เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 10 11 [12]
  พิมพ์  
อ่าน: 55654 สุนทรภู่ไม่ใช่ผู้แต่งนิราศพระบาท
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 165  เมื่อ 05 ก.ย. 07, 09:07

การตกแต่งพระมณฑปที่แพรวพราวอลังการขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่รัชกาลที่ ๓ จะเป็นรัชกาลที่ ๔ หรือไงคะ

จนป่านนี้ดิฉันยังนับไม่ถูกว่าเจ้านายในนิราศพระบาท มีกี่พระองค์
ถ้านับตามสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ก็มี ๒ พระองค์
๑) พระองค์เจ้าปฐมวงศ์ พระโอรสในกรมพระราชวังหลัง  ผนวชอยู่วัดระฆังในรัชกาลที่ ๑
สันนิษฐานว่าทรงตีความจากคำว่า "พระหน่อสุริย์วงศ์พระวังหลัง "  หมายความว่าลูกกรมพระราชวังหลัง
วัดธารมา(ใหม่) อาจจะบูรณะโดยพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ก็เป็นได้
การเอ่ยถึง"พระวังหลัง" ในที่นี้แสดงว่ากวีรู้เรื่องเจ้านายพระองค์นี้ไม่มากก็น้อย  ถ้าล่วงมาถึงรัชกาลที่ ๔  กรมพระราชวังหลังเป็นเรื่องไกลตัวมากแล้ว     เจ้านายวังหลังในรัชกาลที่ ๔ ก็เหลือหม่อมเจ้าน้อยองค์  ไม่มีบารมีมากนัก
๒) เจ้าเณรน้อย  กรมพระปรมานุชิต   ซึ่งบรรพชาตั้งแต่ทรงพระเยาว์และผนวชต่อมา

ถ้าหากว่านับส่วนตัว  มี ๓ พระองค์
๑) เจ้านายของกวี องค์นี้พระนามใดไม่ทราบ แต่ผนวชอยู่วัดระฆังในช่วงเวลานั้น   
๒) เจ้าฟ้าเณร
๓) พระเจ้าแผ่นดิน  ถ้าหากว่าเจ้าฟ้าพระองค์เล็กๆเสด็จมา  น่าจะเสด็จมากับสมเด็จพระราชบิดาด้วย คงไม่มาพระองค์เดียว

เกิดปุจฉาขึ้นมาอีกแล้ว
เพิ่งนึกขึ้นได้ข้อหนึ่ง  กรมพระราชวังท่านผนวชอยู่ระยะหนึ่ง ดูเหมือนปลายรัชกาลที่ ๑  แล้วสึกออกมาทำศึก
ถ้าหากว่าเจ้านายของกวีเป็นกรมพระราชวังหลังเอง  ก็น่าจะใช้คำว่า "จอมนรินทร์เทวราชประภาษสั่ง จะกลับยังอารามเกษมสันต์"  ได้เหมาะสมกว่าหมายถึงพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ นะคะ


คำว่าจอมนรินทร์เทวราช   ปกติหมายถึงพระเจ้าแผ่นดิน    แต่พระเจ้าแผ่นดินก็ไม่มีพระองค์ไหนผนวชขณะครองราชย์
รองลงมาที่พอจะใช้คำนี้ได้ ก็คือกรมพระราชวังบวรฯ วังหน้า   และรองลงไปคือกรมพระราชวังหลัง  ถึงกระนั้นก็ต้องยกย่องกันสูงมาก
ในบรรดาเจ้านายระดับนี้  มีกรมพระราชวังหลังพระองค์เดียวเท่านั้นที่ผนวช ขณะดำรงสถานภาพเป็นกรมพระราชวังหลังอยู่
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 166  เมื่อ 06 ก.ย. 07, 10:03

ตามหลักนักสืบวิทยา ชั้นปีที่หนึ่งภาคเรียนสอง
ท่านว่า
จะจับเท็จ ต้องจับส่วนที่ดิ้นไม่หลุดก่อน

