เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 17715 บุเรงนอง กะยอดินนรธา
พระยาสุเรนทร์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 71


 เมื่อ 28 พ.ค. 07, 04:52

ก่อนอื่นต้องออกตัวว่าผมไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญอะไร เพียงแต่เป็นคนชอบอ่านชอบศึกษา ดังนั้นหากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ข้อมูลทั้งหลายนำมาจากพงศาวดาร ตำนาน วรรณกรรม จึงอาจมีข้อผิดพลาดได้ เพราะแม้แต่ตำราประวัติศาสตร์ที่ชำระขึ้น ก็อาจมีข้อผิดพลาด (คัดลอกผิด, อคติ) หรือมีการตีความแตกต่างกัน ทั้งมักมีหลักฐานใหม่ๆ รวมถึงข้อโต้แย้งต่างๆ (เช่น บุเรงนองเป็นลูกไพร่หรือลูกเจ้า) ฉะนั้นถือว่าอ่านสนุกๆ นะครับ

บุเรงนอง กะยอดินนรธา

ประสูติ วันพุธ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือนดะโบ๊ะดแว Tabodwe (เดือน ๓ ประมาณ กุมภาพันธ์) จ.ศ. ๘๗๗ = พ.ศ. ๒๐๕๘ (ถ้านับแบบปีใหม่สากลคือ พ.ศ. ๒๐๕๙ เพราะสมัยนั้นเปลี่ยนศักราชวันสงกรานต์ กุมภาพันธ์จึงเป็นปลายปี เหตุนี้จึงตรงกับค.ศ. ๑๕๑๖)
ครองราชย์ วันอาทิตย์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือนดะโบ๊ะดแว (เดือน ๓ ประมาณ กุมภาพันธ์) จ.ศ. ๙๑๒ = พ.ศ. ๒๐๙๓ (ถ้านับแบบปีใหม่สากลคือ พ.ศ. ๒๐๙๔) = ค.ศ. ๑๕๕๑ พระชนมายุ ๓๕ พรรษา 
สวรรคต วันอังคาร ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนนะด่อ (เดือน ๑๒ ประมาณ พฤศจิกายน) จ.ศ. ๙๔๓ = พ.ศ. ๒๑๒๔ = ค.ศ. ๑๕๘๑
ครองราชย์ ๓๐ ปี พระชนมายุ(เกือบ) ๖๖ พรรษา

 
บันทึกการเข้า
พระยาสุเรนทร์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 71


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 28 พ.ค. 07, 05:49

พ.ศ. ๒๐๒๙ พระเจ้าสิริมหาชัยยะสุระ (เมงจีโย หรือ มังกะยินโย) ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ตองอู(พ.ศ. ๒๐๒๙ - ๒๒๙๕) ขึ้นเถลิงราชย์เมืองตองอูเกตุมะดี
พ.ศ. ๒๐๕๘ กำเนิด “จะเด็ด” (*****เรื่องเป็นลูกไพร่หรือลูกเจ้ายังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่*****) ตามตำนานว่าเป็นบุตรของสิงคะสุคนปาดตาล เกิดที่งะสะยอก แขวงเมืองพุกาม (บ้างว่าเกิดที่บ้านHti-hlaing เมืองตองอู) เมื่อเกิดมีปลวกไต่เต็มตัวแต่ไม่ได้รับอันตรายจึงได้ชื่อว่า จะเต็ต (ดูรายละเอียดเรื่องชื่อได้จากกระทู้ ว่าด้วยนามผู้ชนะสิบทิศhttp://www.reurnthai.com/index.php?topic=2234.0) เนื่องจากพุกามแห้งแล้งจึงอพยพไปตองจินจี วันหนึ่งบิดา มารดาทิ้งจะเด็ดไว้บนพื้นขณะไปทำงาน มีงูใหญ่มาพันรอบตัวแต่ไม่ได้รับอันตราย จึงได้พาจะเด็ดไปหาพระเถระซึ่งได้ทำนายว่าให้ย้ายไปอยู่ตองอู ทั้งครอบครัวจึงไปอาศัยอยู่ที่อารามของพระขัตติยาจารย์ของพระเจ้าเมงจีโย
พ.ศ. ๒๐๕๙ ตะเบงชเวตี้ ประสูติ (หลังจะเด็ด ๓ เดือน) ตามตำนานกล่าวว่าพระขัตติยาจารย์พามารดาของจะเด็ดเข้าวังไปเป็นแม่นม ทำให้จะเด็ดได้เป็นพี่ร่วมนมกับตะเบงชเวตี้ ภายหลังลอบรักกับตะเกงจี(พระพี่นางต่างชนนีของตะเบงชเวตี้)จนจะถูกลงโทษแต่พระขัตติยาจารย์มาช่วยจึงแค่ถูกขับออกไปเป็นพนักงานผู้น้อยในกรมวัง แต่ด้วยความขยันขันแข็งจึงได้เลื่อนยศเป็นทหารระดับสูง
พ.ศ. ๒๐๗๐ กรุงอังวะเสียให้แก่โมนยินซึ่งเป็นไทยใหญ่ (ฉาน) ทำให้ชาวพม่าอพยพมาสู่ตองอู ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางของพม่าแห่งใหม่
พ.ศ. ๒๐๗๔ พระเจ้าสิริมหาชัยยะสุระสวรรคต พระเจ้าตะเบงชเวตี้ขึ้นครองราชย์ ทรงพระนาม เมงตยายะเวที (ไทยเรียก เมงตยา ว่า มังตรา) และเสด็จไปทำพิธีเจาะพระกรรณ เกล้ามวยพระเกศา (แสดงว่าเป็นผู้ใหญ่เหมือนโกนจุก) ที่ธาตุมุเตาชานกรุงหงสาวดีของข้าศึกมอญ พร้อมด้วย “เชงเยทุต” (จะเด็ด) และทหารเพียง ๕๐๐ คน ท่ามกลางวงล้อมของทหารมอญจำนวนมหาศาล และต้องฝ่าวงล้อมเพื่อกลับตองอู โดยได้ตั้งพระราชปณิธานต่อพระธาตุว่าจะตีกรุงหงสาวดี และขอพรพระธาตุให้ได้ครองหงสาวดี ๓ ชั่วคน
พ.ศ. ๒๐๗๗ เชงเยทุตได้เป็นที่ “จอเดงนรธา” (กะยอดินนรธาหรือกฤษฎานุรุทธ์) ภายหลังจากที่ได้สมรสกับ ตะเกงจี
บันทึกการเข้า
พระยาสุเรนทร์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 71


