ติบอ
|
นายติบอแอบหายไปจากบอร์ดมาช่วงนึงครับ พอดีมีเพื่อน และพี่ที่น่ารักอีก 2 คนชวนไปเที่ยวพม่ามา ตอนแรกว่าจะไป 10 วัน แต่เนื่องจากช่วงที่ไปสถานการณ์ในพม่ากำลังตึงเครี๊ยด
เครื่องบินที่ผมจะกลับก็เลยยกเลิก... สรุปว่าต้องค้างเติ่งอยู่พม่าอีก 1 คืน รวมเป็นเดินทางทั้งหมด 11 วัน เลยขอเก็บเรื่อง เก็บรูปมาฝากสมาชิกเวบกันเท่าที่มีครับผม
ปล. ผมให้เพื่อนตัวแสบที่ไปด้วยมาช่วยเล่าเรื่องอีกนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 11 ม.ค. 08, 21:11
|
|
เหตุเกิดเมื่อหน้าร้อนที่ผ่านมา ขณะที่ผมกำลังนั่งหน้าดำคร่ำเครียดอ่านหนังสือสอบใบประกอบฯอยู่ เพื่อนตัวแสบคนหนึ่งก็โทรมาหา พอผมรับสายก็มีเสียงจ๋อยๆดังมาจากอีกปลายสายหนึ่งว่า
"นี่ๆ ฉันจะไปพม่าล่ะ"
เท่านั้นล่ะครับผมก็หูผึ่ง... โห มันไปมาทั้งลาว ทั้งเขมร แล้วยังจะไปพม่าอีกเหรอ เรียนคณะบ้าอะไรทำไมมันดีอย่างนี้วะ ที่เราล่ะ เรียนอยู่กลางเมืองแท้ๆ สยามแสควร์ยังไม่มีปัญญาเจียดเวลาไปเดินเลย .....อิจฉาวุ๊ยๆ
ในที่สุดด้วยความอิจฉาตาร้อนจนหนังสือในมือแทบลุกเป็นไฟ นายติบอก็ตื้อแล้วตื้อเล่าให้เพื่อนเราไปขออาจารย์ให้นายติบอได้ไปด้วย อีกสามสี่วันมันก็โทรมาบอกว่า "อาจารย์เขาไม่ว่าล่ะ ไปด้วยกันสิ"
(เย๊ๆ ได้ไปพม่าแย๊ว...)
แต่แล้ว เมื่อวัดเดินทางใกล้เข้ามา สถานการณ์ทางการเมืองในพม่าก็มีปัญหาเคร่งเครียด มีการชุมนุมประท้วง พระสงฆ์หลายรูปถูกจับ จนในที่สุด.... อองซานซูจีถูกกักบริเวณ!! ตายล่ะสิ จะทำยังไงดี
คุณพ่อคุณแม่จากที่เคยเตือนนายติบอว่า "ดูแลตัวเองดีๆนะ" ก็เริ่มเปลี่ยนคำพูดเป็น "เพื่อนพ่อเขาบอกว่ามันอันตรายนะลูก" "ลูกจะไปจริงๆหรือ แม่เป็นห่วงนะ" "แม่ว่าอย่าไปเลยลูก เดี๋ยวน้าเขามาว่าแม่" "พ่อจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินคืนให้ก็ได้ อย่าไปเลย" ฯลฯ
แต่ในที่สุด.... นายติบอก้ดื้อทู่ซี้ไปเที่ยวพม่าจนได้... (จะ see Myanmar and die หรือเปล่าก็ไม่รู้ เหอๆ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 11 ม.ค. 08, 21:26
|
|
ตั้งแต่เรียนประถมกันมา นายติบอมั่นใจว่านักเรียนไทยทุกคนท่องกันมาเป็นนกแก้วนกขุนทองแล้วว่า "ประเทศไทยมีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านได้แก่ ลาว เขมร มาเลเซีย และพม่า" (ขอแค่ชื่อย่อๆนะครับ) แต่จากในบรรดาชื่อประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมดที่ว่ามา ดูเหมือนว่าความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศพม่าจะดูมืดมนอนธกาลที่สุดในสมองของคนไทยส่วนมาก
