เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 15 16 [17] 18 19 ... 22
  พิมพ์  
อ่าน: 84990 สัมผัสจินต์ สัมผัสใจ
ติหลาอรสา
มัจฉานุ
**
ตอบ: 60

เป็นนักเขียน นักแปล นักอ่าน นักนอนและนักกิน


ความคิดเห็นที่ 240  เมื่อ 10 ต.ค. 06, 22:22

 ขอบคุณที่อาจารย์ที่แนะนำค่ะ
เป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดถึงแม้แต่น้อย
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 241  เมื่อ 10 ต.ค. 06, 23:42

 คุยกันสนุกดีครับ    
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
ติหลาอรสา
มัจฉานุ
**
ตอบ: 60

เป็นนักเขียน นักแปล นักอ่าน นักนอนและนักกิน


ความคิดเห็นที่ 242  เมื่อ 11 ต.ค. 06, 01:52



 
When We Two Parted - Lord Byron



When we two parted

In silence and tears,

Half broken-hearted

To sever for years,

Pale grew thy cheek and cold,

Colder thy kiss;

Truly that hour foretold

Sorrow to this.



The dew of the morning

Sunk chill on my brow--

It felt like the warning

Of what I feel now.

Thy vows are all broken,

And light is thy fame;

I hear thy name spoken,

And share in its shame.



They name thee before me,

A knell to mine ear;

A shudder comes o'er me--

Why wert thou so dear?

They know not I knew thee,

Who knew thee too well:--

Long, long shall I rue thee,

Too deeply to tell.



In secret we met--

In silence I grieve

That thy heart could forget,

Thy spirit deceive.

If I should meet thee

After long years,

How should I greet thee?--

With silence and tears.





เมื่อเราสองจากกัน



เมื่อเราสอง..ต้องจากกัน

นิ่งงัน, น้ำตา ท้นเอ่อ

ครึ่งใจสลาย อีกครึ่งเพ้อ

จะไม่เจอกัน นานปี



สองแก้มเจ้าสลดสี เย็นเฉียบ

ยะเยียบกว่า ยามจูบลาพี่

จริงดั่งทาย พลัดพราย ชั่วชีวี

จากนี้ เจ็บยิ่ง ถึงวิญญาณ



น้ำค้างหยาด ยามรุ่งสาง

พรมพร่าง หลังไหล่ ไหวสะท้าน

หากอุ่นกว่า เหมันต์ ในดวงมาน

รอนราน หนาวเหน็บ เจ็บรุมเร้า



ยินว่านางลืมสัญญามั่น

เขาโจษจัน รักเร่ คือนามเจ้า

ชนขานไข อื้ออึง มิบรรเบา

พี่โศกซ้ำ ช้ำและอาย



เขาเอ่ยนามเจ้า พี่นิ่งฟัง

ดั่งกระหึ่มระฆัง กระทบโสตสลาย

ระริกระริว สั่นเทิ้มทั้งกาย

ถามมิวาย ทำไมหลงจนลานลน



เขาเอ่ยนามเจ้า ต่อพี่

ผู้ที่รู้จัก , รักเจ้าอย่างลึกล้น

ร้อยปีผ่าน? สวาทยังไหม้ ในกมล

แผลเป็น บนเนื้อใจ ไม่ลบเลือน



รักลับ เคยรื่นรมย์ เพียงสอง

วันนี้ต้อง น้ำตาเปื้อน

แน่แล้ว ใจเจ้า ลืมเลือน

รักเจ้าหลอน เคลื่อนคลอนคลาย



หากพบ สบพักตร์ อีกสักครั้ง

หลังจากกัน แสนกัปป์ ลับหาย

งกเงิ่น ทำอย่างไร จะทักทาย

คง...น้ำตาพราย นิ่งงัน เหมือนวันลา…



เอากลอนที่แปลไว้แต่เดิมมาฝาก

ของ Lord Byron - When we two parted..

