อิอิ.....เมื่ออ่านทั้งหมดแล้วทบทวนเรื่องนิราศเมืองเพชรตอนนี้ผมคติที่จะต้องคิดตาม 2 อย่าง 3 ลักษณะ
2 อย่างคือ
1. นิราศเมืองเพชรแต่โดยท่านมหากวี สุนทรภู่ (อ.เทาชมภู ,พระวินิจฉัยกรมพระยาดำรงฯ,อ.ล้อม)
2. นิราศเมืองเพชรแต่งโดยใครไม่ทราบ แต่ไม่ใช่ท่านมหากวีแน่นอน (คุณพิพัฒน์)
ถ้าเป็นท่านมหากวีแต่งก็เป็นไปถึง 3 ลักษณะ
1. เป็นนิราศเรื่องสุดท้ายเรื่องที่ 9 ของท่านมหากวี แต่งตอนปลายรัชกาลที่ 3 ตอนไปพึ่งใบบุญ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศฯ ประมาณปีพ.ศ. 2392 ทรงโปรดใช้ให้ท่านมหากวีไปทำธุระส่วนพระองค์ที่เมืองพริบพรี (จากพระวินิจฉัย)
2. เป็นนิราศของท่านมหากวี แต่น่าจะแต่งประมาณ พ.ศ. 2475 หลังจากท่านลาสิกขาบท รับอาสาเจ้านายพระองค์ใดพระองค์หนึ่งแต่ไม่ใช่ระดับเจ้าฟ้า (จากความเห็นท่านอาจารย์เทาชมภู)
3. เป็นนิราศของท่านมหากวี ปีพ.ศ.น่าจะใกล้เคียงกับอาจารย์เทาชมภูวิเคราะห์ แต่ท่านมหากวีน่าจะคุ้นเคยมากๆกับเมืองเพชรเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นคนเมืองเพชรคนหนึ่ง หรือมีญาติพี่น้องอยู่เมืองเพชร และที่สำคัญท่านแต่งตอนที่ดำรงสมณเพศ (อ.ล้อม)
ในฐานะผู้สนใจศึกษาด้วยแต่ไม่สันทัด ดูข้อวิเคราะห์และเหตุผลน่าเชื่อพอพอกันครับ ในพระวินิจฉัย ท่านเป็นบิดาของวิชาประวัติศาสตร์ ท่านมีพระชนม์ชีพอยู่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์มากกว่าเราๆเยอะ ไม่ว่าจะจากคำบอกเล่า หรือหลักฐานต่างๆที่พระองค์ทรงทราบแต่เราไม่ทราบ จากข้อคิดเห็นของนักปราชญ์ที่แวดล้อมพระองค์ ผมต้องขออนุญาตคล้อยตามท่านมากที่สุดครับ ในตอนนี้
ในข้อคิดเห็นของท่านอาจารย์ล้อม ท่านน่าจะเป็นผู้ที่รู้เรื่องเมืองเพชรมากๆท่านหนึ่ง ท่านจึงสามารถเปรียบเทียบหรือหลับตาก็มองภาพการเดินทางได้ชัด และสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์-ประวัติศาสตร์ นำมาเทียบกับบทประพันธ์ท่านคงจะลึกซึ้งไม่น้อย
ในข้อคิดเห็นของท่านอาจารย์เทาชมภู ละเอียดรอบคอบไม่ให้ผ่านแม้เรื่องเล็กน้อย แม้แต่ความรู้สึกทำให้ผมคล้อยไปกับความนึกคิด แบบหลับตานึกไปตามคำวิเคราะห์ของท่านอาจารย์เทาชมภูแล้วมีความสุขครับ เหมือนเราได้ร่วมขบวนไปกับกวี
ของคุณพิพัฒน์ ชัดเจนครับ ถ้าเรื่องการบวชของท่านมหากวีและการถวายงานเจ้านายของท่าน เป็นจริงตาม พ.ศ. คือระยะเวลาที่ท่านบวชและระยะเวลาที่ท่านสอนหนังสือเจ้านายเป็นจริงทุกประการ ต้องไม่ใช่ท่านสุนทรภู่แต่งแน่ๆ
ขอบพระคุณมากครับผมได้คิดตามเยอะเลยยังไม่หยุดนะครับว่างๆ ผมจะมาศึกษาต่อ...............
