เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9
  พิมพ์  
อ่าน: 51204 สาวน้อยใจถึง
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 105  เมื่อ 18 ก.ค. 08, 12:30

เชิญชมรูปปรากรอบ


บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 106  เมื่อ 18 ก.ค. 08, 20:50

เข้ามาติดตามผลงานของคุณพิพัฒน์ต่อไป
ผมอยากเรียนวิชาประวัติศาสตร์ภาพถ่ายครับ
เสียดาย.... มหาวิทยาลัยไม่ยอมเปิดสอน
แงๆ
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 107  เมื่อ 19 ก.ค. 08, 14:47

สนใจก็เรียนเองได้ครับ ไม่ยากเย็นกระไรนัก
ขอให้รวยเป็นใช้ได้
-----------------------------------------

4
รูปเจ้าจอมนี้ น่าสนใจมาก
มูโอต์ลงไว้ 2 รูป หมายถึงมูโอต์คนน้องนะครับ แล้วก็ไม่ได้พบเจออีกเลยไม่ว่าที่ใหน
แต่........
ในประเทศไทยนั้น เรารู้จักกันดีครับ ว่ามีหลายก๊อปปี้
กรมพระนราธิปฯ นำลงพระนิพนธ์ของพระองค์ไว้ชิ้นหนึ่ง บอกชื่อได้อย่างชัดเจน
กรมศิลป์เอง เมื่อชำระข้อมูลทำหนังสือประชุมภาพประวัติศาสตร์ แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ก็ระบุได้นามได้ครบทุกท่าน

ยิ่งกว่านั้น ในหอจดหมายเหตุของเรา ยังเก็บรุปชุดนี้ไว้มากมาย ดังจะนำมาให้ดูเป็นประจักษ์พยาน
รูปลายเส้นข้างล่าง มาจากหนังสือของมูโอต์


บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 108  เมื่อ 19 ก.ค. 08, 14:53

ลองสนใจรูปเจ้าจอมแต่งแหม่มดูนะครับ
แรกเริ่มเดิมที เราได้เห็นของจริงจากการค้นคว้าของคุณเอนก จากนั้นผมก็คุ้ยต่อได้มาอีกหน่อย
ครั้นกรมศิลป์พิมพ์หนังสือเล่มดังกล่าว ....อ้าวได้มาอีกสำเนาแฮะ ไม่เหมือนกันเลย
แม้จะเป็นรูปเดียวกัน


บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 109  เมื่อ 19 ก.ค. 08, 14:57

มีการคร๊อบแต่ละนางออกมาด้วย


บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 110  เมื่อ 19 ก.ค. 08, 15:08

ใช้สามัญสำนึกตรองดู ก็ต้องบอกว่่าแหล่งใดเป็นที่ชุมนุมอุ่นหนาฝาคั่งของข้อมูล
แหล่งนั้นก็น่าจะเป็นเจ้าของข้อมูลเหล่านั้น มากกว่าแหล่งที่แห้งแล้ง

ประเทศไทยมีรูปที่ตรงกับที่พิมพ์ในหนังสือของมูโอต์ มากกว่ามาก
ทั้งยังเป็นสถานนีกลาง ที่รูปเหล่านี้แพร่ออกไป จะไปบอกว่าพวกที่ได้รูปไป เป็นเจ้าของรูป
แล้วประเทศไทยเพียงแต่รับส่วนบุญ คือเขาทิ้งเศษๆ เอาไว้ให้
น่าจะเป็นความคิดที่แผลงคนมากไปหน่อย

ยิ่งกว่านั้น ยกเว้นหนังสือของปาเลกัวส์ ซึ่งเรามีหลักฐานว่าท่านเป็นผู้นำกล้องตัวแรกเข้ามาในประเทศ
ฝรั่งนอกจากนั้นทุกคน ที่ตีพิมพ์รูปจากสยาม เรื่อยมาจนสิ้นสุดรัชกาลที่ 6
ล้วนแต่ไม่ได้ถ่ายรูปเอง ไม่เว้นแม้แต่นายตอมสั้น ซึ่งเป็นช่างภาพเอกของโลก
ผมก็ยังเจอว่า อธิบายรูปที่(อ้างว่า)ตัวเองถ่าย ผิดเลยครับ
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 111  เมื่อ 19 ก.ค. 08, 23:44

