เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 9
  พิมพ์  
อ่าน: 51239 สาวน้อยใจถึง
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 07 พ.ย. 07, 02:59

เอื้อก......

หลังจากไปdadjari ทำตัวเป็นนักชักรูปมือสมัครเล่นสิบกว่าวันจนสะบักสะบอมกลับบ้านมา


นายติบอขออนุญาตมาดันให้เรือออกไปกลางมหาสมุทรมากขึ้นหน่อยครับ
เริ่มจากตามูโอเข้ามาในประเทศสยาม
แกคงกำเงินมาเป็นฟ่อนจริงๆ อย่างที่คุณณพิพัฒน์ว่า
แต่จะฟ่อนเล็กฟ่อนใหญ่แค่ไหนเกินความสามารถในการเดาของนายติบอ
เอาเป็นว่ามันไม่มน่าจะมากพอที่จะทำให้แกตัดสินใจเช่ากล้องถ่ายรูป
และคณะผู้ถ่ายภาพ รวมถึงลูกหาบเพิ่มอีกเท่าที่จำเป็นไปด้วย แม้กระทั่งไปพระบาทสระบุรี
เลยต้องใช้วิธีวาดเอาแทน....... (หรือตาคนนี้จะเป็นพวกหัวเก่า/ติดส์แตกก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน)

ในที่สุด มูโอต์ก็ไปเขมร.... และกลับมาเพียงแค่ต้นฉบับของหนังสือ
ท่ากงสุลจึงต้องส่งจดหมายแสดงความเสียใจ และต้นฉบับนี้คืนให้แก่น้องชายของมูโอต์
แต่เนื่องจากมูโอต์ และครอบครัวเป็นชาวฝรั่งเศส ซึ่งเดินทางมาในนามของทุนรัฐบาลอังกฤษ
ท่านกงสุลซึ่งเป็นคนอังกฤษและเสียดายเงินแทนประเทศ
จึงต้องแสดงความประสงค์แก่น้องชายของมูโอต์ว่าหนังสือเล่มนี้ควรจะตีพิมพ์
ท่านจึงว่าจ้างคุณฟรานซิส ของคุณพิพัฒน์ ให้ถ่ายภาพวิถีชีวิตไทยให้ด้วย

รูปถ่ายชุดนี้จึงถ่ายอย่างค่อนข้างรีบร้อน ไม่ได้ตระเตรียมอุปกรณ์ต่างๆมากนัก.....
ภาพเลยอกมามีพิรุธมากอย่างที่คุรพิพัฒน์ และอาจารย์ จับผิดไว้ได้หลายที่




เอ๊า เลิกเดาดีกว่าครับ ยิ่งเดายิ่งเหนื่อย



มีข้อสังเกตมาเสนอนิดหน่อยครับผม

1. ถ้าภาพ "การนั่งยองๆ" เกิดขึ้นเพื่อต้องการแสดง "วิธีนั่งของคนสยาม" จะเป็นไปได้มั้ยครับ ?
เพราะชาติพันธุ์ในกลุ่มคอเคซอย เขามี laxity ของระยางค์ขาค่อนข้างต่ำ
จะให้ฝรั่งมานั่งยองๆ นั่งพับเพียบนี่...... ท่าทางจะฝืนสังขารพี่แกเอาการ
ผมเชื่อว่าแรกๆที่ฝรั่งมาถึงเมืองไทย มาเจอะเอาคนสยามนั่งยองๆได้ หรือ ถ่ายอุจจาระยองๆได้ แกคงแปลกใจพอดู

2. ดูจากภาพถ่ายคุณปริศนา (ชื่อเหมือนนางเอกนิยายเลยวุ๊ย) ที่มีผ้าสไบปิดพลอมแพลมแล้ว
ผมเดาเอาว่าน่าจะเป็นแพรจีนเนื้อบางครับ เพราะลักษณะลาย และเนื้อผ้าเป็นของที่นิยมใช้ในช่วงนั้น

3. ผมเดาเอาเองอีกเช่นเคย ว่าแม่หญิงคนที่นั่งยองๆน่าจะเป็นคนเดียวกับคนที่ใส่เอี้ยมที่คุณพิพัฒน์ตัดภาพมาอีกรอบ
เพราะจากลักษณะเอี้ยม สร้อยตัว และต่างหูเหมือนกัน.... แต่ภาพที่นั่งยองๆอาจจะถูกอัดกลับข้าง (หรือเปล่า ?)



