อิอิ.....เข้ามาในนี้ดันมาเห็นหลวงตาเมารักซะแล้ว
ผมเชื่อนะว่าในยุคกวีรุ่งโรจน์ จอมกวีในยุคนั้นต้องมีไม่น้อยเชียว แบบว่าอาจจะคล้าย อาร์เอส แกรมมี่ เบเกอรี่ ฯลฯ แบเป็นสำนักต่างๆ หรืออยู่วังต่างๆที่เจ้านายทั้งหลายก็คงต้องหามาประดับบารมี เหมือนกับที่เที่ยวหายอดฝีมือดนตรีมาประดับตัวนั่นล่ะครับ
แต่ผมเชื่อที่สุดเลยนะครับ ส่งที่ศิลปินไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหนก็ตาม ไม่มีวันที่จะยอมเลียนแบบหรือเอาทางผู้อื่นมาเป็นของตนเอง(ยกเว้นสำนักเดียวกัน) ไม่ว่าจะแขนงไหนก็ตาม ต่างก็ต้องมีลายมือของตัวเองทั้งนั้น อันนี้เรียกทิฏฐิศิลปินก็ว่าได้ ต่างคนก็มักเอาทางของตนมาประชันหรือโชว์ โดยให้เด่นหรือเหนือผู้อื่นในทางของตน ลองศึกษาดูได้ครับในศิลปะทุกแขนง เหมือนรูปวาด ของโกแกง ปิคาสโซ่ อ.จักรพันธ์ อ.ปรีชา จะชัดเจนครับ
และนี่ก็เป็นอีกอย่างครับที่เป็นลักษณะเด่นของท่านมหากวี นอกจากจินตนาการแล้ว ทางของท่านท่านจะรักษารูปแบบ แบบไปอยู่ตรงไหนก็จะบอกยี่ห้อว่าเป็นท่าน แม้แต่คำที่นิยมใช้ แต่นี่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกครับที่จะฟันธง
ตอนนี้เหลืออยู่ว่าตำนานหลวงตา กับแนววิเคาะห์ของท่านสีกาเทาชมภู เวลาของใครจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด แต่เท่าที่ทราบตามประวัติโดยรวม ยุคทองของกวีคือสมัยรัชกาลที่สองครับ อันนี้ยากจะหักล้าง เพราะผลงานมากมายที่เกิดในยุคนี้เป็นข้อยืนยัน .................