แล้วไอ้ที่รู้กัน..... ก็มักจะกระเดียดไปในทาง "ที่อยุธยาเหลือเป็นเศษอิฐทุกวันนี้เพราะพม่าเผาทำลาย" (ถ้าไม่ไปรื้ออิฐมาสร้างกรุงใหม่มันคงไม่เหลือแค่นี้หรอก) หรือไม่ก็ "ทองที่ชเวดากองเป็นของคนไทย" (แน่ใจนะ!!!) "บุเรงนองเป็นผู้ชนะสิบทิศ" (เขาไปตีที่ไหนมามั่ง ตอบได้มะ 10 ทิศเนี่ยะ) "คนพม่าโหดร้ายนะ ดูสิ ราชาธิราชสั่งประหารพ่อลาวแก่นเท้าได้ทั้งๆที่แกกัดนิ้วขาดไปหมดเพราะไม่ยอมไหว้แม่เลี้ยง" (ไปฟังสัมนาที่คุณ CHrazyHorse เอามาบอกสิ แล้วจะรู้ว่ามันไม่ใช่) และอื่นๆอีกมากมายที่ดูจะคลาดเคลื่อนไปเยอะเลย
ฟังดูแล้ว.... โอวมายจ๊อด ก๊อดเบสยูทีเถอะ ทำไมเขารู้กันแค่นี้อ่ะ... แง๊ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุ้งแห้งเยอรมัน
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 12 ม.ค. 08, 00:44
|
|
 ;)โอ แค่คำนำก็รู้แล้วว่าต้องหนุกมาก ที่จริงพม่าน่าเที่ยวมาก คนพม่าก็คนไทยดีๆที่ต้อนไปตอนกรุงแตกนั่นหละ ว่ามั้ยคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Bana
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 12 ม.ค. 08, 01:04
|
|
ท่านติบอจั่วหัวซะน่าติดตาม ไม่เล่าต่อโรกธตายเลย.......อิอิ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 12 ม.ค. 08, 01:12
|
|
มาค้านคุณกุ้งแห้ง...... คนพม่าแท้ๆ ที่เป็นชนชั้นปกครองนั้น เป็นอีกเผ่าต่างหากจากไตครับ ร่างสูงใหญ่ รูปหน้าเข้ม เหี้ยม และมีบุคคลิกภาพแห่งอำนาจ
เคนเห็นที่มัณฑะเลย์หนหนึ่ง เป็นงานแต่งของไฮโซประจำเมือง ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาในงาน เห็นปุ๊ปรู้ปั๊ป ว่าคนใหนใหญ่
เพื่อนที่ไปด้วยถึงกับเอ่ยปากว่า เห็นรูปร่างท่าทีแล้ว เชื่อสนิทว่ายกทัพตีกรุงศรีฯ แตกได้แน่นอน
พวกนายพลข่วยๆ ห่วยๆ ที่เราเห็นเป็นข่าวอยู่ในปัจจุบันนั้น สง่าราศรีไม่ถึงครึ่งหนึ่งของที่ผมเคยเห็นเลยละครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 12 ม.ค. 08, 10:29
|
|
เห็นด้วยกับคุณพิพัฒน์ครับ กุ้งแห้งครับคนไทยอยู่ในพม่าไม่มากครับครับ แต่ก็ไม่ใช่น้อยจนเกือบไม่มี อย่างที่อินเลย์ เป็นคนไทยซะเกือบหมดครับ แต่เมืองเก่าอย่างหงสาฯ หาคนไทยก็ยากซะแล้ว เพราะประเทศพม่าเป็นประเทศที่มีประชากรหลากหลายชนชาติมาก เฉพาะคนเมืองก็มีเข้าไปตั้งหลายรัฐแล้ว แล้วยังจะมีชาวเขา - ชนเผ่าอีกกี่เผ่าก็ไม่รู้
ปล. ผมเคยมีเพื่อนเป็นคนพม่าคนนึงครับ เห็นรูปเขาครั้งแรกตกใจแทบชอคว่าทำไมหน้ามันเหมือนรูปปั้นดินเผาสมัยทวารวดีอย่างงี้วะ เหอๆ เหมือนทุกอย่างครับ ตาโต โปน ปากหนาเป็นรูปกระจับ หน้ากลม ผมหยิก.... จับไปเดินพิพิธภัณฑ์ที่คูบัวภัณฑารักษ์อาจจะหลอนนึกว่าดินเผาในตู้หลุดออกมามีชีวิตได้ครับ เหอๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 12 ม.ค. 08, 11:04
|
|
