อิอิ.........ไม่ได้มีเวลามาดู คห. นี้ซะนาน ไปกันถึงเชียงตุงเชียงรุ้งกันแล้ว ดีครับได้แลกเปลี่ยนความเห็นกัน ขอย้ำว่าเป็นความเห็นนะครับ และผมก็มีความเห็นนึงมาฝากให้พิจารณา เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับวัดพลับ(วัดพลับพลาชัย) และจากความเห็นนี้เชื่อว่าท่านมหากวีแต่งนิราศเมืองเพชรครับ จากสำนวนและจากชื่อหนูพัด,หนูนิล ในนิราศเชื่อได้ว่าเป็นท่านมหากวีเป็นคนแต่งแน่นอน และท่านก็แต่งไม่เกินปี ๒๓๗๘
เดือนสี่ปีระกานิราร้าง . . . . . ไปอยู่บางกอกไกลกับใจหาย
เป็นตอนหนึ่งใน นิราศเมืองเพชร ที่สุนทรภู่รำพึงถึงหญิงคนรักผู้คุ้นเคยกันในปีระกา พ.ศ. ๒๓๕๖ เข้าใจว่าเป็นช่วงเหตุการณ์เดียวกับที่อาจารย์ น. ณ ปากน้ำ นำไปเขียนไว้ใน อสท. (ส.ค. ๔๒) ว่า ถ้ำเขาหลวง สถานที่ที่สุนทรภู่ กวีเอกเคยพาสาวงามมาพักอยู่เงียบๆ สุนทรภู่แต่งนิราศเมืองเพชรในปี ๒๓๗๔ ซึ่งเป็น 18 ปีแห่งความหลังของท่าน แต่คงมิใช่ไม่เคยไป-มาหาสู่เลย เข้าใจว่าระหว่าง พ.ศ. ๒๓๕๖–๒๓๗๔ ท่านคงไปๆ มาๆ หาสู่มิตรสหายญาติผู้คุ้นเคยเป็นครั้งคราว
ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๖๗–๒๓๗๔ สุนทรภู่บวชอีกครั้งหนึ่ง และมาจำพรรษาอยู่ ณ วัดใดวัดหนึ่ง อาจเป็นวัดกุฎีทอง หรือวัดบันไดทองก็ได้ และน่าเชื่อว่า สุนทรภู่แต่ง กาพย์พระไชยสุริยา ไว้สอนศิษย์ที่เมืองเพชรก่อนที่จะสอนศิษย์ที่ในกรุงด้วย เช่น ท่านแต่งว่า
. . . . . . . . . . . . . . . . . . ขึ้นกดบทอัศจรรย์ . . . . . . . . . . เสียงครื้นครั่นลั่นเขาหลวง
. . . . . . . . . . . . . . นกหกตกรังรวง. . . . . . . . . . . . . . . . สัตว์ทั้งปวงง่วงงุนงง
ทำไมจึงน่าเชื่อเช่นนั้น ขอตอบว่า เพราะท่านแต่งขึ้นตามความรู้สึก และประสบการณ์ในชีวิตจริงของท่านในเมืองเพชรนั่นเอง
ราว พ.ศ. ๒๔๗๔ สุนทรภู่กลับไปเพชรบุรีอีกครั้ง ก่อนที่จะเขียน นิราศเพชรบุรี ที่แสดงว่าสุนทรภู่รู้ความเป็นมาของวัดพลับพลาชัยในอดีตเป็นอย่างดี
. . . . . . . . . . . . ถึงคุ้งเคี้ยวเลี้ยวลดชื่อคดอ้อย . . . . . . . . . ตะวันคล้อยคล้ำฟ้าในราศี
. . . . . . . . ค่อยคล่องแคล่วแจวรีบถึงพริบพรี . . . . . . . . . . ประทับที่หน้าท่าพลับพลาชัย
. . . . . . . . ด้วยวัดนี้ที่สำหรับประทับร้อน . . . . . . . . . . . . . นรินทรท้าวพระยามาอาศัย
. . . . . . . . ขอเดชะอานุภาพช่วยปราบภัย. . . . . . . . . . . . . ให้มีชัยเหมือนนามอารามเมือง
