ติหลาอรสา
มัจฉานุ
 
ตอบ: 60
เป็นนักเขียน นักแปล นักอ่าน
นักนอนและนักกิน
|
ความคิดเห็นที่ 240 เมื่อ 10 ต.ค. 06, 22:22
|
|
ขอบคุณที่อาจารย์ที่แนะนำค่ะ เป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดถึงแม้แต่น้อย ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CrazyHOrse
|
ความคิดเห็นที่ 241 เมื่อ 10 ต.ค. 06, 23:42
|
|
คุยกันสนุกดีครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
|
|
|
ติหลาอรสา
มัจฉานุ
 
ตอบ: 60
เป็นนักเขียน นักแปล นักอ่าน
นักนอนและนักกิน
|
ความคิดเห็นที่ 242 เมื่อ 11 ต.ค. 06, 01:52
|
|
 When We Two Parted - Lord Byron
When we two parted
In silence and tears,
Half broken-hearted
To sever for years,
Pale grew thy cheek and cold,
Colder thy kiss;
Truly that hour foretold
Sorrow to this.
The dew of the morning
Sunk chill on my brow--
It felt like the warning
Of what I feel now.
Thy vows are all broken,
And light is thy fame;
I hear thy name spoken,
And share in its shame.
They name thee before me,
A knell to mine ear;
A shudder comes o'er me--
Why wert thou so dear?
They know not I knew thee,
Who knew thee too well:--
Long, long shall I rue thee,
Too deeply to tell.
In secret we met--
In silence I grieve
That thy heart could forget,
Thy spirit deceive.
If I should meet thee
After long years,
How should I greet thee?--
With silence and tears.
เมื่อเราสองจากกัน
เมื่อเราสอง..ต้องจากกัน
นิ่งงัน, น้ำตา ท้นเอ่อ
ครึ่งใจสลาย อีกครึ่งเพ้อ
จะไม่เจอกัน นานปี
สองแก้มเจ้าสลดสี เย็นเฉียบ
ยะเยียบกว่า ยามจูบลาพี่
จริงดั่งทาย พลัดพราย ชั่วชีวี
จากนี้ เจ็บยิ่ง ถึงวิญญาณ
น้ำค้างหยาด ยามรุ่งสาง
พรมพร่าง หลังไหล่ ไหวสะท้าน
หากอุ่นกว่า เหมันต์ ในดวงมาน
รอนราน หนาวเหน็บ เจ็บรุมเร้า
ยินว่านางลืมสัญญามั่น
เขาโจษจัน รักเร่ คือนามเจ้า
ชนขานไข อื้ออึง มิบรรเบา
พี่โศกซ้ำ ช้ำและอาย
เขาเอ่ยนามเจ้า พี่นิ่งฟัง
ดั่งกระหึ่มระฆัง กระทบโสตสลาย
ระริกระริว สั่นเทิ้มทั้งกาย
ถามมิวาย ทำไมหลงจนลานลน
เขาเอ่ยนามเจ้า ต่อพี่
ผู้ที่รู้จัก , รักเจ้าอย่างลึกล้น
ร้อยปีผ่าน? สวาทยังไหม้ ในกมล
แผลเป็น บนเนื้อใจ ไม่ลบเลือน
รักลับ เคยรื่นรมย์ เพียงสอง
วันนี้ต้อง น้ำตาเปื้อน
แน่แล้ว ใจเจ้า ลืมเลือน
รักเจ้าหลอน เคลื่อนคลอนคลาย
หากพบ สบพักตร์ อีกสักครั้ง
หลังจากกัน แสนกัปป์ ลับหาย
งกเงิ่น ทำอย่างไร จะทักทาย
คง...น้ำตาพราย นิ่งงัน เหมือนวันลา…
เอากลอนที่แปลไว้แต่เดิมมาฝาก
ของ Lord Byron - When we two parted..
ชอบมากค่ะ
ชอบความเศร้าแบบนี้ มันจิ๊ดไปถึงขั้วหัวใจ
อยากเขียนอะไรที่มันเศร้าจิ๊ดแบบนี้แหละค่ะ
พยายามยังไงก็ไม่สำเร็จ
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
ติหลาอรสา
มัจฉานุ
 