ก่อนจะไปพม่า.... แน่นอนว่านายติบอต้องหาข้อมูลประเทศพม่าไว้นิดหน่อยก่อน แล้วจะหาที่ไหนดีล่ะ..... ก็ วันๆก็นั่งอยู่หน้าอินเตอร์เนตแล้วเนาะ งั้นก็หาเอาในสารานุกรมเด็กอ่อนแอเนี่ยะแหละ เพราะไม่ได้ซีเรียสอะไรอยู่แล้ว http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%9E%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%B2
จากแผนที่ทางภูมิศาสตร์ พม่าเป็นประเทศที่อยู่สูงที่สุดในบรรดาชาติอาเซียน มีพรมแดนติดต่อกับประเทศ บังกลาเทศ อินเดีย จีน ลาว และไทย และมีชายฝั่งทะเลอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย
พม่าแบ่งการปกครองออกเป็น 7 เขต กับอีก 7 รัฐ เท่าที่นายติบอเข้าใจ เขตเป็นที่อยู่ของชนเมือง ส่วนรัฐก็เป็นที่อยู่ของชนเผ่า
ชื่อเขต และเมืองหลวงทั้งหมดคือ 1. เขตAyeyarwady (คนไทยอ่านว่าอิรวดี) 2. เขตBago (อ่านว่าพะโค) 3. เขตMagway (มาเกว) 4. เขตMandalay (มัณฑะเลย์) 5. เขตSagaing (สะกาย) 6. เขตTanintharyi (อันนี้ดูอ่านยาก แต่ที่จริงก็เมืองตะนาวศรีล่ะครับ) 7. เขตYangon (ย่างกุ้ง)
ส่วนรัฐอีก 7 รัฐได้แก่ 1. รัฐชิน (Chin) 2. รัฐกะฉิ่น (Kachin) 3. รัฐกะเหรี่ยง (Kayin) อันนี้สังเกตนิดนึงครับ ว่าภาษาอังกฤษใช้ตามที่คนพม่าออกเสียง 4. รัฐกะยา (Kayah) 5. รัฐมอญ (Mon) 6. รัฐยะไข่ (Rakhine) 7. รัฐฉาน (Shan)
เมืองหลวงปัจจุบันคือเมือง เนปีดอ และเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือเมืองย่างกุ้ง (พี่กุ้งแห้งจะกลัวเมืองนี้มั้ยเนี่ยะ)
มีสกุลภาษาในประเทศมากถึง 5 สกุล ได้แก่ 1. ตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก ได้แก่ ภาษาภาษามอญ ภาษาปะหล่อง 2. ตระกูลภาษาซิโน-ทิเบตัน ได้แก่ ภาษาพม่า (ภาษาราชการ) ภาษากะเหรี่ยง ภาษาอารากัน (ยะไข่) ภาษาจิงผ่อ (กะฉิ่น) และ ภาษาอาข่า 3. ตระกูลภาษาไท-กะได ได้แก่ ภาษาฉาน ภาษาไทลื้อ ภาษาไทขึน และภาษาไทคำตี่ 4. ตระกูลภาษาม้ง-เมี่ยน ได้แก่ ภาษาม้งและภาษาเย้า (เมี่ยน) 5. ตระกูลภาษาออสโตรนีเชี่ยน ได้แก่ ภาษามอเก็นและภาษาสะลน
ปัจจุบันใช้สกุลเงินจั๊ต (kyats) มีตัวย่อเป็นตัว K ใช้เวลา UTC + 6.30 (ช้ากว่าไทยนิดนึงเพราะอยู่ทางตะวันตกกว่า) และมีรหัสอินเตอร์เนตเป็น .mm
แค่นี้คงพอก่อนเดินทางละ ไปเที่ยวกะผมเลยมะกั๊บ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุ้งแห้งเยอรมัน
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 12 ม.ค. 08, 11:10
|
|
ช้าก่อน ค้านได้ค่ะ คุณพพ. คนพม่ามีหลายเชื้อชาติ หลายเผ่าพันธุ์วะจนบ้านเมืองเป็นอย่างที่เห็น ภาษาพูดก็ดันต่างกันอีก ดิฉันกำลังจะพูดว่า มารยาทที่อ่อนน้อม น่ารักของคนไทย ตอนนี้ กลายไปอยู่ที่เมืองพม่าเสียส่วนใหญ่ ผิดถูกจะมาขยายให้ฟังนะคะ แต่ที่แน่ๆเสียยิ่งกว่าแช่แป้ง ก็คือ หน้าเหมือนเราแต่หน้าไม่ยิ้มค่า