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 28 พ.ค. 07, 05:58

พ.ศ. ๒๐๗๕ เมืองแปรเสียให้อังวะ (ไทยใหญ่) ตองอูต้องเร่งขยายอำนาจเพื่อเตรียมต้านทานไทยใหญ่ โดยการตีหงสาวดีซึ่งเป็นเมืองท่าที่มั่งคั่ง
พ.ศ. ๒๐๗๘ - ๘๑ สงครามตองอู - หงสาวดี จบลงด้วยชัยชนะของตะเบงชเวตี้ แล้วย้ายเมืองหลวงจากตองอู มาหงสาวดี
พ.ศ. ๒๐๘๒ - ๘๓ วีรกรรมที่สมรภูมินองโยซึ่งเป็นวีรกรรม ทางทหารที่ยิ่งใหญ่ของบุเรงนองในยุคแรกถึงกับมีการแต่งวรรณกรรมสรรเสริญชัยชนะครั้งนี้ โดยตะเบงชเวตี้รับสั่งให้จอเดงนรธา เป็นแม่ทัพไล่ตามพระเจ้าสการะวุตพีกษัตริย์มอญที่หนีไปเมืองแปร บุเรงนองได้เผชิญหน้ากับข้าศึกที่มีจำนวนมากกว่า (พม่า= แปร,มอญ= หงสา,ไทยใหญ่= ที่ยึดครองอังวะ และได้แปรเป็นเมืองขึ้น) โดยมีแม่น้ำขวางกั้นอยู่ บุเรงนองสั่งให้ทำแพสะพานข้าม เมื่อกองทัพข้ามหมดแล้วก็ให้ทำลายทิ้ง ประกาศให้ทหารทุกคนบุกไปข้างหน้าเพราะ ไม่มีที่ให้ถอยอีกแล้ว มีแต่ชนะหรือตายเท่านั้น ทำให้ทหารต้องสู้ตายจนได้รับชัยชนะ ก่อนการประจัญบาน บุเรงนองได้รับพระราชโองการให้รอทัพหลวงของตะเบงชเวตี้แต่บุเรงนองกลับสั่งให้ทหารเข้าตี เมื่อบุเรงนองตอบกลับมาว่าได้รับชัยชนะแล้วกลับทำให้ตะเบงชเวตี้ปลาบปลื้มมากและได้แต่งตั้งให้เป็น บาเยงนองดอ (พระเชษฐาธิราช) พร้อมทั้งได้เมืองลายเป็นบำเหน็จ คนทั่วไปจึงรู้จักกันในนาม บาเยงนอง จอเดงนรธา (บุเรงนอง กะยอดินนรธา คือ พระเชษฐาธิราช กฤษฎานุรุทธ์) ตำแหน่งเทียบเท่า มหาอุปราชา (รัชทายาท) แต่ศึกคราวนี้ไม่สามารถตีเมืองแปรได้ ต่อมาสการะวุตพีทิวงคตลงทำให้ขุนนางมอญยอมสวามิภักดิ์จำนวนมาก ตะเบงชเวตี้ได้พยายามสร้างความกลมเกลียวระหว่างมอญกับพม่า โดยรับธรรมเนียมมอญมาปฏิบัติ อาทิ การโพกผ้าและทำพิธีราชาภิเษกอย่างมอญที่หงสาวดี เป็นต้น อีกทั้งมีการแต่งตั้งเจ้านายฝ่ายมอญให้รับตำแหน่งและเครื่องยศอย่างเหมาะสม
บันทึกการเข้า
พระยาสุเรนทร์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 71