เดาได้เท่านี้เองครับ แหะๆ
บันทึกการเข้า
elvisbhu
แขกเรือน
พาลี
****
ตอบ: 215

เป็นคนเขียนรูป


ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 12 พ.ย. 07, 21:26

เจ้าของกระทู้หมดไฟแล้วยังครับ กรุณามาร่ายต่อครับ
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 19 เม.ย. 08, 21:20

คุณบาตอฟเธอสดุดีผมไว้สนุกสนาน ได้บอกแล้วว่าไม่ถือสา ก็ไม่ถือจริงๆ
แต่เธออ้างกระทู้นี้มาด่าผม ผมเห็นว่ามีสาระน่าจะพูดคุยต่อ ขอยกคำของเธอมากก่อนนะครับ
--------------------
นายพิพัฒน์ตั้งตนเป็นผู้นักวิชาการ หากินกับภาพถ่ายเก่าของนายจิตร
เจอภาพถ่ายใด ไม่ทราบผู้แต่ง เป็นต้องมั่วว่าฝีมือนายจิตร ทุกครั้งไป
ใครยกครูให้คุณกัน ไม่สั่งสอนหรือว่าริจะเป็นนักวิชาการนั้น
ต้องอย่ามั่ว

จะบอกให้เอาบุญนะ มีท่านผู้รู้ที่รำคาญการอวดรู้ของคุณ
เขาว่าคุณ "สู่รู้" คนอ่านเรือนไทยไม่ใช่ควาย
เจอศิลปินอุตริ ได้มาพักพิงเรือนไทย ยกเมฆบัดซบ อุตริซะไม่มี
แถมคุณหญิงดันก้นให้คุณเป็นนักเขียนประจำ "สกุลไทย" ทั้งที
ก่อนมั่ว ควรตรวจเช็คข้อมูล ไว้หน้าท่านบ้าง

ภาพชุดด้านล่างนี้
คริสตี้ เคยเปิดประมูล บอกประวัติเสร็จสรรพว่า
ฝรั่งเป็นคนถ่ายรูปนี้ ต้นฉบับยังอยู่ครบถ้วน

พี่เรือนไทยท่านหนึ่ง ติดโบร์ชัวร์คริสตี้มาให้ข้าฯ ดู
เพื่อให้ข้าฯ แก้โง่พิพัฒน์ เพราะท่านกลัวมือเปื้อน
 ---------------------------
เธอยังด่ามากกว่านี้ ท่านที่สนใจเชิญไปเกาะขอบจอที่เวบเธอได้
แต่ที่จะเสริมต่อไปนี้ หวังว่าจะยังประโยชน์แก่ผู้อ่านได้บ้าง

การที่ผมสันนิษฐานรูปสาวน้อยนี้ ว่าเป็นฝีมือนายจิต(ขอเน้นว่า ผมไม่เคยใช้ นายจิตร แม้แต่ครั้งเดียวนะครับ)
มาจากการประมวลหลักฐาน แต่อาจจะประมวลไม่ดี เลยถูกหาว่ามั่ว ต้องประมวลใหม่อีกทีดังนี้
1 รูปสาวน้อยใจถึงนี้ พบครั้งแรกในหนังสือของมูโอต์ ซึ่งพิมพ์ครั้งแรกปี 2405
2 นาน...หลังจากนั้น ผมมาพบรูปถ่ายที่เป็นต้นฉบับในหน้าปกหนังสือเล่มหนึ่ง
ดังที่สแกนรูปมาให้ดู ยังติดขอบสีแดงที่เป็นลวดลายตกแต่งอยู่เลย
3 คุณบาตอฟได้ความรู้จากสมาชิกเรือนไทยท่านหนึ่ง บอกว่ามีรูปนี้ออกประมูลโดยคริสตี้ส์
4 คุณบาตอฟเชื่อคำอธิบายของคริสตี้ส์ว่าฝรั่งเป็นคนถ่ายรูปนี้
5 ดังนั้นสันนิษฐานของผมจึงผิด

