เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 90 เมื่อ 07 พ.ย. 07, 15:39
|
|
การเขียนบท กับการกำกับเรื่องให้ได้อารมณ์สะเทือนใจแบบไม่ฟูมฟาย เป็นเรื่องยากสาหัส ผู้กำกับและคนเขียนบทได้รางวัลตุ๊กตาทองไปก็เหมาะแล้วค่ะ
ตอนสำคัญๆเป็นหัวใจของเรื่อง คนเขียนบทเขียนไม่ให้ตัวละครพูด คนกำกับกำกับไม่ให้มีแอ๊คชั่น น่าพิศวงว่าทำได้ยังไง แต่ก็ทำได้จริง ฉากคลาสสิคที่สุดที่สื่อด้วย "ภาษากาย" คือเมื่อทนายความแพ้คดี ศาลตัดสินให้จำเลยถูกประหาร คนอื่นๆทยอยกันออกไปจากศาล เหลือแต่พวกผิวดำบนที่นั่งชั้นสองคือระเบียงชั้นบน ทนายความเก็บเอกสารใส่กระเป๋าอย่างเงียบๆ หงอยๆ ไม่แสดงอารมณ์ พวกผิวดำทุกคนไม่มีใครแสดงอารมณ์ฟูมฟาย ทุกคนนิ่ง แล้วค่อยๆลุกขึ้นยืนกันจนครบคน อย่างเงียบเชียบ ยืนให้ทนายความผู้ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดูด้วยซ้ำ ด้วยท่าลุกยืนกันนิ่งๆ ทีละคนทีละกลุ่มจนครบทุกคนนี่แหละค่ะ คือคารวะทนายผิวขาวผู้ก้าวข้ามกำแพงผิวมาต่อสู้เพื่อพวกเขา ทั้งที่ไม่เห็นชัยชนะ เป็นการให้เกียรติสูงสุดแก่บุคคลผู้ทรงเกียรติตัวจริง
เป็นฉากคลาสสิคจริงๆ ทั้งที่แอ๊คชั่นก็ง่ายและเรียบ ไม่มีการแซ่ซ้องสรรเสริญ ไม่มีร้องเพลง มีแต่ความเงียบและนิ่ง ฉากจบของคดี เป็นฉากคลาสสิคยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งที่ยังไม่เห็นใครทำเทียบได้อีก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุ้งแห้งเยอรมัน
|
ความคิดเห็นที่ 91 เมื่อ 07 พ.ย. 07, 20:19
|
|
เห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ หนังเรื่องนี้ดีมาก ทั้งเรื่อง..การแสดง บท และกำกับ..กล้อง เป็นหนังที่มีคุณค่าและศิลปะ ตอนนั้นคงฮือฮาน่าดู.. ว่าไปแล้วอเมริกามีบทเรียนที่หนักหนาสาหัสกับเรื่องผิวและสิทธิมนุษยชนนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุ้งแห้งเยอรมัน
|
ความคิดเห็นที่ 92 เมื่อ 07 พ.ย. 07, 21:46
|
|
ช่วงต้นๆ หนังพาให้เพลินไปกับเรื่องของเด็กๆสามคน jem scout และdill ความอบอุ่นของครอบครัวทนายจำเลย Atticus เสน่ห์บนจอของดาราระดับออสการ์Gregory Peckนั้น ดึงดูดให้ติดตามด้วยบท น้ำเสียงและแอ็คติ้งที่ธรรมชาติ พล็อตซ้อนพล็อตที่ทำให้หนังไม่เครียดคือบุรุษลึกลับข้างบ้าน..ช่วยลดความเครียดได้มากค่ะ พอเปิดตัวตอนจบมา เอ ใครนะ หน้าคุ้นๆ พอเห้นไตเติ้ลอีกที ตายละ พ่อรอเบิต ดูวัลล์น่ะเอง ยิ้มอย่างนี้ไม่มีเปลี่ยน ตอนนั้นเป็นเด็กหนุ่มมากค่ะ อาจารย์ เขายืนอยู่ในวงการหนังมาจนปัจจุบันได้ตุ๊กตาทอง และได้เคยเล่นหนังกับเกรเกอรี่ เป็คนี่ สุดยอด...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุ้งแห้งเยอรมัน