ตอบ: 60
เป็นนักเขียน นักแปล นักอ่าน
นักนอนและนักกิน
|
ความคิดเห็นที่ 245 เมื่อ 11 ต.ค. 06, 11:13
|
|
เราว่ารักที่ผู้คนชี้นิ้วรุมประณาม น่าสนใจและซับซ้อนกว่ารักของคนปกติ เพราะมันถูกหล่อเลี้ยงด้วยสามสิ่งนี้ ความกระหายในรักอย่างฟั่นเฟือน, ความท้าทายของกบฏ และอารมณ์หฤหรรษ์จากทุกข์ที่กัดกร่อนกินอยู่ข้างใน คนพวกนี้แม้รู้ว่าน้ำในแก้วข้างหน้ามิใช่น้ำอมฤต หากแต่เป็นกรดกำมะถันจากกระทะทองแดง เขาก็จะคว้าเอาไปดื่มอย่างหน้าตาเฉย หากว่ามันจะทำให้พวกเขาบรรลุยังจุดสุดยอดแห่งความรักที่ไม่มีใครได้เคยไปถึงมาก่อนเลย......
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติหลาอรสา
มัจฉานุ
 
ตอบ: 60
เป็นนักเขียน นักแปล นักอ่าน
นักนอนและนักกิน
|
ความคิดเห็นที่ 246 เมื่อ 11 ต.ค. 06, 11:40
|
|
ดาวร่วงจากห้วงฟ้า เขาเก็บมาไว้ในกระเป๋า โศกซึ้งจึ่งได้บรรเทา ดูดาวระยิบพริบพราว
ยามฉัน เศร้าซึม ดื่มทุกข์ อกจุก ใจตื้อ สะดือหนาว ขอเพียงกอดน้องหมาหูยาว รวดร้าวแปรเป็นเบิกบาน
นึกต่อไม่ออกแล้ว จบแค่นี้ดีกว่า ชอบบทนี้ของคุณเทาชมพูมากค่ะ อ่านแล้วใจเป็นสุขดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
OBORO
ชมพูพาน
  
ตอบ: 158
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เมเจอร์ฟิสิกส์
|
ความคิดเห็นที่ 248 เมื่อ 11 ต.ค. 06, 13:15
|
|
!!สะดือหนาว?!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ติหลาอรสา
มัจฉานุ
 
