เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8
  พิมพ์  
อ่าน: 32089 เปิดกรุดาราคลาสสิกของฮอลลีวู้ด(๙)
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 90  เมื่อ 05 ต.ค. 07, 19:06

ดาราก็สังขารไม่เที่ยงเหมือนกันละน่า


บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 91  เมื่อ 05 ต.ค. 07, 19:26

J = จำนรรจ์
S = สุรางค์
L = ลาวัณย์

มีเรื่องน่านินทาคือ ในรัฐบาลที่แล้ว
บริษัทฯ ส่งคนไปเป็นกรรมการจัดสรรคลื่นความถี่ด้วย
ซึ่งน่าประหลาดมาก คนรับ(สัม)ประทาน จะไปควบคุมการปล่อยสัม(รับ)ประทาน เสียเอง

แต่เขาก็อ้างร้อยแปดจนได้เป็น โชคดีที่มีเหตุต้องล้มการเลือกสรรนั้น

ผมชอบดูอุโมงค์มหัศจรรย์ เพราะอยากเห็นความไม่สมเหตุผล
แต่บางครั้งก็ชวนเราเคลิ้มไปกับความน่าจะเป็น....เหมือนกันครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 92  เมื่อ 05 ต.ค. 07, 20:21

JSL =
Journal of Symbolic Logic
Japanese Sign Language
Japanese as a Second Language
Japan Soccer League
Jefferson Swim League
Java Search Library
Java Service Launcher
etc.
********************************
จากค.ห. 59
อ้างถึง
น้องที่เล่นผูกขาดเป็นนางเอก ไม่เคยเปลี่ยนบุคลิก ส่งเสียงอย่างไร ปรายตาอย่างไร
ทำตาโตใสบริสุทธิ์อย่างไร ใส่เสื้อผ้าแบบใหน ก็ทำอย่างนั้น ยี่สิบปี ไม่ต้องพลิกบทบาท
จนเธอต้องเกษียณ(เสียที) ให้มาเป็นพิธีกร ก็เห็นอยู่โต้งๆ ว่าไม่มีความสามารถ แม้จะเปิดป้ายรางวัล
เธอก็ยังได้งาน

ทั้งหมดเป็นรสนิยมส่วนตัว ไม่เกี่ยวกะเรตติ้ง

คุณพิพัฒน์ไม่ค่อยได้ดูละคร   ถึงไม่รู้ว่าเขาเลือกพระเอกนางเอกกันยังไง  จะอธิบายก็คงไม่เชื่อ
พอดีไปเจอกระทู้หนึ่ง น่าสนใจ  ลองอ่านดูนะคะ  แล้วจะเห็นตัวอย่างของแนวคิดการเลือกพระเอกนางเอก โดยคนดูล้วนๆ ไม่ใช่ผู้บริหาร
ถ้าสังเกต  ความเห็นส่วนใหญ่เลือกดาราที่หน้าตา และบุคลิกการลุกนั่งเดินเหิน    น้อยมากที่เน้นถึงฝีมือ
พอจะถือเป็นสุ่มตัวอย่างได้ไหม
มติของมหาชนเป็นยังไง มติของผู้บริหารก็เป็นยังงั้น - ดิฉันเชื่อตามนี้นะคะ
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5866701/A5866701.html
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 93  เมื่อ 05 ต.ค. 07, 21:27

Jกับ Lนั้นถูกต้องแล้วค่ะ คุณพพ. แต่Sนั้น เดิมเป็นสมพงษ์ค่ะ ที่ตอนหลังแยกมาทำทีวีธันเดอร์
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 94  เมื่อ 05 ต.ค. 07, 21:50

พูดกันตามจริง ผมมิได้รังเกียจเรื่องผูกขาดเป็นพระเอกนางเอกเท่ากับที่ ผู้สร้าง "ดักดาน" คิดแทนชาวบ้านว่า
ชาวบ้านชอบแบบนี้