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 28 พ.ค. 07, 06:35

เมื่อได้ครองหงสาวดีจึงตั้งสิงคะสุบิดาของบุเรงนองเป็นพระเจ้าตองอู (จากเหตุนี้จึงน่าเชื่อว่าพ่อบุเรงนองเป็นเชื้อพระวงศ์ โดยฝ่ายที่ว่าบุเรงนองเป็นลูกเจ้ากล่าวว่าบิดาบุเรงนองชื่อเมงเยสีหตู เป็นเชื้อพระวงศ์หรือขุนนางระดับสูง-ราชครู)
พ.ศ. ๒๐๘๔ - ๘๕ หลังจากเสริมกำลังกองทัพและได้ว่าจ้างทหาร โปรตุเกสและมุสลิม (ทำให้ใกล้ชิดกับพวกโปรตุเกสมาก) ตะเบงชเวตี้ก็ได้เคลื่อนทัพเข้าตีเมาะตะมะ สอพินยา(เจ้าพญา? น้องเขยสการะวุตพี) เจ้าเมืองขอเจรจา แต่การเจรจาไม่สำเร็จ เมืองถูกตีแตกและถูกปล้นสะดมภ์ สอพินยาถูกประหาร
พ.ศ. ๒๐๘๕ - ๘๗ ยกไปล้อมเมืองแปรซึ่งในขณะนั้นพระเจ้ามังฆ้องได้ครองราชย์แทนพระเจ้านระบดีพระเชษฐา(พระเจ้านระบดีเป็นพี่เขยสการะวุตพี พระเจ้ามังฆ้องเป็นลูกเขยพระเจ้าอังวะ) เข้าตีครั้งแรกไม่สำเร็จ กองทัพไทยใหญ่จากอังวะยกมาช่วย(เพราะแปรเป็นประเทศราช และสกัดอิทธิพลของตะเบงชเวตี้) บุเรงนองยกออกไปรับและตีไทยใหญ่แตกพ่ายไป จนหน้าฝนตะเบงชเวตี้จึงสั่งให้ทหารทำนาและเกณฑ์ทหารเพิ่มจากเมืองมอญ เมื่อกองทัพยะไข่(อาระกัน)ยกมาช่วย บุเรงนองก็ออกไปดักซุ่มโจมตีจนต้องหนีไปเช่นกัน สุดท้ายเมืองแปรก็แตกและถูกลงโทษอย่างหนักเพราะเป็นเสี้ยนหนามมายาวนาน พระเจ้าแปร พระราชวงศ์ และขุนนางผู้ใหญ่ถูกประหารอย่างน่าอนาถ พระเจ้าตะเบงชเวตี้ตั้งน้องชายต่างมารดาของบุเรงนองเป็นพระเจ้าแปรนามสะโดธรรมราชา(ผู้ที่ชนช้างกับพระสุริโยทัย)
เมื่อกลับถึงหงสาวดีก็ทรงสถาปนาพุทธาวาสและเจดียสถานเพื่อแสวงบุญกุศลล้างบาปจากการสงคราม
พ.ศ. ๒๐๘๗ - ๘๘ โสหันพวา(เสือหาญฟ้า?)ซึ่งครองเมืองอังวะดุร้ายมากจึงเกิดกบฏ ขุนเมืองแงได้เป็นพระเจ้าอังวะ ได้ยกระดมหัวเมืองไทยใหญ่ยกมาตีแปรแต่ก็แตกพ่ายไป ตะเบงชเวตี้จึงยกทัพขึ้นเหนือตีดินแดนพม่าตอนบนคืนมาได้หมดแต่ยังมิได้อังวะ
