เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5
  พิมพ์  
อ่าน: 16866 โฆษณาไหน.. ใครเสพ
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 08 พ.ย. 07, 10:08

อยากให้ท่านที่ติดตามอ่าน ดูรองเท้าทั้งสามรุ่น แล้วเดาว่า จะขายใคร ดูราคาก่อนนะคะ
ราคาขาย terra หนังล้วน พื้นยาง  ตกประมาณ 100 ยูโร = 4580 บาท
คู่ผ้าใบชายลุ่ย เท่มาก พื้นเป็นยาง  ตกประมาณ 28 ยูโร =1282 บาท
คู่หนังกลับ ขอบเป็นแคนวาส พื้นยาง ตก 65 ยูโร = 2977 บาท
ข้อมูลประกอบคือ เลอก็อคจะมาเปิดร้านที่พารากอน เป็นร้านที่เรียกว่า แฟล็กชิพ สโตร์ แต่งร้านทุกอย่างให้ฟิลลิ่งตราไก่และเป็นฝรั่งเศสหมด มีโปสเตอร์นักเทนนิส ยานนิค และเอนัง และนักแข่งรถเซบาสเตียน เลิบประกอบ
เสื้อผ้าชุดเทนนิส กีฬาครบ
...
ลองตอบมาดูค่ะ คำตอบไม่ต้องกลัวผิด เพราะความสนุกอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ดิฉันคิดคนเดียวนะคะ
คุณPly คุณpipat คุณbana คุณปลาดาว และอาจารย์ รวมทั้งท่านอื่นๆ เชิญมายำค่ะ


บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 08 พ.ย. 07, 14:48

ถ้าผมต้องทำการบ้านข้อนี้ สอบตกแหงเลย....
ผมว่ามันยากมากที่จะทำโฆษณาขายของที่นานๆ ทีคนจึงจะซื้อ
เว้นแต่คนที่เชื่อในพลังแห่งโฆษณาการจนหมดใจ

ราคารองเท้า กับรูปแบบการใช้งาน ล้วนชี้ไปในทางที่จะขายคนที่มีสมอง
เพราะคนนั้น ต้องมีเงิน มีเวลา รักชีวิต และยอมเข้าสู่กระบวนการวิ่งเพื่อสุขภาพ
คนพวกนี้ มีสังคมเฉพาะ เขาจะไม่เชื่อโฆษณา แต่จะเชื่อเพื่อนร่วมกลุ่มและตัวเอง
และท้ายที่สุด การใช้งานจริง จะเป็นตัวตัดสินสุดท้าย ว่าจะมีใครในพวกนี้ ยอมจ่ายเงินแพงๆ
เพื่อรองเท้าที่ กัดตีน วิ่งแล้วขาแพลง ขาดง่าย เก่าง่าย ใส่แล้วกลายเป็นตัวตลก
(เหตุการณ์สมมตินะครับ ไม่ได้แปลว่าใส่ตีนไก่แล้วจะเป็นอย่างนั้นเสมอ)

กรณีนี้ ผมเห็นว่า การโฆษณา ควรทำเพื่อผดุงการรับรู้ มาหลังการอัดฉีดสินค้าเข้าในตลาด
ด้วยการแย่งชิงที่สถิตย์ให้เตะตาคนซื้อ ทั่วทุกหัวระแหง และกัดฟันอยู่ให้รอดให้ได้
หน้าร้านอันโอ่อ่านั้น เป็นได้แต่เพียงหัวข้อสนทนาสักสองสามวัน
เข้าวันที่สี่ที่ห้า ต่อๆไป....จึงจะเป็นตัวกำหนดว่า โฆษณาใหน ควรให้ใครเสพย์...ฮิฮิ

ได้คะแนนติดลบแหง็มเลยครับ คุณครูกุ้งแห้งฯ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 08 พ.ย. 07, 17:26

ขอบายค่ะ  ดูไม่ออกว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นไหนอาชีพไหน เดาว่าคู่ชายลุ่ยน่าจะเป็นวัยรุ่น หรืออย่างมากก็นิสิตนักศึกษา  ราคาไม่แพงเกินกำลังซื้อ