จะอ้างอะไรก็ตาม ผมก็ยังคงท่องคาถาศักดิ์สิทธิ์ของผมว่า
มีคนบางคน ไม่ลดตัวลงทำของห่วย ผมเคยเห็นคนอย่างนี้
และเชื่อว่า จนถึงทุกวันนี้ ท่านเหล่านั้น ก็ยังรุ่งเรืองดีอยู่

แต่จะมีคนหัวดีบางคน เอาของดีของคนอื่นมาทำให้"ห่วย"
แล้วอ้างว่า ชาวบ้านไม่ชอบอย่างนู้นอย่างนี้
ผมคิดว่า เมื่อรวยมาจากเงินทองของชาวบ้าน
จิตใจสำนึกบุญคุณ ต้องมีอยู่บ้าง ต้องรู้ว่า การยัดเยียดของเสียให้ชาวบ้านทุกวัน ติดต่อกันเป็นสามสิบปี
มันเลวร้ายเกินคน

ถ้าใช้มาตรฐานมติมหาชน คนที่เปิดอาบอบนวดก็ไม่เห็นน่าจะไปตำหนิเขา
กฏหมายก็อนุญาต ชาวบ้านก็เดินมาหาเขาเอง เขาไม่ได้เอาธุรกรรมไปส่งมอบให้ถึงห้องนั่งเล่นซะเมื่อไร

พูดมากเกินไปซะแล่ว
บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 95  เมื่อ 05 ต.ค. 07, 23:39

ไม่ได้รู้จักเจ้าแม่เจ็ดสีเป็นส่วนตัว และไม่เสพละครช่องไหนตายตัวเพราะเวลาว่างจะเอาไปทำอย่างอื่นมากกว่าเปิดทีวีทุกวัน
ยอมรับว่า ละครแบบที่เธอเลือกเรื่องมานั้น ต้องชาวบ้านชอบเป็นหลัก รสชาติเด็ดเผ็ดมัน ชีวิตโลดโผนโจนทะยาน
ผู้กำกับก็สไตล์ดาราวิดิโอ
คุณเจ้าแม่ท่านคอมเมนต์เก่ง เรื่องอะไรที่พูดถึงแล้วมักไม่พลาด
เจ้าแม่แบงก์ไปเทคโอเวอร์ ก็ยัง้ต้องให้เกียรติ หาคนที่ดูเหมือนว่าจะตล๊าด ..ตลาดมาทำแล้ว ก็ยังสู้เจ้าแม่ผมม้าไม่ได้
จัดว่า เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ เข้าใจตลาด ลึกซึ้งในเรื่องกลุ่มเป้าหมาย
มีอิทธิพลในการปั้นดาราให้อยู่ในความนิยม เมื่อปั้นได้ ก็ฆ่าได้เช่นกัน
...
ใครไม่รู้ด่าผมม้า ทรงอมตะนิรันดรกาลของเธอ..
แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่าเธอจะไว้ผมทรงอะไร ไม่สวยแค่ไหน ในกะโหลกเธอมันก็ไม่บรรจุขี้เลื่อยหรอกค่ะ คุณพพ.
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 96  เมื่อ 05 ต.ค. 07, 23:53

ชัวร์......ผมยอมรับครับเรื่องนั้น
แต่เก่งไม่กลัว

กลัวคนดีอ่ะ........แต่.....
ขอท้วงจี๊ดดดดนึงคะร๊าบบบบบ
ผมยังไม่เคยเห็นเธอปั้นดารามาสักคนเลย มีแต่นักแสดง
แสดง   ....แสดง....   แสดง

ผมเคยเห็นคุณผู้หญิงที่ชอบเล่นบทเนื้อหนังมังสา...อ้อ คุณดาริน
เธอเล่นละคอนเรื่องหนึ่ง เล่นเก่งจนผมอดงงไม่ได้
สุดถนนบนทางสายเปลี่ยว....กระมัง
(ยกเว้นการออกเสียง ที่เธอต้องฝึกลูกกระเดือกให้มีพลังอีกหน่อย นอกนั้นเปอร์เฝคจริงๆ)