ชอบมากค่ะ

ชอบความเศร้าแบบนี้ มันจิ๊ดไปถึงขั้วหัวใจ

อยากเขียนอะไรที่มันเศร้าจิ๊ดแบบนี้แหละค่ะ

พยายามยังไงก็ไม่สำเร็จ  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 243  เมื่อ 11 ต.ค. 06, 09:08

 สมปรารถนา  ได้อ่าน When We Two Parted
เพราะพยายามจะแปลอยู่ค่ะ แต่วางมือไป
เพราะมันไม่หลอนอย่างเดียว มันหลอกอีกด้วย
ลอร์ดไบรอนแกคั้นความรวดร้าวออกมาเป็นคำโคลง  มันก็เลยซาบซึ้งกระทบใจเป็นพิเศษ
แม้อ่านไปๆจะอดนึกไม่ได้ว่า...มันก็พอกันนั่นแหละ ท่านลอร์ดกับยัยเลดี้ฟรานซิส     แย่กับแย่มาเจอกันเหมือนผีเน่ากับโลงผุ
คุณดาหาฯ ถอดออกมาได้ความกินใจมากค่ะ   ดิฉันถอดออกมา จืดสนิท  เพราะเวลาแปล มัวนึกสมน้ำหน้าท่านลอร์ดอยู่  จนลืมเห็นใจแก

ว่างๆมานั่งล้อมวงคุยเรื่องคนเขียนหนังสืออีกนะคะ  คุณอาชาเจ้าของกระทู้ ใจดี  คงไม่ว่ากัน
ขอชมย้อนหลัง  คุณอาชานั่นระดับลี้คิมฮวง แต่งบทร้อยกรองเหมือนมีดบิน ไม่เคยพลาดเป้า
จอมยุทธรุ่นหลังอย่างติบอและ OBORO ทำท่าว่าจะเป็นอาฮุยได้ทั้งคู่ พัฒนาฝีมือเร็วมาก  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 244  เมื่อ 11 ต.ค. 06, 09:48



 
เพลงนี้เป็นป๊อบคลาสสิคเพลงหนึ่ง

ขึ้นอันดับหนึ่งเมื่อย้อนไป ค.ศ. ๑๙๕๘ โน้น



Catch a Falling Star



Words and Music by Paul Vance and Lee Pockriss



Catch a falling star and put it in your pocket

Never let it fade away

Catch a falling star and put it in your pocket

Save it for a rainy day



For love may come and tap you on the shoulder some starless night

Just in case you feel you want to hold her

You'll have a pocketful of starlight





For when your troubles start multiplyin' and they just might

It's easy to forget them without tryin'

With just a pocketful of starlight



คว้าดาวที่ร่วงห้วงฟ้า          รักษาไว้ในกระเป๋า

คงไว้ให้สุกสกาว              ส่องแสงวันเศร้าฝนพรำ

กลางหาวไร้ดาวและเดือน          หากรักมาเยือนยามค่ำ

โปรยดาวพราวเพริศเลิศล้ำ       หวานฉ่ำรักชื่นรื่นทรวง

วันไหนใจปวดรวดร้าว         ก็ยังเหลือดาวจากสรวง

สว่างพร่างพร้อยลอยดวง   สุขหน่วงโศกหนักจักคลาย

   