ถ้าผมจะสันนิษฐานอะไรผิดละก้อ ยินดีแก้ความเห็นเสมอ ไม่ดันทุรังดอก
แต่ก่อนจะชี้ผิดในสันนิษฐานของผมนั้น น่าจะเสนอหลักฐานประกอบ ผมจะได้ยอมแพ้โดยดุษฎี
อีกอย่าง กระทู้นี้ ยังค้างเติ่งอยู่ น่าจะส่งความเห็นมาลงที่นี่ เรียกว่าตีให้ตายคาที่ไปเลย

อย่ากระนั้นเลย ผมจะต่อความให้ก็แล้วกันนะครับ
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 19 เม.ย. 08, 21:21

เธอลงรูปไว้ 2 ชิ้น ขอนำมาลงที่นี่ต่อนะครับ




บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 19 เม.ย. 08, 21:22

เลือกรูปผิด ขออภัยครับ


บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 19 เม.ย. 08, 21:39

รูปที่เพิ่งชมไป คงเป็นรูปที่คริสตี้ส์นำออกประมูล เสียดายที่ไม่ได้บอกว่าเป็นครั้งใหน
จะได้ตามไปอ่านรายละเอียดมาให้ครบถ้วน

ที่น่าติดใจก็คือคุณตอฟเธอยืนยันว่าเธอเชื่อฝรั่ง อันนี้ผมก็เชื่อนะครับ ถ้ามันถูกต้อง
แต่ฝรั่งที่ทำผิดพลาดก็มี เราคงเจอกันบ่อย ผมเองก็เคยท้วงการกำหนดอายุของฝรั่งคนดังว่าผิดไป 200 ปี
สุดท้ายแกก็ยอมแก้ให้เป็นไปตามที่ผมท้วง ผมก็เห็นว่าแกเป็นนักวิชาการที่แท้ ไม่กลัวผิด และไม่กลัวที่ต้องแก้

ตามระบบของคริสตี้ส์นั้น เขาจะหาผู้เชี่ยวชาญมาเขียนแคตตะล๊อค ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ ในโลกมีไม่กี่คน
เพราะเป็นเรื่องเล็กครับ ประวัติศาสตร์ภาพถ่ายของสยามนั้น น่าจะมีคนที่เชื่อถือได้ ไม่เกินนิ้วมือหนึ่งข้าง
ไปเปิดดูในวิกิก็คงเห็นเอง ที่พูดอย่างนี้ เพราะจะได้ตามตัวถูก ถ้าจะต้องทักท้วงกัน
คนที่ถูกท้วงก็จะชอบ ไม่มีใครคิดว่าตัวเองเป็นพหูสูตรหรอกครับ

แล้วรูปนี้ ฝรั่งถ่ายไว้จริงหรือ ฮืม?
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 19 เม.ย. 08, 21:57

จะตามรอย เราต้องสางไปหาหลักฐานเก่าสุดก่อน
ซึ่งก็คือหนังสือของมูโอต์ พิมพ์ปี 2405 สางกลับไปอีก มูโอต์ตาย 2403 รูปนี้ จึงมีอายุในช่วงนี้
ระยะ 2403-2405 เรามีเอกสารให้อ้างน้อย เท่าที่ทราบก็คือ ในปี 2404 พระเจ้าอยู่หัวทรงฉายพระรูป
พระราชทานไปยังฝรั่งเศส ทรงบอกว่าเป็นฝีมือช่างไทย แต่ก็ทรงเล่าด้วยว่า มีช่างภาพชาวสวีเดนมาช่วย
จนถึงทุกวันนี้ ยังไม่มีใครสืบพบตัวช่างภาพผู้นี้

