียงร่ำไห้

กระซิก ๆ ทั่วบริเวณ    ฉันสูญเสีย...พ่อและแม่ผู้เป็นที่รักยิ่ง ผู้เป็นทุกสิ่งในคราเดียวกัน  ยากยิ่งนักที่จะบังคับให้หัวใจเต้นต่อไปได้  ยากแสนสาหัสที่เด็กหญิง16 ปี อย่างฉัน จะทำใจยอมรับมันไหว   น้ำตาแห่งความเศร้าโศกเอ่อไหลรินอาบสองแก้ม  ทางนั้น …ใต้ต้นลั่นทม    ผู้หญิงวัยกลางคนยืนร่ำไห้เงียบๆ     ป้าพริ้มพี่สาวคนเดียวของแม่  ท่านเป็นผู้จัดการดูแลเรื่องงานศพของพ่อและแม่ทั้งหมด  ญาติของฉันทุกคนคอยมองฉันบ่อย ๆ ในแววตาของพวกเขาฟ้องถึงความสงสารและเห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของฉัน  ชีวิตคนเราเป็นแบบนี้เองหรือ  ฉันเฝ้าถามตัวเอง เมื่อหลายวันก่อนฉันมีความสุขจนล้นปรี่ มาวันนี้เหมือนว่าความทุกข์จะทับตัว จะขยับไปไหนเสียก็ไม่ได้  รู้สึกท้องไส้โหวงเหวงว่างเปล่า
ลำคอแห้งผากตีบตันไปหมด

             
                     เมื่อหลายวันก่อน วันที่ 28 ธันวาคม เป็นวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดปีที่สิบหกของฉัน   ฉันนั่งแกะของขวัญอย่างมีความสุขเพราะปีนี้เป็นปีสุดพิเศษ  ที่ครอบครัวเราได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ได้ตักบาตรทำบุญร่วมกันในตอนเช้า ทานข้าวร่วมกันทุกมื้อ   ส่วนตอนเย็นยังได้ร้องเพลงร่วมกันอีก ปีนี้พ่อให้เครื่องเล่นเอ็มพีสามเป็นของขวัญ  ในนั้นมีเสียงพ่อร้องเพลง แฮปปี้เบิร์ดเดย์พร้อมทั้งคำอวยพรที่แสนจะมีค่า ส่วนแม่ให้ล็อกเกตฉลุลาย สวยแปลกตาอย่างที่ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน ล็อกเกตทำจากทองคำ เป็นรูปดอกไม้ ฝังด้วยบุษราคัมน้ำดีตรงกลาง ประดับด้วยเพชรเหลี่ยมลูกโลกน้ำงามเม็ดโต  ด้านล่างมีก้านยื่นออกมาคล้ายเป็นก้านดอกไม้ หรือก้านกุญแจอะไรสักอย่าง ที่ชอบที่สุดก็ตรงที่มีรูปพ่อและแม่ถ่ายคู่กันอยู่ข้างใน  วันนี้ฉันสวมล็อกเกตมางานด้วย ของขวัญชิ้นสุดท้าย.....ที่แม่มอบให้

             
                    ไม่รู้จะโทษอะไรหรือโทษใคร ครอบครัวนักบินคนนั้น ก็คงไม่แตกต่างจากฉันในตอนนี้ แต่ทว่าฉันอาจเลวร้ายกว่า  เพราะอุบัติเหตุครั้งนี้พรากผู้เป็นที่รักของฉันทีเดียวถึงสองคน ฉันครุ่นคิดพลางมองควันไฟที่พวยพุ่งสู่อากาศด้านบนผ่านดวงตาที่พร่ามัวจากน้ำตาที่ไม่สามารถสะกดกลั้นได้


       