อย่างนี้ละครับ ที่ผมคิดว่า เป็นการสร้างขึ้นมา
การสร้างอะไรขึ้นมาสักอย่าง มันต้องการมากกว่าลางสังหรณ์ และการยัดเยียด
มันต้องการระบบมารองรับ และระบบนั้น ต้องเปิดกว้างให้รุ่นใหม่ ผ่านเข้ามาเพื่อใช้ประโยชน์
ผมไม่ชอบระบบแม่มดหมอผี ที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง พูดแต่คำว่า เชื่อฉันแล้วดีเอง
เป็นเหมือนซ่องโจร ที่หัวหน้าแก๊งค์เดินรถทางเดียว ไม่มีใครขวางได้
สุดท้ายซิ่งสยอง พาลูกน้องตายยกรัง

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 97  เมื่อ 06 ต.ค. 07, 08:44

อ้างถึง
การสร้างอะไรขึ้นมาสักอย่าง มันต้องการมากกว่าลางสังหรณ์ และการยัดเยียด
มันต้องการระบบมารองรับ และระบบนั้น ต้องเปิดกว้างให้รุ่นใหม่ ผ่านเข้ามาเพื่อใช้ประโยชน์
ผมไม่ชอบระบบแม่มดหมอผี ที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง พูดแต่คำว่า เชื่อฉันแล้วดีเอง
เป็นเหมือนซ่องโจร ที่หัวหน้าแก๊งค์เดินรถทางเดียว ไม่มีใครขวางได้
สุดท้ายซิ่งสยอง พาลูกน้องตายยกรัง

ความเห็นของคุณพพ. ดิฉันรู้สึกว่าเป็นตัวอย่างสูตรสำเร็จการวิจารณ์ที่ใช้ได้กว้างขวางเกือบครอบจักรวาล  ไม่ว่าวงการอะไร ในประเทศไหน   น่าจะใช้ได้หมด   
ลองสมมุติว่าเอาไปใช้กับพรรคการเมือง (พรรคไหนก็ได้ไม่ระบุชื่อ)

"การจะสร้างพรรคการเมืองให้เจริญขึ้นมา  มันต้องการมากกว่าลางสังหรณ์ และการยัดเยียดผู้สมัครกลุ่มเดิมๆให้ประชาชนเลือก
มันต้องการระบบมารองรับ และระบบนั้น ต้องเปิดกว้างให้รุ่นใหม่ ผ่านเข้ามาเพื่อใช้ประโยชน์
ผมไม่ชอบระบบแม่มดหมอผี ที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง หัวหน้าพรรคพูดแต่คำว่า เชื่อฉันแล้วดีเอง
เป็นเหมือนซ่องโจร ที่หัวหน้าแก๊งค์เดินรถทางเดียว ไม่มีใครขวางได้
สุดท้ายซิ่งสยอง พาลูกน้องตายยกรัง"

เปลี่ยนใหม่ เอาไปใช้กับบริษัทเอกชน(กิจการอะไรก็ได้)

"การสร้างบริษัทให้เจริญก้าวหน้า  มันต้องการมากกว่าลางสังหรณ์เรื่องวางแผนมาร์เก็ตติ้ง และการยัดเยียดสินค้าให้ผู้บริโภคผ่านอัดโฆษณาเข้าไป
มันต้องการระบบมารองรับ และระบบนั้น ต้องเปิดกว้างให้พนักงานรุ่นใหม่ๆ ผ่านเข้ามาเพื่อใช้ประโยชน์
ผมไม่ชอบระบบแม่มดหมอผี ที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง    กรรมการผู้จัดการพูดแต่คำว่า เชื่อฉันแล้วดีเอง
เป็นเหมือนซ่องโจร ที่หัวหน้าแก๊งค์เดินรถทางเดียว ไม่มีใครขวางได้
สุดท้ายซิ่งสยอง พาลูกน้องตายยกรัง"