ได้ทำพิธีราชาภิเษก เป็น “ราชาธิราช” จักรพรรดิผู้รวมพุกามประเทศ ที่เมืองพุกาม อันเป็นเมืองหลวงพม่าโบราณสมัยจักรวรรดิพุกาม จึงนับเป็นการเริ่มยุคจักรวรรดิที่ ๒ ของพม่า (ที่ ๓ คือ สมัยราชวงศ์อลองพญา พ.ศ. ๒๒๙๕ - ๒๔๒๘)
พ.ศ. ๒๐๘๙ - ๙๐ เจ้าเมืองทรางทวย หน้าด่านยะไข่ใต้ขอสวามิภักดิ์ แลจะนำกองทัพเข้าช่วยตียะไข่ โดยขอตำแหน่งเจ้าเมืองยะไข่เป็นรางวัล จึงเกิดสงครามกับยะไข่
พ.ศ. ๒๐๙๑ หลังจากล้อมยะไข่เป็นเวลานาน อีกทั้งมีข่าวอยุธยาฉวยโอกาสที่หงสาติดพันศึกยะไข่ยกทัพมาตีเมืองทวาย เมื่อยะไข่ส่งพระสงฆ์มาเจรจาหย่าศึก ตะเบงชเวตี้จึงยอมรับและสั่งเจ้าเมืองเมาตะมะให้เกณฑ์ทหารมอญและตะนาวศรีเพื่อยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาในสงครามคราวเสียสมเด็จพระศรีสุริโยทัย หลังจากล้อมกรุงจนเสบียงหมดเนื่องจากไม่ได้ตรียมการมาดีนัก จึงถอยทัพขึ้นทางเหนือตีได้หัวเมืองเหนือหลายเมือง โดยให้บุเรงนองเป็นกองระวังหลัง เมื่อกองทัพอยุธยาตามมาถึง ตะเบงชเวตี้รับสั่งให้รอทัพหลวงก่อนแต่แม่ทัพรองคนอื่นๆ ไม่ได้รับแจ้งจึงเข้าตี บุเรงนองเห็นเช่นนั้นเกรงคนครหาว่าขี้ขลาดไม่กล้าเข้าตี จึงยอมตายเพราะขัดราชโองการดีกว่า คิดดังนั้นก็ขัดรับสั่งเข้าตี ได้ชนช้างกับเหล่าเจ้านายและขุนนางไทยหลายคน ได้รับชัยชนะจับเชื้อพระวงศ์และขุนนางไทยได้ เมื่อตะเบงชเวตี้มาถึงจึงกริ้วมาก รับสั่งว่าเหตุใดจึงขัดราชโองการ เมื่อบุเรงนองชี้แจงเหตุผล จึงมิได้ทรงลงโทษ และได้รางวัลแก่แม่ทัพนายกอง โดยเฉพาะ มังเอิน ลูกชายของบุเรงนอง (มีศักดิ์เป็นหลานน้าตะเบงชเวตี้) ซึ่งอายุเพียง ๑๓ แต่แสดงความกล้าหาญในการสงครามเข้าช่วยพ่อ (บุเรงนอง) รบกับข้าศึก จึงพระราชทานนามให้ว่า มังไชยสิงห์ (ต่อมาคือ พระเจ้านันทบุเรง)
บันทึกการเข้า
พระยาสุเรนทร์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 71


