เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
อ่าน: 8181 อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
ส้มหวาน
บุคคลทั่วไป
 เมื่อ 31 ธ.ค. 00, 16:53

อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันและอาก๋งหลายๆคนต้องมาเมืองไทย คือว่าอาก๋งท่านมาเมื่อ ประมาณ  กว่าปีมาแล้วค่ะ ใช่เป็นช่วงเหตุการณ์สมัย ดอ็กเตอร์ ซุน ยัด เซ็น หรือเปล่าคะ แบบว่าไม่ค่อยแม่นประวัติศาสตร์จีนน่ะค่ะ บางทีก็สงสัยว่าเป็นช่วงสมัย ซูสีไทเฮาหรือเปล่า ไม่ทราบว่าท่าน ซูนี่กี่ปีมาแล้วคะ ใช่ตรงกับสมัย รัชกาลที่  5 หรือเปล่าคะ สงสัยจัง
บันทึกการเข้า
ส้มหวาน
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 15 ธ.ค. 00, 00:40

ขอโทษต่ะพิมพ์พลาดค่พ ปุ่มnum lock ไม่ขึ้น คือว่าอาก๋งมาเมืองไทยเมื่อ 50 กว่าปีมาแล้วค่ะ
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 15 ธ.ค. 00, 01:20

ถ้า 50 กว่าปีที่แล้ว ผมขอเดาว่า คุณก๋งคุณส้มหวานหนีคอมมิวนิสต์ของประธานเหมาเจ๋อตงมาครับ 50 กว่าปีนี่ กว่ามากไหมครับ

คอมมิวนิสต์ได้อำนาจรัฐในจีนปี 1949 แต่ประธานเหมากับท่านจอมพลเจียงไคเช็กรุกรบรับขับไล่กันมานานก่อนหน้านั้น แล้วก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ก๊กมินตั๋งกับคอมมิวนิสต์ทำสัญญาสงบศึกกัน ร่วมมือกันรบญี่ปุ่นที่รุกรานเข้ามาในจีน ช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2  พอญี่ปุ่นแพ้แล้ว (1945) สองจีนก็หันมารบกันต่อ  รบกันได้สามสี่ปีเจียงไคเช็กก็ต้องหนีลงทะเลไปไต้หวัน

ถ้าคุณก๋งมาเมืองไทยก่อนนั้นสักหน่อย อาจจะเป็นได้ว่าว่าหนีสงครามจีนญี่ปุ่นมาครับ

ที่ว่าคุณก๋งหนีคอมมิวนิสต์ผมอาจจะพูดเจาะจงไปหน่อย ควรจะกล่าวว่า หนีสงครามกลางเมืองระหว่างคอมมิวนิสต์กับก๊กมินตั๋งมากกว่า เพราะคนจีนธรรมดาจำนวนมากไม่ได้รู้เรื่องหรือสนใจการต่อสู้ทางอุดมการณ์ แต่ว่าเดือดร้อนจริงๆ เพราะสงครามกลางเมือง ก็หนีไปโพ้นทะเล ไม่ได้หนีจากฝ่ายใดฝ่ายหยึ่งเป็นพิเศษหรอก หนีสงครามเท่านั้นเอง

ส่วนสมัยปฏิวัติเก๊กเหม็งล้มราชวงศ์ชิง ของ ดร. ซุนยัดเซน นี่ ราวร้อยปีมาแล้วครับ เห็นจะตรงกับรัชสมัย ร. 5 ได้ ดร. ซุนทำปฏิวัติล้มล้างระบอบฮ่องเต้สถาปนาสาธารณรัฐจีนได้ เมื่อปี 1911 ก่อนที่จะทำสำเร็จนั้น บ้านเมืองจีนภายใต้ยุคสุดท้ายของราชวงศ์ชิงก็วุ่นวายอยู่พักใหญ่หลายปี คนจีนหนีความวุ่นวายออกนอกประเทศก็มีเหมือนกันในช่วงนั้น (ซูสีไทเฮาก็อยู่ปลายช่วงสมัยชิง)
และแม้แต่เมื่อหลังปี 1911 มาแล้วจีนก็ยังมีความวุ่นวายอยู่มากต่อมาอีกพักหนึ่ง มีขุนศึกตั้งตัวเป็นใหญ่ตามแถบต่างๆ ไม่ได้สงบสุขนักหรอกครับ
บันทึกการเข้า
พวงร้อย
สุครีพ
******
ตอบ: 904