อีกที  เอาเป็นสถาบันการศึกษา

"การสร้างความก้าวหน้าให้สถาบัน  มันต้องการมากกว่าลางสังหรณ์ของผู้บริหารว่าควรจะมุ่งไปทางไหน และการยัดเยียดคณะใหม่ๆให้เปิดขึ้นมา
มันต้องการระบบมารองรับ และระบบนั้น ต้องเปิดกว้างให้บุคลากรรุ่นใหม่ ผ่านเข้ามาเพื่อใช้ประโยชน์
ผมไม่ชอบระบบแม่มดหมอผี ที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง ผู้บริหารพูดแต่คำว่า เชื่อฉันแล้วดีเอง
เป็นเหมือนซ่องโจร ที่หัวหน้าแก๊งค์เดินรถทางเดียว ไม่มีใครขวางได้
สุดท้ายซิ่งสยอง พาลูกน้องตายยกรัง"

เป็นคำวิจารณ์กลางๆ ที่ไม่เปิดโอกาสให้ใครแย้งได้ เพราะไม่มีหลักฐานรองรับเลยว่า มันเป็นจริงมาแต่แรกหรือเปล่า และจะเป็นจริงตามคาดคะเนตอนท้ายได้หรือไม่
มันอาจจะกลับตาลปัตรเป็นตรงกันข้ามก็ได้    ไม่มีทางรู้ทั้งสองทางค่ะ
*******************************
มาถึงเรื่องใหม่  Land of the  Giants (1968-70)
หนังชุดไซไฟเรื่องนี้สร้างโดยเออร์วิง แอลเลน ที่ทำหนังชุดไซไฟดังมาก่อนหน้านี้ ชื่อ Lost in Space  พอ LIS จบลงเขาก็มาทำเมืองคนยักษ์
เนื้อเรื่องคล้ายๆ LIS ค่ะ คือเป็นการหลงทางของคนกลุ่มหนึ่งไปอยู่บนดาวอีกดวง
ขึ้นต้น บอกว่าเป็นอนาคตปี 1983  มียานอวกาศพาณิชย์ลำหนึ่งบินจากแอลเอไปลอนดอน  แต่เจออากาศแปรปรวนอย่างแรงกลางทาง ทำให้พลัดเข้าไปในรูหนอน (wormhole) อวกาศ จึงทะลุมิติไปตกบนดาวอีกดวง 
หน้าตาดินแดนนั้นเหมือนสหรัฐอเมริกาไม่มีผิด   แต่ว่ามีขนาดใหญ่กว่าถึง ๑๒ เท่า    นักบินและผู้โดยสารรวมหกหรือเจ็ดคนก็เลยกลายเป็นมนุษย์ตัวจิ๋ว    ต้องหลบเร้นยักษ์ไม่ให้เห็น  มิฉะนั้นจะถูกจับตัวไป
ความตื่นตาตื่นใจอยู่ที่ฉาก  ซึ่งจะต้องจัดข้าวของประกอบฉากให้ได้สัดส่วนขนาดยักษ์  ให้แนบเนียนน่าเชื่อถือ





บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 98  เมื่อ 06 ต.ค. 07, 09:16

