เปิดกรุดาราคลาสสิกของฮอลลีวู้ด(๑๓)

[เทาชมพู]

ต่อจากกระทู้นี้ค่ะ
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=2519.msg47861;topicseen#msg47861

ทีแรกลงภาพเซอร์โรเจอร์ มัวร์สมัยหนุ่ม(มาก) ในหนังชุดเรื่อง Ivanhoe  ของอังกฤษ
แต่มาเปลี่ยนใจเมื่อเห็นภาพเจมส์บอนด์ เพียซ บรอสแนนที่คุณศิลาเอามาลงในกระทู้ก่อน
มาถึงปัจจุบัน  สภาพของเพียซก็ถือได้ว่าเข้ากรุไปแล้วเรียบร้อย
เมื่อเทียบกับภาพในอดีต ยุคต้น 1980s  ในบทRemington Steele
คู่กับดาราสาวสเตฟานี  ซิมบาลิสต์

[เทาชมพู]

จากนั้น ถึงปี 2005

[เทาชมพู]

James Bond ทั้งหก
ใครเป็นใคร เชิญตอบเองค่ะ

[กุ้งแห้งเยอรมัน]

กรุ..นี่หนักกว่าหิ้งอีกนะคะ
โธ่...โธ่ โธ่ คุณ sila 
....
เอียน เฟลมมิ่งปั้นเจมส์ บอนด์เป็นสายลับอังกฤษเปลี่ยนโฉมหน้าตั้งแต่ยุคฌอน คอนเนอรี่ มาจนเดเนียล เครก เริ่มจะอมตะแล้ว เพราะคนดูรู้สึกคุ้นกับแคแรคเตอร์เฉียบ เก่งทั้งเล่นไพ่ไปถึงไหวพริบทุกด้าน
อเมริกันสร้างสายลับของตัวอีกแบบเช่น มิชชั่น อิมพอสสิเบิ้ล ล่าสุด เจสัน บอร์น ก็ลอกสูตรไล่ล่าด้วยรถยนต์บ้าง เรือบ้าง ทั้งเรื่องดูแล้วเหนื่อย เอาใจช่วยพระเอกทั้งที่รู้ๆว่า เขาไม่ตายหรอก
อีกสามสิบปี เราคงทราบว่า จะอยู่ยั้งยืนยงเหมือนเจมส์ บอนด์ไหม
ชอบเจมส์ บอนด์คนแรก แล้วก็มัวร์ แล้วก็บรอสนั่น จนถึงคนปัจจุบันค่ะ
หุ่นแมนมั่กๆ...

[SILA]

         คั่นรายการด้วยภาพงามๆ ระหว่างรออาจารย์มาเล่าเรื่องต่อ
           เป็นภาพจากหนังสือ Vanity Fair ฉบับฮอลลีวู้ด มีนาคมศกนี้ นำนักแสดงชื่อดังมาถ่ายภาพจากหนัง
ของ Alfred Hitchcock
         เลือกภาพ นาโอมิ วัตตส์ ใน Marnie ที่อาจารย์เคยเล่าไว้
 

[SILA]

และ โจดี้ ฟอสเตอร์ ใน The Birds ครับ

[SILA]

        เป็นบทความประกอบภาพ เล่าเรื่องราวระหว่าง Hitchcock และ Hedren หลังกล้องหนังทั้งสองเรื่อง
ใน The Birds

       Hitchcock may never have taken his obsession with blondes further than with Tippi Hedren,
a model he spotted in a television commercial for a diet drink and immediately signed to
an exclusive, seven-year film contract. Within months he had cast her as the lead in The Birds.
       Hitchcock said he made the film in order to "scare the hell out of people,"
but Hedren may have been more scared than any audience member.

       Hitchcock ordered Hedren not only a complete wardrobe for her films,
but also-shades of Vertigo-one for her personal life; he hired two crew members
to spy on her when she left the set; and he repeatedly pressured her to drink martinis
during rehearsals.

       But the most upsetting episode came during the filming of the movie's climactic
bird-attack scene. Hitchcock put Hedren in a giant cage and had two men throw live birds
at her face. He shot the scene all day long, every day, for an entire week.
        It was only when she suffered a gash underneath one of her eyes that filming was stopped.
"Really the worst week of my life," said Hedren.   