มูโอต์เข้ามาบางกอกในช่วงนี้ เดิมเราเชื่อกันว่า เขาเป็นช่างภาพ ผมก็เคยเชื่อเช่นนั้น
มาฉุกคิดว่า ทำไมเขาไม่มีรูปถ่ายเกี่ยวกับเขมรเลย ทั้งๆ ที่เป้าหมายของเขาคือมาสำรวจเขมร
เงินทุนที่ได้รับ ก็เพื่องานนี้ ถ้ามีกล้อง จะไม่ใช้เทียวหรือ จะบอกว่าไม่มีเงิน เป็นไปไม่ได้
แค่รังวัดอังกอร์วัด เห็นจะใช้เงินพอซื้อกล้องแน่ๆ และทำงานขนาดนี้ มีกล้องจะไม่ถ่ายหลักฐานมาประกอบรายงานละหรือ
ในเมื่อส่วนที่เล่าเรื่องสยาม พิมพ์รูปไว้บานตะเกียง
อันที่จริงก็คือ เป็นส่วนเดียว ที่ใช้กล้องถ่ายรูปเก็บข้อมูล ทั้งที่ไม่ใช่เป้าหมาย ไม่ใช่รูปสองรูปนะครับ หลายสิบรูปครับ
แต่ละรูป ไม่ใช่ถ่ายง่ายๆ อย่างชุดที่ถ่ายอยุธยา ต้องถางป่าเข้าไป ถ่ายคลองก็ต้องว่าเรือเข้าไป

เอ....ไม่ยักทำอะไรอย่างนี้ในเขมรเลย
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 20 เม.ย. 08, 01:34

เราลองมาสอบดูว่าอองรี มูโอต์จะเป็นเจ้าของรูปในหนังสือของตนได้หรือไม่
เขาเสียชีวิตกลางป่าในประเทศลาว ด้วยพิษไข้ป่า เมื่อวันที่ 10 พศจิกายน 2404
ก่อนหน้านั้น เขากำลังสำรวจประเทศลาว ซึ่งหมายความว่า ตั้งแต่ต้นปี 2403 ที่เขาเข้าถึงอังกอร์
มูโอต์มิได้กลับเข้าบางกอกอีกเลย

ถ้าเช่นนั้น ใครเล่าที่ฉายพระรูปพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีไว้ เพื่อให้เซอร์รอเบิร์ต จอมเบอร์ก
เชิญมาให้แก่น้องชายของมูโอต์ เพื่อประดับหนังสือตามที่มูโอต์เขียนข้อความเอาไว้ล่วงหน้า
พระบรมรูปนี้ อยู่ในชุดเดียวกับที่ผมเรียกว่า พระบรมรูปวันที่รัชกาล 3525
ซึ่งหนึ่งในพระบรมรูปชุดนี้ ได้พระราชทานไปกับคณะฑูตที่เจริญพระราชไมตรีกับกรุงฝรั่งเศส

แปลกหนักยิ่งขึ้นไปอีก ที่หนังสือของมูโอต์ พิมพ์รูปพระเมรุของสมเด็จพระเทพศิรินทร์อีกด้วย
ก็งานพระเมรุน่ะ มีหลังมูโอต์ตายนี่นา

ถ้าเชื่อฝรั่ง หรือพยายามเข้าข้างฝรั่ง เราก็อาจจะบอกว่า
หลังมูโอต์ตาย คนข้างหลังคงรวบรวมรูปเพิ่มเข้าไปน่ะซี้
ถ้าคิดอย่างนั้นได้ ทำไมไม่คิดบ้าง ว่า ทุกรูปแหละครับ ที่รวบรวมขึ้นในภายหลัง
เป็นผลงานของช่างภาพนิรนาม (ไม่ใช่นายจิตดอก เอางั้นก็ได้)

ผมมีรูปที่แก้สงสัยข้อนี้ครับ
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 20 เม.ย. 08, 02:04

ไอ้คนที่เห็นฝาหรั่งเป็นเทวดานี่ บางทีก็ตาหลกนะครับ
คือมีแม้กระทั่งเขียนหนังสือยกย่องว่า ขอบคุณพวกนี้ ที่เข้ามาถ่ายรูปเมืองไทยเอาไว้ให้
(เพราะคนไทยมันทำอะไรดีๆ อย่างนี้ไม่เป็น)

