เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 9
  พิมพ์  
อ่าน: 35796 ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณ : ศูนย์รวม ๓ วัฒนธรรม
NickyNick
พาลี
****
ตอบ: 290

ทำงานแล้วครับ


ความคิดเห็นที่ 75  เมื่อ 10 ส.ค. 06, 11:43


ที่ผมเอ่ยไว้ใน คหพต.๓๕  แล้ว  เกี่ยวกับยอดนภศูลเดิมซึ่งมีความสวยงามมากหายไปทางไหนแล้ว มีแทนด้วยของใหม่ซึ่งตอนแรกๆ ก็หักๆ งอๆ แล้วไม่กี่ปีก็ต้องใส่ของใหม่อีกแทน เฮ้อ กรมศิลป์หนอกรมศิลป์

ภาพที่ท่านนำมาให้ดูใน คหพต.๕๘  เป็นยอดนภศูลยอดที่สามในชีวิตของผมครับ
- ยอดแรกเป็นของเก่า  ไม่รู้เก่าแค่ไหน  มีฉัตรตั้งอยู่ข้างบนยอดสุด  มีความอ่อนช้อยสวยสดงดงามเหลือเกิน  พอบูรณะรอบนั้นแล้ว  ไม่รู้หายไปไหน  บางท่านบอกว่าก็ยังอยู่ในวัดนั่นแหละ  ผมขอดูดภาพจากที่อื่นมาให้ดูนะครับ
- ยอดที่สอง  หลังจากบูรณะแล้ว  เอามาใส่ได้ไม่ถึงปีมั้ง  แง่งๆ ก็หลุดออกมาชั้นหนึ่ง  ไม่รู้จะเรียกอะไรถูก เลยเอาเป็นแง่งซะเลย   เหลือเป็นแง่งไม่สมบูรณ์น่าเกลียดชะมัด  แล้วก็โงนเงนเหมือนคนพิการอยู่ข้างบน  จะซ่อมแต่ละทีน่าจะตั้งใจหน่อยนะท่าน
- ยอดที่สาม  เป็นยอดปัจจุบันที่ท่านนำมาให้ดูนะครับ  ดูแล้วสภาพดีกว่ารอบสองหน่อย  แต่ฉัตรหายไปไหนไม่รู้แล้วครับ
บันทึกการเข้า
NickyNick
พาลี
****
ตอบ: 290

ทำงานแล้วครับ


ความคิดเห็นที่ 76  เมื่อ 11 ส.ค. 06, 08:09

 เฮ้อ  เหนื่อยเหมือนกัน  ทำไงได้  คุณโพธิ์ฯ ท่านเข้ามาเยี่ยมเยือนแล้ว  ต้องต้อนรับให้สมเกียรติ  จะได้ไม่มีอะไรติดค้างคาใจ  ทั้งผมและเขา

ที่บอกว่าติดค้างคาใจ  หมายถึงอยากให้ท่านได้รับรู้สิ่งที่อยู่ในใจผมอันเนื่องมาจากภาพประกอบนั้นนะครับ  เลยอธิบายจากประสบการณ์ตรงให้ฟังซะเยิ่นเย้อยืดยาว  ความถูกผิดอีกเรื่องหนึ่งนะท่าน  อย่าเชื่อตามผมไปหมดซะทุกอย่าง  หากไม่มีใครเข้ามาชี้แนะ  ผมก็จะไปของผมเรื่อยๆ อย่างนี้แหละครับ

พี่แจ้ดนุพลบอกว่า
เรื่อยๆ มาเรียงๆ  นกบินเฉียงกันทั้งหมู่
ตัวเดียวมาไร้คู่  เหมือนพี่อยู่เพียงเอกา

วันนั้นอยู่คนเดียวโดดโดด  แบบปูพงษ์สิทธิ์  คำภีร์
วันนี้ก็ยังไร้คู่  เหมือนพี่แจ้เลย
บันทึกการเข้า
NickyNick
พาลี
****
ตอบ: 290