[SILA]

      จาก Marnie อันนี้ก็ไม่น้อยหรือยิ่งกว่า The Birds อีกครับ

         While filming The Birds, Hitchcock became unnaturally fixated on his star, Tippi Hedren.
In Marnie, shot right after The Birds, Hitchcock's passion for the actress took on
a new level of obsession and oddity.
        It seemed to many on the set that Hitchcock was concerned less with the production
of the film than with his efffort to woo Hedren.
        He sent champagne to her dressing room every day, declared her the best actress
he had ever directed, and freely confesssed his love.

        Most disturbingly, he told her of a recurring dream he had:
       "You were in the living room of my house in Santa Cruz, and there was
a rainbow, a glow around you. You came right to me and said,
       'Hitch I love you-I'll always love you,' and we embraced.
        Don't you understand that you're everything I've ever dreamed about?"

       Near the end of production, after Hedren finally rejected him-in her trailer one day,
after Hitchcocked had propositioned her directly-he dropped her, and refused ever to
utter her name again. Did we mention that Marnie is a psychodrama about frigidity?

[SILA]

        ขอเพิ่มอีกภาพที่ชอบครับ เป็นหนังสร้างจากนิยายโด่งดัง ที่ตอนเป็นนักเรียนเคยเรียนฉบับย่อ
จำได้ว่าหนังเปิดเรื่องเหมือนในหนังสือ ด้วยภาพจากประตูรั้ว ล่วงเข้าไปสู่คฤหาสน์ที่รกร้าง พร้อมเสียงบรรยายว่า -
Last night I dreamt I went to Manderley again. 
       คำบรรยายประกอบภาพบอกว่า Hitchcock ร่าง treatment ที่มีการดัดแปลงหลายอย่างให้ Selznick ดู
แล้วโดนตอบกลับมาว่า shocked and disappointed beyond words และสั่งให้เขียนใหม่ให้ตรงตามตัวนิยาย
   
I และ Mrs. Danvers จากเรื่อง Rebecca โดย Keira Knightley และ Jennifer Jason Leigh
(เสียดายเจนนิเฟอร์ เป็นนักแสดงมากฝีมือที่มีผลงานน้อยจัง)

[กุ้งแห้งเยอรมัน]

สวยมากค่ะ ภาพในVanity Fair ที่คุณsilaมาลง
..
ดิฉันยังติดใจเจมส์ บอนด์ อยู่ค่ะ อาจารย์ จริงๆไม่ชอบหนังชุดนี้เลย เป็นสูตรสำเร็จที่เอียน เฟลมมิ่ง ถ้ามีชีวิตอยู่ไม่รู้จะว่าไง ที่มีนักเขียนหลายคนหยิบแคแร็คเตอร์นี้ ไปเขียนมาให้อ่านกันได้เรื่อยๆ เอาแค่หนัง ก็มีแต่EONโพรดัคชั่น ผูกขาดความสำเร็จทางการค้าอยู่เจ้าเดียวแล้ว
เจมส์ บอนด์ My name is Bond, James Bond...
อ่านที่มาของชื่อง่ายๆ ติดหูอย่างเจมส์ บอนด์ คือเอียนพักผ่อนอยู่ที่จาไมก้า  เป็นนักดูนกคนหนึ่ง อ่านหนังสือนกที่เขียนโดยนักปักษีวิทยาชื่อเจมส์ บอนด์ ก็เลยถูกใจกับชื่อจืดๆนี้
จืดของเอียนสมัยนั้น กลายเป็นชื่อที่ทำเงินมาครึ่งศตวรรษแล้วนะคะ
นักวิตกวิจารณ์พยายามค้นว่า เอียนไปได้แคแร็คเตอร์นี้มาจากไหน ทั้งเป็นสายลับที่ปราดเปรื่อง คลั่งคนสวย เจ้าชู้หาตัวจับยาก เล่นไพ่เก่ง มียศทางทหารเรือเป็นcommander ปรากฎว่าทั้งหมดนี้ คือซีกหนึ่งของเอียนโดยแท้..
เอียนม่องเท่งไป แต่เจมส์ ยังโลดแล่นอยู่ในหนัง หนังสือ และทีวี จนถึงเกมส์และการ์ตูน
จนเราแก่ชรา EON คงยังมันกับการทำเงินจากหนังสายลับอังกฤษ สายเลือดสก็อต(เอาใจดาราคนแรก)ผสมสวิส ต่อไป..
...............