นักสืบตาถั่วอย่างผม เสนอให้รื้อพระบาทครับ....ฮี่
ดูว่าสมัยรัชกาลที่ 1 เป็นอย่างไร รัชกาลที่ 2 3 4 เป็นอย่างไร
เอาอิหยั่งงี้
ถามอาจารย์ที่กะลังหัวหมุน ให้หมุนเพิ่มว่า
ท่านคิดว่าพระบาทครั้งรัชกาลที่ 1 จะหรูเริ่ดอย่างระบุในกลอนฤา
พงศาวดารท่านจดเพียงว่า
(หลังพรรณาพระวิริยะของกรมพระราชวังเรื่องแบกตัวลำยองแล้ว ท่านจึงเล่าต่อว่า)
"จึงให้ช่างยกเครื่องบนพระมณฑปและยอดเสร็จแล้ว ให้จัดการลงรักปิดทองประดับกระจก
แล้วให้ทำพระมณฑปน้อยกั้นรอยพระพุทธบาทภายในพระมณฑปใหญ่
เสาทั้งสี่กับทั้งเครื่องบนและยอดล้วนแผ่นทองหุ้มทั้งสิ้น
และการพระมณฑปใหญ่น้อยสำเร็จบริบูรณ์แล้ว ก็เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร....."

ระหว่างงานสร้าง มีศึกใหญ่เกิดต่อเนื่อง ตั้งแต่ศึกไทรโยค ซึ่งรบกันเป็นทัพสิบหมื่น
แล้วมาต่อด้วยศึกเชียงใหม่ รวมทั้งยังมีคดีองเชียงสือเข้าแซมอีก
ผมก็ต้องขอเดาอย่างคนตาบอดว่า
การที่พระพุทธบาท เห็นจะสำเร็จเพียงพระมณฑป
อาณาบริเวณคงยังไม้ได้ปรับปรุง
หากอยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้ ก็ต้องไปหาพงศาวดารมาอ่านต่อ

ข้อนี้ คุณหนอนบุ้ง เมื่อเสร็จงานบรรพชาสามเณรสองครั้งของเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์แล้ว
คงว่างพอไปค้นเพิ่ม.....55555
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 167  เมื่อ 06 ก.ย. 07, 13:34

ผมยังหาเรื่องบรรพชา ๒๔๐๔ ไม่เจอมากไปกว่าที่เห็นในเว็บแบบไม่มีรายละเอียดและที่มาที่ไปครับ
ที่แน่ๆคือ ร.๔ และเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์เสด็จพระบาทปี ๒๔๐๓ เวลามันเหลื่อมกันอยู่

สมัยนั้นการขึ้นปีใหม่ จะเริ่มนับเดือนเมษา เสด็จช่วงเดือนสามปี ๒๔๐๓ นับแบบคนสมัยนี้ก็เป็นปี ๒๔๐๔ แล้ว แต่ข้อมูลคุณหนอนบุ้งว่าบรรพชาเดือนกรกฎา ๒๔๐๔ มันก็หลุดออกไปอีก

มันยังไงกัน  ฮืม
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 168  เมื่อ 06 ก.ย. 07, 13:52

ลืมไปครับ เชียร์ให้ผ่าออกมาดูให้รู้แร้วรู้แรดด้วยคน ข้องใจขนาดครับ  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
หนอนบุ้ง
อสุรผัด
*
ตอบ: 113


ความคิดเห็นที่ 169  เมื่อ 06 ก.ย. 07, 19:32

ผมก็ต้องขอเดาอย่างคนตาบอดว่า
การที่พระพุทธบาท เห็นจะสำเร็จเพียงพระมณฑป
อาณาบริเวณคงยังไม้ได้ปรับปรุง

แหม คุณพี่พิพัฒน์ล่ะก้อ หนอนบุ้งขอเบรกหน่อยเถอะ จี๊ดเดียวเอง อย่าเพิ่ง  โกรธ ใส่หนูนะคุณพี่ขา  ยิ้มเท่ห์

ก็แค่จะทำให้อาณาบริเวณร่มรื่น ไม่น่าจะไปยากอะไรนี่คะ
ตาสีตาสาสมัยนั้นที่ศรัทธาในพระบรมศาสนามีอยู่ดกดื่น ยิ่งงานหลวงด้วยแล้ว มีหรือจะไม่มาร่วมด้วยช่วยกัน
กับแค่จอบสองสามเล่ม เหลียมหวดหญ้าอีกสักอัน
สำทับด้วยลั่นทมสักสามสิบกิ่ง ต้นนี้ขึ้นไม่ยากนัก
รกฟ้าขานางยางตะเคียน ก็กระหน่ำซ้ำลงไป
แค่นี้แสงแดดที่ไหนจะลอดเล็ดไปถึงพื้น
แถมต้นโพธิ์อีกซัก 3 ต้น หรือต้นกร่างอีกสักหน่อยก็ไม่น่าจะยากนี่คะ
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 170  เมื่อ 06 ก.ย. 07, 20:34