เรื่องนี้ได้แนวมาจากอมตะวรรณกรรมเยาวชน  เรื่อง Gulliver's Travels  ตอนกัลลิเวอร์พลัดเข้าไปในเมืองคนยักษ์
เมื่อเอามาทำหนังชุด   ผู้เขียนบทพยายามสอดแทรกเนื้อหาสาระเข้าไปในเรื่องเท่าที่ทำได้    แต่ก็ไม่ค่อยคล่องตัวนัก    เพราะจุดเด่นของเรื่องคืออุปกรณ์ฉากขนาดยักษ์เสียมากกว่า   
นอกจากนี้เจอปัญหาว่าฉากส่วนใหญ่ต้องถ่ายทำในห้องส่ง   ตัวเมืองยักษ์แท้ๆไม่ค่อยมีให้เห็น เพราะวางพล็อตไว้ว่าเป็นเมืองหน้าตาเหมือนสหรัฐอเมริกาเสียแล้ว   ไปถ่ายทำเมืองจริงๆมาก็ไม่น่าตื่นตาตื่นใจ
เนื้อเรื่องก็จะวนเวียนอยู่กับพระเอกกับพวกหลบหนีจากยักษ์  ซ่อมยานเพื่อหนีกลับโลกไม่สำเร็จเสียที จนตอนสุดท้าย
จนแล้วจนรอดก็ไม่รู้ว่าดาวคนยักษ์นี้อยู่อีกมิติ  หรืออยู่ในจักรวาลมิติเดียวกัน

ดาราที่เล่นค่อนข้างโนเนมค่ะ   พระเอกหล่อล่ำแบบฮอลลีวู้ดนิยม    ชื่อ Gary Conway เป็นนายแบบโฆษณามาก่อน    และไปถ่ายแบบนู้ดทีหลัง
หนังเรื่องนี้จบลงแค่ใน ๒ ปี  นักแสดงแยกย้ายกันไป    แกรี่ไปทำงานหลังกล้อง แล้วอำลาวงการไปทำธุรกิจไร่องุ่นอยู่จนทุกวันนี้   


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 99  เมื่อ 06 ต.ค. 07, 10:18


      สมัยนั้นก็ติดตามท่องกาลเวลาไปกับอุโมงค์มหัศจรรย์กับเขาด้วยครับ หนังทีวีแนวเดียวกันอีกเรื่องหนึ่งที่โด่งดังมากในยุคนั้น
คือ Doctor Who (1963) 
      เรื่องเมืองคนยักษ์ ช่วงแรกชอบเพราะสนุกและตื่นตากับข้าวของขนาดใหญ่ยักษ์ ดินสอ โต๊ะ โทรศัพท์ กล่อง ครับ แต่ดูไปนานๆ
ก็ซ้ำๆ ไม่เหมือนโลกพิศวง Lost in Space ที่เป็นเหตุการณ์บนดาวอันไกลโพ้น เปิดโอกาสให้มีอาคันตุกะแปลก ใหม่จากต่างดาว
มาเยี่ยมเยือนไม่ขาดสาย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 100  เมื่อ 06 ต.ค. 07, 14:25

ทำไมดิฉันไม่คุ้นหูกับ Dr.Who   แปลกใจ  ::)เดี๋ยวจะไปค้นดูสักที
ตั้งใจว่ากระทู้นี้จะส่งท้ายด้วย "แดนสนธยา" Twilight Zone(1959)  หนังทีวีในดวงใจของผู้ดูจำนวนมหาศาลเกือบห้าทศวรรษ

เป็นหนังชุดที่พลิกผันการสร้างหนังชุดในทีวี ตั้งแต่ก่อนออกโรงด้วยซ้ำ    เพราะร็อด เซอร์ลิง ผู้เขียนบทและผู้สร้างเคยเขียนไว้ ๑ ตอนล่วงหน้าแล้ว   กลับถูกหมกใต้ลิ้นชักไปเฉยๆเพราะผู้บริหารไม่เข้าใจความแปลกแหวกแนว  เกรงว่าจะขายไม่ออก

๒ ปีเต็มถึงมีคนเห็นแววของแก้วดวงนี้  ไปปัดฝุ่นเอาโครงการขึ้นมา   พอออกอากาศก็เปรี้ยงใหญ่ราวกับพลุ    คนดูทั่วประเทศหลงใหลกับจินตนาการบรรเจิด ทั้งลึกลับ แปลกประหลาด เชิงวิทยาศาสตร์ เชิงไสยศาสตร์ เชิงปรัชญา เชิงสัญลักษณ์ และเชิงอะไรต่อมิอะไรอีกหลายตอนที่พิสูจน์ให้เห็นว่าจินตนาการของมนุษย์ไม่มีขอบเขตจำกัด ยิ่งกว่าขอบจักรวาลเสียอีก