[SILA]

       ชอบบอนด์แบบท่านเซอร์ Sean ครับ เข้มข้น เท่ เก่ง ฉลาดมีไหวพริบ และโหด โดยเฉพาะ
ในฉาก(น่าจะเป็นตอน "นิ้วทอง") ที่พระเอกเราเห็นเงาคนร้ายที่ย่องมาข้างหลังในแววตาของนางนกต่อ
พระเอกเราก็เลยหมุนตัวหลบแล้วเธอโดนฟาดแทน
         พอมาถึงยุคท่านเซอร์ Moore และ Brosnan ความเข้มก็จางลงไปมาก กลับเน้นฉากต่อสู้
แบบโม้ เกินจริง มีอุปกรณ์เสริมมากเกินไป และช่วงหลังพระเอกกลับกลายเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า เช่น
นาฬิกา รถยนต์
         สุดท้ายในปัจจุบัน ทีมผู้สร้างก็ต้องย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นแบบท่านเซอร์ Sean ใหม่

ป.ล. ขอแถมอีกรูปครับ เมื่อวานไปดู Atonement  ภาพนางเอก Keira โพสท์ไปแล้ว วันนี้โพสท์ภาพพระเอก James McAvoy

Emile Hirsch และ James McAvoy จาก Strangers on a Train

   

[กุ้งแห้งเยอรมัน]

อืมม์ บางที Vanity Fairรีทัชซะ James หน้าหวานเกินคนจริง เป็นพลาสติคไร้volumeไปเลย
...
นอกเรื่องตามคุณsila หวังว่าอาจารย์คงไม่ว่ากระไร Atonement ได้เข้าชิงรางวัลเยอะ ไปดูมาตั้งแต่เข้าใหม่ๆจนขยายมากินสองโรงแล้วที่แถวสยาม ส่วนSweeney Todd หดไปอยู่แค่โรงเล็กๆที่ลิโด อาจจะเพราะหนังของ Tim Burton ไม่ใช่ขาประจำคงไม่อยากจะดูเท่าไหร่ คนชอบดราม่าคงไม่พลาด โดยเฉพาะคุณOam น่าจะได้ดูหนังของ Tim
บทนักเขียนเด็กขี้อิจฉาแบบคนอังกฤษ (ที่ไม่ใช่กระทืบเท้า เต้นเร่าๆ กรี๊ดลั่นไปสามบ้านแปดบ้านแบบหนังไทย) ทำให้เด็กชื่ออ่านยาก Saoirse Ronan(pronounced /ˈsɪrʃə ˈroʊnən/ in English)ได้ชิงตุ๊กตาทองกับเขาด้วย และบทสำคัญสุดแสบนี้ถึงขนาดเอาวาเนสสา เรดเกรฟมาเล่นเป็นเธอตอนแก่..
เรียกว่า ทรยศหักหลังไม่สิ้นสุด
แฟนคลับอาจารย์เทาชมพูน่าไปดูค่ะ ดิฉันขอทำนายว่าสองเรื่องนี้ จะคลาสสิคในอนาคต

[กุ้งแห้งเยอรมัน]

ทำชายหลายคนไม่กล้าเข้าร้านตัดผม บาร์เบอร์นักเชือด.. สำหรับคุณOamค่ะ อาจารย์

[elvisbhu]

ผมไปดู Atonement ตั้งแต่หนังเริ่มเข้าโปรแกรม แบบไม่ตั้งใจคือไม่ให้ตกข่าว  Director ผูกหนังฝากชีวิตไว้กับเด็กเยอะ
ก็มีความรู้สึกว่าเด็กคนนี้มาแรง... เธอประสบความสำเร็จแบบไม่รู้ตัว..  ถึงแม้ว่าเธออาจจะได้ หรือไม่ได้รางวัล ใน Oscar

ส่วน​ Sweeney Todd ช่างตัดผมจอมเชือด หนังสไตล์ของ Tim Burton ก็พิสูจน์ความสามารถของ Johnny Depp ที่สลัดคราบของ Jack Sparrow ผู้น่ารักเป็นจอมอำมโหด..... สยองงง

[เทาชมพู]

พอมาถึงยุคท่านเซอร์ Moore และ Brosnan ความเข้มก็จางลงไปมาก กลับเน้นฉากต่อสู้
แบบโม้ เกินจริง มีอุปกรณ์เสริมมากเกินไป และช่วงหลังพระเอกกลับกลายเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า เช่นนาฬิกา รถยนต์

เคยดู Tomorrow Never Dies หรืออะไรสักเรื่องที่เพียซ บรอสแนนเล่น    รู้สึกว่าพี่บอนด์ตอนนี้ ก็คือซุปเปอร์แมนที่แค่ไม่ได้สวมชุดประจำเท่านั้นละค่ะ
โดดเครื่องบินลงมา   ผมเผ้ายังไม่ยุ่งด้วยซ้ำ