คุณบ้าก็มาอีหร็อบเดียวกัน คือยังงัยคริสตี้ส์น่ะ ต้องถูก พพ.จะสู้ฝรั่งได้งัย
ไม่รู้เล้ยยย....ว่าใครที่คริสตี้ส์ เขาปรึกษาในเรื่องรูปถ่ายโบราณของสยาม
เหมือนกับที่คุณอะรัยคนหนึ่ง เคยยกสมุดแคตตะล๊อคการประมูลของคริสตี้ส์
มาค้านผมเรื่องจิตรกรรมหลากสีรูปไก่อาละวาดของศิลปินแห่งชาติท่านหนึ่ง
จะถกเถียงกันไม่มีใครรังเกียจดอกนะครับ แต่ต้องรู้ด้วยว่า ใครเป็นคนเขียนแคตตะล๊อคเล่มนั้น
จะได้ยันกันได้เต็มเหนี่ยว

เอางี้ ผมอ้างฝาหรั่งมั่งก้อด้ายยย.....
Chit's large panoramas of Bangkok form a unique record of the capital's architecture and its changes over time.
Modern research indicates that he was the author of some images claimed and published by, among others,
John Thomson and Wilhelm Burger.
Régine Thiriez

ข้างบนนั้น เป็นฉบับย่อ อ่านฉบับเต็มที่นี่นะจ๊ะ
http://www.answers.com/topic/19th-century-indo-china
ขอลงก้อปปี้ไร้ท์ไว้หน่อยละกัน เดี๋ยวจะหาว่าไปเอามาจากสำนักพิมพ์ห้องแถว ....หึหึ
Photography Encyclopedia.
The Oxford Companion to the Photograph. Copyright © 2005 by Oxford University Press.
All rights reserved.

อ้อ ถ้ามีกะตังค์เหลือใช้ จะอ้างอิงจาก
Encyclopedia of 19th-Century Photography
ของสำนักพิมพ์ Routledge ก็ได้นะครับ ดูในหัวข้อ Francis Chit ก็จะได้ข้อความคล้ายกัน

สรุปว่า ณวันนี้ สิ่งพิมพ์มาตรฐานโลก เขายอมรับในความสำคัญของฟะรันซิศ จิต โดยไม่มามัวเหยียดเรื่องฝาหรั่งไม่หรั่งอะไรให้ขายขี้หน้า
ลอกก็ยอมรับว่าลอก จะโกหกไปทำไม

ไม่ใช่พ่อใช่แม่เราเสียสักหน่อย
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 21 เม.ย. 08, 16:19

รูปนี้อยู่ในหนังสือของมูโอต์ เป็นคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยา
รูปบนนั้น ตรงตามที่พิมพ์ รูปล่าง กลับซ้ายเป็นขวา

ทำไมต้องยุ่งยากด้วย
ปัญหานี้ เป็นเรื่องเทคนิคที่ต้องรู้เมื่ออ่านข้อมูล เดิมก็ไม่คิดจะเล่าเพราะมันจุกจิก
แต่เมื่อมีคนยกตำแหน่งนักมั่วให้ ก็ต้องชี้แจงหน่อย ว่ามั่วนะอาจจะจริง แต่ที่จริงกว่าการมั่วคือมั่วมาก มั่วละเอียด
เพื่อจะได้เลิกมั่ว....เข้าใจใหมจ๊ะ
ถ้ารูปบนถูกต้อง รูปนี้ จะต้องถ่ายจากแถวๆ หน้าโรงพยาบาาลศิริราช
ใครที่ข้ามเรือมาท่าช้างท่าพระจันทร์เป็นหลายสิบปี ย่อมจะคุ้นตา และอาจจะแปลกใจนิดหน่อยว่า มุมนี้ ต้องอยู่กลางแม่น้ำ จึงจะเห็นครับ
บางคนที่แม่นแผนที่ อาจจะชี้ได้ด้วยซ้ำว่า ท่าน้ำทางซ้ายมือ อยู่แถวๆ วัดมหาธาตุ
แล้วก็จะต้องงงว่า ทำไมดูเล็กจัง ไม่สมฐานะพระอารามหลวงอันเป็นที่สถิตย์ของพระสังฆราชมาจนถึงรัชกาลที่ 3

