ขำอาจารย์เทาชมพู ตั้งกฏเองแล้วลืม
"อย่าเพิ่งเอานิราศอื่นมาปน จะทำให้ยุ่ง"
แต่ท่านก็อดอ้างนิราศอื่นมิได้
ก็ถ้านิราศนี้กับรำพันพิลาปและเพลงยาวถวายโอวาท เป็นสามคนแต่ง เรามิเข้ารกเข้าพงกันเละเทะหรือ?

?
ผมได้ฟันธงจนธงเปื่อยไปหลายผืนแล้วว่า นิราศเมืองเพชรแต่งโดย
1 ขุนนาง เพราะอาสาเจ้านายระดับ "เสด็จ" และมาเรือสี่ฝีพาย ซึ่งเป็นเรือราชการมากกว่าจะเป็นเรือชาวบ้าน
และกวีไม่กลัวเจ้าเมืองเพชรบุรีเอาเสียเลย ก็แปลว่ามีคนคุ้มหัวที่ใหญ่โตใช่เล่น
2 เป็นฆราวาส ผมอ้างความข้อเดียวก็น่าจะพอ ที่ชาวบ้านย้อนถามว่า "นาย...จะพายแรงหรือพายเบา"
ไม่มีคนไทยปกติพูดกับพระภิกษุอย่างนี้
3 เป็นผู้กว้างขวางเมืองเพชร ออกจากเมืองนั้นมาแต่ยังหนุ่ม ปีระกานิราร้าง แต่ก็ยังเทียวไล้เทียวขื่อบางกอก-พริบพรีเสมอ
สามข้อข้างบนก็น่าจะเชื่อได้แล้วว่ากวีผู้นี้ มิใช่สุนทรภู่
มาบวกข้อ 4 ที่ว่า มาเยือนศพขุนแพ่งที่ตายคราวศึกลาว ซึ่งควรเป็นศึกเจ้าอนุ
เพราะศึกเชียงตุงนั้นเป็นหน้าที่ทัพเกณฑ์ฝ่ายเหนือ แต่เพชรบุรีนี่เป็นฝ่ายใต้ ไม่เกี่ยวกัน สั่งกันมิได้
เราก็จะได้เงื่อนงำที่ระบุว่า
กวีคนนี้ เป็นชาวพริบพรี เข้ากรุงมาเมื่อยังหนุ่ม แต่ก็ยังเด่นดังที่เมืองเพชร มีลูกศิษย์ลูกหาเต็มเมือง
กลับมาครั้งนี้ ลูกศิษย์ก็ยังมารับกันเกรียวกราว คาดว่าอาจจะไปๆมาๆตลอดเวลา
สาวๆที่สร้างคดีไว้ก็ยังกรุ่นๆอารมณ์ ขนาดสาวหนึ่งสะบัดหน้าหนี และอีกคนกลัวผัวจะหึง
ผัวที่ใหนหึงพระได้ครับท่าน
ถอดรหัสมาแค่นี้ ก็คลำไม่เห็นทางแล้วที่จะไปต่อประวัติให้หนุ่มเมืองเพชรนี้ เป็นสุนทรภู่ไปได้