แปลโดย เทาชมพู



คุณต่าย ศุภาศิริ สุพรรณเภสัช ที่เขียนคอลัมน์เพลงในมติชน

เคยเล่าว่า

เพื่อนคนหนึ่งของเธอชอบเอาดาวสะท้อนแสง

ขึ้นไปแปะบนเพดานเหนือเตียงนอน ทีละดวง ทีละดวง

เวลาประสบเหตุการณ์ที่เป็นสุข

ดวงหนึ่งก็แทนความสุขครั้งหนึ่ง

เวลาเป็นทุกข์ นอนมองดาวระยิบระยับบนเพดาน  

ก็จะจำเอาความสุขแต่หนหลัง ไว้ปลอบใจตัวเองในยามเศร้า  

ทุกข์ก็จะคลายลง  
บันทึกการเข้า
ติหลาอรสา
มัจฉานุ
**
ตอบ: 60

เป็นนักเขียน นักแปล นักอ่าน นักนอนและนักกิน


ความคิดเห็นที่ 245  เมื่อ 11 ต.ค. 06, 11:13

 เราว่ารักที่ผู้คนชี้นิ้วรุมประณาม น่าสนใจและซับซ้อนกว่ารักของคนปกติ
เพราะมันถูกหล่อเลี้ยงด้วยสามสิ่งนี้ ความกระหายในรักอย่างฟั่นเฟือน, ความท้าทายของกบฏ และอารมณ์หฤหรรษ์จากทุกข์ที่กัดกร่อนกินอยู่ข้างใน
คนพวกนี้แม้รู้ว่าน้ำในแก้วข้างหน้ามิใช่น้ำอมฤต หากแต่เป็นกรดกำมะถันจากกระทะทองแดง เขาก็จะคว้าเอาไปดื่มอย่างหน้าตาเฉย  หากว่ามันจะทำให้พวกเขาบรรลุยังจุดสุดยอดแห่งความรักที่ไม่มีใครได้เคยไปถึงมาก่อนเลย......
บันทึกการเข้า
ติหลาอรสา
มัจฉานุ
**
ตอบ: 60

เป็นนักเขียน นักแปล นักอ่าน นักนอนและนักกิน


ความคิดเห็นที่ 246  เมื่อ 11 ต.ค. 06, 11:40

 ดาวร่วงจากห้วงฟ้า
เขาเก็บมาไว้ในกระเป๋า
โศกซึ้งจึ่งได้บรรเทา
ดูดาวระยิบพริบพราว

ยามฉัน เศร้าซึม ดื่มทุกข์
อกจุก ใจตื้อ สะดือหนาว
ขอเพียงกอดน้องหมาหูยาว
รวดร้าวแปรเป็นเบิกบาน


นึกต่อไม่ออกแล้ว  จบแค่นี้ดีกว่า
ชอบบทนี้ของคุณเทาชมพูมากค่ะ
อ่านแล้วใจเป็นสุขดี
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 247  เมื่อ 11 ต.ค. 06, 12:45

 ขอบคุณค่ะ
ว่าแต่ข้อความในค.ห. 252 คืออะไรคะ
แปลมา
หรือว่าเป็นความคิดของคุณดาหาฯเอง

คือ อ่านแล้ว....กัวฮ่ะ...
รักกระไรจะดีฝ่อปานนั้น  
บันทึกการเข้า
OBORO
ชมพูพาน
***
ตอบ: 158

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมเจอร์ฟิสิกส์


ความคิดเห็นที่ 248  เมื่อ 11 ต.ค. 06, 13:15

 !!สะดือหนาว?!!
บันทึกการเข้า
ติหลาอรสา
มัจฉานุ
**
ตอบ: 60

เป็นนักเขียน นักแปล นักอ่าน นักนอนและนักกิน


ความคิดเห็นที่ 249  เมื่อ 11 ต.ค. 06, 13:16

 252 คิดเอาเองค่ะ
ชอบอ่านเรื่องรักแบบนี้
คุณเทาชมพูต้องเคยอ่านนิยายของ Carson Mccullors มาบ้างแน่เลย
อย่าง Ballad of the Sad Cafe, the Heart is a Lonely Hunter หรือ the Reflection in the Golden Eyes
ตัวละครในนั้นรักแบบพิกลพิการ วิกลจริต ขื่นขมและรวดร้าว
แต่ก็ยังดันทุรังรัก
เพราะว่ามนุษย์เกิดมาให้ต้องรักและถูกรัก แม้ว่าจะไม่ได้เกิดทั้งสองอย่างในครั้งคราวเดียวกันก็เถอะ

