ยินดีต้อนรับ
ท่านผู้มาเยือน
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
หน้าแรก
ตู้หนังสือ
ค้นหา
ข่าว
: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
เรือนไทย
>
General Category
>
ศิลปะวัฒนธรรม
>
กบฎ ร.ศ. ๑๓๐ : สำหรับผู้อ่านเรือนไทยค่ะ
หน้า:
1
[
2
]
พิมพ์
อ่าน: 8944
กบฎ ร.ศ. ๑๓๐ : สำหรับผู้อ่านเรือนไทยค่ะ
CrazyHOrse
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 15
เมื่อ 19 ธ.ค. 00, 12:03
แนวคิดแบบเพลโต้ที่คุณ นกข.ยกมามีประเด็นที่น่าสนใจครับ ว่ายกเว้น ผู้หญิงและทาส เมื่อเปรียบเทียบกับประชาธิปไตยของอเมริกาในยุคแรกที่ผู้หญิงและทาสก็ไม่มีสิทธิ์เหมือนกัน คงต้องยอมรับว่าเป็นภูมิปัญญาของปราชญ์ในสมัยนั้น ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เรื่องของสิทธิมนุษยชน แต่อยู่ที่คุณภาพของคน ในยุคแรก ผู้หญิงไม่ใคร่จะมีโอกาสได้เรียนหนังสือ ส่วนทาสไม่ต้องพูดถึง ประชาธิปไตยเป็นระบบแบบพวกมากลากไป ถ้าคนที่ลากทีคุณภาพดี สภาพโดยรวมก็จะดีขึ้น ถ้าคนที่ลากคุณภาพต่ำก็จะกลายเป็นวงจรอุบาทว์ สิทธิ์ของคนในอเมริกาถูกปรับให้เท่ากันอย่างช้าๆ ตามกระแสการพัฒนาคน แตกต่างกับประเทศด้อยพัฒนาที่ถูกบีบบังคับโดยการกดดันของมหาอำนาจ ซึ่งไม่ให้โอกาสในการปรับปรุงคนกับประเทศด้อยพัฒนา ไม่ว่าจะโดยจงใจหรือไม่ก็ตาม...
.. ความยุติธรรมมักจะถูกแลกกับประสิทธิภาพอยู่เสมอ...
ระบอบประชาธิปไตย ความจริงน่าจะเรียกว่าระบบพวกมากลากไป เนื่องจากไม่มีทางทำให้คนทุกคนพอใจได้พร้อมกัน ส่วนระบบที่เราใช้อยู่แม้แต่จะเรียกว่าประชาธิปไตยก็ยังไม่ได้ เรากำลังรณรงค์ให้คนไม่รับเงินซื้อเสียง และคิดว่าเป็นประเด็นที่ทำให้การเมืองดีขึ้น แต่ความเป็นจริงแล้ว คนที่รับเงินมีใครเคยไปถามไหมว่าถ้าไม่มีคนมาซื้อเสียงแล้วจะเลือกใคร ตอนนี้ผู้ปกครองประเทศไทยคือ นักการเมืองรุ่นเก่า(รวมถึงพวกที่บอกว่าตัวเองใหม่)ที่กุมอำนาจบริหารอยู่ในมือ+activist และ สื่อมวลชนที่กุมอำนาจการหันซ้ายหันขวาของมวลชนเพื่อกดดันรัฐบาล ปัญหาคือคุณภาพของคนกลุ่มนี้เป็นอย่างไร ก็อย่างที่เห็น คงไม่ต้องพูดกันมาก(ผมหมายถึงคุณภาพโดยเฉลี่ย) พื้นฐานจริงๆของประชาธิปไตยไม่มีใครสร้าง การศึกษาไงครับ ไม่ได้หมายถึงปริมาณแบบภาดบังคับ 9 ปี หรือ 12 ปี หรือการวัดผลแบบผิดๆที่ว่าใช้คอมพิวเตอร์เป็นพูดอังกฤษได้ แปลว่าเป็นคนมีคุณภาพ แต่หมายถึงพื้นฐานความคิด การรู้จักใช้เหตุผล การแก้ปัญหา สำนึกต่อส่วนรวม และจริยธรรมที่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับศาสนาแต่ประการใด ฝากไว้ถึงผู้เป็นครูอยู่ และผู้ที่จะเป็นครูในอนาคตด้วยครับ
บันทึกการเข้า
V_Mee
สุครีพ
ตอบ: 1436
ความคิดเห็นที่ 16
เมื่อ 13 ต.ค. 07, 15:12
อ่านพบพระราชปรารภในรัชกาลที่ ๗ เมื่อพ.ศ. ๒๔๖๙ มีข้อความที่น่าสนใจ จึงขอลอกมาให้อ่านตอนหนึ่งค่ะ