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 15 ธ.ค. 00, 02:26

เท่าที่จำได้คร่าวๆนะคะ

ปีคศ 1911  ประเทศจีนกลายเป็นระบอบสาธารณรัฐ อย่างที่คุณนิลฯว่า
1917 สงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง
1924 ดร ซุนฯสิ้นชีวิตลง  เจียงไคเช็คขึ้นมานำพรรคก๊กมินตั๋ง
1927 เจียง ทรยศ ต่อพรรคคอมมิวนิสต์  โดยมีการกวาดล้างครั้งใหญ่  ทั้งฆ่าหมู่ ทั้งจับขัง  นักเรียน นักศึกษาจีนเป็นจำนวนมาก  หนีไปยังต่างประเทศ คือประเทศไทย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ฯลฯ  คนจีนที่มาเมืองไทยช่วงนี้  มีการศึกษา  จึงมาเป็นครูสอนหนังสือจีน  และความที่เคลื่อนไหวทำงานก้าวหน้ามาก่อน  ก็มา "ปลุกระดม" ลูกจีนในเมืองไทย  เป็นต้นเหตุให้เกิดความหวั่นไหวในทางการไทยว่า โรงเรียนจีนจะเป็นที่เผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์  ต่อมาก็มีการห้ามสอนภาษาจีนในโรงเรียนจีนนอกเหนือไปจากชั้น ป 4

หลังจากนั้นประเทศจีนก็บ้านเมืองระสำ่ระสาย  รัฐบลาลกลางก็แตกเป็นฝักเป็นฝ่าย  พวกคนมีอิทธิพลท้องถิ่น  ก็ตั้งตัวเป็นเจ้าพ่อ  มีการออกภาษี เก็บภาษี และตั้งกองทัพติดอาวุธกันเอง  คือแตกเป็นขุนศึก ก๊กต่างๆ  พรรคคอมมินิสต์ก็ลงใต้ดิน  เหมาก็เริ่มสะสมอำนาจ

1936 ญี่ปุ่นยึดแมนจูเรีย  ฆ่าฟันคนจีนท้องถิ่นล้มตายมาก  ไม่มีประเทศมหาอำนาจใดๆสนใจเอาความ  เพราะในยุโรปเองก็กำลังระอุอยู่
1939 (ไม่แน่ใจนะคะ)  พวกคอมมิวนิสต์ที่ลงไปในชนบท  ระดมชาวนามาต่อต้านญี่ปุ่น  ได้รับความนิยมจากกระแสรักชาติ  เจียง และพรรคก๊กมิ่นตั๋งเสื่อมความนับถือจากประชาชน  เพราะมัวแต่ไปหงอให้ญี่ปุ่น  และร่วมมือกับญี่ปุ่นปราบใหญ่พวกคอมมิวนอสต์  เหมาฯระดมให้เดินทางไกล  อพยพข้ามเทือกเขา เขตกันดาร  ไปตั้งหลักที่ เยนอาน

1941 สงครามโลกครั้งที่ 2 เยนอานเป็นฐานที่มั่นเต็มตัว  พรรคคอมมิวนิสต์ปกครองราวกับเป็นปะรเทศอิสระ

1945 สงครามโลกสิ้นสุดลง  เหตุการณ์ต่อมาก็เป็นอย่างที่คุณนิลกังขาเล่าไว้

เคยมีอาจารย์คนจีนที่มหาวิทยาลัย  เค้ามีลุงเป็นขุนศึกใหญ่ทางใต้  พวกเจ้าพ่อท้องถิ่นน่ะค่ะ  พ่อเค้าเป็นนักศึกษาวิชาการ  แต่เค้าเคยกลับไปเมืองจีนช่วงที่กำลังยุ่งๆ  ก็เล่าให้ฟังว่า  ลุงมีกองทัพของตัวเอง  ต้องหาเงินบำรุงกองทัพ  ต้องชิงไหวชิงพริบกับขุนศึกก๊กอื่น  หวุดหวิดเต็มทีก็หลายครั้ง  เผิญออกมาได้ด่อนสงครามเลิก  แต่ลุง และน้องสาวกับแม่ของเค้ายังติดอยู่เมืองจีน  ตัวเค้ากับพ่อออกมมาอเมริกา  กว่าจะได้กลับไปรับน้องกับแม่มา  ก็อีตั้งเกือบยี่สิบปีค่ะ

อาจจะมีข้อมูลผิดเยอะนะคะ  ไม่มีหนังสือให้ค้นตอนนี้  เลยมั่วๆเอาจากความจำทั้งนั้นค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 15 ธ.ค. 00, 09:18