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 28 พ.ค. 07, 06:45

***เพิ่มเติมครับ***
เมงเยสีหตู บิดาของบุเรงนองก็เป็นบุคคลที่พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้เคารพ โดยมีฐานะเป็นถึง พระอาจารย์ ที่ปรึกษา ขุนนางคนสำคัญ และมีสถานะอีกด้านเป็นพ่อตาของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ด้วย โดยบุตรสาวของเมงเยสีหตู เป็นมเหสีองค์หนึ่งของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้
(อาจจะเป็นไปได้เหมือนกันที่เมงเยสีหตู นามเดิมสิงคะสุ? จะเป็นคนปาดตาลมาก่อนตามตำนาน?)
บันทึกการเข้า
พระยาสุเรนทร์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 71


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 28 พ.ค. 07, 20:31

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากกระทู้ ว่าด้วยนามของผู้ชนะสิบทิศhttp://www.reurnthai.com/index.php?topic=2234.0
บันทึกการเข้า
พระยาสุเรนทร์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 71


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 29 พ.ค. 07, 00:58

พ.ศ. ๒๐๙๒ ตะเบงชเวตี้เจรจาหย่าศึกกับอยุธยาแล้วก็เสด็จกลับหงสาวดี แต่ศึกครั้งนี้เสียทหารพม่ารามัญมากมาย ตะเบงชเวตี้โทมนัสมากจนเปลี่ยนอัธยาศัยจากที่เคยแข็งขันในราชกิจ ไม่ลุ่มหลงในกามคุณ กลายเป็นคนขี้เมาหยำเปจนไม่สามารถว่าราชการได้ โดยมีหลานของเจมส์ ซอเรซนายทหารโปรตุเกสเป็นเพื่อนกินเหล้า
บุเรงนองจึงขับไล่ฝรั่งหนุ่มออกไปและพยายามรักษาบ้านเมืองไว้ มีขุนนางพม่ารามัญเชิญให้บุเรงนองครองราชย์แทนเพื่อประโยชน์แก่บ้านเมือง แต่บุเรงนองไม่ยอมด้วยจงรักภักดีต่อตะเบงชเวตี้เป็นอย่างยิ่ง
ฝ่ายพวกมอญที่ไม่พอใจที่ถูกพม่ากดขี่เกณฑ์คนไปทำสงครามไม่หยุดหย่อนจึงเห็นเป็นโอกาส โอรสพินยาราน(พญาราม)และเป็นน้องต่างมารดากับสการะวุตพีที่บวชอยู่ด้วยเกรงราชภัยจากพระเชษฐา ได้สึกออกมาเป็นหัวหน้ากบฏนามว่า สมิงทอราม(เตารามะ)
ตะเบงชเวตี้รับสั่งให้บุเรงนองไปปราบกบฏ บุเรงนองไม่วางใจในความปลอดภัยของตะเบงชเวตี้จึงทูลให้เจ้าลครอินท์คอยรักษาพระองค์ แต่ตะเบงชะเวตี้ไม่เชื่อบุเรงนองจึงต้องยกทัพไปด้วยความไม่สบายใจ
พ.ศ. ๒๐๙๓ สมิงสอตุดเจ้าเมืองจิตตอง(เป็นเชื้อวงศ์มอญ คนสนิทของตะเบงชะเวตี้ตำแหน่งว่ากรมวัง)ลอบเป็นมิตรกับสมิงทอราม และได้หลอกพระเจ้าตะเบงชเวตี้ว่ามีช้างเผือก ตะเบงชเวตี้จึงให้เจ้าลครอินท์ยกไปเตรียมการคล้องช้าง และพระองค์ก็ข้ามฟากไปตั้งค่ายที่บ้านกะสา สมิงสอตุดเห็นได้ทีจึงให้น้องชายที่รักษาพระองค์ฟันพระเศียรขาด เมื่อวันพุธ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๖ รวมพระชนม์ ๓๔ พรรษา สมิงสอตุดก็ได้ขึ้นครองหงสาวดี
สีหะสุ(สีหะตู) น้องชายต่างมารดาของบุเรงนองที่ได้เป็นพระเจ้าตองอูแทนบิดา(เมงเยสีหะตู, *สีหะตู=สีหะสุ=สิงคะสุ )ที่ตายไปเมื่อ ๒ ปีก่อน ได้หนีออกจากหงสาวดีที่ตนรักษาอยู่ไปตองอูและตั้งตัวเองเป็นอิสระนามว่าพระเจ้ามังฆ้อง(เมงข้อง) ฝ่ายสะโดธรรมราชา(นามเดิม นันทโยธา)น้องต่างมารดาอีกคนของบุเรงนองที่ได้เป็นพระเจ้าแปรก็ตั้งตนเป็นอิสระเช่นกัน
ฝ่ายบุเรงนองเมื่อได้รับชัยชนะ(แต่จับตัวสมิงทอรามไม่ได้) ก็ได้ทราบข่าวร้ายจึงรีบยกทัพกลับแต่ก็ไม่ทันการ ด้านกำลังทหารก็มีน้อยอีกทั้งชาวมอญก็รังเกียจจึงคิดจะยกไปตองอู บุเรงนองเดินทัพน้อยๆเลียบเมืองหงสาวดีแต่ไม่มีใครเข้าต่อตีด้วยเกรงฝีมือ เมื่อถึงตองอูน้องชายกลับไม่เปิดประตูให้ บุเรงนองจึงต้องถอยไปซ่องสุมผู้คนที่เชิงเขาแห่งหนึ่ง แต่ด้วยฝีมือและชื่อเสียงของบุเรงนองจึงมีผู้คนมาเข้าด้วยมากมาย บุเรงนองจึงยกทัพไปตองอูซึ่งน้องชายก็ยอมแพ้แต่โดยดี บุเรงนองก็ไม่ถือโทษให้ครองเมืองต่อไป จากนั้นยกไปเมืองแปรปรากฏว่าสะโดธรรมราชาหนีกบฏออกจากเมืองไป บุเรงนองจึงปราบกบฏและตามน้องชายมาครองเมืองตามเดิม จากนั้นบุเรงนองก็รวบรวมหัวเมืองในเวิ้งอิระวดีตอนบนได้หมดสิ้นจนถึงเมืองพุกาม ได้ปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์
ข้างหงสาวดีสมิงสอตุดครองเมืองด้วยความโหดร้ายอยู่ได้สามเดือน สมิงทอรามซึ่งหนีไปซ่องสุมผู้คนที่เมาะตะมะได้ยกทัพมาตีหงสาวดีได้ และจับสมิงสอตุดประหารเสีย จากนั้นก็ขึ้นครองหงสาวดีเป็นองค์สุดท้ายของราชวงศ์พระเจ้าฟ้ารั่ว(วาเรรุ-มะกะโท)

