เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5
  พิมพ์  
อ่าน: 16846 โฆษณาไหน.. ใครเสพ
elvisbhu
แขกเรือน
พาลี
****
ตอบ: 215

เป็นคนเขียนรูป


ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 12 พ.ย. 07, 21:56

ผมแค่คิดได้ แต่ตอบไม่เก่งเท่าท่านอื่นครับ..
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 14 พ.ย. 07, 15:54

ถ้าผมต้องทำการบ้านข้อนี้ สอบตกแหงเลย....
ผมว่ามันยากมากที่จะทำโฆษณาขายของที่นานๆ ทีคนจึงจะซื้อ
เว้นแต่คนที่เชื่อในพลังแห่งโฆษณาการจนหมดใจ

อึ้ม...
ราคารองเท้า กับรูปแบบการใช้งาน ล้วนชี้ไปในทางที่จะขายคนที่มีสมอง
เพราะคนนั้น ต้องมีเงิน มีเวลา รักชีวิต และยอมเข้าสู่กระบวนการวิ่งเพื่อสุขภาพ
คนพวกนี้ มีสังคมเฉพาะ เขาจะไม่เชื่อโฆษณา แต่จะเชื่อเพื่อนร่วมกลุ่มและตัวเอง
และท้ายที่สุด การใช้งานจริง จะเป็นตัวตัดสินสุดท้าย ว่าจะมีใครในพวกนี้ ยอมจ่ายเงินแพงๆ
เพื่อรองเท้าที่ กัดตีน วิ่งแล้วขาแพลง ขาดง่าย เก่าง่าย ใส่แล้วกลายเป็นตัวตลก
(เหตุการณ์สมมตินะครับ ไม่ได้แปลว่าใส่ตีนไก่แล้วจะเป็นอย่างนั้นเสมอ)

กรณีนี้ ผมเห็นว่า การโฆษณา ควรทำเพื่อผดุงการรับรู้ มาหลังการอัดฉีดสินค้าเข้าในตลาด
ด้วยการแย่งชิงที่สถิตย์ให้เตะตาคนซื้อ ทั่วทุกหัวระแหง และกัดฟันอยู่ให้รอดให้ได้
หน้าร้านอันโอ่อ่านั้น เป็นได้แต่เพียงหัวข้อสนทนาสักสองสามวัน
เข้าวันที่สี่ที่ห้า ต่อๆไป....จึงจะเป็นตัวกำหนดว่า โฆษณาใหน ควรให้ใครเสพย์...ฮิฮิ

สินค้าจะอยู่ได้ พึ่งร้านค้าเราร้านเดียวไม่ได้ค่ะ ต้องมีoutletอื่น เช่น supersport ไม่งั้นกระจายสินค้าเข้าไม่ได้ หากไม่มีการส่งเสริมการขาย โปสสะเตอร์ชิ้นเดียวก็นับเป็นโคนาแล้วค่ะ
ได้คะแนนติดลบแหง็มเลยครับ คุณครูกุ้งแห้งฯ

ไม่เลวค่ะ คุณพพ. เริ่มต้นได้สวย
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 14 พ.ย. 07, 16:11

ขอบายค่ะ  ดูไม่ออกว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นไหนอาชีพไหน เดาว่าคู่ชายลุ่ยน่าจะเป็นวัยรุ่น หรืออย่างมากก็นิสิตนักศึกษา  ราคาไม่แพงเกินกำลังซื้อ

ถ้าเป็นเป้าหมายหลักก็ใช่ค่ะ แต่เราต้องขยายไปอีกว่า วัยรุ่น นิสิตนักศึกษาที่ใช้ชีวิตแบบไหนค่ะ คิดแค่นั้นไม่พอทำงานต่อค่ะ