|
ความคิดเห็นที่ 93 เมื่อ 07 พ.ย. 07, 21:54
|
|
ชอบการใช้สัญลักษณ์นกมอคกิ้งเบิร์ดมากค่ะ พ่อบอกลูกว่า นกไม่ได้เป็นภัยกับใคร เมื่อเปรียบว่า Boo คือ mocking birdนั้นชัดเจน สารพันความหมาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุ้งแห้งเยอรมัน
|
ความคิดเห็นที่ 94 เมื่อ 08 พ.ย. 07, 08:55
|
|
ทราบว่า หนังได้สามรางวัล นำชายยอดเยี่ยม บทดัดแปลงจากหนังสือยอดเยี่ยม และกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม ประการหลังสุดนี่ชัดมาก เพราะหนังสวยทั้งเรื่อง Scoutเล่นหนังดีมากค่ะ ขำฉากที่แต่งกระโปรงวันแรกเพราะต้องไปโรงเรียน เล่นได้น่ารักจริงๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 95 เมื่อ 08 พ.ย. 07, 09:09
|
|
อ่านไปอ่านมาแล้วก็แว้บนึกขึ้นมาได้ ครับ มีหนังคุณภาพอีกเรื่องหนึ่งที่มีพล็อตคล้ายๆ กัน แต่เข้มข้น กดดัน น้อยกว่า เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของปรมาจารย์ผู้ล่วงลับไปแล้ว ท่านเซอร์เดวิด ลีน ครับ A Passage to India สร้างจากงานเขียนของนักประพันธ์คนสำคัญแห่งศตวรรษคนหนึ่ง E.M. Forster
จากนิยายเรื่องเยี่ยม มีเหตุการณ์สำคัญอันกำกวม กรณีคดีชายอินเดียถูกกล่าวหาว่าข่มขืนสาวชาวอังกฤษ ที่ถ้ำแห่งหนึ่งของอินเดีย ในยุคยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ มาเป็นงานศิลปะบนแผ่นฟิล์ม แนวคดีขึ้นศาลที่สนุก เข้มข้น ชวนติดตาม ด้วยการกำกับ การแสดง ดนตรีประกอบ และ การกำกับภาพงดงาม อันเป็นเอกลักษณ์ของหนังท่านเซอร์ เรื่องจบลงต่างจากนกม็อคกิ้งถูกยิงตาย
ดนตรีประกอบหนังไพเราะ ได้ใจจนต้องหามาฟังต่อ (และเพราะชอบภาพปกด้วยครับ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 96 เมื่อ 08 พ.ย. 07, 09:49
|
|
เคยเรียน A Passage to India แล้วถกเถียงกันในชั้นเรียนว่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในถ้ำคืออะไร เป็นภาพหลอนที่หญิงสาวเจอ หรือหล่อนกุเรื่อง หรือเกิดจากผู้ชายอินเดียอีกคน เช่นนายไกด์นั่น ก็ยังไม่รู้คำตอบจนแล้วจนรอด