นี่ค่ะ  รูปของร็อค เซอร์ลิง  ราชาแห่งแดนสนธยา ตัวจริง


บันทึกการเข้า
กุ้งแห้งเยอรมัน
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1573



ความคิดเห็นที่ 101  เมื่อ 06 ต.ค. 07, 15:50

เป็นเรื่องดังของช่อง๔ เชียวค่ะ ต้องนั่งหน้าจอรอตอนดึก ชอบก็ชอบ บางทีก็กลัว และคิดฉงนตามไปด้วย..
กลายเป็นที่มาของฉายาช่องนี้ ว่าเป็นแดนสนธยาหลังจากเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองภายในและภายนอกไม่หยุดที่มีต่อช่องนี้ และคงจะเป็นต่อไป เพราะ..นี่คือ
แ ด น
ส น ธ ย า 
.....
บันทึกการเข้า
caeruleus
ชมพูพาน
***
ตอบ: 155


ความคิดเห็นที่ 102  เมื่อ 07 ต.ค. 07, 04:49

Dr Who เป็นละครโทรทัศน์ของประเทศอังกฤษค่ะ ผลิตโดยสถานีบีบีซี

เริ่มฉายครั้งแรกเมื่อปีค.ศ.1963 จนถึงปี 1996
ผู้แสดงเป็น ด็อกเตอร์ คนแรกคือ วิลเลี่ยม ฮาร์ทเนล

ตอนนี้บีบีซีก็เพิ่งนำเรื่องนี้มาปัดฝุ่นใหม่ โดยผู้แสดงนำในซีซั่นแรกคือ คริสโตเฟอร์ เอ็คเคิลสตัน (Christopher Eccleston)
ส่วนปีต่อๆมาเป็น เดวิด เทนเนนท์ (David Tennant)

ตอนนี้ซีซั่น์ 3 เพิ่งจะจบไป ดิฉันก็กำลังรอตอนต่อๆไปอย่างใจจดใจจ่อ

ออกนอกเรื่องมานานแล้ว ขอคืนเวทีให้ท่านผู้รู้เรื่องหนัง/ละครเก่าๆต่อดีกว่าค่ะ
บันทึกการเข้า
elvisbhu
แขกเรือน
พาลี
****
ตอบ: 215

เป็นคนเขียนรูป


ความคิดเห็นที่ 103  เมื่อ 07 ต.ค. 07, 08:45

เพิ่งเคยเห็นครีเอทีฟของหนังชุดที่ผมไม่มีวันลืม...ขอบคุณอาจารย์เทาชมพูครับ
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 104  เมื่อ 07 ต.ค. 07, 10:03

          ขอกล่าวถึงเขาสักหน่อยครับ
          Doctor Who และคณะท่องกาลเวลาโดยยานรูปร่างตู้โทรศัพท์ เมื่อเริ่มตอนคณะจะเดินทางมาถึง
somewhere in time ที่ใหม่ พร้อมกับตัวเลขบอกเวลาที่ยานจะเคลื่อนออกจากกาลนั้น คนดูก็ต้องลุ้นตอนท้ายเรื่องให้สมาชิก
ในคณะที่ติดพันอยู่ในเหตุการณ์สักอย่างวิ่งหน้าตั้งกลับมาให้ทันเวลาเครื่องออก

         เห็น version ใหม่มีคนพูดถึงในเว็บต่างแดน น่าสนใจนะครับ season แรกมี คริส จากหนังอังกฤษที่ชอบอย่างเช่น Jude,
Elizabeth นำแสดงด้วย

         
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.063 วินาที กับ 19 คำสั่ง