กระทู้นี้น่าจะชื่อ "อยู่กับก๋ง" ฉบับเรือนไทย นะคะ
อ่านแล้วนึกถึงปู่ของปู่ของปู่ขึ้นมาเลยค่ะ
ใครพอจำได้ว่าระหว่าง พ.ศ. ๒๓๔๓ - ๒๓๖๘ เมืองจีนอยู่ในราชวงศ์อะไรคะ
ช่วงนั้นละค่ะ บรรพบุรุษของดิฉันเดินทางมาอยู่เมืองไทย
บันทึกการเข้า
อักกา
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 15 ธ.ค. 00, 10:50

ราชวงศ์ชิงเริ่ม พ.ศ.๒๑๘๗ (ค.ศ.๑๖๔๔) ถึง พ.ศ.๒๔๕๕ (ค.ศ. ๑๙๑๒) รัชกาลที่๕ สวรรคต พ.ศ.๒๔๕๓
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 15 ธ.ค. 00, 11:04

อ้อ  สมัยราชวงศ์ชิงนี่เอง ขอบคุณค่ะ
http://vcharkarn.com/reurnthai/uploaded_pics/reurnthai231x6.gif'>
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 15 ธ.ค. 00, 11:09

พ.ศ.2343 ตรงกับยุค ร.1 ของเราก็น่าจะเป็น รัชกาลคังซี(หรือคังฮี) นะครับ (แฟนกำลังภายในคงคุ้นเคยนะครับ)
ส่วนเรื่องการอพยพของชาวจีนมายังประเทศไทย ตั้งแต่ยุคพระเจ้าตากเป็นต้นมาส่วนใหญ่ที่อพยพมาเป็นชาวแต้จิ๋วครับ ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือสงครามก็มีแต่น่าจะนับเป็นส่วนน้อย จีนเป็นประเทศใหญ่ครับ ผลของการเมืองหรือสงครามไม่ได้เข้าไปถึงประชาชนส่วนใหญ่โดยตรงหรอกครับ (ถ้าจะมีก็เป็นผลข้างเคียง) ชาวแต้จิ๋วเองพื้นที่ทำนาอัตคัตเมื่อเทียบกับปริมาณคน นอกจากนี้ยังประสบภัยแล้งอยู่บ่อยๆ สาเหตุหลักของการอพยพจึงเป็นเรื่องของความอดอยากครับ
เรื่องของผลกระทบจากคอมมิวนิสต์ มีเกร็ดแปลกๆจะเล่าให้ฟังครับ ช่วงนั้นมีการปลุกระดมพวกลูกจีนให้กลับไปร่วมต่อสู้ครับ เป็นกระแสชาตินิยม ผมมีญาติผู้ใหญ่อย่างน้อยสองท่านที่อพยพกลับไปด้วยสาเหตุนี้ครับ ก็เพิ่งจะเสียชีวิตกันไปหมดเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง เท่าที่ทราบชีวิตก็ค่อนข้างจะลำบากครับ (เมื่อเทียบกับการเป็นคุณหนูอยู่ที่นี่) นอกจากนี้ยังมีกรณีลูกจีนในไทยที่บังเอิญเดินทางไปเมืองจีนช่วงนั้น แล้วติดสงคราม กลับไม่ได้ มีคนใกล้ตัวเลยครับ น้องชายของปู่ผมเอง ตกบันไดพลอยโจน เข้าร่วมในกองทัพแดง กลายเป็นคนจีนถาวรไปเลย เคยคุยกับท่าน ท่านเล่าว่าท่านค่อนข้างโชคดี ที่ได้เจ้านายเป็นคนดี และเข้าใจสถานภาพของท่าน เพราะคนจีนที่เกิดต่างถิ่นและเข้ามาในกองทัพนั้นถูกระแวงและประหารทิ้งไปเป็นจำนวนมากครับ ท่านก็เป็นนายทหาร(เล็กๆ)อยู่ในกองทัพจนเกษียณแหละครับ เรื่องที่น่าแปลกอีกเรื่องหนึ่งคือ ลูกชายคนหนึ่งของท่านแต่งงานกับลูกสาวนายพลคนหนึ่ง ซึ่งพอคุยกันก็ได้ทราบว่า นายพลท่านนั้นก็เป็นลูกจีนที่เกิดในไทยเช่นเดียวกันครับ
เรื่องแบบนี้ได้ยินบ่อยมาก รู้สึกอิจฉาคนสมัยก่อนที่มีโอกาสเดินทางโยกย้ายถิ่ฐานค่อนข้างอิสระนะครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 15 ธ.ค. 00, 11:40