ทั้งสามคู่นี้ดิฉันไม่ใช่ลูกค้าแน่ๆ   เพราะลักษณะไม่ต้องตามความประสงค์
ดิฉันซื้อรองเท้ากีฬาตามความสบายที่สวมใส่  พื้นต้องหนา ไม่บางจนเหยียบกรวดก็รู้สึก
ตรงส้นเท้าหนากว่าปลายเท้านิดหน่อย มันจะเดินสบายกว่าพื้นหนาเรียบเท่ากัน
หัวไม่แหลม  ไม่งั้นบีบนิ้วก้อยเจ็บ
และไม่ชอบรองเท้ากีฬาผูกเชือก ใส่ยากถอดยาก 
หลานดิฉันตกบันไดเลื่อนเพราะเชือกเจ้ากรรมหลวม ชายสอดเข้าไประหว่างขั้น
พอลงมาถึงขั้นสุดท้าย   บันไดหนีบเชือกไว้  เลยหกล้มติดอยู่ตรงนั้นเอง  มีคนมามุงดูแต่ไม่มีใครช่วยสักคน

ถูกคัดออกอีกหนึ่งราย
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 08 พ.ย. 07, 23:04

โอ้โฮ แค่นี้ก็ปึ้มแล้วค่ะ  เจ๋ง
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 09 พ.ย. 07, 00:48

เย๊ๆ.... คิดถึงกระทู้นี้ครับ คุณกุ้งแห้ง
มาขอนุญาตตอบกระทู้นะครับ



โดยส่วนตัวผมชอบคู่สีน้ำตาลหนังล้วนครับ
แต่ราคาสูงไปนิดหน่อย (สำหรับเด็กเพิ่งจบใหม่)
คู่หนังกลับคู่สุดท้ายพอไปรอด
แต่คู่รุ่ยๆดูแล้วขัดตานิดหน่อยครับ



เรื่องการตลาด... ก่อนอื่น ขออนุญาตเดารวมๆก่อนครับ ว่ารองเท้า 3 คู่นี้
เหมาะกับวัยรุ่น (หรืออย่างน้อยก็หนุ่มโสดเมโทรเซกชั่วล์ล่ะเอ๊า.... )
และขอเดาต่ออีกว่าการกระชากเงินออกจากกระเป๋าของคนกลุ่มนี้อาจจะต้องแย่งลูกค้ากันมากหน่อย
แต่ถ้าเขายอมจ่ายแล้ว.... เท่าไหร่ไม่อั้น ราคาไม่น่ามีปัญหาครับ
ถ้าหมั่นจัดรายการลดราคา (แต่ต้องจัดให้เขารู้สึกว่าเราตั้งใจมาลด)
ไม่เหมือนพวกแบรนด์เนมหลายเจ้าที่ลดราคาซะปีละ 6 เดือนคงดูน่าซื้อครับ

สรุปว่าถ้าเป็นผม คงหาทางโฆษณาทางนึงโดยการหานายแบบหุ่นดีซักคน
มาถ่ายโฆษณาลงนิตยสารที่มีนายแบบนุ่งน้อยห่มน้อยขึ้นปกบ่อยๆ
แล้วสอดคูปองค์ลดราคา 15 - 20% เอาไว้ให้คนซื้อรีบตัดไปใช้ซะก่อนหมดอายุ



ตามมาด้วยขอเดาแยกทีละคู่ครับ
คู่แรกพื้นรองเท้าแบบนี้พอจะใส่วิ่งได้บ้าง
แต่จะให้ไปวิ่งตามเป็นประจำสวนสาธารณะ หรือวิ่งลู่วิ่งอาจจะลำบากหน่อย
โดยเฉพาะกับนักวิ่งหลายคนที่วิ่งแล้วกระดกปลายเท้าขึ้นมาก
เพราะจากประสบการณ์ส่วนตัวของผม
รองเท้าทรงนี้มักจะหักจนกาวที่ทาพื้นติดกับรองเท้าไว้ปริออกมา

สรุปว่าเหมาะกับการใส่เดิน หรือวิ่งบนเครื่องวิ่งแบบไร้แรงกระแทกครับ
แต่คนใส่น่าจะชอบออกกำลังกาย หรือดูกระฉับกระเฉงหน่อย
(เอาตาพุงพลุ้ยตุ้ยนุ้ยมาใส่คงไม่เข้าเท่าไหร่)