ทั้งสามคู่นี้ดิฉันไม่ใช่ลูกค้าแน่ๆ   เพราะลักษณะไม่ต้องตามความประสงค์
ดิฉันซื้อรองเท้ากีฬาตามความสบายที่สวมใส่  พื้นต้องหนา ไม่บางจนเหยียบกรวดก็รู้สึก
ตรงส้นเท้าหนากว่าปลายเท้านิดหน่อย มันจะเดินสบายกว่าพื้นหนาเรียบเท่ากัน
หัวไม่แหลม  ไม่งั้นบีบนิ้วก้อยเจ็บ

อาจารย์ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของสามรุ่นนี้ค่ะ ของอาจารย์จะมีอีกรุ่นที่ใกล้เคียงนะคะ จะกล่าวถึงตอไปค่ะและไม่ชอบรองเท้ากีฬาผูกเชือก ใส่ยากถอดยาก

แบบแรกเป็นstrapค่ะ สวมง่าย ถอดยิ่งง่ายกว่า แต่ออกแรงนิด ต้องก้มแปะก้มดึง
หลานดิฉันตกบันไดเลื่อนเพราะเชือกเจ้ากรรมหลวม ชายสอดเข้าไประหว่างขั้น
พอลงมาถึงขั้นสุดท้าย   บันไดหนีบเชือกไว้  เลยหกล้มติดอยู่ตรงนั้นเอง  มีคนมามุงดูแต่ไม่มีใครช่วยสักคน

ถูกคัดออกอีกหนึ่งราย
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 14 พ.ย. 07, 16:44


โดยส่วนตัวผมชอบคู่สีน้ำตาลหนังล้วนครับ
แต่ราคาสูงไปนิดหน่อย (สำหรับเด็กเพิ่งจบใหม่)
คู่หนังกลับคู่สุดท้ายพอไปรอด
แต่คู่รุ่ยๆดูแล้วขัดตานิดหน่อยครับ
เรื่องการตลาด... ก่อนอื่น ขออนุญาตเดารวมๆก่อนครับ ว่ารองเท้า 3 คู่นี้
เหมาะกับวัยรุ่น (หรืออย่างน้อยก็หนุ่มโสดเมโทรเซกชั่วล์ล่ะเอ๊า.... )
และขอเดาต่ออีกว่าการกระชากเงินออกจากกระเป๋าของคนกลุ่มนี้อาจจะต้องแย่งลูกค้ากันมากหน่อย
แต่ถ้าเขายอมจ่ายแล้ว.... เท่าไหร่ไม่อั้น ราคาไม่น่ามีปัญหาครับ
ถ้าหมั่นจัดรายการลดราคา (แต่ต้องจัดให้เขารู้สึกว่าเราตั้งใจมาลด)
ไม่เหมือนพวกแบรนด์เนมหลายเจ้าที่ลดราคาซะปีละ 6 เดือนคงดูน่าซื้อครับ
สรุปว่าถ้าเป็นผม คงหาทางโฆษณาทางนึงโดยการหานายแบบหุ่นดีซักคน
มาถ่ายโฆษณาลงนิตยสารที่มีนายแบบนุ่งน้อยห่มน้อยขึ้นปกบ่อยๆ
แล้วสอดคูปองค์ลดราคา 15 - 20% เอาไว้ให้คนซื้อรีบตัดไปใช้ซะก่อนหมดอายุ

ไอเดียในการวางกลุ่มเป้าหมายน่าจะถูกต้องค่ะ รวมถึงไอเดียของการโฆษณาเบื้องต้น แต่คุณติบอไม่คิดเหรอคะว่า หากเราเริ่มวางตลาดก็ลดแล้ว มันจะไม่กลายเป็นว่าลูกค้าก็จะมองเราเป็นแบรนด์ลดราคาไป เสียอิมเมจ ไม่น่ายอมแต่ต้นนะคะ คูปองรับของแถมน่าจะดีกว่า ยิ่งถ้าเป็นของแถมที่ลูกค้าเอาไปใช้แล้วเหมือนการโปรโมทตราของเราจะยิ่งดี