ขอบคุณอีกคนค่ะคุณCrazyHOrse
คิดว่าคงอย่างที่เล่ามาละค่ะ  พวกแต้จิ๋วที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในไทย มาแบบเผชิญโชค  ตายเอาดาบหน้าเป็นส่วนใหญ่    เพราะอยู่ที่เดิมลำบากมาก
รัชกาลที่ ๓ ท่านมีนโยบายชวนคนจีนให้อพยพเข้ามาอยู่ในไทยมากขึ้นด้วย  เพื่อจะใช้แรงงาน และค้าขายในไทย
พวกช่างจีนก็มาช่วยทางด้านศิลปะตามวัดวาอารามต่างๆ
เข้ามาตอนนั้นก็ง่ายมากคือนั่งเรือสำเภามาถึงก็หาที่อยู่กันเอาเอง ไม่ต้องมีใบต่างด้าว ไม่มีพาสปอร์ต   จะมามีเมียเป็นหญิงไทยก็ได้คนไทยไม่ห้าม
เลยไม่กลับถิ่นเดิม  อยู่กันมาจนมีลูกมีหลานที่นี่กลายเป็นคนไทย
เดาว่าคุณปู่ของปู่ฯลฯ คงขึ้นฝั่งทางใต้ ก่อนเข้ากรุงเทพ  เพราะเล่าต่อกันมาว่าไปได้สัมปทานเป็นเจ้าภาษีรังนกนางแอ่น  ก็คงอยู่กันทางใต้แต่จังหวัดไหนไม่ทราบ
ลูกหลานไม่กินรังนก  เกรงใจมันค่ะ
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 15 ธ.ค. 00, 12:03

ขอโทษครับ เบลอไปนิด ไม่ใช่ คังซี ครับ น่าจะเป็น เฉียนหลง มากกว่า
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 15 ธ.ค. 00, 12:10

บรรพบุรุษคุณเทาชมพูเคยอยู่ทางใต้มาก่อนหรือครับ
ความจริงคนจีนทางใต้นี่จะมีสัดส่วน จีนแคะ จีนฮกเกี้ยน เป็นสัดส่วนสูงมากเมื่อเทียบกับทางภาคอื่นๆซึ่งจะเป็นคนแต่จิ๋วส่วนมาก(ไม่ได้หมายความว่าทางใต้แต้จิ๋วจะน้อยนะครับ แต่ไม่มากขนาด dominate ได้เหมือนในภาคอื่นๆน่ะครับ)
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 15 ธ.ค. 00, 12:32

เฉียนหลง-เคยเจอแต่ในทีวี
ถ้าคุณ CrazyHOrse พอมีเวลาว่าง เล่าเรื่องเฉียนหลงบนเรือนไทยได้ไหมคะ  
บทบาทฮ่องเต้องค์นี้ ดูมีสีสันมาก  อยากรู้ว่าในปวศ.จีน  เป็นยังงั้นหรือเปล่า

กลับมาถึงคำถามของคุณ
ศัพท์วิชาการเรียกว่าสันนิษฐาน ศัพท์นอกวิชาการเรียกว่าเดาค่ะ
เดา....ว่าเมื่อคุณปู่ของปู่ฯลฯ ได้สัมปทานรังนกก็คงเคยอยู่ทางใต้มาก่อน สมัยอพยพมาเมืองไทย
หรือจะอยู่กรุงเทพแต่ข้ามไปได้สัมปทานรังนกทางใต้ ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นไปได้หรือเปล่า
เป็นจีนแต้จิ๋วหรือแคะหรือฮกเกี้ยนก็เดาอีกละค่ะ  เดาว่าเป็นแต้จิ๋ว   เพราะท่านมีญาติเป็นพวกแซ่จิว
จิวเป็นคำออกเสียงแบบแต้จิ๋ว(?)  จีนกลางออกเสียงว่า โจว(?)
ลูกหลานต่อๆมา รู้ว่าดั้งเดิมมาจากจีน   แต่ไม่ได้ถือประเพณีจีน   ไม่ได้เรียนภาษาจีน    
เลยปะติดปะต่ออะไรไม่ค่อยได้
เป็นตัวอย่างของคนจีนที่กลืนมาเป็นไทยค่ะ เป๊ะเลย
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 15 ธ.ค. 00, 16:43