รูปต่อมาคือทหารหญิง ผมเทียบให้ดูเลยนะครับว่านางแอนนาก็เอาไปใช้(รูปขวา)
ถ้าใช้หลักว่าอยู่กะใครคนนั้นคือเจ้าของหรือคนถ่าย นางแอนนาก็เป็นช่างภาพด้วยอะดิ
แต่ ช้าก่อน ในหอจดหมายเหตุมีรูปชุดนี้อีกเหมือนกัน แต่คนละท่า
ยิ่งทำให้น่าเชื่อว่า ที่ครงกับในหนังสือนั้น สักวันคงจะเจอ ถ้างั้นใครน่าจะเป็นเจ้าของล่ะ

แล้วเราจะไม่ให้เครดิตเลยละหรือ ว่ารูปมากมายที่หอพระสมุดรวบรวมขึ้นช่วงที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ทรงดำริจะจัดตั้งหอรูป และไปได้ชุดใหญ่มาจากทายาทนายจิต (อีกชุดใหญ่มาจากฉายานรสิงห์)
ไม่ใช่ผลงานนายจิต

ถ้านายจิตไม่ใช่ช่างภาพ เป็นนายอะไรสักนามหนึ่ง ผมก็คงจะไม่ตั้งแง่ดอกว่ามีคนมาแอบอ้างชื่อท่าน
นายจิตนั้น เกิดเมื่อรัชกาลที่ 3 วันที่กล้องแผ่นเงินตัวแรกเข้ามาบางกอก อายุ 15
วันที่กล้องเปลี่ยนมือมาเป็นของเจ้าฟ้าพระองค์หนึ่ง ท่านอายุ 17 ตามประวัติที่คุณอเนกค้นมา ได้ความจากนายกุหลาบว่า
ทั้งนายจิตและนายกุหลาบต่างก็เป็นศิษย์บาดหลวง คือท่านปาเลกัวส์
การที่นายจิตมาได้ดี เป็นขุนสุนทรสาทิศลักษณ์ตอนปลายรัชกาลที่ 4 ได้รับพระบรมราชโองการให้ไปถ่ายรูปพิมาย
และมีชื่ออยู่ในทำเนียบนามขุนนางที่ทรงตั้งใหม่ จะให้คิดว่าอย่างไร เป็นช่างภาพแต่ในนาม กระนั้นหรือ
ตัวจริงคอยขโมยรูปที่ฝรั่งเข้ามาถ่ายทิ้งไว้ อ้างเป็นของตัวเอง


บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 112  เมื่อ 19 ก.ค. 08, 23:51

นี่คือรูปอื่นในชุด ที่ไม่มีฝาหรั่งเอาไปใช้ เลยค้างอยู่ในบางกอกให้นายจิตมาคว้าไปใส่ในกล่องไม้ ตีตราของตัวเอง
เฮ้อ ฉงฉานคนไทยที่ไม่เชื่อสีมือคนไทย อยากจะประเคนแผ่นดิน....เอ้ย มะช่าย
จะประเคนของดีให้นายเหนือหัว....อ้าว ผิดอีกเระ ประเคนเครดิตให้ฝาหรั่ง.....555555


บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 113  เมื่อ 19 ก.ค. 08, 23:55

นี่คือรูปการใช้งานแท้จริงของทหารหญิงทั้งหลาย
อันทำให้ผมไม่ยอมรับว่ารูปเจ้าจอมแต่งทหารนี้คือ ทหารหญิง ยังคิดอยู่เสมอว่าเป็นนางละคอน


บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 114  เมื่อ 19 ก.ค. 08, 23:59

นี่คือโรงละคอนที่แสดงผลงานในรูปข้างบน
คงจะต้องกราบขอบพระเดชพระคุณนายฝรั่งเทวดาอะไรสักคน ที่เมตตาเข้ามาถ่ายรูปสยามเอาไว้เสียละเอียดยิบ
เข้านอกออกในได้มันเสียทุกที่

