มีหลายประเด็นงอกเงยขึ้นมา ล้วนแต่น่าคิดต่อ
ของป้ากุนเรื่องความสถาวรของรสนิยม หรือแท้จริงคือความฉาบฉวยแห่งคุณค่า
ของคุณติบอเรื่องรสนิยมสร้างใหม่ หรือรสนิยมโดยมรดก
ของคุณบานาเรื่องผมเข้าใจ แต่ผมไม่ชอบ
และ ......คุณกุ้งแห้ง เรื่องแบรนด์ข้า มิใช่แบรนด์ท่าน ท่านอย่าเกี่ยว
ดูท่าห้างของผม จะมีแต่ของดีหามีแบกะดินไม่....ฮิฮิ
อย่างไรก้อดี เอ...รึว่าเลวก้อม่ายรุ
ผมยังยืนหยัดที่ความฝังใจ ณ จุดตั้งต้นที่ว่า เอาของเลว มาขายเป็นของดี ทำได้งัยยย

??
จตุคาม ฤาจะเทียบชั้นพระสมเด็จ
แต่.....ในประเทศพิลึกแห่งหนึ่ง ก็ทำกันจนจะเข้าไกล้กันทุกขณะ
ขอแย้งคุณบานาสักนิดนะครับ ที่ท่านพรรณามานั้น หาแบกะดินไม่เป็นของดีทีเดียวแหละ
ทั้งปลาร้าเอย สาโทเอย หากจะนำขึ้นห้างกระผม ก็ยินดีกวาดพ่อนักเดิน พ่อตราดำ
หรือพ่ออะไรๆ ที่ล้วนแต่เป็นเครื่องดองออกจากชั้น เปิดทางให้อย่างเต็มใจ
เพราะต่างก็ล้วนทำคนให้กลายเป็นสุนัขเมื่อยามเมาได้เท่ากัน
ส่วนรูปที่ท่านไม่ชอบนั้น คิดเสียว่า เรานั่งรถไปโดยมีโชเฟ่อร์ที่ขับเร็วเกินจะรับได้ และอาจพาคนทั้งคันรถไปสู่อบายภูมิ
หากจะเตือน ส่งเสียงเบาๆ ท่านคงจะมิฟัง อันที่จริงควรจะ "ดีด" ท่านลงไปเสียด้วยซ้ำ
การตะโกนดังๆ เพื่อห้ามปรามอาจจะยังน้อยไป
นี่หากย้อนเวลาไปถึงปี 2311-2325 ภิกษุกาทั้งหลายเห็นจะได้เกิดใหม่
(เอ หรือว่านี่เป็นพวกนั้นมาเกิดใหมแล้วหว่า)
ส่วนป้ากุนนั้น หากท่านลากตำราแสนขมเรื่องปรัชญามา ผมคงต้องปิดห้างหนี.....แหะๆ
เรื่องของดี มีวันเสื่อมหรือไม่
ผมว่าคิดตามประสาโง่ก็ตอบได้ว่า เมื่อเสื่อมได้ ก็ต้องไม่ใช่ของดีแท้น่าซี
ในโลกที่ผมอาศัยอยู่นี้ มีบางอย่างที่เห็นว่าไม่น่าจะกลายค่า เช่นเรื่องศีล 5 เรื่องการสำนึกพระคุณ
เรื่องเสียสละ ซึ่งล้วนแต่ละเอียดอ่อน คิดได้ยากแต่ก็เข้าใจง่าย
ง่ายกว่าเรื่องหยาบๆ ประเภทศิลปะสวยงามหรือไม่อย่างไร
ในศิลปะนั้น เรามีเครื่องมือง่ายๆ ที่เอาไว้สับดูเนื้อในของมัน ก็คือลองถามใส่งานว่า
ที่ท่านทำมานี้ ท่านได้ประโยชน์หรือคนดูได้ประโยชน์
อะไรที่ไม่สร้างประโยชน์แก่ผู้อื่น ก็เป็นเพียงรสนิยมได้ละกระมัง