The Heart is a Lonely Hunter มีโครงการหลายปีแล้วว่าจะแปล ให้ชื่อไทยแล้วด้วยว่า "หัวใจฤคือพรานผู้เปล่าเปลี่ยว"
ให้ทัทเทิ่ลโมริ บริษัทนายหน้าขอลิขสิทธิ์ติดต่อไปแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ยอมติดต่อมาเลยแห้วไป
อยากแปลมากถึงมากที่สุด
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 250  เมื่อ 11 ต.ค. 06, 13:43

 อ่านสนุกและไม่รังเกียจจนนิดเดียว

ดีเสียอีกที่มาคุยกันให้กระทู้นี้มีสีสัน มีชีวิตชีวาขึ้นเป็นกอง

ได้ข้อมูลและแรงบันดาลใจที่จะเขียนอะไรอีกเยอะแยะครับ

เสียดายแต่ว่าผมอ่านน้อย และไม่เคยเขียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาสักที นิยายอ่านเยอะแค่สมัยประถมกับม.ต้น หลังจากนั้นดันเอาเวลาไปหมกมุ่นกับภาษาอมนุษย์เสียนาน

ได้ยินได้ฟังมากๆเข้าเผื่อไฟจะติด ลุกขึ้นมาเขียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราวบ้าง

อย่างที่อ.เทาชมพูว่า

"งานประพันธ์ไม่ว่าบทกวี นวนิยาย เรื่องสั้น บทละคร เป็นเรื่องของลางเนื้อชอบลางยา
ถ้าหากว่ามีคนจำนวนมากมายชอบเรื่องนั้น ก็ออกมาเป็น"เบสต์เซลเลอร์"
ถ้าหากว่าส่งประกวดแล้วกรรมการชอบ ก็เป็นงานได้รางวัล
บางเรื่องก็ได้ทั้งสองอย่าง บางเรื่องก็ได้อย่างเดียว"

หรืออาจจะไม่ได้เลยสักอย่างเดียว...

เพราะตัวเองชอบอยู่คนเดียว

ก็ยังดีที่ได้ลงมือทำ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
OBORO
ชมพูพาน
***
ตอบ: 158

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมเจอร์ฟิสิกส์


ความคิดเห็นที่ 251  เมื่อ 11 ต.ค. 06, 14:30


HAVE I TOLD YOU LATELY
Have I told you lately that I love you
Have I told you theres no one else above you
Fill my heart with gladness
Take away all my sadness
Ease my troubles thats what you do

For the morning sun in all its glory
Greets the day with hope and comfort too
You fill my life with laughter
And somehow you make it better
Ease my troubles thats what you do
Theres a love thats divine
And its yours and its mine like the sun
And at the end of the day
We should give thanks and pray
To the one, to the one

Have I told you lately that I love you
Have I told you theres no one else above you
Fill my heart with gladness
Take away all my sadness
Ease my troubles thats what you do

Theres a love thats divine
And its yours and its mine like the sun
And at the end of the day
We should give thanks and pray
To the one, to the one

And have I told you lately that I love you
Have I told you theres no one else above you
You fill my heart with gladness
Take away my sadness
Ease my troubles thats what you do
Take away all my sadness
Fill my life with gladness
Ease my troubles thats what you do
Take away all my sadness
Fill my life with gladness
Ease my troubles thats what you do
(โดย van morrison)

ฉันเคยไหมที่ได้เอ่ยเผยว่ารัก
ให้ประจักษ์รักจริงยิ่งสิ่งไหน
เคยบอกไหมไม่มีเลยไม่มีใคร
ทั้งฤทัยมอบไว้ให้เพียงเธอ

รักเธอนี้เติมใจให้เป็นสุข
มลายทุกข์ปลุกฝันฉันเสมอ
ยินดีนักยินดีที่พบเจอ
รักของเธอลบช้ำระกำทน

พระอาทิตย์แจ่มตาเมื่อฟ้าสาง
ทอสว่างรวิผลิช่อผล
รับวันใหม่เปี่ยมแรงใจรสสุคนธ์
เธอเติมมนตร์ในใจฉันทุกวันเลย

เธอเติมเสียงหัวเราะให้ชีวีต  
จนดวงจิตของฉันไม่เมินเฉย
แช่มชื่นจิตเบิกอุรามิเคยเลย
เธอเฉลยความสุขปลุกชีวัน