ฟังคุณน้องหนูบุ้งเล่าแล้ว ดูเหมือนศิลปะวัฒนธรรมไทยออกจะง่ายๆ เหมือนขายของที่สวนจตุจักรเลยน่ะนา
คุณน้องทราบใหมครับ ว่าตระกูลจีนมีชื่อแห่งบางกอก
เพื่อจะปลูกบ้านหนึ่งหลังริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขาต้องเตรียมการอย่างไร
เขาแค่หาที่ดินแปลงหนึ่ง เพื่อปลูกอ้อยครับ ปลูกให้พอสำหรับใช้ตำปูนฉาบ
ที่เราเรียกปูนน้ำอ้อยน่ะครับ
นั่นคือหนึ่งปีล่วงหน้าครับ เพื่อสะสมน้ำอ้อย (ความจริงคือท่อนอ้อย)

แล้วปูนน่ะครับ
ไม่มีซีเมนต์ไทยหรือทีพีไออะไรเทือกนั้น
เขาก็ต้องกวาดซื้อหอยครับ หอยแครง
เก็บไว้หนึ่งภูเขา

จากนั้นก็ไปว่านายช่างมา ต้องเป็นช่างที่ไว้ใจได้ เพื่อจะมาอำนวยการก่อสร้าง ให้ถูกต้องตามคตินิยม
ที่เล่ามานี่ ยังไม่เข้าเขตเริ่มก่อสร้างเลยนะครับ

ส่วนพระพุทธบาทของคุณหนูบุ้งน่ะครับ
โบราณท่านกัลปนาทั้งอาณาบริเวณไว้กับพระบาท มีขุนโขลนเป็ฯนายบ้าน ไม่ต้องขึ้นกับใคร
ไม่มีหรอกนะครับตาสีตาสาที่จะเดินดุ่มๆ เข้ามาช่วยแผ้วถางทาง โยกย้ายหินไปวางตรงมุมที่เหมาะเจาะ
ต้นไม่ที่จะลงก็ต้องเตรียมมาไม่ให้เฉาตาย
ว่าแต่ว่า
ต้นลั่นทมนี่ สมัยรัชกาลที่ 1 มีหรือยังผมก็อยากรู้เหมือนกัน

แฮ่ม
 เจ๋ง  เจ๋ง  เจ๋ง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 171  เมื่อ 06 ก.ย. 07, 20:36

"จึงให้ช่างยกเครื่องบนพระมณฑปและยอดเสร็จแล้ว ให้จัดการลงรักปิดทองประดับกระจก
แล้วให้ทำพระมณฑปน้อยกั้นรอยพระพุทธบาทภายในพระมณฑปใหญ่
เสาทั้งสี่กับทั้งเครื่องบนและยอดล้วนแผ่นทองหุ้มทั้งสิ้น
และการพระมณฑปใหญ่น้อยสำเร็จบริบูรณ์แล้ว ก็เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร....."
คุณพิพัฒน์ตีความว่า อะไรที่ไม่ได้ระบุแปลว่ายังไม่ได้ทำ  ไม่ได้บอกว่าปูพื้นด้วยแผ่นเงิน แปลว่ายังไม่ได้ปู  ไม่ได้บอกว่าทาทองที่ผนัง แปลว่ายังไม่ได้ทา
ใช่ไหมคะ
แต่มีคำว่า"การพระมณฑปใหญ่น้อยสำเร็จบริบูรณ์" ไม่ได้รวมถึงการตกแต่งภายในด้วยหรือคะ
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 172  เมื่อ 06 ก.ย. 07, 23:33

"การพระมณฑปใหญ่น้อยสำเร็จบริบูรณ์"
ตรงนี้ต้องใช้ข้อมูลเปรียบเทียบนะครับ ไม่มีหลักฐานโดยตรง

พระพุทธบาทนั้น ตามคำให้การขุนโขลน เป็นเมืองอิสระ ใหญ่โตสมบูรณ์
แต่เมื่อกรุงแตก ทุกอย่างก็หมดสภาพ จนถึงมีเจ๊กชั่วจากคลองสระบัวคุมกันเข้าปล้น เผาเอาทองไป
ท่านคิดว่า ทัพโจรยกมา 300 คน พระบาทจะเหลืออะไรใหมครับ

ถึงรัชกาลพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงเตรียมการสร้างใหม่ แต่ค้างอยู่ ยังไม่ได้ยกยอด คือสร้างได้แค่ผนัง
กรมพระราชวังบวรจึงมาสร้างต่อ
พระราชพงศาวดารจดรายการไว้ ก็เพียงเท่าที่ผมลอกมาข้างบน ไม่มีอะไรกว่านั้น
แล้วจะทราบอย่างไรว่า สร้างอะไรบ้าง

ตอบว่า เดาได้ดังนี้
1 ระยะเวลาทำการไม่นานนัก
ศึกพม่าเสร็จสิ้นเมื่อ เดือนสี่ปลายปีมะเมีย อัฐศก พอถึงปีมแม นพศกก็เกิดศึกเชียงใหม่
ต่อเนื่องกับพระราชทานอาวุธให้องเชียงสือ
ถึงเดือนยี่ปีมแม จึงจัดทัพไปตีทวาย
แปลว่า มีเวลาทำการที่พระพุทธบาท ไม่ถึงปี
ก็ต้องเดาว่า ทำได้เพียงสร้างพระมณฑปแหละครับ พงศาวดารจึงไม่ได้จดอะไรมากไปกว่านั้น

2 สร้างไว้งามเพียงใด
กวีกล่าวถึงการปิดทองประดับกระจกภายนอก และลวดลายอย่างวิเศษว่า
"ทั้งซุ้มเสามณฑปกระจกแจ่ม....พื้นผนังหลังบัวที่ฐานบัทม์ เป็นครุฑอัดยืนเหยียบภุชงค์ขยำ....กินนรรำรายเทพประนมกร"
ตรงนี้อธิบายผนังด้านนอกพระมณฑป ลักษณะเหมือนกับที่ปรากฏที่พระมณฑปวัดพระแก้วและพระอุโบสถ
ตรงนี้พระศรีภูริปรีชาท่านแต่งโคลงบอกไว้ว่าทำครั้งรัชกาลที่ 3
ครั้งรัชกาลที่ 1 เป็นผนังเขียนลาย

ก็ต้องสันนิษฐานว่า แม้แต่วัดพระแก้ว ซึ่งทรงสร้างอย่างยิ่งใหญ่ ก็ยังทำได้เพียงลายเขียนทอง
ท่านจะทำ "ซุ้มเสามณฑปกระจกแจ่ม...." ไว้นอกพระนครในยามหน้าสิ่วหน้าขวานหรือ
เดียวพวกเจ๊กก็มาอีกรอบดอก

ทั้งหมดอย่าเชื่อผม เชิญไปอ่านเอกสารอีกรอบนะครับ
บันทึกการเข้า
วรณัย
อสุรผัด
*
ตอบ: 84


คนธรรมดาที่แสนธรรมดา


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 173  เมื่อ 09 ก.ย. 07, 08:48

ยิ่งอ่านก็ยิ่งให้งง

ส่วนตัวเชื่อว่า สุนทรภู่แต่งในบางส่วน แล้วมาชำระใหม่
จะเรียกว่า กบว. ตรวจมาใช้ใหม่ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในช่วงนั้น
การเปลี่ยนแปลงรายละเอียกก็น่าเกิดขึ้น

คงไม่มีใครที่นำมาใช้ในยุคนั้นซึ่งเป็นระบบเจ้านาย จะยอมให้งานของสุนทรภู่ออกมาทั้งหมด
คิดแค่นี้แหละครับ เพราะรายละเอียด ดูในนี้ก็ระยิบระยับ

เอารูปพระบาทมาฝากล่ะกัน
 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า

นักวิชาเกินในบอร์ดวิชาการ
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 174  เมื่อ 16 ก.ย. 07, 18:25

ระหว่างสอบเส้นทางกำสรวลสมุทร เจอประเด็นที่น่าสนใจบางอย่างครับ

ถึงเกาะเกิดเกิดเกาะขึ้นกลางน้ำ     เหมือนเกิดกรรมเกิดราชการหลวง
จึงเกิดโศกขัดขวางขึ้นกลางทรวง   จะตักตวงไว้ก็เติบกว่าเกาะดิน
รำพึงพายตามสายกระแสเชี่ยว      ยิ่งแสนเปลี่ยวเปล่าในฤทัยถวิล
สักครู่หนึ่งก็มาถึงบางเกาะอิน        กระแสสินธุ์สายชลเป็นวนวัง
อันเท็จจริงสิ่งนี้ไม่รู้แน่              ได้ยินแต่ยุบลแต่หนหลัง
ว่าที่เกาะบางอออินเป็นถิ่นวัง        กษัตริย์ครั้งครองศรีอยุธยา
พาสนมออกมาชมคณานก          ก็เรื้อรกรั้งร้างเป็นทางป่า
อันคำแจ้งกับเราแกล้งสังเกตตา     ก็เห็นน่าที่จะแน่กระแสความ
แต่เดี๋ยวนี้มีไม้ก็ตายโกร๋น           ทั้งเกิดโจรจระเข้ให้คนขาม
โอ้ฉะนี้แก้วพี่เจ้ามาตาม             จะวอนถามย่านน้ำพี่ร่ำไปฯ