ตอบ: 60
เป็นนักเขียน นักแปล นักอ่าน
นักนอนและนักกิน
|
ความคิดเห็นที่ 249 เมื่อ 11 ต.ค. 06, 13:16
|
|
252 คิดเอาเองค่ะ ชอบอ่านเรื่องรักแบบนี้ คุณเทาชมพูต้องเคยอ่านนิยายของ Carson Mccullors มาบ้างแน่เลย อย่าง Ballad of the Sad Cafe, the Heart is a Lonely Hunter หรือ the Reflection in the Golden Eyes ตัวละครในนั้นรักแบบพิกลพิการ วิกลจริต ขื่นขมและรวดร้าว แต่ก็ยังดันทุรังรัก เพราะว่ามนุษย์เกิดมาให้ต้องรักและถูกรัก แม้ว่าจะไม่ได้เกิดทั้งสองอย่างในครั้งคราวเดียวกันก็เถอะ
The Heart is a Lonely Hunter มีโครงการหลายปีแล้วว่าจะแปล ให้ชื่อไทยแล้วด้วยว่า "หัวใจฤคือพรานผู้เปล่าเปลี่ยว" ให้ทัทเทิ่ลโมริ บริษัทนายหน้าขอลิขสิทธิ์ติดต่อไปแล้ว แต่สำนักพิมพ์เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ยอมติดต่อมาเลยแห้วไป อยากแปลมากถึงมากที่สุด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CrazyHOrse
|
ความคิดเห็นที่ 250 เมื่อ 11 ต.ค. 06, 13:43
|
|
อ่านสนุกและไม่รังเกียจจนนิดเดียว
ดีเสียอีกที่มาคุยกันให้กระทู้นี้มีสีสัน มีชีวิตชีวาขึ้นเป็นกอง
ได้ข้อมูลและแรงบันดาลใจที่จะเขียนอะไรอีกเยอะแยะครับ
เสียดายแต่ว่าผมอ่านน้อย และไม่เคยเขียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาสักที นิยายอ่านเยอะแค่สมัยประถมกับม.ต้น หลังจากนั้นดันเอาเวลาไปหมกมุ่นกับภาษาอมนุษย์เสียนาน
ได้ยินได้ฟังมากๆเข้าเผื่อไฟจะติด ลุกขึ้นมาเขียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราวบ้าง
อย่างที่อ.เทาชมพูว่า
"งานประพันธ์ไม่ว่าบทกวี นวนิยาย เรื่องสั้น บทละคร เป็นเรื่องของลางเนื้อชอบลางยา ถ้าหากว่ามีคนจำนวนมากมายชอบเรื่องนั้น ก็ออกมาเป็น"เบสต์เซลเลอร์" ถ้าหากว่าส่งประกวดแล้วกรรมการชอบ ก็เป็นงานได้รางวัล บางเรื่องก็ได้ทั้งสองอย่าง บางเรื่องก็ได้อย่างเดียว"
หรืออาจจะไม่ได้เลยสักอย่างเดียว...
เพราะตัวเองชอบอยู่คนเดียว
ก็ยังดีที่ได้ลงมือทำ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
|
|
|
OBORO
ชมพูพาน
  
ตอบ: 158
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เมเจอร์ฟิสิกส์
|
ความคิดเห็นที่ 251 เมื่อ 11 ต.ค. 06, 14:30
|
|
 HAVE I TOLD YOU LATELY Have I told you lately that I love you Have I told you theres no one else above you Fill my heart with gladness Take away all my sadness Ease my troubles thats what you do
For the morning sun in all its glory Greets the day with hope and comfort too You fill my life with laughter And somehow you make it better Ease my troubles thats what you do Theres a love thats divine And its yours and its mine like the sun And at the end of the day We should give thanks and pray To the one, to the one
Have I told you lately that I love you Have I told you theres no one else above you Fill my heart with gladness Take away all my sadness Ease my troubles thats what you do
Theres a love thats divine And its yours and its mine like the sun And at the end of the day We should give thanks and pray To the one, to the one
And have I told you lately that I love you Have I told you theres no one else above you You fill my heart with gladness Take away my sadness Ease my troubles thats what you do Take away all my sadness Fill my life with gladness Ease my troubles thats what you do Take away all my sadness Fill my life with gladness Ease my troubles thats what you do (โดย van morrison)
ฉันเคยไหมที่ได้เอ่ยเผยว่ารัก ให้ประจักษ์รักจริงยิ่งสิ่งไหน เคยบอกไหมไม่มีเลยไม่มีใคร ทั้งฤทัยมอบไว้ให้เพียงเธอ
รักเธอนี้เติมใจให้เป็นสุข มลายทุกข์ปลุกฝันฉันเสมอ ยินดีนักยินดีที่พบเจอ รักของเธอลบช้ำระกำทน
พระอาทิตย์แจ่มตาเมื่อฟ้าสาง ทอสว่างรวิผลิช่อผล รับวันใหม่เปี่ยมแรงใจรสสุคนธ์ เธอเติมมนตร์ในใจฉันทุกวันเลย
เธอเติมเสียงหัวเราะให้ชีวีต จนดวงจิตของฉันไม่เมินเฉย แช่มชื่นจิตเบิกอุรามิเคยเลย เธอเฉลยความสุขปลุกชีวัน
ทุกๆสิ่งที่เธอทำประเสริฐยิ่ง รักแท้จริงเพริศพริ้งยิ่งสวรรค์ รักของเธอของฉันดุจตะวัน สิ้นสุดวันร่วมกันย้ำพร่ำภาวนา
ฉันเคยไหมที่ได้เอ่ยเฉลยรัก ให้ประจักษ์รักจริงยิ่งใครหนา เคยพูดไหมไม่มีเลยในอุรา ให้ยุพาหมดแล้วแก้วหทัย
รักนี้ดุจสวรรค์ฉันเฝ้าหวง รักไม่ลวงเธอกับฉันนั้นหลงใหล ดุจอาทิตย์ทอสว่างวาบกลางใจ สิ้นแสงไปเราสองพร้องขอบคุณ
...ยามสุดท้ายแสงมลายหายฉะนั้น สิ้นตะวันเธอและฉันนิรันดร์กาล..... |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
OBORO
ชมพูพาน
  