ทำงานแล้วครับ


ความคิดเห็นที่ 77  เมื่อ 11 ส.ค. 06, 15:37

 ยังมีเรื่องต่ออีกเยอะครับ  ไม่รู้ว่า ๒๐๐ คหพต.จะอยู่รึเปล่า
แต่ตอนนี้รอท่านอ่านให้ทันก่อน  เห็นใจกันครับ
ต้องเสกคาถากันหน่อย  อย่างที่เชิญคุณโพธิ์วันนั้น ไม่นึกว่าจะได้ผลปานฉะนี้

คุณโพธิ์คงจะมีภาพ unseen เยอะ  ยังไงผมจะรอชมผลงานท่านในกระทู้โน้นนนน นะครับ

คุยอะไรก่อนดี  เอ้า  เอาใจคุณโพธิ์ฯ เพื่อนใหม่  กับคุณกุรุกุลาเพื่อนรักหน่อยครับ  น่าจะเป็นของชอบของโปรดของท่านทั้งคู่  เอาเรื่องจิตรกรรมฝาผนังก็แล้วกัน  ในจังหวัดสุพรรณบุรีมีภาพจิตรกรรมหลายที่เชียวแหละ  แต่ไม่ได้เก่าแก่อะไรนักหรอก  สืบขึ้นไปเก่าสุดก็เพียงสมัยรัชกาลที่ ๓ เท่านั้น  ความที่มีวัดเยอะ  ภาพก็เลยเยอะตาม  ลองตามมาเที่ยวดูครับ  เห็นหลายๆ ที่เทียบกัน  เป็นกำไรชีวิตนะครับ


แต่มีแปลกอยู่ที่หนึ่ง  ไม่ได้เป็นวัด  แต่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังซะด้วย  อันนี้เป็น UNSEEN จริง  ซึ่งทั้งคุณโพธิ์และคุณกุรุกุลาคงไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้ว  เพราะเขาลบไปซะหลายปีแล้วละครับ

อยากรู้ป่าวว่าคือที่ไหน  เป็นจิตรกรรมฝาผนังที่รอบห้องโถงภายในองค์พระเจดีย์อนุสรณ์ดอนเจดีย์ครับ  เขียนโดย "ครูเหม เวชกร"  มีหลายภาพต่อเนื่องกัน  จำไม่ได้ว่าเป็นภาพอะไรบ้าง  ตอนนั้นก็ไม่คิดอยากจะถ่ายเก็บไว้  ใครมีเอามาให้ชมหน่อยก็ดีครับ

เขาคงจะเห็นว่าเก่า  ก็เลยลบซะเกลี้ยง  ไม่ได้คิดถึงคุณค่ากันเลย  แล้วก็วาดเป็นของใหม่  แบบใหม่  ใหม่ทุกอย่าง  ทำนองว่า  "ของเก่าลบทิ้ง  เพราะไม่ปิ๊งกับเรา"  ทำใหม่ๆ กันเมื่อราว ๑๐ ปีมานี้เอง

สงสารครูเหมที่ต้องทนทรมานปีนขึ้นไปวาดตอนช่วงนั้นครับ  ลูกหลานไม่เห็นความสำคัญใดๆ เลย
บันทึกการเข้า
โพธิ์ประทับช้าง
องคต
*****
ตอบ: 399


ความคิดเห็นที่ 78  เมื่อ 11 ส.ค. 06, 21:36

 ขอบคุณที่นำมาเล่าให้ฟัง จะตามอ่านไปเรื่อยๆ ครับ

เรื่อง "เที่ยวชมพุทธสถานสุพรรณภูมิ : ตอนที่ ๒ เมืองสุพรรณ"  ผมฝากคุณ NickkyNick เนื่องจากผมไม่ค่อยมีเวลาครับ
ขอเป็นผู้อ่านอย่างเดียว อีกอย่างผมมีกระทู้ "อยุธยาภิรมย์"
ค้างอยู่ จะได้หาข้อมูลใหม่มาฝากกันบ้างครับ
บันทึกการเข้า
tuka007
พาลี
****
ตอบ: 291


คนจับจอบจับเสียม


ความคิดเห็นที่ 79  เมื่อ 11 ส.ค. 06, 23:24

 ภาพของคุณโพธิ์ สวยจริงๆค่ะ

....................