แต่....เอ ทำไม้ ถ่ายไว้แล้วไม่เอาใช้หนอ มีแค่รูปสองรูป กระปริบกระปรอย


บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 115  เมื่อ 20 ก.ค. 08, 01:07

5
นายจิตเก่งแค่ใหนกัน จึงทำให้ผมเที่ยวยกรูปสมัยรัชกาลที่ 4 ให้เป็นฝีมือของท่าน
ตอบว่า

มาชมฝีมือท่านขุนกันหน่อย
นี่คือพิมายเมื่อปีเกือบสุดท้ายของรัชกาลที่ 4 หน้าแล้ง ปี 2410
นางแอนนาก็เอาไปใช้ แต่ที่เหลือเชื่อก็คือ วิลเฮล์ม เบอร์เกอร์ ช่างภาพใหญ่ชาวออสเตรีย ก็เอาไปใช้(แฮะ)
อยู่ในสมุดภาพที่ทำออกจำหน่ายหลังการมาเยือนบางกอกเมื่อต้นรัชกาลที่ 5 (มีบันทึกเหตุการนี้ ในจิตรกรรมพระที่นั่งทรงผนวช)
ถามว่า รู้ได้งัย ว่าอีตาขุนสุนทรถ่าย นี่คงไปเม้มฝาหรั่งมาอีกแหละ
สมัยก่อน คนทั้งหลายก็คิดอย่างนี้แหละครับ ค่าที่ว่ารูปนี้งามเหลือใจ คนไทยถ่ายได้งัย เป็นไปไม่ได้

เครดิตเรื่องนี้ ต้องยกให้คุณศรัยญ์ ทองปานแห่งสำนักพิมพ์เมืองโบราณ และคุณอเนก เจ้าเก่า
ทั้งคู่เจอสารตราให้ขุนสุนทรไปทำงานนี้ และเจอลายมือชื่อท่านขุน อยู่ในรูป(ด้วยแหละ)
พวกทาสฝรั่งจะต้องโวย รู้ได้งัยว่ารูปนี้เป็นฝีมือนายจิต
ยังกับท่านจะรู้แน่ะ ท่านเล่นเซนต์ชื่อไว้เลย ไม่ใช่รูปเดียวนะครับ หลายรูป
มีอยู่รูปหนึ่ง ไปถึงอังกฤษ อยู่ในพิพิธภัณฑ์วิคตอเรียและอัลเบิร์ต คงจะรู้กันนะครับ
ว่าที่นี่คือที่แสดงเครื่องราชบรรณาการและของขวัญที่ควีนได้รับจากนานาประเทศ


บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 116  เมื่อ 20 ก.ค. 08, 01:08

เอ๊ะ....นี่อะไร


บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 117  เมื่อ 20 ก.ค. 08, 01:11

ท่านยังกลัวว่าจะมีคนขี้ดูถูก หาว่านายจิตบ่มิไก๊
ท่านจึงทิ้งอะไรที่น่าพิศวงให้ไว้เป็นหลักฐาน ดูที่รูปขยายให้เห็นห้องมืดชนิดเคลื่อนที่ได้ มาจากรูปเต็มชิ้นหนึ่ง
และตรงที่เจ้าหนุ่มนั่งยองๆ จะเห็นชัด ว่ามีชุดน้ำชาตั้งบนธรณีปราสาท

ถามว่าฝรั่งบ้านใหนน่ะ กินน้ำชาแบบนี้


บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 118  เมื่อ 20 ก.ค. 08, 01:12

ตอบว่าคนไทยเมืองสยามครับ กินน้ำชาแบบนี้


บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 119  เมื่อ 20 ก.ค. 08, 21:47

สำหรับคนที่ไม่เชื่อในความสามารถของชาวไทย การที่ผมบอกว่านายจิต เป็นคนเก่ง เป็นเจ้าของผลงานชิ้นนั้นๆๆๆ.....ท่านก็บอกสั้นๆ ว่ายกเมฆ
จบ ...(อาจจะแถวคำอะไรตามแต่วงศ์สกุลจะสอนสั่งตามออกมาสักชุด หึหึ)..........จบ (จริงๆ)