ตามมาด้วยขอเดาแยกทีละคู่ครับ
คู่แรกพื้นรองเท้าแบบนี้พอจะใส่วิ่งได้บ้าง
แต่จะให้ไปวิ่งตามเป็นประจำสวนสาธารณะ หรือวิ่งลู่วิ่งอาจจะลำบากหน่อย
โดยเฉพาะกับนักวิ่งหลายคนที่วิ่งแล้วกระดกปลายเท้าขึ้นมาก
เพราะจากประสบการณ์ส่วนตัวของผม
รองเท้าทรงนี้มักจะหักจนกาวที่ทาพื้นติดกับรองเท้าไว้ปริออกมา
สรุปว่าเหมาะกับการใส่เดิน หรือวิ่งบนเครื่องวิ่งแบบไร้แรงกระแทกครับ
แต่คนใส่น่าจะชอบออกกำลังกาย หรือดูกระฉับกระเฉงหน่อย
(เอาตาพุงพลุ้ยตุ้ยนุ้ยมาใส่คงไม่เข้าเท่าไหร่)
ส่วนใหญ่รองเท้าที่เป็นstrapแบบคู่แรก เราจะใส่เป็นแฟชั่นค่ะ ไปทำงาน ไปป่า เป็น multipurpose ไปเที่ยว จะใส่รองเท้าหนังแท้เล่นกีฬาน่าจะไม่เหมาะค่ะ


บันทึกการเข้า
elvisbhu
แขกเรือน
พาลี
****
ตอบ: 215

เป็นคนเขียนรูป


ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 14 พ.ย. 07, 21:51

วันนี้ได้สามความเห็นเองหรือครับ.. เจ๋ง
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 15 พ.ย. 07, 01:41

เห็นด้วยกับคำเตือน 100 % ครับ
คุณกุ้งแห้ง



งั้นผมขอเสนอวิธีโปรโมชั่นอีกวิธีนึงครับ



ถ้าผมจำไม่ผิด เครื่องสำอางค์ หรืออาหารหลายเจ้า
นิยมให้ลูกค้าสมัครเป็นสมาชิกครับ
ขออนุญาตยกตัวอย่าง ไอติมยี่ห้อนุง
ชื่ออารายหว่า ฮาๆ อะไรซักอย่างนี่ล่ะ

เท่าที่ผมจำได้.... แกเป็นไอติมสัญชาติฝรั่งเศส
ผลิตในฝรั่งเศส...... แต่เข้ามาขายในไทย
คุณกุ้งแห้งคิดว่าการที่จะใช้ความเป็นฝรั่งเศส
ไปขอเขาให้ช่วยพิมพ์โฆษณาลงในโปสสะการ์ด
ที่ร้านไอติมร้านนี้จะส่งไปหาลูกค้าเป็นประจำอยู่แล้ว
บอกให้พี่ไทยพวกที่มีปัญญากินไอติมราคาถ้วยละร้อยกว่าบาท
เอาโปสสะการ์ดมาแลกของแถมที่บู๊ต เลอร์ก๊อกในห้าง
จะเป็นวิธีโฆษณาที่พอไปรอดมั้ยคับ แหะๆ
บันทึกการเข้า
elvisbhu
แขกเรือน
พาลี
****
ตอบ: 215

เป็นคนเขียนรูป


ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 16 พ.ย. 07, 02:55

ผมไม่แน่ใจเรื่องจะขายความเป็นฝรั่งเศสได้หรือไม่ได้ เพราะอันที่จริงแบรนด์แบบนี้ มันสามารถผลิตได้ทั่วโลก ยังชั่งใจอยู่ครับว่าเราขายวัยรุ่นจริงหรือ และระหว่างนักร้องไทย กับนักกีฬาอินเตอร์ ใครแรงกว่า
ควรจะใช้มิวสิคมาร์เก็ตติ้งไหม ขอคิดอีกนิดครับ
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 21 พ.ย. 07, 06:39