เหนื่อยมากเลยค่ะคุณนิค...เผลอแป๊บเดียว ไม่เข้ามาอ่าน คุณนิคไปไกลมาก กว่าจะตามมาทัน เล่นเอาหอบแฮ่กๆเลยค่ะ...
บันทึกการเข้า

จงยิ้มให้โลก...แล้วโลกจะยิ้มให้เรา
Louvorian
อสุรผัด
*
ตอบ: 11


ความคิดเห็นที่ 80  เมื่อ 11 ส.ค. 06, 23:36

 คุณนิค อ่านได้ความรู้ดีมากๆเลย ขอขอบคุณนี่แนะนำมาให้อ่าน
ตลกเรื่องข้วางจักรน่ะ
บันทึกการเข้า
NickyNick
พาลี
****
ตอบ: 290

ทำงานแล้วครับ


ความคิดเห็นที่ 81  เมื่อ 12 ส.ค. 06, 11:40

 แนะนำเพื่อนใหม่เข้ามาแล้ว  ได้ผลครับ  สวัสดีตรงนี้อีกทีครับคุณ Louvorian  ยินดีต้อนรับเพื่อนใหม่  ทางเวปคงจะเมตตาผมนะครับ  แล้วจะเชิญเพื่อนเข้ามาอีกเยอะๆ  ถือเสียว่าให้ผมมีหน้าที่ประชาสัมพันธ์กลายๆ ก็แล้วกัน  เรื่องขว้างจักร  ผมนึกขึ้นมาได้ตอนนั้น  ก็เพ้อเจ้อไป  ก็ดูขัดกับหลักความจริง  เลยต้องท้วงกันหน่อย

คุณโพธิ์ครับ  ภาพสวยจริงๆ อย่างที่หลายคนบอก  ทั้งบอกตรงนี้  แล้วก็บอกผ่านทาง sms ครับ  หากจะรอผมตั้งกระทู้เที่ยวสุพรรณต่อเนื่องอีก  คงอีกนานหน่อย  เพราะตอนนี้ความจริงอยากตั้งกระทู้ "เมาเมา" ก่อน  ให้กระทู้นี้ใกล้จะวายก่อน  เดี๋ยวจะกลายเป็นจับปลาหลายมือ  ไม่ดีซักกะอย่าง  เมื่อถึงเวลานั้นก็มา "เมา" กันหน่อยนะพวก  ทุกท่านเลย  รวมทั้งคุณ Louvorian ด้วย  คงมีประสบการณ์เรื่องเหล่านี้จากต่างแดนมาบ้างพอสมควร  อาจเป็นที่เดียวกับที่ผมเคยตะลุยมาอย่างโชกโชนก็ได้  เดาเอานะ  อิอิ

คุณ tuka007  คนสวยคนงามแห่งเมืองเพชรครับ  ยินดีอย่างยิ่งที่มาร่วมเหนื่อยกับผม  ผมโพสต์ไปเหนื่อยไปเหมือนกัน  ถึงว่า  กระทู้นี้คนแก่ๆ เลยไม่อยากเข้ามาร่วม  คงกลัวหัวใจจะวาย  มีแต่พวกหนุ่มๆ สาวๆ เอ๊าะๆ อย่างพวกเรา  ท่านส่งสัญญาณเตือนแล้ว  ผมก็จะรอก่อนครับ  จะเติมวันละ ๑-๒ คหพต. ให้กระทู้ยังเหนียวตรงหน้าแรกก่อน  แล้วก็  กระทู้เมืองเพชรของท่านก็งดงามดีจัง  ยังงี้ต้องแวะไปเยี่ยมญาติที่นั่นบ่อยๆ  หาของฟรีกินไงล่ะ  แล้วก็เยี่ยมเพื่อนๆ ที่ไต่ต่องแต่งกันบนเขาวังด้วย  ไม่เจอกันนาน  คงยังอยู่ดีมีสุข
บันทึกการเข้า
NickyNick
พาลี
****
ตอบ: 290

ทำงานแล้วครับ


ความคิดเห็นที่ 82  เมื่อ 13 ส.ค. 06, 09:14

 เฮ้อ  ถอนใจซักที
เมื่อคืนลุ้น AF 3 แทบแย่  ไม่นึกเลยว่าจะเล่นกันยังงี้
เห็นว่าน้องตุ้ยร้องเพลงแน่นที่สุด  ไหงต้องออกจากบ้าน
มาเฉลยว่าได้ออกไปเที่ยวฮ่องกง ๓ วันพร้อมกับคุณแม่ด้วย  โล่งอก

