ยู้
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 01 ธ.ค. 00, 07:50
|
|
คุณ ถาวภักดิ์ มาแล้วไม่เห็นมานานค่ะ รู้ละเอียดจริงๆ ขอยกย่องค่ะ ติดใจ ตั้งแต่เขียนเรื่องธรรมะค่ะ แหะๆ ยังไม่ได้เอารูปพระพุทธทาส ตรงคำสอนมา่ โพสต์เลย รูปใหญ่ไป โพสต์ยังไงก็ไม่ได้นอกจากจะตัดให้เล็กลงซึ่งก็จะทำให้เนื้อหา บางอย่างหายไปเลยไม่ทำ เคยดูเรื่องพระเวสสันดร ตอนประถมน่ะค่ะ มาอ่านกระทู้นี้ แล้วเรียกความจำกลับมาเชียวค่ะ
ได้ยินมาว่าการบริจาคทานนี่คือการเสียสละจริงๆ เพราะทำให้เราละความโลภไปได้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่ายังมีใครเหมือนพระเวสสันดรในสังคมปัจจุบันมั้ย ไม่รวมพระที่ท่านตรัสรู้นะคะ เพราะว่าการบริจาคของพระเวสสันดรเท่าที่รู้และอ่านจากกระทู้นี้ช่างมากเกินคำบรรยาย ถ้าในสังคมไทย มีคนคิดทำเพื่อส่วนรวมมากๆ แค่ส่วนหน฿ึ่งใน ๔ ของพระเวสสันดรก็คงจะดีกว่านี้นะคะนี่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ถาวภักดิ์
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 01 ธ.ค. 00, 08:43
|
|
สวัสดีครับ คุณยู้
พระเวสสันดรเป็นพระโพธิสัตว์ชาติสุดท้าย ก่อนจะได้ตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งได้บำเพ็ญบารมีในฐานะพระนิตยโพธิสัตว์มาแล้วถึง 4 อสงไขยกับ 1 แสนกัป นับตั้งแต่ครั้งเสวยพระชาติเป็นสุเมธดาบสและได้รับลัทธิพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งนั้น ซึ่งผมไม่ค่อยแน่ใจว่าเป็นองค์ใด คิดว่าน่าจะเป็นสมเด็จพระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า
โดยธรรมชาติของพระโพธิสัตว์ แม้จะบำเพ็ญบารมีมาไม่นานจนถึงขั้นเป็นนิตยโพธิสัตว์ ก็ย่อมต้องมีกำลังใจเข้มแข็งมาก เพราะมีความปราถนาจะช่วยเหล่าสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ จึงจะต้องมีน้ำใจสละได้ทุกอย่าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ถาวภักดิ์
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 01 ธ.ค. 00, 08:52
|
|
ผู้ที่มีปฏิปทาเหมือนพระโพธิสัตว์อย่างโดดเด่นที่สุด ก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรานั้นเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ถาวภักดิ์
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 01 ธ.ค. 00, 09:11
|
|
แต่อย่างไรก็ดีพระโพธิสัตว์ก็ยังมีกิเลส ผู้ที่จะมีกิเลสเบาบางเป็นลำดับจนสิ้นกิเลสได้ ก็แต่เฉพาะพระอริยะบุคคลเท่านั้น
พระพุทธเจ้าของเราเมื่อครั้งยังไม่ได้เป็นพระนิตยโพธิสัตว์ เสวยพระชาติเป็นนายช่างทองประพฤติล่วงละเมิดศีลข้อ 3 ต้องเสียเวลาบำเพ็ญบารมีไปตกนรก ไปเป็นเดรัจฉานอยู่นับชาติไม่ถ้วน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ถาวภักดิ์
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 01 ธ.ค. 00, 09:17
|
|
จึงเห็นได้ว่าการหวังพึ่งผู้อื่นนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่ง พระพุทธองค์จึงตรัสสอนไว้ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
