อย่างที่ ๓ ซึ่งว่ารู้แล้วว่าเป็นทางมาของความตายแต่เว้นไม่ได้ จำต้องทำเพราะเหตุหลายประการนั้น มีตัวอย่างกว้างขวางมากเกือบจะไม่ต้องยกขึ้นพรรณนา จะว่าแต่ย่อ ๆ อย่างต่ำที่สุดแต่เพียงรู้ว่าถ้าตื่นเช้า นอนหัวค่ำจะทำให้มีกำลังวังชาดีกว่านอนดึกตื่นสายจนได้ลองแล้วนึกว่าจะทำก็ทำไปไม่ได้ เพราะอะไร ๆ จิปาถะร้อยอย่างสำหรับที่จะชักลงไปหาทางที่จะระวังอยู่แล้วว่าถ้าขืนอย่างนี้คงจะตาย แต่มิใช่มีอะไรบังคับว่าถ้าไม่ทำเช่นนั้นไม่ได้ เป็นเพราะความสุขในการประพฤติเช่นนั้นเล็กน้อยในปัจจุบัน ทำให้เผลอไม่กลัวความตายได้โดยความประมาท คือยังเช่นอ่านหนังสือค้างอยู่อีกนิดเถอะ อีกนิดเถอะ เมื่ออีกนิดหนึ่งอ่านหนังสือไปได้เท่าใด ก็ให้ความสบายทุกอีกนิดหนึ่ง แต่ใกล้เข้าไปข้างความตายทุกอีกนิดหนึ่งเหมือนกัน แต่ความตายอยู่ทางไกล ความสุขอยู่ทางใกล้ ทำให้เผลอหลงไปตามความสุขนั้น จนเป็นเครื่องร่อยหรอแก่อายุได้ นี่เป็นตัวอย่างที่ไม่อยากจะพูดถึงเหตุการณ์อันร้ายกาจที่ไม่น่าจะเอาไปไว้ในหนังสือเช่นนี้ เช่นกับปีนกำแพงวัง เป็นผู้ร้ายปล้นสูบฝิ่นกินเหล้าเมาเหลือเกิน และอะไร ๆ ต่าง ๆ นับไม่ถ้วน ล้วนแต่รู้แล้ว และยังไม่ได้มีเครื่องสำหรับล่อให้ไปตามใกล้เข้าข้างความตายทั้งสิ้น นี่เป็นเครื่องที่จะทำให้รักษาชีวิตยืนยาวไปไม่ได้เป็นที่ ๓
อย่างที่ ๔ ซึ่งรู้แล้วว่าเป็นทางของความตายแต่จำต้องทำนั้น เหมือนอย่างกับทหารที่จะต้องเข้าสู้ศึกสงคราม เมื่อมีพวกหนึ่งถืออาวุธมาคอยจะยิงจะแทงฟันตัวอยู่ รู้แล้วว่าเป็นเครื่องสำหรับทำให้ตายแต่ต้องฝ่าฝืนเข้าไปเพื่อจะเอาชัยชนะเพราะเป็นการฉลองพระเดชพระคุณเจ้านาย และเป็นการรักษาบ้านเมืองรักษาความสุขของเพื่อนมนุษยชาติเดียวกัน ฤๅตัวเจ็บไข้อยู่ แต่มีราชการหลวง ฤๅบิดามารดาบุตรภรรยาป่วยไข้ ฤๅต้องอันตรายอันใดจำต้องไปรับราชการและป้องกันรักษา เพื่อจะให้เจ้านายและบิดามารดาบุตรภรรยาพ้นจากอันตราย ฤๅเห็นคนทั้งปวงนั้นติดกับเป็นโรคปัจจุบัน ที่รู้ว่าไข้เช่นนั้นรักษาได้แต่เห็นว่าไม่มีผู้ใดดูแลรักษาคนไข้นั้นได้ทุกขเวทนาเข้าไปช่วยรักษา คลุกคลีอยู่ใกล้คนไข้ อย่างนี้ก็ต้องเป็นการจำเป็นที่จะต้องเข้าไปใกล้ความตาย นับเป็นอย่างที่ ๔
เพราะฉะนั้น การที่จะรักษาชีวิตตามที่ว่า ถ้ามนุษย์รักษาชีวิตดี ๆ อยู่แล้ว จะอยู่จนแก่หงำได้เป็นธรรมดานั้น มีเครื่องกีดกั้นอยู่มากเช่นว่ามาแล้วจึงรักษาชีวิตไปจนแก่หงำไม่ได้โดยมาก ต้องอาศัยความเผอิญช่วยการป้องกันรักษาด้วย จึงได้รอดอยู่ได้จนแก่หงำบ้าง น้อยกว่าผู้ที่ตายเสียแต่หนุ่มแต่สาว แต่ถ้าจะว่าถึงความดีความชั่วในการรักษาชีวิตแล้ว อย่างที่ ๑ ที่ ๒ นั้น เป็นธรรมดาอยู่เอง แต่อย่างที่ ๓ เป็นการที่ควรรักษาตามทางซึ่งเห็นเครื่องจะให้อายุยืน หลีกละทางให้เต็มกำลังโดยความตั้งใจที่จะทำได้ แต่ในที่ ๔ นั้นเป็นการจำเป็นที่จะต้องทำถึงจะเป็นทางมาของการที่อายุสั้นก็ยอมให้สั้นดีกว่ายาว เพราะคนเกิดมาจะว่าอายุเป็นสำคัญกว่าการที่จะทำว่าไม่ได้ ผู้ที่มีอายุอยู่จนแก่ชราถึง ๙๐ ฤๅ ๑๐๐ เมื่อตายแล้วสูญชื่อในทันทีมีโดยมาก แต่ผู้ซึ่งมีอายุเพียง ๒๐ เศษ ๓๐ ปี มีชื่อเสียงที่ชนภายหลังรู้จักไปอีกหลาย ๆ หลายพันปี มีอยู่แต่น้อย ควรจะนับว่าผู้ที่มีอายุสั้นแต่มีชื่อเสียงอยู่นานนั้นมีอายุยืนหลายพันปี ดีกว่าผู้ที่มีอายุ ๑๐๐ ด้วยประการฉะนี้แลฯ
บางปะอิน วันจันทร์ เดือนหก ขึ้นหกค่ำ
ปีชวดสัมฤทธิศก ศักราช ๑๒๕๐
ที่มา:ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๘ ฉบับที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๐ หน้า ๑๔-๑๖