ตอบ: 158
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เมเจอร์ฟิสิกส์
|
ความคิดเห็นที่ 252 เมื่อ 11 ต.ค. 06, 14:32
|
|
อ้าว ลืม ภาพจาก www.fotki.com ครับ อิอิ หลอน ภาค 3 ครับผม คุณครูช่วยตรวจทีครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 253 เมื่อ 11 ต.ค. 06, 14:38
|
|
สงสัยว่ากระทู้นี้กว่าจะถึง 400 อย่างคุณหมูน้อยตั้งเป้า (หรือ 350 อย่างคุณโอตั้งเป้า) คงจะได้เลี้ยวออกถนนสายใหม่ ไปเรื่องอื่นห่างไกลลิบจากโคลงกลอน แต่เอาเถอะ คุณอาชาฯ ก็ตั้งไว้กว้างว่า สัมผัสจินต์ สัมผัสใจ ถือว่ากล้อมแกล้มอยู่ในชื่อกระทู้อยู่ดี
รู้จักแต่ The Heart is a Lonely Hunter ค่ะ ชอบชื่อเรื่อง ว่าเข้าใจตั้งดีแฮะ แต่ไม่ชอบตัวเรื่องเท่าไร ดิฉันชอบนิยายที่ปรมาจารย์รวมทั้งผู้มีรสนิยมสูงทางวรรณกรรมดูถูกดูแคลนกันนัก คือเรื่องน้ำเน่าและเรื่องนักสืบค่ะ แต่ก็เป็นเรื่องนักสืบแบบที่คนอื่นเขาไม่ชอบกันเท่าไร ส่วนใหญ่ไม่ใช่เบสต์เซลเลอร์
ความรักแบบที่คุณดาหาฯ เกริ่นกรายร่ายสำนวนไว้ใน 152 อาจจะเป็นความรักที่ชวนโหยหาสำหรับคนที่มีสีสันแรงกล้า แต่สำหรับผู้ไร้สีอย่างดิฉัน เจอใครสักคนแบบนี้ คงจะเผ่นหนีลูกเดียว สู้ไม่ไหว เห็นไกลๆก็กลัวแล้วค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CrazyHOrse
|
ความคิดเห็นที่ 254 เมื่อ 11 ต.ค. 06, 15:04
|
|
รักร้ายอย่างนี้เป็นไร
รัก ข้ารักเจ้าสุดใจ ข้ามอบให้ทั้งดวงมาน ร้าว เจ้าทำข้าร้าวราน ข้าเจ็บแรงช่างแรงเหลือ เศร้า ข้าเศร้าและโศกแสน ข้าจะแค้นจะตัดเยื่อ สาป ข้าสาปแช่งพริกเกลือ เจ้าอย่าหมายได้สุขเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
|
|
|
|