เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 14
  พิมพ์  
อ่าน: 41950 " รุ่งเรือง.. เมืองศิลป 2"
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 06 ก.พ. 08, 21:00

ขอตอบคุณ pakun2k1d ก่อนนะครับ

กระเบื้องที่ผมกล่าวถึงในวัดกระเบื้องเคลือบ หรือวัดบรมพุทธาราม หมายถึงกระเบื้องมุงหลังคาครับ ไม่ใช่กระเบื้องประดับหลายสีประดับพระเจดีย์อย่างในวัดโพธิ์

กระเบื้องเหล่านี้จะจุ่มสีลงไปเพียงบางส่วน (ไม่ใช่ทั้งอัน) เพื่อประหยัดเคลือบ ส่วนที่เหลื่อมกันก็จะโดนอันอื่นปิดทับบริเวณที่ไม่ได้เคลือบไว้

เช่นเดียวกับกระเบื้องโบสถ์ทั่วไปครับ

ส่วนกระเบื้องประดับนั้น บางส่วนตัดมาจากชิ้นส่วนถ้วยชาม ที่สั่งเข้ามาจากเมืองจีน บางครั้งก็ใช้ทั้งใบประดับเข้าไปเลย

จะเคลือบเองก็ลงทุนเกินไปครับ
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 06 ก.พ. 08, 21:14

ภาพนี้สำหรับผู้ชื่นชอบกระเบื้องเคลือบค่ะ
มองจากเจดีย์รัชกาลที่๓ สีเหลือง ไปยังองค์กลางสีเขียว รัชกาลที่๑ และองค์ขาว รัชกาลที่๒


บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 06 ก.พ. 08, 22:01

ไม่ใช่งานง่าย และไม่ธรรมดาค่ะ


บันทึกการเข้า
pakun2k1d
พาลี
****
ตอบ: 285


ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 06 ก.พ. 08, 22:02

ขอบคุณคุณกุรุกุลาค่ะ  งั้นแสดงว่าความจำดิฉันถูกต้อง  แล้วเทคนิคการประดับกระเบื้องอย่างนี้มีความเป็นมาอย่างไรค่ะ  น่าสนใจจังค่ะ
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 06 ก.พ. 08, 22:09

แหม่มท่าทางติสท์สุดๆ เถียงกับเพื่อนฝรั่งหัวฟู บุคลิกเหมือนคนทำโฆษณา ว่า แหม เป็นยุคซิกส์ตี้ส์แหงๆ..  ลังเล ลังเล ยิงฟันยิ้ม



บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 06 ก.พ. 08, 22:10

 ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์


บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 06 ก.พ. 08, 22:12

 ยิ้มเท่ห์


บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 06 ก.พ. 08, 22:20

ช่างกำลังซ่อมกระเบื้องเคลือบบางส่วนพอดี วิธีทำคือลงปูนขาวก่อน แล้วค่อยติดกระเบื้อง ..
แตวิธีทำย้อนไปสองร้อยปี ก็เหมือนการทำงานศิลปะ คือต้องวางโครงดีไซน์ก่อน แล้วจึงวางสี เพื่อมาเลือกตัดกระเบื้องให้ตรงกับขนาดและมุมที่จะใช้ ไม่ว่าจะโค้งจะเว้าอย่างไร หรือบางส่วนก็ใช้แจกันทั้งใบวาง หรือวางถ้วยเป็นเกสรของดอกทั้งดอก ส่วนกลีบดอกไม้ หรือเกล็ดมังกรก็ต้องวางให้เกิดมิติ..
ดิฉันอยากจะขอฟังคนเขียนรูปมาเล่าให้ฟังบ้างค่ะ


บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 06 ก.พ. 08, 22:27

คว้ากล้องคู่ใจไปมาเมื่อวาน ฝากเพื่อนๆเรือนไทยค่ะ


บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 06 ก.พ. 08, 22:48

ทีนี้มาดูของรัชกาลที่๔ บ้างค่ะ เป็นสีขาบ


บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 06 ก.พ. 08, 22:52

สไตล์เจดีย์มีเมตตามาก มีบันไดให้ขึ้นและเดินรอบฐาน มองลงมา มองขึ้นไป ต้องไม่กลัวความสูงค่ะ


บันทึกการเข้า
pakun2k1d
พาลี
****
ตอบ: 285


ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 06 ก.พ. 08, 23:16

เห็นภาพของคุณกุ้งฯ แล้ว  ดิฉันนึกถึงหนังสือของฝรั่งที่เขารวบรวมลายโมเสคศิลปะของประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียนอย่างโมรอคโคไว้  ของเราจะมีใครรวบรวมศึกษาไว้บ้างไหมนะ  นี่ถ้าเราทำเป็นรายการทีวี  สาธิตให้เห็นตั้งแต่การออกแบบ แล้วตัดกระเบื้องทีละชิ้น ๆ ค่อย ๆ มาติดทีละช่อง ทีละลาย คิดดูซิว่า  เจดีย์ 1 องค์มีกี่ลาย ต้องตัดกระเบื้องกี่ชิ้น  ใช้ถ้วยชามไปกี่ใบ ใช้เวลากี่วัน คนกี่คน จะมีใครทำไหมนี่
บันทึกการเข้า
elvisbhu
แขกเรือน
พาลี
****
ตอบ: 215

เป็นคนเขียนรูป


ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 06 ก.พ. 08, 23:26

น่าสนใจ ...จะเป็นการวิเคราะห์และเก็บหลักฐานสุดยอดงานศิลปกรรมยุครัตนโกสินท์ชิ้นหนึ่งตรับ
บันทึกการเข้า
Bana
องคต
*****
ตอบ: 439



ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 07 ก.พ. 08, 00:31

ผมว่าดูแล้วสีสันคล้ายๆไปทางจีนนะครับ  เซรามิคพวกนี้คงซื้อจาก ตปท  ไม่ทราบว่าตอนนั้นได้มีการนำเข้าจากยุโรปหรือเปล่า  ถ้าไทยเราเผาเองก็ถือว่าสุดยอด  จากรูปคุณกุ้งทำให้ต้องหาโอกาสเก็บตังค์ไปเที่ยว  กทม ซะหน่อยจะไปดูแต่วัดโพธิ์อย่างเดียวเลยอ่ะครับ ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 07 ก.พ. 08, 02:20

เครื่องเคลือบสีเดียวเป็นของดีอย่างหนึ่งในช่วงราชซงศ์ชิงตอนปลายครับ
พี่แกผลิตส่งขายไปทั่วโลก ปรับหน้าตาและรูปร่างเอาใจลูกค้าได้ตามคำสั่ง ไม่แพ้ผ้าแขก
เมืองไทยก็เลยได้เข้ามาใช้เยอะเหมือนกัน
ผมเคยเห็นเศษๆ อยู่ในหลุมขุดค้นที่คณะโบราณฯ ไปขุดกระทรวงพาณิชย์อยู่หลายสีเหมือนกันครับ

แต่ของในวัดนี้คงซ่อมใหม่หลายครั้งแล้วล่ะครับ กว่าจะมาถึงเวลาที่พวกเราได้ไปดู
ถ้าคุณกุ้งแห้งฯ อยากดูอะไรที่เก่าและยังสวยกว่านี้
ผมแนะนำให้ข้ามเรือไปอีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาครับ
อีกวัดนึง ที่ฟากขะนู้นเขายังสวยกว่ามาก
(ถึงจะใช้จานชามรุ่นหลังราชวงศ์ชิงมาแต่งบ้าง แต่โดยรวมไม่ได้ดูใหม่จ๋าอย่างวัดโพธิ์ครับ)




ปล. ผมพูดถึงวัดไหน ขออนุญาตไม่เฉลยครับ
ให้เซียนวัดไปเดินหากันเองก่อน (ใบ้ว่าไม่ได้อยู่ที่พรปรางค์วัดแจ้งครับ หิหิ)



ปล.2 กระเบื้องลายดอกไม้ที่ซ่อมใหม่หลายครั้งทำไม่เหมือนของเก่าครับ
พวกดอกใหญ่ๆ เมื่อก่อนเคยใช้พู่กันเขียนลายเส้นคมกริบ
เดี๋ยวนี้กรมศิลป์แกกลัวจะไม่เดิ้ลลลล พอ
ต้องเอาแอร์บรัชมาเขียนซะลายเลอะเทอะขอบพร่าไปหมด
ดูตัวอย่างได้ที่วัดเฉลิมพระเกียรติ (ที่ถ่ายหนังจักรๆวงศ์ๆบ่อยๆ)

หรือพวกกระเบื้อตัดชิ้นเล็กๆ ที่เขาว่ามันงามที่เส้นขาวของเนื้อกระเบื้องชั้นเลิศ ตัดกับสีสดของเคลือบสี
เดี๋ยวนี้พี่แกก็กลัวจะผิดธรรมชาติดอกไม้ ปั้นกระเบื้องเป็นกลีบๆ ใบๆแล้วเอาไปชุบน้ำเคลือบจนไม่เหลือขอบขาวก็บ่อย

ส่วนไอ้กระเบื้องลายดอกไม้ร่วงแบบที่พี่กุ้งฯถ่ายมา.......
ผมว่าถ้าเอาของใหม่ไปเทียบกับของโบราณท่านทำแล้วหน้าตาเหมาะเอาไปติดห้องน้ำตามสปาไฮโซมากกว่าผนังวัดครับ
เห็นแล้วอยากร้องไห้พอๆกับความรู้สึกของใครซักคนที่อุตส่าห์ถ่อสังขารไปถึงวัดแจ้ง
เพื่อดูจิตรกรรมลายดอกไม้ร่วงเพราะได้ยินคนโบราณชมว่างามหนักหนาน่ะแหละครับ เหอๆ



ปล.3 รุ่นพี่คนไทยที่ผมรู้จักคนหนึ่งแกหนีไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เมื่อ พ.ศ. 2523 ก่อนจะบูรณะกรุงเทพกัน
แล้วก็ไมได้กลับมาเยี่ยมถิ่นฐานบ้านเก่าเลยเพราะได้เมียแหม่มไปแล้ว..... ปีที่แล้วแกแวะกลับมา
เราก็เลยไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แถวสนามหลวงกันเพราะถือว่าเป็นกลางเมือง
คำถามแรกที่แกถามขึ้นมาตอนรถผ่านวัดโพธิ์ทำเอาผมสะอึกอยู่จนถึงทุกวันนี้
เพราะแกถามผมว่า "เขาทำอะไรกันน่ะ วัดพวกนี้ซ่อมทีไรดูสวยน้อยลงไปทุกที"

แต่ไอ้ที่น่าสะอึกที่สุด..... ก็เมื่อเราไปเดินผ่านหอระฆังของวัดหนึ่งแถวนั้น
ซึ่งประดับกระเบื้องสีเหลือง น้ำเงิน เขียว และแดงสดสลับกันอย่างน่ากลัว
เพราะแกถามผมว่า "ทำไมวัสดุมันเหมือนไอ้ที่เอาไว้ทำส้วมตามวัดบ้านนอกตอนสมัยพี่เป็นเด็กเลยวะ ?"
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 14
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.05 วินาที กับ 19 คำสั่ง