ส่วนคู่ที่ 2 กับ 3 ออกจะเป็นแนวดูแลรักษายากซักเล็กน้อย
ชายรุ่ยๆ ของคู่ที่ 2 คงไม่เหมาะกับสนามฟุตบอลที่เต็มไปด้วยหญ้าเจ้าชู้
พอๆกับที่หนังกลับเนื้อสวยของคู่ที่ 3 ไม่เหมาะกับน้ำเฉอะแฉะในฤดูฝน

รองเท้า 2 คู่นี้สำหรับผม ดูแล้วเหมาะจะเดินในอาคารมากกว่าทำกิจกรรมรุนแรงครับ
(เพราะพื้นรองเท้าเองก็ดูเหมือนจะเหมาะกับการใส่เดินเสียด้วย)
แต่ถ้าใครคิดจะมีรองเท้าคู่นี้แล้วใส่ตลอดปีตลอดชาติ คงไม่เหมาะเท่าไหร่
เลยขอเดาว่าเหมาะกับกลุ่มคนที่จำเป้นต้องเดินบ่อยๆ แต่อยู่ในอาคารพอ
และมีกะตังค์พอจะหารองเท้าคู่อื่นมาเปลี่ยนสลับใช้ด้วย
เช่น คุณหมอแล้วกันนะคับ (ที่จริงภารโรงก็เดินเยอะเหมือนกัน แต่คงไม่ใช่กลุ่มลูกค้าอ่ะคับ)






ปล. ขออนุญาตถามคุณกุ้งแห้งอีกนิดครับ ว่า 2 คู่ผูกเชือก ตัวพื้นด้านนอกแข็งมั้ยครับ
บันทึกการเข้า
pakun2k1d
พาลี
****
ตอบ: 285


ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 09 พ.ย. 07, 06:50

ช่วงนี้ยุ่งนิดหน่อยค่ะ  แต่อยากแจม  ของอย่างนี้ต้องขายวัยรุ่น ถึงวัยทำงานตอนต้นค่ะ  ต้องเป็นวัยรุ่น หรือคนทำงานที่อยากแสดงตนว่ามีรสนิยม  มีสไตล์  ขับรถสปอร์ต  เป็นกลุ่มมีสตังค์  ถีงไม่มีก็พยายามทำให้มี  เพื่อสร้างความมีรสนิยม และสไตล์ให้ตัวเองค่ะ  ยังไม่ต้องคิดถึงคุณภาพที่แท้จริงของสินค้าว่าผลิตมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร  เอ.....ดิฉันมองลบไปหรือเปล่าเนี่ยะ
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 09 พ.ย. 07, 09:07

โอ้โฮ คุณติบอวิเคราะห์ได้บันเทิงมากค่ะ อ่านแล้วคิกคิกอยู่คนเดียว.. จนใครอาจจะคิดว่าบ้า
คุณป้ากุนไม่ได้มองในแง่ร้ายหรอกค่ะ คุณพพ.อ้ะ ร้ายจริง..
แต่อย่างที่บอกค่ะ มันเป็นการหากลุ่ม ต้องดูทั้งผลดี ผลเสีย แง่บวก แง่ลบ
เพราะนอกจากหนุ่มทำงานวันมันส์อย่างคุณติบอแล้ว หนุ่ม 50 ใจ 25 ยังมี
และสาวสวยวัยคุณย่าแต่ใส่ผ้าใบได้เก่ก็ยังมีเช่นกัน
บันทึกการเข้า
Bana
องคต
*****
ตอบ: 439



ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 09 พ.ย. 07, 21:05

           อืมมมม  พูดยากสินค้ากาไก่แต่ไม่ไก่กาตัวนี้  มีเป้าหมายจะแย่งมาร์เก็ตแชร์ซักเท่าไหร่ดี  ถ้าร้อยละ10  คงต้องทำงานด้านโฆษณาหนักหน่อย  อีตา โนอาห์กับอีตาเลิบ  สำหรับสยามประเทศคงไม่เวิร์คอ่ะครับ  คนพรีเซนต์ต้องประมาณ เทียรี่  อองรี  หรืออย่างแย่ๆก็ต้อง กาสเก้  ถ้าวันรุ่นระดับผมคงต้องประมาณ ตัวหนังกลับ  สนนราคา 65 ออยโร  คงต้องคิดนาน  แตก็พอให้รางวัลกับตัวเองได้ไม่ถึงกับต้องกัดฟันนัก  แล้วก็เหมาะกับเสื้อผ้าที่มีอยู่เรียกว่าแมทช์  แต่คงใส่ไปเที่ยวนะไม่ใช่เอามาใส่เล่นไก่กา  ส่วนเจ้าสองตัวที่เหลือหาชุดใส่ที่แมทช์กับมันลำบาก  ตัว 28 ออย ก็หวานไป  อีกตัวราคาแพงไป