ใครจะอยู่ใครจะออกมันห้ามกันไม่ได้หรอก  แต่มาหยอกกันแบบนี้  ไม่ไหว  สงสารคนแก่  หัวใจจะวาย

แล้วตอนสัมภาษณ์คุณแม่ตอนท้าย  บอกว่า  เราคนจน  มาถึงแค่นี้ก็บุญโขแล้ว  คนจนต้องเห็นใจคนจนด้วยกันครับ

อ้อ  แล้วตอนถ่ายให้เห็นคุณแม่ของนักร้องแต่ละคน  เหมือนจะรุ่นราวคราวเดียวกับเราเลยเน๊าะ

เด๊วจะมาต่อเรื่องศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณให้เป็นเรื่องเป็นราวซะที  พักหนึ่งครับ
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 83  เมื่อ 13 ส.ค. 06, 12:22

 โห คุณtukaน่าอิจฉานะครับนั่น ผมน่ะอ่านอย่างเดียวก็ไม่ทันแล้วครับ ตาลายลายตา ขอเวลาว่างๆตอนปิดเทอมดีกว่าครับเกิดมาโชคร้ายหาเวลาว่างได้ยากเหลือเกิน



ปล. อยากไปเพชรบุรีอ่ะครับ อิอิ

ปล.2 มันเกี่ยวกับกระทู้มั้ยเนี่ยะ
บันทึกการเข้า
NickyNick
พาลี
****
ตอบ: 290

ทำงานแล้วครับ


ความคิดเห็นที่ 84  เมื่อ 13 ส.ค. 06, 14:02

 เอ  ใครมาก่งก๊งในกระทู้เราอีกแน่ะ  ติบอเอง  ยังไม่ตื่นรึไงพวก  จะชมตู้ก้าก็ต้องไปกระทู้เมืองเพชรโน่น  นี่มาสุพรรณแล้วก็ต้องชมคนสุพรรณซิ  ช่วงนี้เชื้อโก๊ะเชื้อก๊งแรงดี

ไปเที่ยวงานวัดเบญจฯ เป็นไงบ้าง  คนเยอะไหม  เที่ยวบ่อยๆ แล้วมีตังค์กินหนมป่าว

มาต่อเรื่องของเรากันบ้าง
ขอขยายความต่อจาก คหพต.๔๖-๔๗ ที่เกี่ยวกับคติการห้ามเจ้าไปเมืองสุพรรณครับ

เมื่อวันก่อนได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง
คุณพัฒน์  บุณยรัตพันธุ์  อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี (ระหว่าง ๗ ส.ค.๒๕๐๐ – ๑๓ ม.ค. ๒๕๐๙) ได้กล่าวถึงคติการห้ามเจ้าไปเมืองสุพรรณไว้อย่างเป็นเหตุเป็นผลน่าฟังว่า

"......... ซึ่งได้ชื่อว่า  เป็นจังหวัดที่  "ปกครองยาก"  เพราะคนดื้อ  และขี้ระแวง  ทั้งตอนนั้นการไปมาลำบากมาก มีถนนสายเดียวจากกรุงเทพฯ ต้องไปทางจังหวัดนครปฐม  ผ่านอำเภอกำแพงแสน  และอำเภออู่ทองถึงจะถึงตัวเมืองสุพรรณบุรี  แต่โบราณจนถึงกับห้าม "เจ้า"  ไม่ให้มาเมืองสุพรรณ (ผมกลัวพม่ามาดักจับเอาตัวไป  มากกว่าสาเหตุอย่างอื่น) ......."

(อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ  นายถวิล  วัฏฏานนท์  อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุพรรณบุรี  เมื่อ ๑๔ มิ.ย. ๔๐ อายุ ๘๕ ปี)
บันทึกการเข้า
NickyNick
พาลี
****
ตอบ: 290

ทำงานแล้วครับ


ความคิดเห็นที่ 85  เมื่อ 13 ส.ค. 06, 14:08

 รวบรวมหลักฐานที่ห้ามเจ้านายมาเมืองสุพรรณครบหมดแล้ว  ตกหล่นอยู่ตรงไหน ใครทราบ  บอกได้เด้อ

คราวนี้มาพูดความเชื่ออีกเรื่องหนึ่งบ้าง

ความเชื่อเกี่ยวกับเสาหลักเมือง   ที่จะต้องมีพิธีฝังคนทั้งเป็นในหลุมหลักเมือง  เป็นเรื่องเล่าที่มีมานานแล้ว  และเหตุการณ์คล้ายๆ กันที่เขาฝังคนเป็นๆ แบบนี้ที่พวกเราได้อ่านกันมากก็ใน “พม่าเสียเมือง” ของท่าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ปราโมช  ที่บรรยายซะหยดย้อย  ที่ได้ฝังคนเป็นๆ ถึง ๕๒ คน  ในการสร้างประตูกำแพงเมืองมัณฑเลย์คราวนั้น

แล้วของไทยก็มีการบอกเล่าสืบต่อกันมาบ้างเหมือนกัน  แต่แทบไม่มีหลักฐานยืนยัน  คนที่จะเอามาฝังก็ต้องมีระบุสเป็ก  เช่น ต้องชื่อ อิน จัน มั่น คง  หรือคนมีท้อง  ชื่ออื่นไม่ได้เชียว  หากเป็นสมัยปัจจุบันถูกฟ้องแน่นอน  หาว่าล็อกสเป็ก

แต่มีอยู่ที่หนึ่งที่มีหลักฐาน  คือการฝังหลักเมืองของเมืองถลาง  เขาได้เขียนเล่าลงในหนังสือว่า  ได้ฝังผู้หญิงท้องแก่ประมาณ ๘ เดือน  ชื่อว่านางนาคลงไปด้วย  ทำให้พิธีการฝังหลักเมืองเสร็จเรียบร้อยลงด้วยดี  ดีของใครไม่รู้  แต่ไม่ใช่ของนางนาคกับลูกในท้องแน่นอน

สำหรับที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณ  เราไม่มีเสาหลักเมือง  มีแต่เทพารักษ์หลักเมือง  ดังนั้นคงจะไม่มีเรื่องราวน่าสยดสยองเช่นนี้เกิดขึ้นที่เมืองสุพรรณเป็นแน่
บันทึกการเข้า
NickyNick
พาลี
****
ตอบ: 290

ทำงานแล้วครับ


ความคิดเห็นที่ 86  เมื่อ 13 ส.ค. 06, 17:01

 ต่อ  เกี่ยวกับคติความเชื่อ  เป็นรอบสุดท้ายแล้ว  พอกันที  เดี๋ยวเบื่อกัน  แล้วจะเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นมั่ง

....... ในฐานะเทพผู้คุ้มครองความสมดุลของเมืองให้ความมั่นคง  ปลอดภัยและอยู่ดีมีสุขแก่ชาวเมือง  ก่อนที่จะถูกชาวจีนเมืองนี้เข้ามาหล่อหลอมรวมเข้ากับคติความเชื่อ "ปูนเถ้าก๋ง" ในวัฒนธรรมจีน  กลุ่มชาวจีนเมืองนี้ยังได้ขยายประเพณีความเชื่อนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเมืองสุพรรณ  กำหนดประเพณีบวงสรวงศาลหลักเมืองหรือ  "ปูนเถ้าก๋ง"  ขึ้นเป็นการประจำปีในทุกวันที่ ๑๘ เดือน ๗ หลังวันสารทจีนตามปฏิทินจีน  เรียกว่า งานทิ้งกระจาด  เป็นคติพุทธมหายาน  ถือเป็นการเจริญเมตตาธรรมแก่ดวงวิญญาณที่ล่วงลับไปแล้ว  มีการน้ำเครื่องอุป-บริโภคแจกจ่ายเป็นทานแก่ผู้ยากจน  ชาวเมืองสุพรรณได้ปฏิบัติประเพณีนี้อย่างต่อเนื่องนับแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน .........

หนังสือ "เมืองสุพรรณ  บนเส้นทางการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ พุทธศตวรรษที่ ๘ – ต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๕"  โดย วารุณี โอสถารมย์  สนพ. ม.ธรรมศาสตร์ ๒๕๔๗

.....................