            หลังงานเผา ป้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้าน  เพื่อจัดแจงธุระเรื่องเรียนของฉันและเรื่องอื่น ๆ ในบ้านอีกมากมายให้เสร็จสรรพเรียบร้อย  ฉันพยายามหลบสายตาของป้าเวลาที่ท่านจ้องมองมา  ป้าเองก็รักแม่มากและรักฉันมาก ๆ อีกเช่นกัน ป้าพริ้มท่านไม่เคยแต่งงานมีครอบครัว ท่านอยู่ลำพังที่ชานเมืองลอนดอน ปีหนึ่ง ๆ   ท่านจะมาเยี่ยมเราช่วงหน้าหนาวและจะกลับไปเมื่ออากาศร้อนขึ้น   ป้าชวนฉันไปอยู่ด้วย   ป้าบอกว่าฉันเด็กเกินกว่าที่จะอยู่ตัวคนเดียวได้ จำเป็นต้องมีคนดูแลเอาใจใส่   จำเป็นต้องมีผู้ปกครองในขณะที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ใช่! ฉันจำเป็นต้องมีผู้ปกครองและป้าก็ได้รับสิทธินั้นเต็มที่  แต่ฉันไม่อยากย้ายไปที่นั่นเลยอยากอยู่ที่นี่  บ้านหลังนี้ บ้านที่ฉันเกิดและเติบโตขึ้นมา ฉันรักและผูกพันกับที่นี่เสียเหลือเกิน เรือนไม้สองชั้นสีขาวริมน้ำสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรป หลังคาทรงปั้นหยา  อายุราวๆทศวรรศเศษ "เรือนจันทร์กระจ่างฟ้า" ที่มาของชื่อนี้ คุณพ่อเคยบอกว่า เป็นเพราะต้นจันทร์กระจ่างฟ้าพุ่มโตหน้าบ้านนั่น ย่าทวดท่านเป็นคนปลูก แปลกแต่จริง ปรกติแล้วตันจันทร์กระจ่างฟ้าคงไม่ทนแดดทนฝนได้เป็นร้อยปีหรอกใช่ไหม แถมยังมีกลิ่นหอมพิเศษ หอมประหลาด กลิ่นหอมจะหอมไกล ๆ หอมเย็นๆ  ที่ไหนๆ ก็ไม่มี  คุณพ่อบอกเสมอว่ามันเป็นปริศนา  คุณพ่อยังเล่าให้ฉันฟังอีกว่า เพื่อนคุณพ่อสนใจมากและขอตอนกิ่งเพื่อไปปลูกที่บ้าน ปรากฎว่าเมื่อนำไปปลูกที่บ้านก็พบว่าปลูกขึ้นแต่ไม่มีกลิ่นและอายุก็ไม่ยาวเหมือนต้นที่บ้านเรา
น่าแปลกใจไม่น้อย บางทีอาจเป็นเพราะอะไรบางอย่างที่ฉันเองก็ไม่อาจเข้าใจได้ ฉันเฝ้ามองแสงจันทร์ที่สาดส่องกระทบยอดพุ่มต้นจันทร์กระจ่างฟ้า ความทรงจำที่มีต่อบ้านหลังนี้ค่อย ๆ กระจ่างชัดขึ้นในใจ  ขณะนั้นเสียงเรียกหาของป้าพริ้มดังขึ้น เสียงนั้นเศร้าในขณะเดียวกันก็แฝงด้วยความเอื้ออาทรเสียเหลือเกิน

"ลูกจันทร์ ป้าคิดว่าเราน่าจะปิดเรือนหลังนี้ แล้วหนูก็ย้ายไปอยู่อังกฤษกับป้านะลูกหนูคงเสียใจมาก ป้าจะได้คอยดูแลหนู ส่วนบ้านหลังนี้ ป้าจะให้แม่เปียกและคนอื่นๆ ที่อยู่ที่นี่ หมั่นคอยดูแลและทำความสะอาด และช่วงปิดเทอมของหนู เราจะกลับมาพักที่นี่กัน ถ้าหนูต้องการดีไหม" ป้าพริ้มถามฉันพร้อมกับดึงฉันมากอดลูบหน้าลูบตาอย่างรักใคร่