อ้อ คุณตบ.รู้สึกไหม ว่ากุ้งแห้งพม่าตัวโตมาก ซื้อมาครั้งเดียว ไปครั้งต่อไปเลิก เพราะประกอบอาหารแล้ว อร่อยสู้กุ้งแห้งไทยไม่ได้เลย
เชิญสาธยายต่อค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 12 ม.ค. 08, 16:51
|
|
เท่าที่ผมเข้าใจ กุ้งแห้งพม่าเป็นกุ้งก้ามกรามตัวไม่ใหญ่นัก พอตากขึ้นมาก็เลยตัวโตมโหฬาร แต่เนื้อเหนียวหนึบหนับ แถมรสชาติออกจะจืดๆอีกตะหาก (ไม่ทราบว่าของร้านที่ผมได้ชิมมารสชาติต่างกับร้านอื่นหรือเปล่านะครับ)
กุ้งแบบนี้ถ้าทำให้ดีก็รสชาติดีครับ อาจจะดีถึงขั้นถูกปากคนชอบกุ้งแห้งเนื้อเยอะ เพราะซื้อมาทีไรผมก็ต้องทำใหม่ทุกครั้ง
วิธีการทำใหม่คือเอากุ้งมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วโรยเกลือทะเลลงไปจำนวนหนึ่ง จากนั้นเอากุ้งไปตากให้แห้งใหม่อีกครั้ง แล้วเก็บไว้ในตู้เย็น เวลาจะเอากลับมารับประทาน ให้คั่วหรือทอดก่อนนะครับ
ปล. เวลาซื้ออย่าซื้อตัวใหญ่เกินไปครับ เพราะอาจจะเหนียวจนฟันปลอมหลุดได้ครับ เหอๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 12 ม.ค. 08, 17:42
|
|
ก่อนจะไปไหนไกล มาแนะนำนักเดินทางกันก่อนนะครับ
นักเดินทางคราวนี้ มี 3 คน
คนแรก ก็ นายติบอล่ะครับ คนที่ 2 เล่นบอร์ด ใช้ชื่อว่านายกุรุกุลา ขออนุญาตเรียกว่าไอ้ตั้ว (ทำไมมันเอาชื่อศักติของพระโพธิสัตว์มาตั้งเป็นชื่อว๊า...) คนที่ 3 เป็นพี่ชายใจดีคนหนึ่ง ขออนุญาตเรียกว่าพี่เชษฐ์นะครับ
เหตุเกิดจากพี่เชษฐ์ต้องการเดินทางไปประเทศพม่า เพื่อถ่ายภาพโบราณสถานในเขตเมืองพุกาม ย่างกุ้ง และหงสาวดี นายติบอกับไอ้ตั้วก็เลยได้โอกาสขอพี่เขาติดตามไปด้วย
และเนื่องจากเราไปกันแบบเบี้ยน้อยหอยน้อย เราก็เลยต้องนั่ง low cost airline คือ Thai Air Asia ไปกัน แต่สายการบินเจ้ากรรมนี่ดันมีไฟลต์ไปพม่าแต่เช้าตรู่อย่างเดียว ก่อนจะเดินทางกันไปสุวรรณภูมิตอนเช้าตรู่ไก่ยังไม่ทันโห่ของวันที่ 26 ต.ค. นายติบอกับไอ้ตั้วก็เลยขออนุญาตพี่เชษฐ์ไปนอนค้างคืนที่บ้านพี่เขาก่อน 1 คืน ก่อนจะต้องเบิ่งตาตื่นไปสนามบินตั้งแต่ตี 4 ของวันที่ 26
ไปคราวนี้นายติบอทำตัวธรรมด๊าธรรมดาเหมือนทุกครั้งที่ไปเที่ยวชมโบราณสถาน คือเอาเสื้อยืดไปประมาณ 3 ใน 4 ของจำนวนวันที่ไป กางเกงยีนส์ 2 ตัว แจคเกตกันลม 1 ตัว ถุงเท้า 11 คู่ ผ้ห่มคลุมไหล่ผืนใหญ่ 1 ผืน ผ้าพันคอวูล 1 ผืน เชือกตากผ้า ไม้หนีบ หนังยางวง และกล้องถ่ายรูป ส่วนคุณชายกุรุกุลาเป็นคนเตรียมยาสารพัดชนิดไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุ้งแห้งเยอรมัน
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 12 ม.ค. 08, 22:56
|
|
แล้วจะได้ดูรูปฝีมือท่านทั้งสามไหมล่ะคะ คุณติบอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 13 ม.ค. 08, 17:10
|
|