เมื่อไม่เชื่อความเห็นของผม ลองฟังความรู้จากผู้รู้ดูสักที ความว่า
"ในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ท่าวาสุกรี มีหีบไม้สักขนาดเล็กใหญ่จำนวนนับร้อยใบ ตั้งแต่ขนาดฝ่ามือไปจนถึงขนาดสูงเกือบข้อศอก บรรจุกระจกเนกาติฟ
ฝีมือนายจิตรไว้นับไม่ถ้วน ในอัลบัมเก่าบางเล่มของหอจดหมายเหตุแห่งชาติ มีพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ ๕ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และรูปถ่ายเจ้านาย
ขุนนาง พร้อมตราร้านนายจิตรเต็มไปหมด ในหนังสือพิมพ์เก่าบางฉบับในหอสมุดแห่งชาติ ลงโฆษณารับจ้างถ่ายรูปของนายจิตรหลายครั้งหลาย
เมื่อยิ่งสืบก็ยิ่งพบผลงานของนายจิตร"(อเนก นาวิกมูล นิตยสารสารคดี ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๒๐๔ เดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕)
นี่เจ้าตัวไปเห็นมาเอง สมัยที่หอจดหมายเหตุยังต้องพึ่งความรู้ของคนนอกอยู่ เดี๋ยวนี้ ใครก็อย่าหวังได้เห็นคลังข้อมูลอย่างนี้
ถามว่ากล่องเป็นร้อย แปลว่าอย่าเที่ยวเหมาว่ารูปอะไรๆ ในกรุงสยามยุคนั้น เป็นฝีมือเจ้าของกล่อง อย่างนั้นหรือ

ถ้ายังไม่เชื่อข้อความข้างบน จะเชื่อข้อความที่นายจิตบอกไว้เองหรือไม่เล่า....ฮืมฮืม?
"Photographics Studio established 1863 F. Chit & Son
Portraits taken daily from 7 to 11 A.M. views of All parts of Siam always on hand, also Siamese Celebrities and Characters of Siamese Lifes"
(the Siam Merkcantile Gazette 1889)
โฆษณานี้ บอกย้อนหลังถึงยี่สิบหกปี ถึงการก่อตั้งห้องถ่ายของนายจิต .......และบอกเนื้อหาของผลงานไว้ น่าจะพอประเมินออกเพราะเขียนเป็นภาษาเทพ

ถ้ายังไม่เชื่ออีก
ไปอ่านโฆษณา ที่ไกล้กับปีตั้งห้องถ่ายกันดู
"อนึ่ง มิศฟะรันซิศจิต, เปนพนักงานสำหรับชักเงารูป ปราถนาจะให้คนในกรุงนอกกรุงเข้าใจว่า, ตัวนั้นอยู่ที่แพ้ (ใส่ไม้โท คงหลงลืม -เอนก) น่าบ้านกะดีจีน,
ได้เป็นพนักงานสำรับชักเงารูปต่าง ๆ. รูปที่ได้ชักไว้แล้วนั้น, ก็มีหลายอย่าง, คือรูปวัง, แลรูปวัด, รูปตึก,รูปเรือน, แลรูปเงาต้นไม้, แลรูปท่านผู้มีวาศนาต่าง ๆ
ในกรุงเทพนี้. ถ้าท่านผู้ใดปราถนา, จะให้ข้าพเจ้าไปชักเงารูปที่บ้านของท่าน ข้าพเจ้าก็จะไปทำ, ราคาค่าจ้างนั้น จะเอาแต่อย่างกลางภอสมควร."
ลงพิมพ์เป็นภาษาคน....เอ้ยภาษาไทยเสียด้วย ในหนังสือจดหมายเหตุ ของหมอปลัดเลฉบับภาษาคน....เอ้ยภาษาไทย ปี 2408 คือสองปีหลังเปิดกิจการ