ทุกๆสิ่งที่เธอทำประเสริฐยิ่ง  
รักแท้จริงเพริศพริ้งยิ่งสวรรค์
รักของเธอของฉันดุจตะวัน
สิ้นสุดวันร่วมกันย้ำพร่ำภาวนา

ฉันเคยไหมที่ได้เอ่ยเฉลยรัก
ให้ประจักษ์รักจริงยิ่งใครหนา
เคยพูดไหมไม่มีเลยในอุรา
ให้ยุพาหมดแล้วแก้วหทัย

รักนี้ดุจสวรรค์ฉันเฝ้าหวง
รักไม่ลวงเธอกับฉันนั้นหลงใหล
ดุจอาทิตย์ทอสว่างวาบกลางใจ
สิ้นแสงไปเราสองพร้องขอบคุณ

...ยามสุดท้ายแสงมลายหายฉะนั้น
สิ้นตะวันเธอและฉันนิรันดร์กาล.....  
บันทึกการเข้า
OBORO
ชมพูพาน
***
ตอบ: 158

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมเจอร์ฟิสิกส์


ความคิดเห็นที่ 252  เมื่อ 11 ต.ค. 06, 14:32

 อ้าว ลืม ภาพจาก www.fotki.com  ครับ อิอิ หลอน ภาค 3 ครับผม

คุณครูช่วยตรวจทีครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 253  เมื่อ 11 ต.ค. 06, 14:38

 สงสัยว่ากระทู้นี้กว่าจะถึง 400 อย่างคุณหมูน้อยตั้งเป้า (หรือ 350 อย่างคุณโอตั้งเป้า) คงจะได้เลี้ยวออกถนนสายใหม่ ไปเรื่องอื่นห่างไกลลิบจากโคลงกลอน
แต่เอาเถอะ คุณอาชาฯ ก็ตั้งไว้กว้างว่า สัมผัสจินต์ สัมผัสใจ   ถือว่ากล้อมแกล้มอยู่ในชื่อกระทู้อยู่ดี

รู้จักแต่  The Heart is a Lonely Hunter ค่ะ  ชอบชื่อเรื่อง   ว่าเข้าใจตั้งดีแฮะ  แต่ไม่ชอบตัวเรื่องเท่าไร
ดิฉันชอบนิยายที่ปรมาจารย์รวมทั้งผู้มีรสนิยมสูงทางวรรณกรรมดูถูกดูแคลนกันนัก   คือเรื่องน้ำเน่าและเรื่องนักสืบค่ะ
แต่ก็เป็นเรื่องนักสืบแบบที่คนอื่นเขาไม่ชอบกันเท่าไร   ส่วนใหญ่ไม่ใช่เบสต์เซลเลอร์

ความรักแบบที่คุณดาหาฯ เกริ่นกรายร่ายสำนวนไว้ใน 152  อาจจะเป็นความรักที่ชวนโหยหาสำหรับคนที่มีสีสันแรงกล้า
แต่สำหรับผู้ไร้สีอย่างดิฉัน   เจอใครสักคนแบบนี้  คงจะเผ่นหนีลูกเดียว  สู้ไม่ไหว   เห็นไกลๆก็กลัวแล้วค่ะ
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 254  เมื่อ 11 ต.ค. 06, 15:04

 

รักร้ายอย่างนี้เป็นไร

รัก ข้ารักเจ้าสุดใจ        ข้ามอบให้ทั้งดวงมาน
ร้าว เจ้าทำข้าร้าวราน      ข้าเจ็บแรงช่างแรงเหลือ
เศร้า ข้าเศร้าและโศกแสน   ข้าจะแค้นจะตัดเยื่อ
สาป ข้าสาปแช่งพริกเกลือ   เจ้าอย่าหมายได้สุขเลย
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
หน้า: 1 ... 15 16 [17] 18 19 ... 22
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.067 วินาที กับ 19 คำสั่ง