เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 5016 ประวัติศาสตร์การต่อสู้ของขบวนการปลดปล่อยปาตานี
Bana
องคต
*****
ตอบ: 439



 เมื่อ 21 พ.ค. 07, 21:00

ประวัติศาสตร์การต่อสู้ของขบวนการปลดปล่อยปาตานี
นับตั้งแต่การจัดตั้ง GAMPAR ขึ้นในดินแดนมาลายาของ เต็งกู มาห์มุด มายุดดิน และ PPM ในปาตานีโดย ฮัจยีสุหลง อับดุล กาเดร์ เมื่อช่วงภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ขบวนการปลดปล่อยตนเองของชาวมาเลย์มุสลิมก็ถูกจัดตั้งขึ้นอีกหลายกลุ่มด้วยกัน ซึ่งต่างมีเป้าหมายเพื่อปลดปล่อยดินแดนปาตานีให้เป็นเอกราชอย่างแท้จริง แตกต่างไปจาก GAMPAR ที่ต้องการต่อสู้เพื่อนำดินแดนปาตานีเข้าร่วมกับบรรดารัฐมาเลย์แห่งมาลายาที่ต่างอยู่ใต้การปกครองของอังกฤษในเวลานั้น
อาจกล่าวได้ว่าทั้งหลักการแห่งศาสนาอิสลามและแนวคิดเรื่องชาตินิยม ต่างมีส่วนสำคัญยิ่งในการหล่อหลอมให้เกิดกลุ่มนักชาตินิยมอิงศาสนา (Religious-oriented nationalism) ขึ้นในปาตานี และกลุ่มเกลียดชังชาวต่างเชื้อชาติ (Xenophobes) ที่ต้องการต่อสู้เพื่อความเป็นเอกราชอย่างสมบูรณ์ สำหรับพวกเขาแล้วสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดสำหรับศาสนาอิสลามก็คือ ในฐานะมุสลิมต้องต่อสู้เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามแนวทางแห่งอิสลามโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาต้องอยู่ในสถานะที่ถูกเอาเปรียบ ผู้ที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพและการปกครองตนเองจึงถูกถือว่าเป็นการต่อสู้ในหนทางของศาสนาอิสลาม
นอกจากนี้แนวคิดทางการเมืองของตะวันตกและหลักกฎหมายบางอย่าง ถูกมองว่า ขัดแย้งกับหลักการชาริอะห์ ดังนั้นการต่อสู้ของพวกเขาจึงเป็นอีกหนึ่งการกระทำเพื่อปกป้องศาสนาอิสลามโดยการสร้างสังคมที่อยู่บนฐานของหลักกฎหมายชาริอะห์ขึ้นมาใหม่ ซึ่งพวกเขาเห็นว่า เป็นคำสั่งจากพระผู้เป็นเจ้าที่ไม่สามารถปฏิเสธได้

บันทึกการเข้า
Bana
องคต
*****
ตอบ: 439



ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 21 พ.ค. 07, 21:05

กล่าวเฉพาะขบวนปลดปล่อยปาตานีที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในปัจจุบันมีจำนวนทั้งหมดถึง 8 กลุ่ม ได้แก่
1. แนวร่วมปลดปล่อยอิสลามปาตานี หรือ "บีไอพีพี" (Barisan Islam Pembebasan Patani -BIPP)
2. แนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ หรือ "บีอาร์เอ็น" (Barisan Revolusi Nasional -BRN)
3. องค์กรกู้เอกราชสหปาตานี หรือ "พูโล" (Patani United Liberation Organization -PULO)
4. สภาแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ "บีอาร์เอ็น-เค" (Barisan Revolusi Nasional-Kongres -BRN-K)
5. ขบวนการมูจาฮีดีนปาตานี หรือ "จีเอ็มพี" (Gerakan Mujahidin Patani -GMP)
6. ขบวนการอูลามาปาตานี หรือ "จียูพี" (Gerakan Ulama Patani -GUP) และ
7. ขบวนการมูจาฮีดินอิสลามปาตานี หรือ "จีเอ็มไอพี" (Gerakan Mujahidin Islam Patani -GMIP)
8. แนวร่วมเพื่อเอกราชแห่งปาตานี หรือ "เบอร์ซาตู" (Barisan Bersatu Kemerdekaan Patani -BERSATU)