กวีเรียกบางปะอินว่า "บางอออิน" บางปะอินเวลานั้นยังรกร้างอยู่ ทราบว่า ร.๔ ทรงให้สร้างพระทีนั่งไว้หลังหนึ่ง แต่หาไม่เจอว่าปีไหนครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 175  เมื่อ 16 ก.ย. 07, 18:34

นิราศวัดเจ้าฟ้า กล่าวถึงบางปะอินไว้ ขอยกมาอย่างยาวหน่อย เพราะมีอะไรแปลกๆ

ถึงเกาะเกิดเกิดสวัสดิ์พิพัฒน์ผล        อย่าเกิดคนติเตียนเป็นเสี้ยนหนาม
ให้เกิดลาภราบเรียบเงียบเงียบงาม     เหมือนหนึ่งนามเกาะเกิดประเสริฐทรง
ถึงเกาะพระไม่เห็นพระปะแต่เกาะ      แต่ชื่อเพราะชื่อพระสละหลง
พระของน้องนี้ก็นั่งมาทั้งองค์           ทั้งพระสงฆ์เกาะพระมาประชุม
ขอคุณพระอนุเคราะห์ทั้งเกาะพระ      ให้เปิดปะตรุทองสักสองขุม
คงจะมีพี่ป้ามาชุมนุม                   ฉะอ้อนอุ้มแอบอุราเป็นอาจิณฯ
    
ถึงเกาะเรียงเคียงคลองเป็นสองแยก   ป่าละแวกวังราชประพาสสินธุ์
ได้นางห้ามงามพร้อมชื่อหม่อมอิน     จึงตั้งถิ่นที่เพราะเสนาะนาม

หวังถวิลอินน้องละอองเอี่ยม           แสนเสงี่ยมงามพร้อมเหมือนหม่อมห้าม
จะหายศอตส่าห์พยายาม               คงจะงามพักตร์พร้อมเหมือนหม่อมอิน
อาลัยน้องตรองตรึกรำลึกถึง           หวังจะพึ่งผูกจิตคิดถวิล
เวลาเย็นเห็นนกวิหคบิน                ไปที่ถิ่นทำรังปะนังนอน
บ้างแนบคู่ชูคอเข้าซ้อแซ้              เสียงจอแจโจนจับสลับสลอน
บ้างคลอเข้าเคล้าเคียงประเอียงอร     เอาปากป้อนปีกปกอกประคอง
ที่ไร้คู่อยู่เปลี่ยวเที่ยวเดี่ยวโดด        ไม่เต้นโลดแลเหงาเหมือนเศร้าหมอง
ลูกน้อยน้อยคอยแม่ชะแง้มอง         เหมือนอกน้องตาบน้อยกลอยฤทัย
มาตามติดบิดากำพร้าแม่               สุดจะแลเหลียวหาที่อาศัย
เห็นลูกนกอกน้องนี้หมองใจ            ที่ฝากไข้ฝากผีไม่มีเลย
ถึงเกาะเรียนเรียนรักก็หนักอก          แสนวิตกเต็มตรองเจียวน้องเอ๋ย

ไม่ได้ออกชื่อชัดเจนว่าบางปะอินหรือบางอออิน
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 176  เมื่อ 16 ก.ย. 07, 18:45

ที่ว่าแปลกคือ ในเส้นทางนี้ จากใต้ขึ้นเหนือ ต้องผ่าน เกาะเกิด, บางปะอิน, เกาะพระ และ เกาะเรียน ตามลำดับ ดังแผนที่นี้ครับ (จาก Google Earth)



บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 177  เมื่อ 16 ก.ย. 07, 18:59

แต่นิราศวัดเจ้าฟ้า ลำดับเอาเกาะบางปะอินมาอยู่หลังเกาะพระ
ไม่รู้ว่ามีสำนวนอื่นที่ความต่างจากนี้หรือไม่ครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
หน้า: 1 ... 10 11 [12]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.041 วินาที กับ 19 คำสั่ง