และแล้ว  ขณะนี้  ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี  ก็ถูกหล่อหลอมเข้าเป็นของวัฒนธรรมจีนแต่เพียงผู้เดียวไปเรียบร้อยแล้ว
บันทึกการเข้า
NickyNick
พาลี
****
ตอบ: 290

ทำงานแล้วครับ


ความคิดเห็นที่ 87  เมื่อ 15 ส.ค. 06, 08:27

 คราวนี้มาเข้าเรื่องประวัติขององค์เทพารักษ์หลักเมืองสุพรรณบ้าง  ว่ามีที่มาอย่างไร  ก็มีเล่ากันหลายกระแส  เป็นตำนานทั้งนั้นครับ

"...... ตามประวัติว่าเจ้าพ่อหลักเมืองลอยมาติดตลิ่ง  ชาวบ้านมาชักลากเท่าใดก็ไม่ยอมขึ้น  ต้องทำพิธีบวงสรวง  จึงอัญเชิญขึ้นมาแล้วสร้างศาลเจ้าเล็กๆ ให้ประดิษฐาน  ........  พระวิษณุทั้งสององค์คงประดิษฐานอยู่ ณ ที่ตรงริมตลิ่งนั้นเอง   กาลเวลาผ่านไปนับร้อยพันปี  ศาลที่ประดิษฐานชำรุดทรุดโทรม  จึงพังหล่นลงไปริมตลิ่งจมน้ำมานานอีกนับเป็นร้อยๆ ปี   กว่าจะมีผู้พบในระยะหลังนี้ ......"

จากหนังสือ  "ประวัติหลวงพ่อโตวัดจำปา"  อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี   นายมนัส โอภากุล
บันทึกการเข้า
กุรุกุลา
พาลี
****
ตอบ: 235


ความคิดเห็นที่ 88  เมื่อ 15 ส.ค. 06, 10:48

 สวัสดีครับ คุณนิก มานั่งอ่านต่อครับ เดี๋ยวจะหาว่าหายไปไหนนาน
บันทึกการเข้า
NickyNick
พาลี
****
ตอบ: 290

ทำงานแล้วครับ


ความคิดเห็นที่ 89  เมื่อ 15 ส.ค. 06, 12:33

 ยินดีครับ  อ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง   เปิดเข้ามาแล้ว  ไม่ให้เสียเวลาโหลดเปล่า   ทักทายกันบ้างอย่างงี้   ชื่นใจครับ
ตอนนี้เราศักดิ์ศรีเท่ากันแล้วนะ  กุรุกุลาน้อย   ๑๓๖ ประสบการณ์เท่ากันแย้ว  ยังขี่ Spiderman มั่ง   บีบลูกโป่งสวรรค์เล่นมั่ง  เพลินไป  ขอล้ำหน้าซักกะหน่อยนะ  อิอิอิ

อันนี้เป็นอีกตำนานหนึ่งครับ

"....... สำหรับประวัติความเป็นมาขององค์เจ้าพ่อหลักเมือง  คนเก่าแก่เล่าให้ฟังว่า  ท่านลอยน้ำมาพักที่ริมตลิ่งวัดพระนอน  ชาวบ้านอธิษฐานอัญเชิญ   ท่านก็ไม่ยอมขึ้น (ใช้แรงคนยกไม่ไหว)   ลอยมาถึงตลิ่งวัดกุฎีสงฆ์  ชาวบ้านก็ทำพิธีอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่ศาลเจ้าเล็กๆ ริมตลิ่ง   กาลเวลาผ่านไปเป็นร้อยๆ ปี  ศาลชำรุดทรุดโทรมพังหล่นไปจากตลิ่งจมน้ำ  ต่อมาอีกนานนับร้อยปีจนมีผู้พบในระยะหลัง   และเปลี่ยนศาลใหม่มาอยู่ในที่ปัจจุบันซึ่งอยู่ริมคลองผ่านไปลาดตานวล  ถึงลำน้ำท่าว้าได้ในอดีต ........."

จาก สุพรรณบุรีเมืองโบราณฯ  โดย นวลพรรณ ยิ้มยวน  ๒๕๔๓
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.077 วินาที กับ 19 คำสั่ง