บันทึกการเข้า
พระยาสุเรนทร์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 71


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 01 มิ.ย. 07, 03:25

พ.ศ. ๒๐๙๔ บุเรงนองยกทัพจากตองอูเข้าตีหงสาวดี สมิงทอรามองอาจไม่ยอมอั้นพระองค์อยู่ในกำแพงจึงยกทัพออกไปรบแต่ก็พ่ายแพ้หนีไปอยู่เมาะตะมะ หลบหนีอยู่สามเดือนก็ถูกจับส่งมาสำเร็จโทษ แล้วขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าหงสาวดี ตั้งอนุชาต่างมารดาชื่อไชยนันทเป็นมางแรจอถิงเจ้าเมืองเมาะตะมะ ตั้งมังไชยสิงห์ราชโอรสเป็นมหาอุปราชา(คือพระเจ้านันทบุเรง)
พ.ศ. ๒๐๙๕ พระเจ้าอังวะองค์ใหม่โอรสขุนเมืองแงหนีมาพึ่งบุเรงนอง จึงยกไปตีอังวะครั้งแรกยังไม่ได้
พ.ศ. ๒๐๙๗ ยกไปตีได้เมืองอังวะจับพระเจ้านระบดีไปหงสาวดี และตั้งสะโดเมงสอราชบุตรเขยเป็นพระเจ้าอังวะ บุเรงนองอยู่อังวะหลายเดือนเพื่อดูอาการเจ้าฉาน(เงี้ยว-ไทยใหญ่)ทั้งหลาย
พ.ศ. ๒๑๐๐ ไทยใหญ่เกิดปัญหาแย่งชิงอำนาจ มีเจ้าตนหนึ่งร้องขอให้อังวะช่วย บุเรงนองจึงขึ้นไปประชุมพลที่อังวะและยกเข้าตีเมืองของเจ้าฟ้า(สอพวา)ไทยใหญ่ทั้งหลาย ทหารพม่ารามัญอยู่ที่ราบเขตร้อนไม่คุ้นเคยกับภูเขาเขตหนาวอันเป็นแหล่งหิมะ แต่ด้วยเห็นว่าบุเรงนองไม่ครั่นคร้ามเป็นตัวอย่างจึงเกิดกำลังใจรบพุ่งจนได้ชัยชนะ บุเรงนองให้แก้ไขพระศาสนาเพื่อให้ชาวไทยใหญ่ทั้งหลายนับถือพระรัตนตรัย และมีศาสนาแบบพม่ารวมทั้งยกเลิกการฆ่าสัตว์ฆ่าทาสบูชายัญ จนเลิกขาดในที่สุด
พ.ศ. ๒๑๐๑ ยกไปตีได้หัวเมืองไทยใหญ่ทั้งหมด ยกเว้นแสนหวี จากนั้นยกไปตีเชียงใหม่เพราะเชียงใหม่ช่วยเหลือเมืองนาย พระเจ้าเชียงใหม่ยอมอ่อนน้อมขอเป็นเมืองออก บุเรงนองสั่งให้พญาทะละคุมทหารกองหนึ่งคอยดูแลเชียงใหม่ และส่งช่างฝีมือต่างๆ พระสงฆ์ และพระไตรปิฎกไปหงสาวดี ส่วนพระองค์เสด็จไปลงโทษเจ้าฟ้าเมืองนาย ยองห้วย และยอกสอกที่เป็นกบฏ
เมื่อกลับถึงอังวะได้ทรงจัดระเบียบภาษีอากร เจ้าฟ้าไทยใหญ่ทั้งปวงก็เดินทางมาอ่อนน้อมจนหมดสิ้น ขณะนั้นมีข่าวพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งล้านช้าง ยกมาตีเชียงใหม่โดยมั พญาแพร่ น่าน ลำปาง เชียงราย และเชียงของร่วมด้วย จึงให้พระเจ้าอังวะไปปราบและได้รับชัยชนะ
พ.ศ. ๒๑๐๒ บุเรงนองกลับหงสาวดี และทำการบำรุงพระศาสนาขนานใหญ่ ปลูกฝังให้ราษฎรนับถือพุทธศาสนา ห้ามการฆ่าบูชายัญ แต่ก็มิได้กีดกันเบียดเบียนศาสนาอื่น
พ.ศ. ๒๑๐๕ เมืองน้อยตรงชายแดนจีนถูกจีนยุยง ยกทัพมาตีเมืองมีดเมืองออกของพม่า บุเรงนองจึงแต่งกองทัพไปปราบเป็นข้าขอบขัณฑสีมาและแก้ไขการศาสนาให้ในเมืองนั้นให้ดีขึ้น
พ.ศ. ๒๑๐๖ -๒๑๐๗ เกิดสงครามช้างเผือกกับกรุงศรีอยุธยา อยุธยาขอหย่าศึกโดยยอมส่งส่วย ช้าง ๓๐ เชือก เงิน ๓๐๐ ชั่งรวมทั้งภาษีปากเรือท่าเมืองตะนาวศรี ทุกปี และยังได้ช้างเผือก ๔ เชือกจาก ๗ เชือก รวมทั้งพระราเมศวร พระยาจักรี และพระสุนทรสงคราม (พม่าว่าเอาพระมหาจักรพรรดิไปด้วย) รวมทั้งช่างฝีมือต่างๆ ของอยุธยา
บันทึกการเข้า
พระยาสุเรนทร์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 71