แต่ถ้ารูปล่างถูกต้อง
รูปนี้ก็น่าจะถ่ายแถวๆ กระดีจีน หรือถอยลงมาแถวตึกขาวตึกแดง
ท่าน้ำขวามือ อาจจะตรงกับวัดเลียบ หรือกลุ่มวัดแถวสำเพ็ง
ตัวกล้อง ก็อาจจะตั้งบนนอกกะชาน ของเรือนแพหลังริมสุดได้

ที่พล่ามมายาว เพื่อจะบอกว่า นี่คือรูปที่ถอดลายเส้นออกมาจากรูปถ่ายแน่ๆ รายละเอียดหลายอย่าง ตาเปล่ามองไม่ออกหรอกครับ
โดยเฉพาะรูปทรงของศาลาท่าน้ำนั้น แม้แต่ช่างไทยแท้ๆ ก็ยังถอดลายเส้นออกมาไม่ได้เป๊ะๆ อย่างนี้
แล้วคุณโบกูรต์ช่างแกะ ซึ่งไม่ได้มาบางกอกกะเขาด้วย จะมีตาทิพย์เขียนออกมาเหมือนขนาดนี้ได้หรือ
เว้นเสียแต่ว่า แกมีรูปถ่ายอยู่ในมือ



บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 21 เม.ย. 08, 16:36

ย้ายมาเขมร นี่เป็นหนึ่งในรูปชิ้นเอก เห็นมหาสถาปัตยกรรมเด่นชัดเต็มสองตา
ใครพอจะบอกได้ใหมครับ ว่าใช้กล้องอะไรถ่าย
ผมเองบอกได้แต่ว่า นี่ไม่ใช่มาจากรูปถ่ายครับ
เป็นฝีมือสเก็ตช์ของคนเป็นๆ คนนั้น น่าจะชื่อมูโอต์


บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 21 เม.ย. 08, 17:51

มาดูรูปใหม่ วัดอรุณ จากหนังสือมูโอต์เหมือนกัน
ดูการแจกแจงรายละเอียดสิครับ



บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 21 เม.ย. 08, 18:00

ถามว่า มูโอต์ เอากล้องแสนละเอียดนี้ ไปทิ้งที่ใหน ในการสำรวจเขมร
ตอบว่า มูโอต์ไม่ได้พากล้องเข้ามน่ะซี
แม้แต่ Delaporte ที่เข้ามาสำรวจอีกครั้ง อย่างยิ่งใหญ่มโหฬาร เพราะตอนนั้น เขมรเป็นอาณานิคมโดยสมบูรณ์แล้ว ยังไม่ได้ใช้กล้องถ่ายรูปเลย
(ลายเส้นจากหนังสือของเดลาปอร์ต)


บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 21 เม.ย. 08, 23:33

ตั้งแต่ได้รู้จักคุณป่วนมา.... หลายครั้งผมนึกตำหนิเธอในใจ....



แต่แปลกจัง ครั้งนี้ผมอยากขอบคุณเธอ
เท่าที่ผมเห็นมา.... เธอเป็นคนแรกมั้ง
ที่สามารถทำให้ อ. พิพัฒน์กะเทาะเรื่องราวดีๆ
ที่ อ. เก็บเอาไว้ออกมาได้อย่างหมดเปลือก




ขอบคุณคุณป่วนจิตป่วยมากฮะ
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 22 เม.ย. 08, 02:29

แหม่ แฟนควับเขาด่ามา
มีน้ำใจให้ขนาดนี้ ก็ต้องสนองกลับ สมความมุ่งมั่นสิครับ

คุณติบอจะลองบ้างก็ไม่ว่านะครับ คือว่า ความมั่ว มันต้องมีแรงผลักดันน่ะครับ
--------------------
ตามแนวทางสอบสวนอย่างอนาถาของผม พบว่าพวกฝรั่งเศสนี่แปลกมาก คือไม่ค่อยพกกล้องเข้ามาในอาณานิคม
พกมาแต่ปืนฮ่า.....55555