           ถ้าจะซื้อมาใส่แล้วตัดสินใจได้ไวจริงๆ  นี่เอาบรรทัดฐานคนวัยผมนะ  ขอให้เห็นพี่แบ๊งค์ วงแคลชหรือพี่ตูน บอดี้สแลม  ใส่  รับรองตัดสินใจทันที  ไม่ต้องมาลดราคาด้วย  คนวัยนี้ตัดสินใจไวที่สุดขอให้ดารานักร้องที่เค้าชอบนิยมละกัน  ไม่ต้องขึ้นพารากอนหรอก  อยู่ไหนก็ซื้อ  ลองจ้างเค้าใส่ซักครึ่งปีสิครับ  รับรองเวิร์คแน่ๆ..........อิอิ ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 09 พ.ย. 07, 21:13

เฮ่อ...... โล่งอก (แอบเข้ามาถอนใจครับ)


เมื่อคืนหลังกดส่งแล้ว ตอนอ่านทวน
ผมพยายามจะกลับมา edit ข้อความ
แต่เนตเจ้ากรรมดันหลุดเสียก่อน ต่อเท่าไหร่ก็ไม่ติด
ยังนึกหวั่นๆว่าคุณกุ้งแห้งจะฉุนกึกกับเรื่องนิตยสารอยู่หรือเปล่า
เพราะผมไม่ได้ยกตัวอย่างนิตยสารพวก "ริมฝีปาก" หรือ "ภาพลักษณ์" เอาไว้


พอเห็นคุณกุ้งแห้งหัวเราะได้แบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อยครับ แหะๆ



โดยส่วนตัว เวลาเลือกของมาใช้
ถ้าเป็นของที่ซื้อมาเพื่อใช้สมบุกสมบันผมมักจะเลือกที่เป็นของแบรนด์เนมเสมอครับ
อย่างแบรนด์ใหม่ในเมืองไทย ที่เก่ามาจากฝรั่งเศส อาจจะต้องรอเวลาให้คนคุ้นหูซักหน่อย
แต่อย่างน้อยความเป็นฝรั่งเศสก็รับประกันได้ดี
(ดีกว่าความเป็นประเทศที่หาไม่เจอบนแผนที่โลกเยอะเลยอ่ะ)

เพราะเท่าที่ใช้ๆมา ของปลอมมักจะเสียง่ายจนน่ารำคาญเสมอครับ
แต่ถ้าเป็นของฉาบฉวยอย่างเสื้อกระเป๋าถือ หรือเสื้อแฟชั่น....
ผมว่าเอาของไม่ต้องแพงนักก็ได้ เริ่มเก่าเมื่อไหร่ก็เลิกใช้ซะ
(จะได้อวดตัวเองสุดริด... ว่าไม่เคยใช้ของจนเก่าด้วย... ไฮโซดีมะ หุหุ)


ขออนุญาตเล่าถึงความน่ารำคาญของของปลอมซักเลกน้อย
ว่าครั้งหนึ่ง ผมไปเที่ยวพุกามกับเพื่อน
แล้วคุณเพื่อนก็ดันซื้อแบคแพคปลอมใบละ 400 บาทจากถนนข้าวสารสะพายไป
ออกจากเมืองไทยตอนเช้า แค่สายๆถึงสนามบินย่างกุ้ง...... (ยังไม่ทันจะถ่ายเครื่องบ่ายไปพุกามเลย)
ด้ายที่เย็บหูเป้ข้างไว้หนึ่งก็ฉีกเหวอะออกมาจนเกือบขาด แล้วก็ไปขาดพอดีเอาที่พุกาม
สรุปว่าทั้งทริปนั้นเพื่อนที่น่าสงสารของผมเลยต้องอุ้มเป้ใบบะเริ่มเทิ่มเป็นลิงอุ้มแตงจนกลับถึงบ้านที่เมืองไทย
เห็นแล้วหนักแทนครับ แหะๆ



