ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปิ่นเกล้า พระพุทธเจ้าหลวงบำรุงซึ่งกรุงศรี
ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว
โอ้พระคุณสูญลับไม่กลับหลัง แต่ชื่อตั้งก็ยังอยู่เขารู้ทั่ว
โอ้เรานี้ที่สุนทรประทานตัว ไม่รอดชั่วเช่นสามโคกยิ่งโศกใจ
สิ้นแผ่นดินสิ้นนามตามเสด็จ ต้องเที่ยวเตร็ดเตร่หาที่อาศัย
แม้นกำเนิดเกิดชาติใดใด ขอให้ได้เป็นข้าฝ่าธุลี
สิ้นแผ่นดินขอให้สิ้นชีวิตบ้าง อย่ารู้ร้างบงกชบทศรี
เหลืออาลัยใจตรมระทมทวี ทุกวันนี้ก็ซังตายทรงกายมาฯ
ยังไงก็นิราศเรื่องนี้ท่านรำพันถึงล้นเกล้า รัชกาลที่ ๒ แน่นอนครับ ตั้งแต่ต้นเรื่องหรือกลอนที่ยกมานี่ก็ใช่ เพราะตามประวัติของสามโคกก็กล่าวว่า รัชกาลที่ ๒ ประพาสเมืองสามโคก รษฎรได้นำบัวมาถวายเป็นจำนวนมาก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า เมืองประทุมธานี
ถึงเขมาอารามอร่ามทอง พึ่งฉลองเลิกงานเมื่อวานซืนฯ
อันนี้ไม่แน่ชัดครับว่าฉลองอะไร งานฉลองที่วัดถือเป็นปกติครับ ส่วนเขมาอารามอร่ามทอง กลอนน่ะครับก็ต้องสวยวิจิตรเป็นธรรมดา แล้ววัดนี้เป็นวัดหลวงแต่สมัยกรุงศรีฯด้วย ก็ต้องสวยงามกว่าวัดราษฎร์ธรรมดาอยู่แล้ว
โอ้ปางหลังครั้งสมเด็จพระบรมโกศ มาผูกโบสถ์ก็ได้มาบูชาชื่น
ชมพระพิมพ์ริมผนังยังยั่งยืน ทั้งแปดหมื่นสี่พันได้วันทา
โอ้ครั้งนี้มิได้เห็นเล่นฉลอง เพราะตัวต้องตกประดาษวาสนา
แปลทื่อๆเลยนะครับ เมื่อแต่ก่อนครั้งสมเด็จฯมาผูกพัทธสีมา ก็เคยตามเสด็จมาทำบุญด้วย ได้ชมพระพิมพ์ที่ผนัง แต่ครั้งนี้ไม่ได้มางานฉลองที่วัดนี้ เพราะตัวเองไม่มีวาสนา
ผูกโบสถ์ ผมถามผู้พอรู้ที่นอนข้างๆผม(อีกแล้ว) เธอบอกผมว่า หมายถึงการผูกพัทธสีมา เป็นสังฆกรรมด้วย นิยมทำกันหลังจากสร้างอุโบสถเสร็จ หรือทำการรื้อและปฏิสังขรณ์ใหญ่เสร็จอาจทำให้นิมิตที่แสดงเขตเคลื่อน เลยต้องทำการกำหนดเขตใหม่หรือผูกพัทธสีมาใหม่ อืม... อันนี้น่าคิด เพราะตามประวัติจริงๆ มีงานใหญ่ๆเพียงสองครั้ง ใน พ.ศ. ๒๓๗๑ ครั้งหนึ่ง (ซึ่งรัชกาลที่ ๒ สวรรคต พ.ศ.๒๓๖๗) อีกครั้งก็ใน พ.ศ.๒๔๐๖ คุณพิพัฒน์ทำให้ผมต้องปวดเฮดอีกแล้ว ถ้ามีการฉลองที่ไม่ใช่ทั้งสองครั้งนี้ก็ไม่แน่ชัดครับ เพราะหาหลักฐานการเสด็จของรัชกาลที่ ๒ เพื่อผูกพัทธสีมา ไม่เจอครับ แต่ถ้าตามเสด็จล้นเกล้ารัชกาลที่ ๔ ก็คงต้องเป็นไปตามที่คุณพิพัฒน์ว่าล่ะครับ.........
ขออนุญาตไปหายาพารามาทานก่อนนะครับ ว่างๆจะลองหาหลักฐานอื่นมาดูไปด้วย