" ป้าพริ้มคะ หนูไม่อยากไปที่ไหนเลย ที่นี่คือความทรงจำทั้งหมดของหนู  และพ่อ กับแม่ก็อยู่ที่นี่"    ฉันพูดพลางร้องไห้สะอื้น


" เอาละ เอาละ อย่าร้องนะลูกจันทร์ ไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย นอนพักผ่อนให้พอ แล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กันวันหลังนะ เดี๋ยวป้ากับแม่เปียกจะปิดประตูหน้าต่างเอง แล้วหนูนอนคนเดียวได้แน่นะลูก ปิดประตูเสร็จป้าให้แม่เปียกไปนอนเป็นเพื่อนดีไหม " ป้าพริ้มพูดพลางเอามือนุ่มปาดน้ำตาออกจากแก้มฉัน

 

       

"ไม่เป็นไรคะ หนูนอนได้ ขอบคุณมากคะป้าพริ้ม ป้าเองก็ต้องพักเหมือนกันนะคะ นิทราราตรีสวัสดิ์ค่ะ" 

   ฉันกอดป้า ก่อนจะเดินขึ้นบันได ไปห้องนอน  ฉันได้ยินเสียงตะโกนไล่หลัง
"นอนได้แน่นะคะคุณหนู" ป้าเปียกร้องตะโกนถามฉันด้วยความเป็นห่วง
ฉันหันหลังกลับลงมาที่ด้านล่าง  และบอกกับป้าเปียกว่า "ป้าเปียกจ๋า ไม่ต้องห่วง หนูนอนได้แน่ค่ะ ป้าเองก็ต้องพักนะ หนูไปนอนละคะ"   พูดพลางรีบสาวเท้าก้าวขึ้นบันได

                       
            ทันทีที่ย่างเก้าเข้าห้องนอน ฉันปิดประตูลงกลอนอย่างเบาสนิท แล้วจึงค่อยเปิดไฟที่หัวเตียง ปรับแสงจากโคมไฟไม่ให้สว่างจนเกินไปนัก ความอึดอัดจากหน้าต่างในห้องที่ถูกปิดสนิททำให้ฉันไม่ค่อยสบายตัว  ฉันผลักบานหน้าต่างให้เปิดออกเพื่อรับลมหนาว  อากาศยามนี้ไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ก็สามารถหลับได้อย่างสบาย   แต่ทว่าเวลานี้...ฉันทอดถอนใจ  พิษของความสูญเสียเสมือนยากระตุ้นประสาท ฉันจะข่มตาลงในขณะที่หัวใจร่ำไห้ได้อย่างไร


                    น้ำตารื้อล้นตาทั้งสองข้างทันที  ฉันปล่อยให้น้ำตาไหลสักพัก เคยได้ยินมาว่าเวลาและน้ำตาจะช่วยรักษาเยียวยาบาดแผลในใจ  แล้วต้องใช้เวลาสักเท่าไรกัน  ความเจ็บปวดถึงจะทุเลาเบาบางลงบ้าง ฉันเฝ้าถามตัวเองในใจ  พวกท่านไม่น่าจากฉันเร็วขนาดนี้ ฉันเข้าใจเป็นธรรมดาโลกที่มี เกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่พวกท่านทั้งสองก็ไม่น่าที่จะด่วนจากฉันไปเร็วอย่างนี้ ไม่ควรเลย...พวกท่านเป็นคนดี ควรที่จะอยู่ต่อไปอีกนานๆ อยู่เป็นหลักให้กับฉัน อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้คนในบ้านนี้ และให้ฉันได้ทำสิ่งที่ดีๆให้กับท่าน กตัญญูท่าน ตอบแทนท่านให้มากกว่านี้