           อืมมมม  พูดยากสินค้ากาไก่แต่ไม่ไก่กาตัวนี้  มีเป้าหมายจะแย่งมาร์เก็ตแชร์ซักเท่าไหร่ดี  ถ้าร้อยละ10  คงต้องทำงานด้านโฆษณาหนักหน่อย  อีตา โนอาห์กับอีตาเลิบ  สำหรับสยามประเทศคงไม่เวิร์คอ่ะครับ  คนพรีเซนต์ต้องประมาณ เทียรี่  อองรี  หรืออย่างแย่ๆก็ต้อง กาสเก้  ถ้าวันรุ่นระดับผมคงต้องประมาณ ตัวหนังกลับ  สนนราคา 65 ออยโร  คงต้องคิดนาน  แตก็พอให้รางวัลกับตัวเองได้ไม่ถึงกับต้องกัดฟันนัก  แล้วก็เหมาะกับเสื้อผ้าที่มีอยู่เรียกว่าแมทช์  แต่คงใส่ไปเที่ยวนะไม่ใช่เอามาใส่เล่นไก่กา  ส่วนเจ้าสองตัวที่เหลือหาชุดใส่ที่แมทช์กับมันลำบาก  ตัว 28 ออย ก็หวานไป  อีกตัวราคาแพงไป

           ถ้าจะซื้อมาใส่แล้วตัดสินใจได้ไวจริงๆ  นี่เอาบรรทัดฐานคนวัยผมนะ  ขอให้เห็นพี่แบ๊งค์ วงแคลชหรือพี่ตูน บอดี้สแลม  ใส่  รับรองตัดสินใจทันที  ไม่ต้องมาลดราคาด้วย  คนวัยนี้ตัดสินใจไวที่สุดขอให้ดารานักร้องที่เค้าชอบนิยมละกัน  ไม่ต้องขึ้นพารากอนหรอก  อยู่ไหนก็ซื้อ  ลองจ้างเค้าใส่ซักครึ่งปีสิครับ  รับรองเวิร์คแน่ๆ..........อิอิ ยิ้มเท่ห์
โอ้...คุณกล้วยบาน่า สำบัดสำนวนเหลือร้ายพอๆกับคุณติบอของดิฉัน สิ่งที่แบรนด์อินเตอร์มักจะไม่ทำก็คือการนำพรีเซ็นเตอร์โลคัลมาใส่ยี่ห้อเขาเพื่อกระตุ้นยอดขายเพราะ
1. ตลาดประเทศนั้นอาจไม่มากพอที่จะคุ้มทุนการจ้างคนดังใส่
2.ไม่ไว้ใจการนำแบรนด์มาห้อยกับคนดัง เผื่อพี่แกทำเรื่องอื้ฉาวคาวหญิง หรือทำเรื่องเสื่อมเสียผิดกฎหมาย แบรนด์ก็จะดับไปด้วย
ฯลฯ
จึงต้องมีการศึกษาจริงๆว่าน้องแบงค์ หรือน้องตูนน่ะ เค้ามีความเป็นมา และจะเป็นไปอย่างไร ใครแบ็คเค้าบ้าง...ทำนองนี้ค่ะ
บ้านเรามิวสิคเซเล็บมันมีมากกว่านักกีฬา กี่ปีกี่ปีก็ไม่เปลี่ยน ..เวลาหาคนดังมาใส่สินค้ากีฬาหรือสปอร์ทแฟชั่นที ครีเอถีบกลุ้ม ..ในประวัติศาสตร์การโฆษณา เรามีนักกีฬาภาพดีแค่ปรีดา จุลละมณฑล ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน และเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่เวิคในการโปรโมทสินค้า
ดิฉันอาจจะตกหล่นบรรดานักมวยไป เพราะเขาไม่ได้อยู่ในแคทนี้ค่ะ
ไปอยู่ในพวกเครื่องดื่มแคฟเฟอีนซะมากกว่า
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 21 พ.ย. 07, 06:46