รองเท้าก็เป็นอีกอย่างหนึ่งครับ
ขออนุญาตเอาตัวเองเป็นมาตรฐานอีกแล้ว (เอาตัวเองบ่อยจังวุ๊ย คุณกุ้งแห้งฯจะเบื่อมั้ยครับนี่...)
ผมเป็นคนนึงที่ใช้รองเท้าค่อนข้างสมบุกสมบัน
ถ้าซื้อของปลอม หรือของคุณภาพไม่ค่อยดีมาใช้.... มันจะเสียไวเสมอ
โดยเฉพาะเวลาเอารองเท้าผ้าใบใส่ถุงแล้วโยนลงเครื่องซักผ้าไปซัก
ของปลอมหลายคู่ก็ยึดเอาเครื่องซักผ้าเป็นเชิงตะกอน ปลาสนาการตัวเองไปในนั้นก็มี
หรือบางทีเอาออกมาก็แทบจะจำรูปร่างก่อนเอาเข้าไปไม่ได้ ขยิบตา





อีกเรื่องที่สำคัญคือการเลือกรองเท้าให้เข้ากับรูปเท้า และการใช้งานครับ
แต่ดูเหมือนว่าคนไทยจำนวนมากจะรู้จักวิธีเลือกรองเท้าน้อยไปหน่อย
บางคนเห็นโฆษณารองเท้าหน้าตาเหมือนชีสแล้วมีอนิเมชั่นหนูเป็นฝูงวิ่งมาคาบก็ซื้อ
เห็นแบบมันถูกใจก็ซื้อ เห็นสวยก็ซื้อ เห็นลดราคาก็ซื้อ เห็นเพื่อนใส่ก็ซื้อ ฯลฯ
แต่ไม่เคยเลือกรองเท้าให้ถูกกับเท้าและท่าทางการเดินของตัวเองซะที....

รองเท้าแต่ละแบบมีหน้าที่ใช้งานของมันเองครับ
เช่น รองเท้าบาสเกตบอลที่ปิดขึ้นมาถึงข้อเท้า
อาจจะเหมาะกับคนที่เดินแล้วเท้าพลิกบ่อย มากกว่าเด็กแนวที่ชอบแต่งตัวแนวๆ
แต่พี่เด็กแนวก็จะใส่รองเท้าแบบนี้อ่ะ เพราะมัน "แนวดี"
เหมือนที่พี่คนที่เท้าพลิกบ่อยก็ไม่อยากใส่อ่ะ เพราะมัน "น่ารำคาญ"

เสียดาย เรื่องแบบนี้น่าจะบรรจุอยู่ในตำราสุขศึกษา
มากกว่าเรื่องประวัติยากลางบ้าน ประวัติยาตำราหลวง
ประวัติการพยาบาลในประเทศไทย และประวัติอะไรอีกหลายประวัติ
แต่ก็ไม่เห็นมีใครใส่ลงไปซะทีนะครับ แย่จัง


พล่ามเยอะไปแล้ว ไปเปิดกระทู้ดีไซน์เนอร์จู้จี้กับสไตลลิสขี้บ่น
แล้วชวนเพื่อนๆในเรือนไทยมาคุยกันอีกซักกระทู้ดีกว่าครับ แหะๆ
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 10 พ.ย. 07, 10:18

กระทู้สนุกก็เพราะมีสมาชิกมาเสริมความคิดเยอะๆ ถือเป็นspringboard(ภาษาที่ใช้ในโฆษณาเวลาเราได้ไอเดียจากการดีดตัวของความคิดในสมองเรา ซึ่งเกิดจากคำพูดของคนอื่น หรือภาพที่เห็น หรือดนตรีที่ได้ยิน แล้วกระตุ้นต่อมสมองให้ทำงาน)อย่างหนึ่งค่ะ