เรื่องปวศ.จีน รู้งูๆปลาๆครับ เล่าเป็นเรื่องเป็นราวคงไม่ไหว สงสัยต้องไหว้วานคุณ นกข. มากกว่าละมังครับ
เรื่องสัมปทานคุณปู่โจว ให้ผมเดาผมว่าน่าจะได้จากรัฐบาลท้องถิ่นมากกว่าครับ การให้สัมปทานจากส่วนกลางน่าจะเกิดเป็นระบบเมื่อมีการปรับปรุงระบบการปกครองหัวเมืองให้ดีขึ้นในยุค ร.4 - ร.5 นี่เองครับ
กรณีการกลืนคนจีนของคนไทยนี่ผมว่าน่าจะเป็นกรณีศึกษาเลย หายากมากที่คนจีนไปอยู่ในประเทศอื่นแล้วเปลี่ยนไปใช้นามสกุลแบบคนชาตินั้น ความรู้สึกนึกคิดก็ไม่(ค่อย)แบ่งแยก(นัก) ผมเองเรียนหนังสือจีนตอนเด็กๆอยู่ 9-10 ปี ไม่สนใจเอาซะเลย หลังจากนั้นไม่เคยแตะมากกว่า 15 ปี ความรู้คืนเหล่าซือไปหมด ตอนนี้รู้มากกว่าเด็กป.1 ไม่เท่าไรเลยครับ ยังดีพอมีวิชา เปิดพจนานุกรมจีนเป็นก็พอใช้ศึกษาได้บ้างครับ
ผมเป็นลูกหลานคนจีนที่ผสมกลมกลืนกับคนท้องถิ่นทั้งไทยและมอญ ถึงแม้ว่า90%จะเป็นจีน แต่ก็ภูมิใจในสายเลือดไทย และมอญ ของตัวเองไม่แตกต่างจากความเป็นจีนเลยครับ เชื่อว่านี่เป็นอิทธิพลพิเศษของเมืองไทยครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 15 ธ.ค. 00, 17:33

อะฮ้า ใครอยากทำกรณีศึกษาไทย-จีน ได้อาสาสมัครมาแล้ว ๒ คนแน่ๆ
ค่ะ  เคยเห็นคนจีนที่อินโดฯ กับชาวอินโดฯ เขาก็ไม่กลมกลืนกันนะคะ  เหมือนต่างคนต่างอยู่
สังเกตว่า ไม่ใช่แต่จีนนะคะที่ผสมกับคนไทยแล้วกลายเป็นไทย  ตอนเด็กๆมีเพื่อนที่มีเชื้อสายฝรั่งทางพ่อ  บอกว่าบรรพบุรุษมารับงานราชการในไทย สมัยปลายร. ๕  
หลานเหลนจนป่านนี้ยังผมแดงผิวขาว แต่ชื่อไทยนามสกุลไทย  อยู่แบบไทยกันทั้งบ้าน
ป๋าเบิร์ดของเรานี่ก็มาจากฝรั่งเหมือนกันนี่คะ  ดูนามสกุลซี
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 15 ธ.ค. 00, 23:08

ผมไม่ค่อยแน่ใจนักว่าผมเป็นอะไร จีน ไทย มอญ พม่า แขก ฝรั่ง ญวน เขมร ตะลุง ก็ "ออก" (แสดง) มาหมดแล้ว เกือบครบ 12ภาษาแล้วมั้ง... เหลือแต่ ข่า ญี่ปุ่น เงี้ยว ลาว ยังไม่ได้ออก คราวหน้าจะลองเล่นหมอลำ...
ทางพ่อ ท่านก๋งของคุณย่าผม เป็นจีนฮกเกี้ยนอยู่ทางใต้ครับ แต่สายคุณปู่นั้นเป็นไทยใต้ที่เป็นลูกหลานเหลนโหลนสืบมาจากมุสลิมชวา แต่ตกมาถึงรุ่นปู่ผมก็เป็นไทยไปนานแล้ว ทางแม่ เป็นไทยธรรมดา แต่ทราบเลาๆ ว่าคุณยายมีเชื้อพราหมณ์เมืองเพชรอยู่บ้าง นิดหน่อย เป็นอันว่าผมเป็นลูกหลานทั้งแขกพราหมณ์และแขกมุสลิม แต่หน้าตาตี๋ เพราะเชื้อท่านทวดก๋ง คือก๋งของคุณย่า แรง หรือนับรุ่นแล้วใกล้ผมมากกว่า หรือไงไม่ทราบ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.065 วินาที กับ 19 คำสั่ง