" ในรัชสมัยที่เพิ่งสิ้นสุด(รัชกาลที่ ๖) หลายสิ่งหลายอย่างได้ทวีความเลวร้ายลงไปมาก เนื่องจากเหตุหลายประการ....พระเจ้าแผ่นดินกลายเป็นผู้ที่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของข้าราชบริพารคนโปรด ข้าราชการทุกคนถูกเพ่งเล็งบ้างมากบ้างน้อยในด้านฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือเล่นพรรคเล่นพวก ยังนับเป็นโชคที่พระบรมวงศานุวงศ์ยังเป็นที่เคารพยกย่องว่าซื่อสัตย์ สิ่งที่เป็นที่น่าเสียใจยิ่งคือ พระราชสำนักของพระองค์เป็นที่เกลียดชังอย่างรุนแรง และในตอนรัชสมัยก็ถูกล้อเลียนเยาะเย้ย กำเนิดของหนังสือพิมพ์ ฟรีเพรส ทำให้สถานการณ์ในขณะนั้น ขยายตัวเลวร้ายมากขึ้น ฐานะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นสิ่งหนึ่งที่ตกอยู่ในสภาวะลำบาก ความเคลื่อนไหวทางความคิดในประเทศแสดงให้เห็นอย่างแจ้งชัดว่า ระยะเวลาของระบบเอกาธิปไตยเหลือน้อยลงเต็มที"
อีก ๖ ปีต่อจากนั้น ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕
อ่านพระราชปรารภในชกาลที่ ๗ ที่อาจารย์เทาชมพู ยกขึ้นมาอ้างโดยเฉพาะที่ว่า "...ยังนับเป็นโชคที่พระบรมวงศานุวงศ์ยังเป็นที่เคารพยกย่องว่าซื่อสัตย์..." ผมกลับรู้สึกว่าล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗ ทรงตามแรวพระราชเนิในรัชกาลที่ ๖ ไม่ทัน อีกประการในช่วงรัชกาลที่ ๖ นั้น บรรดาเจ้านายถูกลดบทบาทและอำนาจลงไปมาก จึงสะท้อนออกมาในพระราชปรารภดังกล่าว หากได้ศึกษาพระจริยวัตรของเจ้านายบางพระองค์ในรัชกาลที่ ๗ นั้น ผมว่า การปฏิวัติ ๒๔๗๕ นั้น ก็มีสาเหตุมาจากการกระทำของเจ้านายบางพระองค์ด้วย
เรื่องแนวพระราชดำริทางการเมืองในรัชกาลที่ ๖ โดยเฉพาะเรื่องประชาธิปไตยนั้น ต่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่า ที่ทรงพระราชบันทึกไว้ในสมุดจดหมายเหตุรายวันว่า ประชาธิปไตยนั้นถ้าคนมีเงินหรือิทธิพลใช้อำนาจเงินหรือิทธิพลที่มีอยู่ก็อาจจะเข้าไปมีอำนาจในการบริหารบ้านเมืองได้ เมื่อเข้าไปมีอำนาจในรัฐบาลก็ย่อมจะไปถอนทุนคืน เรื่องนี้ก็พิสูจน์แล้วว่า แนวพระราชดำริที่ทรงคาดการณ์ไว้ไม่เคยผิดเพี้ยนเลย
เรื่องประชาธิปไตยนั้นเท่าที่ทราบมา ทรงมีพระราชดำริที่จะพระราชทานประชาธอไตยอก่ปวงชนชาวไทยแน่นอน แต่จะทรงเริ่มปูฐานจากระดับหญ้าขึ้นสู่ระดับประเทศ เริ่มจากโปรดให้จัดตั้งสุขาภิบาลขึ้นในหัวเมือง ทรงจัดให้มีการศึกษาประชาบาลซึ่งคนในพื้นที่ช่วยกันจัด เมื่อการวางรากฐานให้ประชาชนในระดับรากหญ้ามีความรู้ความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตยแล้ว การพัฒนาประชาธิปไตยในระดับตำบล อำเภอ จังหวัด และระดับชาติ ก็จะพัฒนาไปได้ ประเทศชาติก็คงจะไม่ประสบปัญหาแตกแยกเป็นฝักฝ่ายเช่นทุกวันนี้
บันทึกการเข้า
หน้า:
1
[
2
]
พิมพ์
กระโดดไป:
เลือกกระทู้:
-----------------------------
General Category
-----------------------------
=> ศิลปะวัฒนธรรม
=> ภาษาวรรณคดี
=> ระเบียงกวี
=> ชั้นเรียนวรรณกรรม
=> หน้าต่างโลก
=> ประวัติศาสตร์โลก
=> ประวัติศาสตร์ไทย
=> ทันกระแส
=> วิเสทนิยม
=> ห้องหนังสือ
=> ชมรมอนุรักษ์ภาพจิตรกรรมไทย
Powered by SMF 1.1.21
|
SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder
XHTML
|
CSS
|
Aero79
design by
Bloc
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.028 วินาที กับ 19 คำสั่ง
Loading...