ช่วงนี้ยุ่งนิดหน่อยค่ะ  แต่อยากแจม  ของอย่างนี้ต้องขายวัยรุ่น ถึงวัยทำงานตอนต้นค่ะ  ต้องเป็นวัยรุ่น หรือคนทำงานที่อยากแสดงตนว่ามีรสนิยม  มีสไตล์  ขับรถสปอร์ต  เป็นกลุ่มมีสตังค์  ถีงไม่มีก็พยายามทำให้มี  เพื่อสร้างความมีรสนิยม และสไตล์ให้ตัวเองค่ะ  ยังไม่ต้องคิดถึงคุณภาพที่แท้จริงของสินค้าว่าผลิตมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร  เอ.....ดิฉันมองลบไปหรือเปล่าเนี่ยะ
มองลบมองบวกไม่เป็นไรค่ะ ขอให้มองลึกจริงๆ เริ่มเข้าเค้าค่ะ คุณป้ากุน หมายถึงเข้าเค้าในสิ่งที่จะบอกท่านผู้อ่านนะคะ
อย่างที่ป้าฯบอก เขาเรียกว่า กลุ่มเป้าหมายทางจิตวิทยา Psychological targetค่ะ
ซึ่งเรามองว่า กลุ่มนี้ ไม่ได้วัดกันที่รายได้รวมส่วนตัว รายได้ครอบครัว หรือเรียกว่า Economic status แต่อย่างใด
มองกันที่จิตวิทยาเป็นหลัก
มีอยู่สามกลุ่มค่ะ
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 21 พ.ย. 07, 07:24

outer directed
คือพวกสินค้าที่ต้องสร้างภาพให้คนรู้สึกว่า ถูกกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม กระแสแฟชั่นภายนอก อย่างที่คุณป้ากุนบอก
ไม่ใช้ไม่ทันสมัย อยากให้คนมองว่าฉันใช้ ฉันดื่ม ฉันใส่
คนต้องเห็นว่าฉันก็มี
ใครๆเขาก็ใช้กัน เช่นพวกแบรนด์แฟชั่นทั้งหลาย เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า มือถือ บ้านที่ใช้คนดังน่ะแหละค่ะ
ซื้อหามา คุณภาพก็ส่วนหนึ่ง แต่สิ่งกระตุ้นภายนอก ทำให้ผู้บริโภคต้องการสินค้าเรา
ทำได้อย่างนั้นไหม
ถ้าทำได้ ก็ขายคนที่ต้องการให้คนมองว่าฉันทันสมัย ไม่ตกยุคได้




บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 21 พ.ย. 07, 13:36

ตัวอย่าง
รองเท้าผู้หญิง ราคาสูงหน่อย สวมสบาย แฟชั่น เซ็กซี่ multipurpose
ลงทุนจ้างดาราสาว มาร่วมออกแบบ
ขายกับเสื้อผ้าเธอ
คู่หนึ่ง ต้องราคาพอที่จะคุ้มค่าจ้างพรีเซ็นเตอร์
กำไรส่วนหนึ่งต้องแบ่งให้เธอ
ชื่อเธอต้องเป็นแบรนด์ด้วย


บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 21 พ.ย. 07, 17:24

ผู้ใหญ่ท่านึงเคยเปรยกับผมว่า
ภาษาไทยสมัยก่อน แปลคำว่า "แฟชั่น" ว่า "สมัยนิยม"
เพราะสมัยนั้นคนไทยมีประชากรไม่ถึง 30 ล้านคน
ทีวีเป็นขาวดำ ภาพถ่ายก็ไม่มีสี
ใครจะมาคิดตัดเสื้อผ้ารูปทรงแปลกๆก็ยากเต็มที
อย่างมากตามเจ้านาย หรือตามในทีวีก็โก้ถมถืด


แต่เดี๋ยวนี้โลกมันโกลบาไหลส์กันมากขึ้น
ถ้าจะมาแปลคำว่า "แฟชั่นโชว์" ว่า "การแสดงเสื้อผ้าตามสมัยนิยม"
คงใช้การไม่ได้ไปนานแล้ว เพราะเสื้อผ้ามันก็มาจากหลายแหล่ง หลายที่
คนออกแบบก็ต้องเป็นตัวของตัวเอง
นิตยสารเสื้อผ้าวางแผงกันเกร่อตลาด
แต่ละคน แต่ละร้านก็อยากนำเสนอความเป็นตัวของตัวเองจนถึงขีดสุด
เรียกว่าเอามากี่ร้านๆ ก็แทบหาความเหมือนร่วมกันไม่ได้เลย