บางทีอาจจะเป็นเพราะชาตินิยม เนื่องจากพอถึงต้นรัชกาลที่ 4 นั้น เทคนิคถ่ายรูปของฝรั่งเศส แพ้อังกฤษราบคาบ
คือกล้องที่ใช้แผ่นเงินเป็นตัวรับแสงของนายดาร์แกร์ แพ้กล้องที่ใช้กระจกเปียกเป็นตัวรับแสงของอาเชอร์ สก๊อตต์ราบคาบ
รอยต่อตรงนี้ ปรากฏในพระราชพงศาวดารไทยเหมือนกัน

คือเมื่อเสอร์เบาริ่งกลับออกไปนั้น แกก็จัดแจงรายการเครื่องราชบรรณาการอย่างยิ่งใหญ่
ทางกระทรวงการต่างประเทศที่ลอนดอน ก็ขมีขมันไม่แพ้กัน
หนึ่งในของล้ำค่าที่จะทูลเกล้าถวาย ก็คือกล้องถ่ายรูป เป็นกล้องเทคนิคกระจกเปียก ซึ่งกำลังเข้าสู่ความนิยม

ปีรุ่งขึ้น เมื่อแฮรี่ ปาร์คเชิญสนธิสัญญากลับเข้ามาเพื่อลงสัตยาบัน แกควบคุมเครื่องราชบรรณาการมาด้วย 40 หีบ
แต่ด้วยโชคร้าย เรือล่มที่สิงค์โปร์ ของหายไปตั้งครึ่ง เสียหายก็ตั้งมาก ที่เสียหายก็มีกล้องดังกล่าวด้วย

แกก็ขนมาถวายทั้งพังๆ อย่างนั้นแหละครับ พระเจ้าอยู่หัวทรงพระเมตตา ออกใบรับให้ และปลอบโยนว่ามิใช่ความผิดของท่านดอก
กล้องนั้น มานอนนิ่งในคลังนานร่วมปี นายโหมด อัจฉริยะประหลาดของเรา ค่อยๆ ซ่อมกลับขึ้นมา
โดยมีคำแนะนำจากช่างภาพสวีเดนคนหนึ่ง ที่แวะเข้ามาเที่ยว พอใช้ได้ ก็โปรดให้ชักพระรูป
ส่งกลับให้ควีนวิคตอเรียชมดูว่า ชาวสยามไม่ได้ป่าเถื่อนอย่างที่ลูกหลานปัจจุบันมันคิดดอก.....

เล่ามาเสียยึดยาว ก็เพื่อจะเน้นย้ำคนคลั่งฝาหรั่ง จงได้รู้สำเหนียกเสียบ้าง ว่า
คนไทยไม่ได้โง่เหมือนตัวเองไปเสียทุกคน คนฉลาดที่ทำเรื่องอันมีคุณอนันต์ ยังมีติดประวัติศาสตร์อยู่บ้าง
ขนาดกล้องถ่ายรูปพัง ท่านยังทำให้กลับคืนดีได้
โรงปั๊มเหรียญกษาปณ์ ทั้งโรง เราสั่งเข้ามาใช้ แต่ฝรั่งที่จะต้องเป็นนายช่าง ดันตกน้ำตายเสียทั้งคู่
นายโหมดยังประกอบโรงงานนี้ขึ้นมา สัมมะหาอะไรกับการถ่ายรูป ทำไม คนไทยจะทำไม่ได้