It's a sin to kill a mocking bird พ่อสอนลูกๆในหนังด้วยคำนี้ ทำไม? ม็อคกิ้งเบิร์ดเป็นนกที่ไม่มีอันตราย ไม่ก่อกวน ไม่ทำลายพืขผล มันชอบร้องเลียนเสียงร้องของนกอื่นๆ เวลาคนได้ยินแต่เสียง ถ้ามองไม่เห็นตัวก็ไม่รู้ว่าเป็นนกม็อคกิ้ง นึกว่าเป็นนกชนิดอื่น ถ้าบังเอิญนกที่มันเลียนเสียง เป็นนกที่เป็นอันตรายต่อพืชผลชาวนา เจ้านกม็อคกิ้งเคราะห์ร้ายก็ถูกส่องโป้ง ร่วงลงไปง่ายๆ เพราะชาวบ้านนึกว่ามันเป็นนกที่มาจิกกินพืชไร่ ในเรื่องนี้มีนกม็อคกิ้งสองตัวค่ะ คือหนุ่มผิวดำที่ถูกหาว่าข่มขืนสาวผิวขาว และอีกคนคือ Boo เพื่อนบ้านลึกลับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุ้งแห้งเยอรมัน
|
ความคิดเห็นที่ 97 เมื่อ 08 พ.ย. 07, 10:15
|
|
ตัวหนึ่งตาย อีกตัวหนึ่ง นายอำเภอสมคบกับAtticusช่วยไว้ได้ เพราะนกหนึ่งดำ ต้องตาย แต่นกขาว รอด...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 98 เมื่อ 08 พ.ย. 07, 16:12
|
|
ฝีมือกำกับยอดเยี่ยมเห็นได้อีกฉากหนึ่ง คือฉากเด็กสองคนถูกทำร้าย ไม่มีแอ๊คชั่นให้เห็นว่าหนูน้อยเจมถูกทุบตีกระทืบอย่างโหดร้ายแค่ไหน กล้องจับไปที่ดวงตาเบิ่งโพลงของสเก๊าท์ที่ติดอยู่ในชุดแฟนซีหุ่น (เป็นแตงหรือมันฝรั่ง ดูไม่ออก)เจาะเฉพาะนัยน์ตาให้มองเห็น เราเห็นดวงตาบอกความตื่นตระหนกและหวาดกลัวสุดขีดของสเก๊าท์เมื่อเธอมองเห็นพี่ชายถูกทำร้ายอยู่ตรงหน้า เธอจะถอดหุ่นก็ถอดไม่ออก หนีก็ไม่ได้ เราเห็นภาพเธอดิ้นรนเมื่อเจ้าผู้ร้ายมันตรงมาจัดการกับเธอเป็นรายต่อไป คนดูดูออกว่าถ้าสเก๊าท์ถูกดึงหลุดจากหุ่น เธอจะเป็นเด็กหญิงผิวขาวที่ถูกข่มขืนด้วยคนผิวขาวด้วยกัน ทั้งหมดนี้กำกับให้อารมณ์ระทึกใจสุดขีด โดยเห็นแค่มือคนร้ายเท่านั้นเอง ต่อมาก็คือมือของ Boo ที่ยึดมือคนร้ายไว้ การต่อสู้เห็นเพียงเงา ไม่มีความรุนแรงบนจอ แต่สามารถถ่ายทอดความสะเทือนขวัญออกมาได้ยิ่งกว่าเอาเหตุการณ์ทั้งหมดมากางดูบนจอเสียอีก ไม่ต้องอาศัยคำบรรยายสักคำเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุ้งแห้งเยอรมัน
|
ความคิดเห็นที่ 99 เมื่อ 08 พ.ย. 07, 17:20
|
|
ดูฉากนั้นแล้วอึดอัดสิ้นดี อาจารย์ มันอยากเห็นผู้ร้ายและผู้ช่วย ตอนที่Boo อุ้มJemไป ดิฉันก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครมาช่วย หรืออุ้มไปทำร้ายต่อ.. เขาเลือกและกำกับตัวเลวได้ดีมาก โผล่มาก็รู้ว่าขี้เมา ไร้สติ หยาบ .. เสียดายที่ผู้กำกับ ไม่ได้รางวัล ไม่รู้ไปแพ้ใคร..เช็คหน่อยดีกว่า อ๋อ..เดวิด ลีน แห่ง ลอเรนซ์ ออฟ อะเรเบีย นั่นเอง ปัทโธ่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุ้งแห้งเยอรมัน
