ถ้านอนไม่หลับ เพราะตีโจทย์ให้แตกไม่สำเร็จ ก็เห็นจะต้องโทษคุณอาชาผยอง

เพราะดิฉันก็เจอตอขนาดใหญ่เข้ากับ ๒ ข้อสรุปนี้
๑) ปีขาลที่แต่งนิราศเมืองเพชร ถ้าเป็น ปีขาล ๒๓๗๓ หลังศึกเจ้าอนุวงศ์
ก็จะเจอตอใหญ่ คือขัดกับหลักฐานอื่นที่ว่า ปีนั้นสุนทรภู่บวชอยู่ จะมาสึกกลางคันไปอาสาเจ้านายไปเมืองเพชร ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
ทำให้ตีโจทย์ไม่แตก ในข้อนี้
กับ
๒ ปีขาลที่แต่งนิราศเมืองเพชร ถ้าเป็น ปีขาล ๒๓๙๗ หลังศึกเชียงตุงครั้งที่ ๒
ก็จะโล่งอกว่า หมดปัญหาเรื่องสุนทรภู่บวชไปได้
ดิฉันอยากให้เป็นข้อนี้มากกว่าข้อแรก ที่จะต้องย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องปีสุนทรภู่บวชกันให้อลหม่านไปหมด
แต่
ก็จะเจอตอใหญ่กว่านั้นอีก คือถ้าปี ๒๓๙๗ สุนทรภู่ยังหนุ่มกระชุ่มกระชวย พอจะรำลึกเรื่องรัก และเรื่องสาวๆทั่วเมืองที่ตัวเองไปก่อความหลังเอาไว้ น้องสาวบางคนก็ยังท้องอยู่ แสดงว่าเธอยังสาวอยู่มาก
เราก็จะเชื่อไม่ได้ว่า สุนทรภู่เป็นกวีหนุ่มสมัยรัชกาลที่ ๒ เพราะถ้าเป็นหนุ่มในสมัยนั้น มาถึงปีนี้เห็นทีจะหง่อมมากแล้ว เป็นรุ่นคุณปู่คุณตา ยักแย่ยักยัน ไม่มารำพึงอะไรแบบนี้
และหม่อมบุนนาคผู้มีพระคุณ ซึ่งเป็นคนยุคกรมพระราชวังหลัง เห็นทีอายุจะร่วมร้อย
ดังนั้น ก็จะต้องตัดความเชื่อเรื่องสุนทรภู่เป็นกวีที่"เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตรลบ" ในพระองค์สมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ออกไปจนหมด
ทำให้ยุ่งยากหนักเข้าไปอีก
ไม่ว่า ๒๓๗๓ หรือ ๒๓๙๗ ยังไงก็ไม่ลงตัวกับประวัติส่วนอื่น ไม่ลงจริงๆ เจอตอเกะกะไปหมด
ยกเว้นจะฟันธงโครมลงไปแบบคุณ pipat ทำ ว่า นิราศเมืองเพชรแต่งโดยกวีคนไหนไม่รู้ แต่ไม่ใช่สุนทรภู่ ยังงั้นก็จะไม่เจอตอที่เราเจอกันใน ๒ ข้อ
แต่จะเจอตอใหม่ว่า กวีคนนั้นที่ฝีปากจัดเจนขนาดนี้ เป็นใคร ทำไมนิรนามอยู่ได้ถึงเพียงนี้