พื้นเพคนไทยเรา สวมรองเท้าสานหรือแตะเป็นหลักเพราะอากาศร้อนค่ะ ระบายเหงื่อและความชื้นได้ดี ความเข้าใจเกี่ยวกับรองเท้าอย่างsneakersไม่ได้มีมาก เห็นเขาสวม ก็สวมตามเขาเพื่อความเป็นผู้มีวั ฒ น ธ ร ร ม...หรือแม้แต่รองเท้าหุ้มส้น เราก็เลือกใส่เพราะมันสุภาพ จริงๆแล้วการระบายเหงื่อของเมืองร้อนมีปัญหามากเลย
ไหนจะเรื่องน้ำหนักตัวผู้สวม แรงกดกระแทกของการเดิน ความสบาย ความสูงจากอุ้งเท้าขึ้นมาที่เชิงของหน้าเท้า สุขภาพเท้าจึงน่าบรรจุในหนังสือสุขศึกษา
ที่ดิฉันสนับสนุนคุณติบอ เพราะว่าประสบปัญหาเรื่องเอ็นร้อยหวายอักเสบ นัยว่าสาเหตุหนึ่งมาจากสมัยเป็นนิสิต แฟชั่นฮิตก็ส้นตึกสาน สูงน่ากลัวมาก พอทำงานโฆษณา ใส่ส้นสูงเดินฉับๆด้วยความเร็วสูงเป็นประจำ ถึงแม้จะหุ่นโปร่งบางแค่ไหน เมื่ออายุมากขึ้น น้ำหนักมากขึ้น ก็รู้ตัวว่าควรใส่พวกรองเท้าแบบแบนราบมากกว่า
แต่มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิคะ รองเท้าที่ดี เพื่อสุขภาพ เริ่มจากวัตถุดิบก่อน ทั้งหน้าผ้า ส้น พื้น ประกอบกัน เราควรเลือกรองเท้าที่สวมสบายเป็นอันดับแรก เดินสะดวกหรือไม่ แล้วถึงไปเลือกแบบเป็นอย่างสุดท้าย
หนังไม่ใช่ว่านุ่มแล้วจะประคองเท้าได้ดี หนังแข็ง ที่เป็นหนังแท้ กลับจะเสียดสีเท้าน้อยกว่า
ดูรองเท้าคู่หนึ่ง ต้องดูพื้นด้านในที่เรียกว่าsockด้วยว่าเสื่อมหรือมีแนวโน้มว่าเสื่อมไหม
ถ้ามีปุ๊บ เงินที่เราเสียแม้รองเท้าลดราคาก็เสียดาย
เช่น เอคโค่ลดแล้วยังแปดพัน ซื้อมาสองวันพื้นหลุด อย่างนี้สวัสดีเลยค่ะ






บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 10 พ.ย. 07, 21:37

ตอนสมัยดิฉันเป็นcopywriterที่เอเจนซี่ไทยยุคเริ่มต้น เราไม่ค่อยวิค้งวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายมากมายลึกซึ้งหรอกค่ะ ท่านนายห้างจะบอกว่า นี่ขายคนต่างจังหวัดนะ นี่คนในเมือง แล้วท่านก็จะเรียกโฆษกวิทยุทั่วประเทศมาบรีฟด้วยตัวเอง อยู่เอเจนซี่นั้น สมองจะเดี้ยง เพราะมีคนเก่งๆอย่างนายห้างวางแผนให้หมด แค่เดินตาม มีครีเอทีฟตามแนวที่ท่านวางก็พอ
แต่มันไม่ได้สำเร็จเสียทุกแบรนด์หรอกค่ะ
พอดิฉันเป็นซีเนียร์ไรเตอร์ เอเจนซี่ที่สอง ซึ่งเป็นฝรั่งทั้งลูกค้าและหัวหน้า เราก็เรียนรู้เรื่องกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ว่า เออ มันต้องแบ่งตามรายได้ต่อครอบครัว หรือต่อหัวนะ สถานะทางด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก ส่วนแบรนด์เราก็หาบุคลิก โดยดำเนินการเดาฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องวิจัยด้วย
ดิฉันและฝ่ายวิจัย ถูกเอเจนซี่ส่งไปอบรมคอร์สที่เรียกว่า
The Use of Research for Creative Developmentค่ะ ซึ่งเป็นประโยชน์กับชีวิตมากเลย..เพราะได้เพื่อนดีที่ทำงานเข้าขากันจากที่นี่นั่นเอง
เวลาเราทำคอนเส็ปท์บอร์ดกัน ผลที่ออกมาจะช่วยเกลาแนวทางการหาคอนเส็ปท์ของสินค้าได้ดี เพราะเราคิดเสร็จ เสนอลูกค้าผ่านหลายๆบอร์ด แล้วจึงไปทำการเชิญกลุ่มเป้าหมายมา
เช่น เราทำรองเท้าแนวสปอร์ทแฟชั่น เราก็จะตกลงกันว่า เราจะหาผู้ใส่รองเท้าประเภทนี้เท่านั้นมาสัมภาษณ์ กี่กลุ่ม กี่คน
การวิจัยต้องเสียเงินค่ะ ไม่มีฟรี..
นั่นหมายความว่าลูกค้าต้องอยากได้ความคิดเห็นเพิ่มเติมจากผู้บริโภคโดยตรง
หากคิดว่าตลาดมันไปด้วยวัยรุ่นก็เอาวัยรุ่นมา
หรือหนุ่มสาวที่เพิ่งทำงานจ็อบแรก
หรือนักศึกษา
หรือคนวัยทำงาน สามสิบปีขึ้นไปที่รักการออกกำลังกาย
กลุ่มเป้าหมายพวกนี้หละค่ะ ที่จะกลายมาเป็นข้อมูลให้เรากรองว่า จะทำโฆษณาแบบไหน


บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 10 พ.ย. 07, 21:57

ถูกจัยคู่สุดท้ายคับ คุณกุ้งแห้ง
บันทึกการเข้า
pakun2k1d
พาลี
****
ตอบ: 285


ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 10 พ.ย. 07, 22:17

ฟ้องก่อนนะคะ  ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น  ดิฉันต้องเข้าเรือนไทยผ่านกล่องค้นหา  หน้าแรกของวิชาการ.คอมเปลี่ยนไป  ดิฉันหาลิงค์ไม่เจอค่ะ

อ่านเรื่องการวิจัยของคุณกุ้งแห้งเยอรมัน  เลยขอแจมด้วยประสบการณ์จากผู้เก็บข้อมูลการวิจัย  สมัยเป็นนักศึกษา  ดิฉันกับเพื่อนหารายได้พิเศษจากงานวิจัยพวกนี้แหละค่ะ  วิธีวิจัยเขาเอาจริงเอาจังมากนะคะ  จนทำให้ดิฉันรู้สึกเชื่อถือ 

เริ่มจากเราไปสมัคร  ต้องผ่านการอบรมจากเขาก่อน  โดยจะมีเจ้าหน้าที่อธิบายให้เราฟัง  เสร็จแล้วเขาก็ให้เราลองสัมภาษณ์ทีมงานวิจัยของเขา  ถ้าทำได้ถูกต้องครบถ้วนเขาก็กำหนดถึงจะได้เป็นผู้เก็บข้อมูล  ทำไม่ถูกก็ให้เราแก้ไข  ลองทำใหม่  โดยต้องเปลี่ยนไปสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่คนใหม่  แต่ถ้าหลายครั้งแล้วก็ยังไม่ถูก  ทำไม่ได้ตามวิธีการที่เขากำหนด ก็ไม่ได้เป็นผู้เก็บข้อมูลค่ะ 

เมื่อผ่านการอบรมแล้วก็ให้แบบสอบถามมาจำนวนหนึ่งขึ้นอยู่กับเราว่า  จะมีเวลาทำให้เขาได้มากน้อยแค่ไหน  เขาจะจัดให้ตามเวลาที่เรามี  เพราะเราไม่ได้ทำงานเต็มเวลา  ต้องสัมภาษณ์ตามบ้าน และคนตามที่เขากำหนดเท่านั้นนะคะ  ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ได้  เขาขู่ด้วยว่า  ถ้าเรามาโมเมกรอกเอง  เขาจะมีเจ้าหน้าที่ไปสุ่มตรวจ  ถ้าไปสุ่มตรวจเจอ  เราก็จะไม่ได้สตังค์ทั้งหมด  แล้วก็อดทำกับเขาตลอดไป  เวลาไปตามบ้านที่เขากำหนด  ถ้าคนที่เราเจอไม่ยอมให้ข้อมูลใด ๆ กับเรา  ก็ไม่ได้สตังค์ค่ะ  ได้แค่ค่ารถนิดหน่อย  แล้วถ้าไปสัมภาษณ์มาแล้วข้อมูลไม่สมบูรณ์ก็ไม่ได้สตังค์ค่ะ  การรับแบบสอบถามมาแต่ละครั้ง  ก็มีกำหนดส่งงานคืน  ถ้าทำเสร็จไม่ทันก็ไม่ได้สตังค์  กว่าจะได้สตังค์มันยากเย็นเข็ญใจจริง ๆ ค่ะ

