ขออภัยครับ หายไปนานไปหน่อย
ขอลงข้อมูลของวัดดอกไม้กับวัดบางพึ่งเพิ่มเติมก่อนนิดนึงนะครับ
วัดดอกไม้ เดี๋ยวนี้วัดนี้อยู่ฝั่งเหนือของถนนพระราม ๓ ไม่ได้ติดแม่น้ำครับ อันนี้เป็น
บล็อกของวัดดอกไม้ ครับ มีบอกไว้หน่อยนึงว่าเป็นวัดเก่าสามร้อยกว่าปี ผมเพิ่งจะเจอว่านิราศธารถลางของนายมี (ราว ๒๓๗๐-๒๓๗๔) ผ่านเส้นทางนี้เหมือนกัน แต่ไม่ได้เอ่ยถึงวัดดอกไม้ครับ
วัดบางพึ่ง เว็บจังหวัดสมุทรปราการ ให้รายละเอียดไว้น่าสนใจดังนี้
วัดบางพึ่ง ตั้งอยู่ที่บ้านบางพึ่ง ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย
วัดบางพึ่ง สร้างเมื่อ พ.ศ.2347 คนส่วนใหญ่มีเชื้อสายจีนผสมไทย อุโบสถสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นแบบศิลปะจีนประดับด้วยเครื่องเบญจรงค์ วัดบางพึ่งได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2378
ทีนี้มาที่แถวปากลัด
ว่ากันว่าคลองลัดโพธิ์ถูกขุดขึ้นในรัชกาลพระเจ้าท้ายสระ ผมไม่ทราบว่ามีหลักฐานแน่นอนหรือไม่ แต่พงศาวดารฉบับราชหัตถเลขาไม่ได้เอ่ยถึงการขุดคลองนี้ ยังไม่ได้ไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมครับ
พงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาตอนหนึ่งความว่า
ในปีมะโรง ฉศก (พ.ศ. ๒๓๒๗) ... ครั้งนั้นคลองขุดปากลัดนั้นกว้างออก และน้ำทะเลขึ้นแรงเค็มขึ้นมาถึงพระนคร ครั้นถึง ณ วันศุกร์ เดือน ๓ ขึ้น ๑๑ ค่ำ จึงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์กับทั้งกรมพระราชวังหลัง และเจ้าต่างกรมทั้งปวงพร้อมกันเสด็จโดยทางชลมารคลงไปปิดคลองปากลัด ดำรัสให้เกณฑ์ข้าราชการขนมูลดินและอิฐหักถมทำนบกั้นน้ำ แล้วให้เกณฑ์กันขึ้นไปรื้ออิฐกำแพงกรุงเก่า บรรทุกเรือลงมาถมทำนบจนสูงเสมอฝั่ง และน้ำเค็มจะไหลขึ้นมาทางคลองปากลัดนั้นมิได้ ไหลไปแต่ทางแม่น้ำใหญ่เป็นทางอ้อม ก็มิสู้เค็มขึ้นมาถึงฝั่งพระนคร ราษฎรทั้งหลายได้รับพระราชทานน้ำจืดเป็นสุขทั้งสิ้น เป็นอันว่าคลองลัดโพธิ์ถูกปิดไปต้นรัชกาลที่ ๑ นี่เอง ผมเข้าใจว่าการปิดคลองปากลัดนั้นใช้วิธีถมกั้นเฉพาะทางฝั่งใต้ เมื่อน้ำผ่านไม่ได้ นานไปตะกอนก็สะสมจนคลองตื้นเขินไปทั้งคลองครับ
หลังจากปิดคลองลัดโพธิ์ไปในสมัย ร.๑ เป็นอันว่าทางลัดที่เคยใช้ลัดประหยัดระยะทางได้ถึง ๑๗ กม.ก็ไม่มีอีกแล้ว ยิ่งพิจารณาว่าระยะทางจากปากคลองบางกอกใหญ่มาถึงลัดโพธิ์นี่แค่ราว ๑๒-๑๓ กม.เท่านั้นเอง คงจะพอเห็นความสำคัญของคลองนี้นะครับ
แต่ธรรมชาติหรือจะสู้สติปัญญามนุษย์ได้ มาถึงรัชกาลที่ ๒ มีรับสั่งให้กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ลงไปสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์ในพ.ศ. ๒๓๔๘ ได้ขุดคลองลัดหลวงในคราวนั้นด้วย ดูภาพถ่ายทางอากาศแล้วต้องชมเชยสติปัญญาคนที่กำหนดเส้นทางคลองลัดนี้ คลองลัดหลวงยาวเกือบ ๓ กม. ลัดได้ ๒๐ กม. ประหยัดไป ๑๗ กม.ใกล้เคียงกับเดิม แต่เนื่องจากคลองนี้ค่อนข้างยาวและมีส่วนขยักทางด้านใต้ น่าจะทำให้น้ำไหลผ่านไม่สะดวกนัก ไม่เกิดปัญหาคลองถูกกัดเซาะจนขยายกว้างเหมือนลัดโพธิ์ น้ำทะเลก็ขึ้นมาผ่านคลองนี้ได้น้อย ในขณะที่ยังสามารถใช้สัญจรได้
ตลอดแนวคลองลัดหลวงมีวัดเรียงรายหลายวัดตามแนวคลอง ล้วนแล้วแต่เป็นวัดมอญ เพราะทรงให้ครัวมอญมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองนี้ ศูนย์กลางของนครเขื่อนขันธ์อยู่ทางด้านใต้ของแผ่นดินระหว่างคลองลัดหลวงกับลัดโพธิ์
นครเขื่อนขันธ์เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองพระประแดงในสมัยรัชกาลที่ ๖ ครับ เป็นอันว่าชื่อพระประแดงได้ขยับจากตำแหน่งเดิมซึ่งเป็นเมืองโบราณสมัยขอมเรืองอำนาจมาอยู่ที่นครเขื่อนขันธ์ในช่วงเวลานี้เอง
ส่วนเมืองพระประแดงเก่านั้น พงศาวดารว่าพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงให้รื้อไปสร้างกำแพงเมืองธนบุรีครับ
จากแผนที่ข้างต้นซึ่งได้มาจาก PointAsia.com เป็นภาพทางอากาศที่ค่อนข้างเก่า เพราะสะพานวงแหวนอุตสาหกรรมนี้เปิดใช้มานานพอสมควรแล้ว ในภาพจะเห็นเป็นแนวก่อสร้างอยู่ คลองลัดโพธิ์จะอยู่ระหว่างแนวก่อสร้างสะพานกับวัดคันลัดเป็นแนวที่ผมระบายสีไว้ครับ
มีลิงก์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเมืองปากน้ำและชุมชนมอญบริเวณนี้ดังนี้ครับ
http://www.paknam.com/thai/history.htmhttp://www.monstudies.com/show_content.php?topic_id=36&go_link=all_article.php&query=ถึงตรงนี้เชิญอภิปรายกันก่อนครับ หมดข้อข้องใจแล้วเราจะพายเรือเข้าคลองสำโรงกัน