สังคมใดจะดีได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ คนเพียงคนเดียว หรือคณะเดียว หากขึ้นอยู่กับคนทุกคนในสังคมนั้น ที่จะต้องอยากดี ทำดี และช่วยกันกำจัดความชั่วด้วยตัวเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ยู้
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 01 ธ.ค. 00, 18:17
|
|
ว้าวคุณ ถาวิภักดิ์ ตอบมาได้ดีมากเลยค่ะ ใช่ในหลวงของเรานี่เอง ่ที่ใครๆ ก็ยกย่องเสียดายยังไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้า เลยค่ะ เมื่อเร็วๆ นี้ทางมหาลัย uc berkeley in CA ก็ประกาศให้ประกาศนียบัตรในหลวงของเรา แบบไม่เคยให้ใคร ในรอบร้อยกว่าปีได้ ค่ะ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ยู้
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 01 ธ.ค. 00, 22:48
|
|
ิโอ๋สะกดชื่อคุณ ถาวภักดิ์-ผิดค่ะ มาแก้หน่อยแล้วกัน ว่างๆ ก็เขียนบทความทางพระพุทธศาสนา มาลงอีกนะคะ คิดว่าท่านอื่นๆ คงอยากอ่านเหมือนกันค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ถาวภักดิ์
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 04 ธ.ค. 00, 14:09
|
|
ขออภัยคุณยู้ครับ ที่เงียบไปไม่ได้ตอบ เนื่องจากไปต่างจังหวัด เพิ่งกลับมาเมื่อเช้า
ถ้าชอบเรื่องธรรมะ อยากแนะนำให้อ่านจากWeb sites หลายๆแห่ง เช่น smart.in.th/buddhist/link_buddha.html จะเป็น link รวม Web Sites ไว้จำนวนมาก นอกจากนี้ ถ้าชอบแบบกระดานสนทนา ลองดู dharma.school.net.th/cgi-bin/bd_list.pl
แต่ถ้าสนใจธรรมะขั้นสูงละก้อ ต้องเรียนจากครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นพระอริยสงฆ์แล้วเท่านั้น หากศัทธาท่านพุทธทาสอยู่แล้ว ก็น่าหาหนังสือของท่านมาอ่านเพิ่มเติม
ผมเป็นเพียงผู้ใฝ่รู้เท่านั้น ยังไม่ใช่ผู้รู้จริง ธรรมะที่ผ่านผมจึงเป็นเพียงการจดจำมาเล่าต่อ และอาจบิดเบี้ยวผิดเพี้ยนไป ด้วยทิฐิ และความจำอันกระพร่องกระแพร่งส่วนตนได้
แต่อย่างไรก็ขอขอบคุณในคำชมครับ ดังระบุเป็นนัยยะข้างต้นว่ายังเต็มไปด้วยกิเลส เป็นเหตุให้ชอบคำชมที่คุณยู้มอบให้เป็นอย่างยิ่งครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ยู้
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 06 ธ.ค. 00, 06:10
|
|
ขอบคุณ คุณ ถาวภักดิ์ มากค่ะสำหรับเวบเพจ เข้าไปดูมาแล้วแต่ยังไม่ได้อ่านรายละเอียดมากนักค่ะ แต่ชอบมากกกกกกกกกค่ะ  ขอบคุณค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ถาวภักดิ์
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 07 ธ.ค. 00, 09:11
|
|
มีข่าวดีสำหรับผู้ฝักใฝ่ธรรมะครับ
เพื่อนของผมท่านหนึ่งเป็นตัวตั้วตัวตีจัดทำหนังสือรวบรวมธรรมของหลวงปู่มั่น เมื่อได้ยินได้ฟังถึงความวิริยะอุตสาหะของคณะผู้จัดทำแล้ว สำนึกได้ว่าไม่ไช่สิ่งที่จะทำขึ้นได้ง่ายๆ เฉพาะธรรมะของหลวงปู่มั่น ก็เปรียบเหมือนแก้วมณีโชติที่ประเมินค่าไม่ได้ จะเสียดายมากหากตกไปอยู่ในมือวานร