คนที่คิดต่อได้ คงคิดต่อได้ว่า ลงโฆษณาบอกไว้เป็นชุดใหญ่ถึงรูปที่ท่านมีไว้ให้บริการ ก็ต้องมีให้หาซื้อได้จริงๆ
ถามว่า บริการใคร ใครกันจะอยากได้รูปถ่ายพวกนั้น และจะสะสมจนมีมากขนาดนั้น ต้องทำอย่างไรบ้าง
คอยเก็บเศษที่พวกฝาหรั่งทำหล่นไว้ ก็ได้มากอย่างนั้นละหรือ แล้วที่ท่านเป็นช่างภาพหลวงล่ะ ว่างงานหรือ

ข้อมูลที่สำคัญที่สุดอีกชิ้นหนึ่งนั้น เป็นของลี้ลับ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเมตตาถ่ายเอกสารส่งมาให้ จ่าหน้าปกว่า
"ต้นบาญชีรูปต่าง ๆ เล่มที่ ๑ ที่ข้าพเจ้าขุนสุลทรสาทิศรักษ เปนผู้ชั่งชักรูปอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งได้ทำไว้ ได้ลงพิมพ์ในปีขานสำเรจธิศก ๑๒๔๐"
หน้าต้นๆ หายไป และหน้าท้ายก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นหน้าสุดท้าย แม้กระนั้น ลำดับเลขที่รูปก็ยังมีถึงเลขพัน
ในสมุดภาพรัชกาลที่ 4 ผมถือโอกาสใช้ชื่อรูปจากบาญชีนี้ กับรูปถ่ายที่มั่นใจว่าตรงกัน เช่น
"พระรูปพระบาทสมเดจพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องอย่างฝรังเสศ เสด็จยืนกุมพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ"

ศักดิ์ศรีของท่าน จะเห็นได้อย่างน่าเคารพ ในชื่อรูปชิ้นหนึ่ง ว่า
"พระรูปพระบาทสมเดจพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องต้น ถ่ายต่อพระรูปที่มิษเตอทอมซันเปนผู้ถ่าย หมายนำเบอ..."
คือบอกไว้ไม่ปิดบังว่าถ่ายกีอปปี้จากใคร แต่ที่ใครปิดบังว่าเอาของใครมาใส่ชื่อตัวนั้น ต้องไปถามเหล่าคอเคซอยฟีเว่อร์ว่า เคยเห็นเขาทำกันหรือไม่

บาญชีของท่านนั้น บอกปีพิมพ์ไว้ตรงกับพ.ศ. 2421 หมายความว่า 15 ปี ตั้งแต่เปิดห้องถ่ายรูปมาได้สะสมรูปไว้นับจำนวนมหาศาล
มากมายขนาดนั้น เห็นจะต้องให้ช่างภาพตาน้ำข้าว ยกทัพมากินอยู่สักกี่คณะดีล่ะ อย่างรายนายตำสั้นนั่น เข้าเขมรตั้งหลายเดือน ได้มา 60 แผ่นเท่านั้นเอง
หรือยังไม่เชื่ออีก ก็ไปเปิดหนังสือคอร์ต ที่ลงรายงานเรื่องสิ่งของที่บันจุในอู่พระฤกษ์ ใต้พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระราชพิธีก่อพระฤกษ์
วันพุธ เดือนหก แรม๑๐ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ คือก่อนบาญชี สองปี
แลมีรูปถ่ายต่างๆ ดังจะได้มีบาญชีบอกต่อไปนี้.....รวมทั้งสิ้นเปน ๕๓ รูปๆ เหล่านั้นม้วนผูกในถุงเข้มขาบ บรรจุในหีบตะกั่วนั้นเหมือนกัน.... "
น่าประหลาดใจ ที่บาญชีรูปที่บันจุ ทำไมละม้ายคล้ายบาญชีนายจิตเสียจริงๆ แถมมาตรงกับรูปมากมายที่เห็นกันเจนตา

ถามว่า ทั้งหมดนั่น เราจ้างฝรั่งมาถ่ายหรือ แล้วให้ช่างภาพหลวงนั่งตบยุง....เฮอะๆ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.058 วินาที กับ 19 คำสั่ง