            ระหว่างที่ฉันใคร่ครวญถึงสิ่งต่างๆว่าฉันจะทำอะไรต่อไป ฉันค่อยๆถอดชุดกระโปรงแขวนไว้ในตู้ แก้ผมเปียออก ปล่อยผมยาวลง บรรจงหวีมันอย่างช้าๆ แม่บอกเสมอว่าร่างกายเป็นสิ่งที่พ่อแม่ให้มาจำต้องรักษาให้ดี ฉันจำได้ขึ้นใจทีเดียว ฉันหยิบเสื้อคลุมมาคลุมร่าง และกำล็อกเกตไว้ลังเลใจว่าจะถอดหรือไม่ถอดดี ใจฉันตอบว่าไม่ ฉันพาตัวที่แสนจะเหนื่อยล้าเข้าห้องน้ำสำเร็จ น้ำที่อยู่ในอ่างไม้หอมบัดนี้เย็นเฉียบ ฉันค่อยๆถอดเสื้อคลุม และสิ่งต่างๆที่พันธนาการร่างกายออก เหลือเพียงล็อกเกตกับร่างเปลือยเปล่าเท่านั้น แล้วจึงค่อย ๆ หย่อนตัวลงอ่าง ทันทีที่น้ำในอ่างสัมผัสโดนผิว มันเย็นเสียจนบาดผิว ฉันเร่งรีบอาบน้ำอย่างไวเพื่อหนีความหนาวเย็น  ในเวลานี้ฉันไม่อยากรบกวนใครให้ทำน้ำร้อนให้อีก ทุกคนเหน็ดเหนื่อยกันทั้งวันแล้ว และฉันเองก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทั้งกายและใจเหลือเกิน  ฉันใส่ก้านข่อยจิ้มเกลือเข้าปากอย่างเร่งรีบ จากนั้นจึงรองน้ำใส่แก้ว กลั้วคอแล้วจึงบ้วนปาก ฉันรีบสวมเสื้อคลุมแล้ว กลับเข้ามาที่ห้อง นั่งลงที่ม้ากระจกโบราณ ปล่อยผมให้อิสระแล้วหวีอย่างช้า ๆ หยิบเสื้อนอนสีขาวสะอาดมาสวม ฉันมองดูกระจกและเพิ่งจะสังเกตุเห็นว่าสองตาของฉัน มันปูดบวมแดงเสียจริง

 

 

                    แว่วเสียงเรไรขับขานเพลงเศร้า จั๊กจั่นตัวน้อยจะรู้ไหมว่า พ่อและแม่ไม่ได้อยู่ฟังพวกมันร้องเพลงตอนกลางคืนเสียแล้ว  ฉันถอนหายใจเบาๆอีกครา ฉันเปิดลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งออก หยิบเครื่องเอ็มพีสามที่พ่อให้ออกมา แล้วขึ้นไปนั่งบนเตียงสี่เสา มีม่านมุ้งโบว์ระยิบ ค่อยๆปิดมุ้ง สอดมุ้งใต้ที่นอนตรวจดูว่ามุ้งสอดเข้าไปดีหรือยัง  นี่เวลาอะไรแล้วหนอฉันรำพึงรำพันกับตัวเอง ฉันพนมมือสวดมนต์เฉกเช่นทุกวัน จากนั้นจึงอุทิศส่วนกุศลผลบุญให้พ่อแม่ ปู่ย่า ตาทวด เจ้ากรรมนายเวร แล้วจึงค่อยล้มตัวลงนอน  หลับไม่ลงจริงๆ ฉันเปิดเครื่องเล่นเอ็มพีสามฟังคุณพ่อร้องเพลงและอวยพรวันเกิด  น้ำตาค่อยๆไหลลงบนหมอน  ฉันปล่อยให้เครื่องเล่นซ้ำไปซ้ำมา ไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไหร่ ฉันอยากฟัง ฟังแล้วฟังอีก ทว่าร่างกายที่อ่อนล้าของฉันมันไม่เป็นใจเสียนี่
เปลือกตาหนักอึ้งของฉันจึงค่อย ๆ ปิดลง แล้วฉันก็จมสู่ห้วงนิทรา

                           




 


                              ความทุกข์รายรอบล้อมตัวฉัน
                      ความสุขสันต์มลายหายสาปสูญ
                      ความโศกศัลย์หล่นทับไม่อาดูร
                      ความทุกข์คูณบวกเข้าเคล้าน้ำตา
                           