จนกระทั่งในปี ค.ศ.1991 ได้มีข้อตกลงร่วมระหว่าง 6 กลุ่มแรกจัดตั้งองค์กรร่วม (Umbrella Organization) ใช้ชื่อว่า แนวร่วมเพื่อเอกราชแห่งปาตานี หรือ "เบอร์ซาตู" (Barisan Bersatu Kemerdekaan Patani -BERSATU) ซึ่งในปัจจุบันได้ถูกกล่าวหาอย่างต่อเนื่องจากรัฐบาลไทยว่าเป็นกลุ่มที่กำลังเคลื่อนไหวสร้างความรุนแรงขึ้นในพื้นที่
บันทึกการเข้า
Bana
องคต
*****
ตอบ: 439



ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 21 พ.ค. 07, 21:24

ถึงแม้ว่าขบวนการปลดปล่อยปาตานีเหล่านี้ มีความแตกต่างกันอยู่บ้างทั้งในแง่มุมของอุดมการณ์ ยุทธวิธี และสมาชิกของกลุ่ม ขบวนการทั้งหมดนี้ต่างมองรัฐบาลไทยว่าเป็นอำนาจอาณานิคม ขบวนการเหล่านี้จึงเน้นการถืออาวุธต่อสู้เพื่อให้บรรลุถึงความเป็นเอกราช ในช่วงระหว่างปี ค.ศ.1970-1975 (พ.ศ. 2513 - 2518) การปฏิบัติการแบบกองโจรของขบวนการเหล่านี้ปฏิบัติการแข็งขันมาก

กล่าวได้ว่าชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อิทธิพลของขบวนการในจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา จำนวนมากเข้าร่วมกับฝ่ายขบวนการปลดปล่อยต่างๆ ไม่โดยทางตรงก็โดยทางอ้อม โดยที่ชาวบ้านเหล่านั้นจะได้รับคำเตือนจากกลุ่มขบวนการถึง "วายิบ" (ข้อผูกมัด) สำหรับพวกเขาที่ต้องเข้าร่วมในการต่อสู้ และมีการหยิบยกเอา "ฮาดิษ" (ตัวบท) ของท่านศาสดาที่เล่าโดย อาบี ซาอิด อัล-ค๊อดรี (Abi Said al-Khudri) ถ้อยความว่า "ผู้ศรัทธาที่ดีที่สุดในหมู่พวกเจ้าคือ ผู้ที่ต่อสู้ในหนทางของพระผู้เป็นเจ้าด้วยทรัพย์สินของเขาและชีวิตของเขา"

ในช่วงที่มีการต่อต้านอำนาจรัฐไทยอย่างเข้มแข็งที่สุดของชาวมุสลิมเชื้อสายมาเลย์ระหว่างปี ค.ศ.1968-1975 (พ.ศ. 2511 - 2518) รัฐบาลไทยจัดส่งหน่วยปฏิบัติการทางอาวุธที่เป็นกองทหาร ตำรวจ และอาสาสมัคร จำนวนมากเข้าไปในพื้นที่ ข้อมูลของทางการไทยรายงานว่ามีการปะทะกับกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่ถึง 385 ครั้ง มีจำนวนชาวมาเลย์มุสลิมเสียชีวิตรวม 329 ราย ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐไทยเสียชีวิต 165 ราย มีผู้ถูกจับกุม 1,208 ราย ยึดอาวุธชนิดต่างๆ ได้ 1,546 รายการ และทำลายหน่วยที่ตั้งหรือค่ายของฝ่ายกองโจรลงได้ 250 ค่าย

กล่าวได้ว่ารัฐบาลไทยได้ใช้หลากหลายยุทธวิธีทั้งการปราบปราม และจิตวิทยาจูงใจในการต่อสู้กับขบวนการปลดปล่อยปาตานีเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)เป็นฝ่ายดำเนินการในพื้นที่ ร่วมกับมาตรการทางอาวุธที่มีกองทัพภาคที่ 4 เป็นฝ่ายดำเนินการ เพื่อแยกภารกิจออกตามยุทธวิธีในการต่อสู้เพื่อเอาชนะขบวนการแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ให้ได้ และมีการใช้วิธีการเปิดเจรจากับฝ่ายขบวนการต่างๆ ในระดับกลุ่มอย่างเป็นทางการและการเจรจาหรือชักจูงใจเป็นรายบุคคล