ฉะนั้นหากท่านใดคิดว่าจะสามารถใช้ธรรมะของท่านให้เป็นประโยชน์สมคุณค่าได้ ก็โปรดส่งชื่อที่อยู่ให้ผมตาม email ข้างต้น เพื่อนของผมท่านนี้มีความประสงค์จะจัดส่งให้เป็นธรรมทานโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
แต่ขอความกรุณาวานรทั้งหลายโปรดอย่าก่อกรรม ตัดรอนความก้าวหน้าทางธรรมของท่านอื่นด้วยการขอหนังสือไปอย่างไม่รู้จักใช้ให้เต็มคุณค่าเลยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ยู้
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 07 ธ.ค. 00, 18:32
|
|
อยากได้นะคะ แต่ว่าอยู่ต่างประเทศ ไม่อยากให้เสียตังค์ส่งมาให้ฟรีๆ เอาเป็นว่า ตอนกลับเมืองไทยไปเอาเองได้มั้ยคะ แต่ต้อง พค ปีหน้านะคะ กลับบ้านแน่ๆ อยากกลับ คริสมาสตร์นี้ด้วยที่จริงแล้ว แต่ว่าต้องส่งใบสมัครต้น มคนี้ ยังไม่เสร็จเลยค่ะ เอาเป็นว่า ถ้าคุณ ถาวภักดิ์ สามารถเก็บไว้ได้จนตอนนั้น ก็จะขอบคุณมากค่ะ ไปเอาเองหรือเสียค่าส่งตอนอยู่เมืองไทยคงจะถูกกว่าค่ะ
แค่ไม่เสียเงินค่าหนังสือแบบธรรมะนี่ก็รู้ส฿ึกแย่แล้วค่ะ ยังต้องมาส่งฟรีให้อีก รู้สึกแย่ๆเข้าไปใหญ่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ถาวภักดิ์
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 08 ธ.ค. 00, 08:13
|
|
ขอโมทนาในความใฝ่ในธรรมของคุณยู้ครับ
ถ้ารู้สึกเช่นนั้น ก็ส่งที่อยู่ที่เมืองไทยมาเลยดีกว่าครับ ผมกำลังรวบรวมส่งให้เพื่อนท่านนั้นอยู่ รอไว้ทีหลัง เกรงจะขลุกขลัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ยู้
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 08 ธ.ค. 00, 13:19
|
|
ไม่ทราบว่าเบอร์อีเมลล์คุณ ถาวภักดิ์ผิดเปล่าคะ ส่งไม่ได้คะได้ข้อความกลับมาค่ะว่าที่อยู่ผิดค่ะ ขอรบกวนโพสต์อีเมลล์อีกรอบนะคะ ขอบคุณค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ถาวภักดิ์
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 08 ธ.ค. 00, 17:01
|
|
ลอง address นี้ดูนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เชาว์
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 13 ธ.ค. 00, 13:08
|
|
ขอแจมหน่อยครับ พอดีชอบตอนนี้:) ผมว่า การให้ลูก เมียเป็นทานได้เนี่ยแสดงว่าใจแข็งสุดๆแล้วนะครับ เพราะ ลูกและเมียเป็นบุคคลที่เราย่อมรักสุดๆอยู่แล้วนะครับ และผมว่า ท่านคงมีใจที่พร้อมจะให้ทานที่ยิ่งใหญ่สุด (สละลูกเมีย) ข้อคิดที่น่าจะได้จากชาตินี่น่าจะเป็นเรื่องใจนะครับ การให้ทานน่าจะเริ่มจากใจ ให้ด้วยใจ พอวกกลับไปอ่านของคุณเทาชมพู ก็ดูคล้ายๆกัน แต่ถ้าผมว่าระหว่างให้ตัวเอง กับ ให้ลูกนี่ ให้ตัวเองคงจะง่ายกว่า นะครับ เพราะ การทนเห็นลูกทนทรมาน มันคงบาดใจสุดๆสำหรับพระเวสสันดรแล้ว ขนาดท่านยังเกือบที่จะชักมีดออกมาฟันชูชกเลยแต่ยังมีสติเตือนตัวได้ แต่ถ้าเป็นตัวเองถูกทรมานยังไงก็พอกัดฟันทนได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|