หลังจากรู้จักข้อมูลประเทศพม่ากันไปคร่าวๆแล้ว คราวนี้.... นายติบอก็ต้องหาข้อมูลอีกล่ะ ประเทศพม่าออกจะกว้างใหญ่ไพศาล ถ้าเปรียบเป็นบ้าน เมืองที่นายติบอจะไปก็คงไม่ต่างอะไรกับที่ดินแค่กระแบะมือ
อย่างที่เล่าไปแล้ว ว่าเมืองที่จะไปคราวนี้มี 3 เมือง ได้แก่ พุกาม หงสาวดี และ ย่างกุ้งครับ แต่ไฮไลต์หลักจริงๆอยู่ที่พุกาม เพราะจากเวลาทั้งหมด 10 วัน เราจะเสียเวลาอยู่ในพุกามซะ 6 วันแล้ว แล้วยังต้องเสียเดินทางไป - กลับอีก นายติบอก็เลยเหลือเวลาชมเมืองย่างกุ้ง กับหงสาวดีซะเมืองละวันเท่านั้นเองครับ
เรื่องที่ 2 ที่นายติบอต้องค้นก็คือเรื่องประวัติศาสตร์พุกาม คราวนี้ก็พึ่งอินเตอร์เนตอีกเช่นเคยครับ แต่เป็นโชคดีของนายติบอ ที่มหาวิทยาลัยศิลปากรได้ทำฐานข้อมูลออนไลน์เอาไว้ และมีวิทยานิพนธ์ประญญาโทอยู่ฉบับนึง ที่ทำเรื่อง พุทธศาสนากับพม่าในสมัยอาณาจักรพุกาม (ค.ศ. 1057-1287) นายติบอเลยได้อ่านประวัติศาสตร์พุกามมาบ้าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 13 ม.ค. 08, 17:52
|
|
ไหนๆก็ไหนๆ พูดเรื่องวิทยานิพนธ์กันไปแล้ว นายติบอขอเล่าประวัติอาณาจักรพุกามอย่างย่อๆให้ทุกท่านฟังไปก่อนนะครับ ใครไม่ฟังก็กระโดดข้ามรีพลายนี้ของนายติบอ ไปจนถึง "บทที่ 0" ได้เลยครับ
พุกามเป็นเมืองหลวงแห่งแรกในประวัติศาสตร์ของชนชาติพม่า มีอีกชื่อหนึ่งว่า "อริมนฺทนทวีปฺ" หรือดินแดนผู้ไม่เคยแพ้ใคร ถึงแม้ว่าดินแดนแห่งนี้จะวางตัวอยู่บนริมฝั่งของเวิ้งน้ำใหญ่ของลำน้ำอิรวดี แต่ตอนกลางของประเทศพม่าอย่างเช่นที่นี่ก็เป็นอาณาเขตที่แห้งแล้งมาก จนรู้จักกันในอีกนามหนึ่งว่า "ตมฺพทวีป" หรือดินแดนอันมีดินสีแดง
เล่ามาถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัย ว่าทำไมเขามาตั้งเมืองกันที่นี่ นายติบอขออนุญาตเล่าเพิ่มว่าที่กษัตริย์พุกามทรงมาตั้งมหานครยุคโบราณกันที่นี่ เพราะพุกามเป็นจุดเล็กๆที่แม่น้ำฉินวิน ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำอิรวดี และเป็นดินแดนที่อยู่ระหว่างดินแดนกสิกรรมขนาดใหญ่ 2 ผืน ทางเหนือและใต้ จึงถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการปกครองอาณาเขตบริวเวณนี้ก็ว่าได้
ถึงแม้ว่าโดยทั่วไปแล้วเราจะเริ่มศึกษาประวัติศาสตร์ของอาณาจักรพุกาม หลังจากที่พระเจ้าอนิรุทธ (อโนรธา) ขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 1587 แล้ว แต่จากหลักฐานทางโบราณคดีที่ค้นพบในดินแดนแห่งนี้ แสดงให้เราเห็นว่าดินแดนแห่งนี้มีการตั้งชุมชนอยู่มาตั้งแต่ตอนปลายพุทธศตวรรษที่ 13 แล้ว และนอกจากนั้นประวัติศาสตร์พุกามเองก็ได้กล่าวถึงพระเจ้าอนิรุทธ ไว้ว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์องคที่ 42 ของพุกามด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|