อาจพิจารณาได้ว่าแนวทางการเปิดเจรจาเป็นทางการประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เนื่องจากมีบางกลุ่มยอมยุติการเคลื่อนไหวไปบ้าง แต่ทว่ากลุ่มที่ยอมจำนนเหล่านั้นมักจะเป็นเพียงแนวร่วมหรือเป็นผู้หลบหนีคดีอาญา มิใช่สมาชิกระดับผู้ปฏิบัติการแต่อย่างใด ส่วนกรณีของการใช้วิธีการจูงใจนั้น เจ้าหน้าที่ทางการไทยมุ่งเป้าหมายไปที่ผู้ปฏิบัติการหรือระดับแกนนำของกลุ่ม ซึ่งไม่อาจจะประสบความสำเร็จมากนัก อันเนื่องจากกลไกภายในขบวนการ ไม่ได้รวมศูนย์อำนาจไว้ให้ระดับแกนนำเหล่านั้นสามารถชี้นำได้อย่างเบ็ดเสร็จจนเกิดผลตามที่ต้องการได้

(อ่านเพื่อเข้าใจในบางส่วนนะครับ ไม่มุ่งซีเรียสมากนัก เพื่อรู้ที่มาที่ไปจะได้ช่วยวิเคราะห์ หรือหาทางแก้ไข) แลบลิ้น
บันทึกการเข้า
natch
อสุรผัด
*
ตอบ: 11

ทำของให้สวยและดี


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 07 มิ.ย. 07, 08:55

ไม่ได้มีความเข้าใจอะไรกับเขาหรอก แต่สงสัยว่าทำไมต้องเผาโรงเรียน ตัวเองโหดแล้วอยากให้ลูกหลานทั้งโหดทั้งโง่อีก... เศร้าใจว่าเด็กๆเกี่ยวอะไรด้วย
บันทึกการเข้า

ถ้าเด็กเกิดหนึ่งคน ปลูกต้นไม้อีกหนึ่งต้น ก็คงจะดี...
Bana
องคต
*****
ตอบ: 439



ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 12 มิ.ย. 07, 02:22

ขออภัยที่งานยุ่งไม่ได้เข้ามาดูที่กระทู้
เป็นการเข้าใจยากครับถ้าเราไม่เริ่มรู้ที่มาที่ไปบ้าง  และการสั่งสมของปัญหาในระยะต่างๆของประวัติศาสตร์การต่อสู้  สิ่งที่เกิดขึ้นและที่เรารู้เห็นในปัจจุบันตามข่าว  คือภาพหนึ่งของการต่อสู้ที่ทำให้เรารู้ว่ามันยังคงเป็นอยู่  และเคยเป็นมานานแล้ว  แล้วจะเป็นไปอีกนานเท่าใด  มันเป็นเรื่องน่าเศร้าจริงๆครับ  เพราะเรารับรู้แต่เรื่องของความสุขสงบบนแผ่นดินของเรา  โดยไม่เคยได้รับรู้ถึงสิ่งที่มันครุกกรุ่นอยู่ภายใต้ความสงบสุขนั้น  อยากให้มีการแก้ไขกันอย่างจริงจังครับ  เพราะวิธีการเริ่มเลวร้ายโหดเหี้ยมอุกอาจ  เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนหวั่นวิตกร่วมกัน  แต่ไม่เคยปรากฏความชัดเจนในความคืบหน้าของการแก้ปัญหาอะไรเลย  อยากให้สงบโดยเร็วเหมือนทุกคนครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 13 มิ.ย. 07, 10:14

คุณ Bana น่าจะมีความรู้เรื่องนี้ดี
หลัง 1975 มาจนถึง 1991  เป็นระยะสงบไปแล้ว   นับว่านานพอสมควร
ชนิดที่ว่าเด็กคนหนึ่งเกิดปี 1975  เขาก็เป็นหนุ่มอายุ 16 แล้วเมื่อถึง 1991 ใครที่เป็นชายฉกรรจ์อายุ 40  ก็มาเป็นคนแก่อายุ 56 แล้ว
จากนั้นปัญหาถึงเริ่มขึ้นมาใหม่   แสดงว่าเป็นคนละขบวนการกันใช่ไหมคะ
บันทึกการเข้า
Bana
องคต
*****
ตอบ: 439



ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 13 มิ.ย. 07, 13:22

ครับที่ว่าสงบ  คือมีความครุกรุ่นอยู่ครับ  มันเกี่ยวกับความแข็งแรงของบ้านเมือง และสภาพของโลกโดยรวมครับ  สรุปได้ว่าไม่เคยสงบทุกอย่างเหมือนเดิม  แต่วิธีการและจังหวะเวลาเปลี่ยนไปเท่านั้นครับอาจารย์
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.052 วินาที กับ 19 คำสั่ง