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 01 มิ.ย. 07, 04:45

หลังศึกครั้งนี้ยังได้นำพระนเรศวรไปหงสาวดี และได้เลี้ยงดูพระองค์อย่างดีรวมทั้งได้สอนศิลปศาสตร์และพิชัยสงครามต่างๆ
เมื่อกลับถึงหงสาวดีโปรดให้สร้างเมืองใหม่เพราะระหว่างติดพันศึกอยุธยาเกิดกบฏ(แต่ปราบปรามได้)เผาเมืองเสียสิ้น เมืองใหม่นี้กว้างขวางใหญ่โตมากฝรั่งที่ได้มาหงสาวดีได้ยกย่องว่าเป็นเมืองที่ใหญ่โตมาก
พ.ศ. ๒๑๐๗-๘ ปราบกบฏล้านนา และกลับมาปราบกบฏเชลยไทยใหญ่ที่หงสาวดี
พ.ศ. ๒๑๐๘ รบชนะล้านช้างที่ช่วยล้านนากบฏ และทำการทำนุบำรุงศาสนาสมเป็นธรรมราชา
พ.ศ. ๒๑๑๑ พิษณุโลกยอมเป็นประเทศราชหงสาวดี เพราะถูกไทยกับลาวตีเนื่องจากโกรธที่พระมหาธรรมราชาไปทูลให้บุเรงนองทาชิงพระเทพกษัตรี
พ.ศ. ๒๑๑๑-๑๒ ตีได้กรุงศรีอยุธยา(พม่าบอกว่าพระมหาจักรพรรดิที่ถูกพาไปหงสาขอบวช แล้วลอบกลับมาที่กรุงศรีอยุธยาเพื่อก่อกบฏ) ตั้งพระมหาธรรมราชาเป็นกษัตริย์
ขณะที่บุเรงนองอยู่ที่อยุธยาเพื่อจัดการบ้านเมืองนั้น เขมรได้นำเครื่องราชบรรณาการมาขออ่อนน้อม
พ.ศ. ๒๑๑๒-๑๓ ยกไปตีล้านช้างโดยมีพระสุพรรณกัลยา(ที่พระมหาธรรมราชาถวายหลังครองกรุงศรีอยุธยา)โดยเสด็จด้วย ครั้งรี้ตีไม่สำเร็จ แต่ได้ตัวพระอุปราชและพระราชวงศ์ล้านช้างมาไว้หงสาวดี
พ.ศ. ๒๑๑๔ ปราบกบฏหัวเมืองไทยใหญ่
ปีนี้พระนเรศวรไปครองพิษณุโลก
พ.ศ. ๒๑๑๗ พระเจ้าไชยเชษฐาแห่งล้านช้างสวรรคตขณะไปตีเขมร บุเรงนองจึงยกไปตีล้านช้างเพื่อจะให้พระอุปราชลาวที่ทรงเลี้ยงได้ไว้เป็นกษัตริย์ ครั้งนี้ตีลาวได้สำเร็จ
(พระนเรศวรโดยเสด็จในการสงครามด้วยแต่ประชวรทรพิษ บุเรงนองจึงให้กลับ)
ได้เจ้าหญิงลังกาเป็นมเหส๊ (โปรตุเกสว่าเป็นแค่บุตรีขุนวัง)
พ.ศ. ๒๑๑๙ ปราบกบฏหัวเมืองไทยใหญ่ 
พระเจ้ากรุงโคลัมโบในลังกาขอให้บุเรงนองส่งทหารไปช่วยและได้ถวายพระเขี้ยวแก้วเป็นของตอบแทน(พระเขี้ยวแก้วถูกโปรตุเกสทำลายแต่ทำปาฏิหาริย์มาที่กรุงโคลัมโบ แต่พระเจ้ากรุงแคนดี้บอกว่าของจริงทำปาฏิหาริย์ไปที่กรุงแคนดี้ โดยพระเจ้ากรุงแคนดี้ก็ขอถวายพระเขี้ยวแก้วกับพระธิดาแต่บุเรงนองไม่รับ) บุเรงนองโสมนัสมากให้ทำพิธีอย่างยิ่งใหญ่
ในการนี้บุเรงนองและพระมเหสี(ตะเกงจี พระพี่นางต่างพระมารดาของตะเบงชเวตี้และเป็นพระมารดาของนันทบุเรง) ได้ตัดพระเกศาทำเป็นแส้ถวายพระเขี้ยวแก้ว
พ.ศ. ๒๑๒๒ ตั้งอนรธาเมงสอ(มังนรธาช่อ)ราชโอรส เป็นพระเจ้าเชียงใหม่
พ.ศ. ๒๑๒๓ ให้ยกทัพเรือไปตียะข่าย(ระแข่ง หรือ อาระกัน) ระหว่างทางเจอกองเรือกำปั่นโปรตุเกสได้รบกัน(โปรตุเกสไม่พอใจที่พม่าไปยุ่งในลังกา) กองเรือพม่าได้รับชัยชนะและยกพลขึ้นบกเข้าตีเมืองทรางทวย(สันโทเว)และยั้งทัพรอทัพบกที่บุเรงนองจะยกไปเอง
พ.ศ. ๒๑๒๔ ขณะเตรียมยกทัพหลวงไปตียะข่าย บุเรงนองก็สวรรคตเสียก่อนจึงต้องยกทัพกลับ
มหาอุปราชานันทบุเรงขึ้นครองราชย์แทน
บันทึกการเข้า
พระยาสุเรนทร์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 71