แฟชั่นโชว์เลยกลายเป็นการโฆษณาสินค้า
เอาไว้นำเสนอสินค้าใหม่ๆของร้านค้าให้ลูกค้าเห็น
ถูกใจชิ้นไหนจะได้รีบไปซื้อซะมากกว่าไปแล้ว




ปล. ขอบพระคุณคุณกุ้งแห้งมากครับ
ที่กรุณารับผมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 28 พ.ย. 07, 17:13

โฆษณาและแบรนด์ มีผลต่อลูกค้ามากกว่าคุณภาพค่ะ เช่นคนเก่าคนแก่รุ่นพี่ๆดิฉัน จะเลือกที่นอนกันที เขาต้องไปเลือกที่ไว้ใจได้ เจ้าเก่าแก่ ที่พาหุรัดกัน ที่นอนที่ไม่โฆษณา แต่ขายโนว์ฮาวที่ทำต่อกันมาเป็นตระกูล เช่นที่นอนบางกอกน้อย ซึ่งมีสาขาที่พาหุรัดถึง 2 ร้าน เน้นยัดนุ่น แต่มีหลายแบบให้เลือก สปริงแค่ไหน ผ้าอะไร หนาขนาดไหน ในขณะที่คนรุ่นหลังซื้อที่นอนไม่slumberlandก็sealy..เพราะเป็นเหยื่อโฆษณาน่ะเอง...
ดูๆไปแล้ว ที่นอนยัดนุ่นน่ะ ดีที่สุด ไม่ปวดหลัง นอนกันมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวด พอพวกเราทำโฆษณาที่นอนที่มีแบรนด์พวกนี้ ใช้ระบบอะไรต่อมิอะไรฟังให้โก้ๆไปงั้น ลูกค้าก็ตื่นเต้น เชื่อ
ที่นอนคุณแม่ดิฉัน ต้องเป็นที่นอนยัดนุ่นเท่านั้นค่ะ และเจ้าประจำที่ต้องเย็บที่นอนกันเองก็มีอยู่ไม่กี่ที่
เดี๋ยวนี้ เรากลับไปหาธรรมชาติกัน พวกที่ทำให้สิ่งแวดล้อมเสียน่ะ ไม่ได้ดีกับสุขภาพเลย นะคะ
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 03 ธ.ค. 07, 08:07

เวลากรอกจุดประสงค์ทางการโฆษณา สิ่งที่เราชักจะชินๆมันก็มีไม่กี่ข้อ เช่น สร้างภาพพจน์ของตราสินค้า ระยะหลังๆสิ่งที่ตามมาก็ตือสร้างบุคลิกของตราด้วย
แต่จะผลักดันให้คนซื้อด้วยเหตุผลไหน
ซื้อแล้วอยากให้คนรู้ว่า ทันสมัย
หรือซื้อ ด้วยความพอใจข้างใน
ไนกี้ ซึ่งทำโฆษณาโดยบริษัทเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อว่า ไวเด้นแอนด์เคนเนดี้ ประสบความสำเร็จด้วยการสร้างตราจากโฆษณาที่เรียกว่า outer directed target group และinner directed target groupค่ะ
กระทู้นี้ ลำบากหน่อยตรงที่ว่า ต้องใช้เวลาหาภาพโฆษณาเดิมๆยากหน่อย
จะต้องไปค้นในกรุ หาตัวอย่างมาให้ชม
ท่านผู้อ่านเรือนไทยต้องใจเย็นหน่อยนะคะ
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 10 ม.ค. 08, 22:25

หนีเที่ยวมาเดือนกว่าๆ
กลับมาติดตามอ่านกระทู้เหมือนเดิมแล้วนะครับผม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.074 วินาที กับ 19 คำสั่ง