แล้วจะมาต่อค่ะว่าตอนเราไปสัมภาษณ์เราเจออะไรบ้าง  กลเม็ดเล็ก ๆ ที่เราพอทำได้เพื่อให้เราได้สตังค์มีอะไรบ้าง  แล้วนอกจากได้สตังค์แล้วเราได้อะไร
บันทึกการเข้า
Bana
องคต
*****
ตอบ: 439



ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 11 พ.ย. 07, 02:50

              อิอิ  มุมมองวัยผมและผองเพื่อนเด็ก ตจว.  ตอนนี้เริ่มเบื่อรองเท้าสปอร์ตแวร์ประเภทพื้นหนา  หันมานิยมประเภทพื้นบาง  มันคล่องตัวกว่าและใส่ง่ายไม่เป็นไอ้ตีนโต  ประเภทความกว้างเท้าได้แต่ความยาวไม่ได้  แต่ก็ยังติดแบรนด์เนมกัน  ทั้งๆที่ใส่แพนสบายสุดๆ  แบรนด์เนมถ้านอกจากอาดิดาส  ไนกี้  พูม่า  ล็อตโต้แล้ว  ยี่ห้ออื่นคงมาแทรกยาก  ยี่ห้อพวกนี้ปล่อยเพื่อนต่อยังไหว  แต่อิทธิพลที่มีต่อพวกเรามากที่สุดคือเด็ก กทม.  ถ้าเห็นเค้าใส่อะไรก็จะใส่บ้าง  ยิ่งเห็นนักร้องดาราที่ชอบใส่ละก็ยิ่งมีผล
                 แต่ก็นั่นล่ะ  ผมก็ยังใส่แพนเตะตะกร้อกับเพื่อนทุกเย็นอยู่ดี  "คนไทยต้องใส่แพน" ชอบคำโฆษณานี้จัง.......... ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
Ply
แขกเรือน
มัจฉานุ
**
ตอบ: 60



ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 11 พ.ย. 07, 10:58

ว้ามาตอบช้าไปซะแล้ว
อันนี้ตอบแบบไม่ได้แอบดูคำตอบก่อนนะค่ะ
คู่แรก รองเท้าหนัง ราคาแพงสุด กลุ่มเป้าหมาย คุณชายไฮโซ อายุประมาณปลายยี่สิบถึงสามสิบปลายๆ เอาไว้ใส่ไปเที่ยวเล่นแบบ smart casual คือไม่ดูหรูเกินไปนัก แต่ก็ไม่ได้ดูลำลองเกินไป ใส่ไปเที่ยวกลางคืนผับดีๆได้ไม่โดนไล่ออกมา ใส่เดินเล่นก็ดี แต่ใส่ไปงานไม่ได้ค่ะ
คู่ที่สอง รองเท้าหนังกลับ กลุ่มเป้าหมาย เป็นคุณชายไฮโซเหมือนกัน แต่อาจจะเด็กลงมาหน่อย เริ่มประมาณต้นๆยี่สิบ เอาไว้ใส่เที่ยวเล่นเดินเล่น แต่ใส่ไปเที่ยวผับ หรือไปร้านอาหารหรูๆอาจจะดูไม่เหมาะสม
คู่สุดท้าย รองเท้าผ้าใบ กลุ่มเป้าหมาย เป็นเด็กวัยรุ่น แบบ อยากให้รองเท้าพละแต่เอายี่ห้อไม่เหมือนใคร ใส่ไปเที่ยวห้าง และ สวนสนุก ได้ เห็นชาวบ้านเตะบอลอยู่ก็พร้อมลุยได้ทันที

คู่สุดท้าย ปลายไม่ซื้อค่ะ เอาตังไปซื้อ นันยาง ไม่ก็คอนเวิรส์ ดีกว่า
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.064 วินาที กับ 20 คำสั่ง