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 01 มิ.ย. 07, 04:51

บุเรงนองทรงมีพระโอรส ๓๘ องค์ พระธิดา ๕๙ องค์ จากพระมเหสีและพระสนมมากมายหลายพระองค์
โดยได้รับพระธิดาจากหลายนครเป็นมเหสี เช่น มอญ พม่า อยุธยา เชียงใหม่ ล้านช้าง ลังกา และหัวเมืองไทยใหญ่ เป็นต้น
บันทึกการเข้า
พระยาสุเรนทร์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 71


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 01 มิ.ย. 07, 05:17

พระเจ้าบุเรงนองกะยอดินนรธา ทรงเป็นพระเจ้าจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ได้รับสมญาว่าพระเจ้าชนะสิบทิศ
ทรงเป็นพระมหาธรรมราชาที่ทรงทศพิธราชธรรมได้รับการยกย่องจากนานาประเทศ ทรงทำนุบำรุงและเผยแผ่พระพุทธศาสนา ยกเลิกการฆ่าบูชายัญและความเชื่อที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ
ได้ประเทศราชคือ อยุธยา ล้านนา ล้านช้าง ไทยใหญ่ มอญ มณีปุระ(กะแซ) เขมร??? และ ยะข่าย???
ประเทศที่ไม่ใช่เมืองออกก็ยอมรับในพระราชอำนาจ เช่น ลังกา โปรตุเกส เขมร??? และ ยะข่าย???
ทรงเป็นผู้รวบรวมพม่าให้เป็นปึกแผ่น ได้รับการยกย่องให้เป็น ๑ ใน ๓ กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพม่า (อีกสองคือ อโนรธามังช่อ และ อลองพญา)
และชาวพม่าทั่วไปยังถือว่าพระองค์เป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์  (เช่นที่คนไทยทั่วไปรู้สึกกับพระนเรศวร)
บันทึกการเข้า
พระยาสุเรนทร์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 71


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 15 พ.ย. 08, 00:04

มีเรื่องของ พระเจ้าอนอกแพะลุน พระเจ้าหลานเธอใน พระเจ้าชนะสิบทิศบุเรงนอง

ที่กระทู้ด้านล่างนี้นะครับ

พระเจ้ามหาธรรมราชา อนอกแพะลุน
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.083 วินาที กับ 19 คำสั่ง