                               ทุกข์นี้เมื่อไหร่จะจางหาย
                      ฤาต้องจ่ายน้ำตาเพื่อรักษา
                      ฤาเวลานั้นจะช่วยฉันเยียวยา
                      โอ้พ่อจ๋า แม่จ๋า มารับหนูที


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 04 ก.พ. 10, 16:57

ขออภัยจริงๆ ค่ะ ไม่สามารถจะทำได้
1   ถ้าอ่านและแก้ไขให้คนหนึ่ง และไม่มีเวลาหรือไม่อ่านให้อีกคน   ก็อาจจะกลายเป็นเลือกที่รักมักที่ชังได้    ถ้าจะอ่านให้ทุกคน ดิฉันก็ไม่มีเวลามากพอจะทำเช่นนั้น
2   ดิฉันพบว่า ให้นักเขียนใหม่พัฒนาฝีมือไปด้วยตัวเขาเองล้วนๆ   รู้ถูกรู้ผิดด้วยตัวเอง จะเป็นผลดีกับตัวเขามากกว่ามีคนช่วยเหลือค่ะ 
3   คนที่จะอ่านงานของคุณได้ดีที่สุด คือบรรณาธิการ  ไม่ใช่ดิฉัน   เพราะเป็นหน้าที่ของเขาโดยตรงที่จะประเมินงานของนักเขียน
บันทึกการเข้า
onelifeonelove
อสุรผัด
*
ตอบ: 16


ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 04 ก.พ. 10, 17:57

ขอบคุณมากค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ
บันทึกการเข้า
onelifeonelove
อสุรผัด
*
ตอบ: 16


ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 04 ก.พ. 10, 18:14

เข้าใจค่ะ ก็เป็นตามจริงอย่างที่อาจารย์ว่า

ถ้าตรวจทานให้หนูก็กลายเป็นว่าเลือกที่รักมักที่ชัง

หนูอ่านเองก็แก้ไปหลายรอบแล้วค่ะ อยากให้ออกมาดี

อยากทำให้ได้

ขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ
บันทึกการเข้า
Anna
องคต
*****
ตอบ: 552


ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 06 เม.ย. 10, 01:05

ขอสมัครเข้าเรียนด้วยคนค่ะ

พอเข้ามาเรียนก็มีปัญหามาขอเรียนถามอาจารย์เลยค่ะ  คือว่าดิฉันมีนิยายที่ได้รับการตีพิมพ์ออกวางจำหน่ายแล้วสองเรื่อง

เรื่องแรกได้รับกระแสตอบรับดีพอสมควร  เรื่องที่สองดีขึ้นกว่าเล่มแรกมาก  เรื่องที่สามกำลังอยู่ในขั้นตอนจัดพิมพ์ของสำนักพิมพ์

ที่เกริ่นมายาวเหยียดนี้ไม่ได้ต้องการอวดแต่ประการใดนะคะ  เพื่อนๆร่วมชั้นเรียนโปรดอย่าเข้าใจผิดหรือหมั่นไส้   แต่กำลังมีปัญหาค่ะ

คือเรื่องที่สี่ที่เขียนเสร็จแล้ว  แต่ดิฉันไม่พอใจ  นั่งแก้ไขอยู่ตอนนี้  แก้ยังไงก็ยังไม่ถูกใจตัวเองสักที  พอวิเคราะห์ดูก็รู้ว่าปัญหาใหญ่คือ

ความคาดหวังของตัวเองสูงขึ้นเรื่อยๆ  ทำให้เครียดมากค่ะ  เขียนไม่ได้มาหลายวันแล้ว   ร้องไห้  จึงอยากจะขอเรียนถามอาจารย์ค่ะ  สมัยที่อาจารย์

เขียนนิยายใหม่ๆ  เคยประสบปัญหาแบบนี้ไหมคะ  ถ้าเคย  อาจารย์จัดการกับปัญหานี้อย่างไรคะ  ได้โปรดชี้แนะด้วยค่ะ

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.074 วินาที กับ 19 คำสั่ง