อนึ่ง ระหว่างที่กล้องบรรณาการนี้ ยังใช้การไม่ได้ พระเจ้าอยู่หัวได้ทรงฉายพระรูปพระราชทานไปเมืองกังหันเนเธอแลนด์ด้วย
ถามว่า ใช้กล้องอะไรถ่ายล่ะ
ตอบว่า มีปัญญา ก็สั่งเข้ามาใช้สิ ยากอะไร ท่านมีผู้แทนการค้าอยู่ทุกเมืองใหญ่ แม้แต่ระบบพิมพ์หนังสือรุ่่นใหม่ยังทรงแนะฑูตไทย ให้ลองสืบหาดู
ก็ท่านเคยออกนอกประเทศหรือ จึงมีความรอบรู้ดั่งนี้ หามิได้
ตอบว่า ท่านเรียนรู้ทางไกลครับ หนังสือพิมพ์ระดับ Illustrated London News ก็ทรงบอกรับเป็นสมาชิก
ทรงเขียนข่าวพระราชทานให้ด้วยซ้ำไป

แล้วหนังสือพิมพ์เอกอุเล่มนี้ เป็นตำนานแห่งการสื่อข่าวที่พวกคอเคซอยอันเป็นที่เคารพรักของคุณ ภูมิใจนักหนา
ทำข่าวผิดไม่เป็นหรือไร .....ผิดขนาดนี้นะท่าน
พิมพ์รูปสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย บอกว่าเป็นพระบรมรูป นี่ก็มิต้องเชื่อเหมือนคุณก้มหน้าก้มตา เชื่อคริสตี้ งั้นละซี

การสอบสวนข้อมูลของผมนั้น ไม่ใช่ว่าจะถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์ดอก แค่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ ผมก็พึงใจแล้ว
เชื่อกันมาร่วมร้อยปี ว่ารูปถ่ายอันล้ำค่าของเรา เป็นพระเดชพระคุณที่ท่านตาน้ำข้าวของคุณ มาทำทิ้งไว้ให้
ผมเอาหลักฐานมายันว่า ที่เชื่อกันมาแต่เดิมน่ะ ไม่น่าเชื่อ
ฝรั่งพวกนี้ จะเห็นอะไรของเราดีมีค่ามากไปกว่าทรัพย์สินที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่หน้าด้านอยากได้
คุณไปอ่านหนังสือของเจ้าตอมสั้นดูเถิด มันดูถูกคนไทยไว้ขนาดใหน
ทุกอย่างที่มันเจอ เป็นต้องเก่า พัง ล้าสมัย ใช้ไม่เป็น มีไว้อวดประดับว่าทันสมัย
แต่ตัวมันเอง จำรูปตัวเองถ่ายมะด้าย....เออ เคยรู้เห็นมั่งป่าว

ฝาหรั่งตั้งแต่เบาริ่ง มาถึงตัมสั้น มาถึงแอนนา มาถึงเบอร์เกอร์  และอีกมากมาย
หากินกับรูปถ่ายประเทศสยามมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่
แต่ที่จริง ใช่รูปที่ตัวเองถ่ายหรือไม่เล่า...คุณมีหลักฐานมาพิสูจน์ที่ดีกว่าแคตตะล๊อคเกอร์ของคริสตี้ส์ใหม
อ้อ อย่าใช้คำว่าโบรชัวร์ของคริสตี้ส์อีกต่อไปนะจ๊ะ มันโชว์ความไม่รู้
เอกสารประกอบการประมูลน่ะนะ ชาวโลกที่เก่งเรื่องภาษาประกิต เขาเรียกแคตตะล๊อค
ไม่ใช่ขายไวอะกร้านี่ จะได้ออกโบชัวร์มาหลอกรับประทานคนปัญญาต่ำเล่นง่ายๆ

หรือว่าไม่จริง

คุณจะเห็นว่าคริสตี้ส์ เป็นศาลฎีกาเรื่องรูปถ่ายโบราณ ก็กรรมส่วนบุคคลของคุณ
จะหาว่าผมมั่วข้อมูลสู่รู้ ก็เป็นสิทธิของคุณ

ผมเอง ทำได้ก็เพียงค้นอะไรเล่นมาเล่าสู่กันฟัง
แค่กู้เกียรติยศคืนให้ยอดช่างภาพ มิศฟะรันซิศจิต จนเดี๋ยวนี้ นามของท่าน บันจุไว้ในทำเนียบคนสำคัญได้
คุณไม่ชอบ แต่ผมคิดว่าจะมีบางคนชอบนา.......


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.074 วินาที กับ 19 คำสั่ง