. . . . . . . . ดูเรือแพแซ่ซร้องทั้งสองฟาก. . . . . . . . . . . . . . . บ้างขายหมากขายพลูหนวกหูเหือง
. . . . . . . . นอนค้างคืนตื่นเช้าเห็นชาวเมือง. . . . . . . . . . . . ดูนองเนืองนาวาบ้างมาไป
ครั้งนี้ สุนทรภู่อาสาเสด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ ในสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ มาหา ขุนแพ่ง (สุนทรภู่เคยไปมาหาสู่พักอยู่ด้วยกันกับเพื่อนคนนี้ ที่บ้านเดิม คือ บ้านโพธิ์ ทางตะวันออกของเขาหลวง ตั้งแต่ครั้งยังเป็น ขุนรองแพ่ง) ต่อมาเป็น “แพ่ง” แทนขุนแพ่งผู้พี่ มามีบ้านอยู่ไม่ห่างบ้านภริยาขุนแพ่งผู้พี่ ใกล้ตลาดน้ำกลางใจเมือง และใกล้วัดพลับพลาชัย หลังเสร็จธุระที่อาสามาแล้ว ท่านถือโอกาสแวะไปเยี่ยมภริยาขุนแพ่งผู้พี่ ที่สูญเสียสามีในศึกกบฏเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทร์
. . . . . . . . . . . . . . ได้เยี่ยมเยือนเรือนบ้านท่านขุนแพ่ง . . . . . . มาปลูกแปลงแปลกกว่าเมื่ออาศัย
. . . . . . . . . . ด้วยศึกลาวคราวนั้นเธอบรรลัย . . . . . . . . . . . . . ไม่มีใครครอบครองจึงหมองมัว
สุนทรภู่มาค้างคืนที่วัดพลับพลาชัย (ตอนนั้นเป็นพระภิกษุ) ตื่นเช้าจึงได้ไปเยี่ยมบ้านขุนแพ่งตำแหน่งใหม่ ธุระที่ท่านอาสาเจ้านายพระองค์นั้นมาต้องเป็นเรื่องสำคัญ ท่านจึงบนบานศาลกล่าวเจ้าพ่อวัดเขาตะเคราไว้ด้วย ธุระที่ว่านั้นน่าจะเป็นการทาบทามหมั้นหรือสู่ขอกุลสตรีสาวนางหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นบุตรีของเจ้าเมือง หรือปลัดเมือง หรือไม่ก็ยกกระบัตร ซึ่งขุนแพ่งคุ้นเคยพอจะพูดทาบทามให้ได้ เมื่อขุนแพ่งรับปากว่าจะช่วยเจรจาธุระสำคัญให้แล้ว สุนทรภู่ก็โล่งใจดังท่านเขียนไว้ว่า
. . . . . . . . . . . . แล้วไปชวนท่านแพ่งตำแหน่งใหม่ . . . . . .ยังรักใครครองจิตรสนิทสนม
. . . . . . . . ที่ธุระจะใคร่ได้ใจนิยม . . . . . . . . . . . . . . . . . . เขารับสมปรารถนาสวามิภักดิ์
แต่อย่างไรก็ตาม เรามิอาจทราบได้ว่า ในที่สุดพระองค์เจ้าลักขณานุคุณจะได้เศกสมรส หรือได้กุลสตรีชาวเมืองเพชรผู้นั้น ไปเป็นหม่อมห้ามหรือไม่ เราทราบแต่เพียงว่า พระองค์เจ้าลักษณานุคุณสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. ๒๓๗๘ เมื่อพระชนม์มายุ ๒๓ พรรษา และทรงมีธิดา (จากสตรีใดไม่ทราบ) พระองค์หนึ่ง ซึ่งต่อมาคือสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔.
................