|
ความคิดเห็นที่ 100 เมื่อ 08 พ.ย. 07, 17:30
|
|
เดวิด ลีนได้รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม พร้อมๆกับได้หนังยอดเยี่ยมด้วยจากเรื่องนี้ แต่นักแสดงยอดเยี่ยม ปีเตอร์ โอทูลพลาด โดยเสียทีเกรกอรี่เป็คนั่นเอง...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 101 เมื่อ 08 พ.ย. 07, 17:50
|
|
ฉากที่โอฬารทางใจอีกฉากหนึ่งคือเมื่อ Boo มองสเก๊าท์ในห้องนอนที่พี่ชายเธอนอนอยู่ ทั้งสองมองตากัน แล้วสเก๊าท์ยิ้ม เป็นยิ้มที่บอกความหมายเกินคำพูดจะบรรยาย มีทั้งความไม่แน่ใจ ขลาดกลัว ตื่นเต้น และลงท้ายด้วยความเข้าใจแจ่มแจ้ง ว่าผู้ชายที่เคยเป็นฝันร้ายหลอกหลอนคนทั้งเมือง ที่แท้จริงคือชายไร้พิษภัย และยังมีมโนธรรมเต็มเปี่ยม ยิ้มตอบของ Boo ในฉากนี้ ทำเอาอยากรู้เต็มทนว่าดาราที่เล่นเป็นใคร ใจตรงกับคุณกุ้งแห้งเลยค่ะ
นึกถึงเพลง Sound of Silence ที่ว่า People talking without speaking เป็นอย่างนี้เอง ใครกำกับสามฉากนี้ได้ก็น่าได้ออสการ์สัก ๓ ตัวรวด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 102 เมื่อ 08 พ.ย. 07, 18:47
|
|
ต่อจาก To Kill a Mocking Bird ว่าจะค่อยๆเก็บยอดดารา ๕๐ คนต่อไป เลือกหนัง ๑ เรื่องที่เขาเล่น แต่จะรอก่อน เผื่อใครอยากคุยเรื่องฆ่านก อีกค่ะ ถ้าไม่มี ก็จะต่อด้วยหนังเบาเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ฝีไม้ลายมือคนเล่น คนกำกับและคนเขียนบทก็ไม่เบาเลย How to Steal a Million (1966) ปีเตอร์โอทูลหล่อสุดยอดในเรื่องนี้ ส่วนออเดรย์นั้นเธอสวมอะไรก็ไม่เคยเชย แม้แฟชั่นผ่านไปสี่สิบกว่าปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กุ้งแห้งเยอรมัน
|
ความคิดเห็นที่ 103 เมื่อ 08 พ.ย. 07, 23:02
|
|
ขอกรี๊ดค่ะ เพราะเป็นคนสวยอมตะแบบนางแบบ และเจ้าหญิงปนกัน.. คนอะไรไม่รู้ .... ต่ออีกหน่อย ตกตะลึงหัวเราะก๊ากตอนที่สามเกลอหัวแข็ง พยายามเปิดประตูร้วที่สวนเข้าบ้านBooแล้วประตูมันดังเอี๊ยด หัวโจกคือjemสั่งน้องให้ถุยน้ำลายรดประตู จะได้เปียกๆ ไม่ดัง.. แหม..ฉลาดจริงๆ Scout-spit!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pakun2k1d
|
ความคิดเห็นที่ 104 เมื่อ 09 พ.ย. 07, 06:57
|
|
ชอบค่ะ ชอบมาก ๆ ที่ทุกท่านออกมาให้ความเห็น ดิฉันไม่ใช่พวกไปดูหนัง แต่อ่านอย่างนี้แล้วต้องไปตามหามาดูประเทืองอารมณ์หน่อย ยังตามอ่านอยู่เสมอนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|