เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5
  พิมพ์  
อ่าน: 17157 ซางตาครู้ส กางเขนศักดิ์สิทธิ์
NickyNick
พาลี
****
ตอบ: 290

ทำงานแล้วครับ


ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 08 ส.ค. 06, 09:12


เมื่อคืนกลับไปอ่านหนังสือเก่าเก็บอีกเช่นกัน  ซื้อมานานแล้ว  ไม่ค่อยได้เอาออกมาเปิด  นึกขึ้นมาจะใช้ก็ปัดฝุ่นกันที  เป็นหนังสือรวมภาพมุมกว้างกรุงเทพฯ สมัยเก่าครับ  แพงด้วย  กัดฟันซื้อ  ยอมก็ยอมเดี๋ยวหนังสือมันจะหมดซะก่อน  แล้วจะเสียใจภายหลัง  แต่ซื้อมาก็ปล่อยให้ท่านๆ นอนพักอยู่ในตู้ซะหลายปีเลย

ขออนุญาตท่านกุรุกุลามาโชว์เลยนะครับ  เป็นชุมชุนกุฎีจีนสมัยโน้นนน  เป็นหมู่เรือนแพหนาแน่นเชียว  ผู้บรรยายบอกว่าน่าจะถ่ายจากแพห้องภาพของนายจิตร  จิตราคนี  หากเป็นสมัยนี้ภาพออกมาคงไม่เป็นภาพสวยยังงี้หรอก  เพราะแพจะต้องสะเทือนเลื่อนลั่นไปด้วยคลื่นเรือบื่อ (ภาษาสุพรรณ  คือเรือหางยาวของเมืองกรุงนั่นเอง)  ภาพคงจะสวยหวั่นไหวไปอีกแบบ

อ้อ  ผม search กระทู้ฮ้อทเกี่ยวกับนายจิตรที่ท่านแนะนำไว้ตอนต้นไม่ได้เลยครับ  ไม่รู้ว่าเขาโชว์ภาพนี้  แล้วก็ภาพต่อไปอีกด้วยรึเปล่า  หากซ้ำกัน  ถือว่าเป็นการเน้นเพื่อความรู้กันนะครับ


บรรยายภาพไว้ว่า  "ภาพ ๑๑๓  หมู่เรือนแพที่กระดีจีน  จาก หจช.  อาจถ่ายจากแพห้องภาพนายจิต"

(พิพัฒน์  พงศ์รพีพร  "ภาพมุมกว้างของกรุงเทพพระมหานคร ในสมัยรัชกาลที่ ๔  การค้นพบใหม่"  สนพ.เมืองโบราณ   ๒๕๔๔)
บันทึกการเข้า
NickyNick
พาลี
****
ตอบ: 290

ทำงานแล้วครับ


ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 08 ส.ค. 06, 09:17


ขออนุญาตเอามาต่ออีกหน่อย

"ภาพ ๑๑๒  แผนที่กระดีจีนและปากคลองบางหลวง  ขยายจากแผนที่ ร.ศ. ๑๑๕ (พ.ศ.๒๔๓๙) ฉบับนายวอน  นายสอน  เป็นผู้เขียน"

จากหนังสือเล่มเดิมครับ

สำหรับภาพแผนที่แผนผังปัจจุบันของชุมชนนี้  ท่านคงหาได้ง่ายๆ  เพราะอยู่ในหนังสือแนะนำการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ แทบทุกฉบับ  เพราะเป็นสถานที่ที่ฮ้อทอยู่แล้วครับ

กุรุกุลา  ตื่นหน่อยเหอะ อย่าลืมอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน  แล้วก็กินข้าวก่อนล่ะ
บันทึกการเข้า
กุรุกุลา
พาลี
****
ตอบ: 235


ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 08 ส.ค. 06, 19:56

 มาต่อกระทู้ครับ หายไปนานเนื่องจากสอบกลางภาค

ผมไม่ได้หลับหรอกครับคุณนิก  แค่ยังไม่อยากตื่นเท่านั้นเองก็เลยแกล้งทำเป็นหลับ แต่ตอนนี้คงต้องรีบโพสบ้างแล้วครับ เดี๋ยวจะโดนคุณนิกแซงหน้าไปเสียก่อน ขอบคุณนะครับที่ช่วยโพสแทนผมไปมากมาย กระทู้นี้ถึงไม่ร่วงไปเสียก่อน คราวหน้าคงต้องรบกวนคุณนิกอีกหลายครั้ง

เรือบื่อนี่แถวบ้านผมเมืองนนท์ก็เรียกกันครับ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ยินแล้ว ส่วนรูปเรือนแพหน้าวัดอรุณคาดว่าจะเคยเห็นกันมาหนักหนาแล้ว ผมก็เลยขอไม่เอามาลงครับ

จำได้ว่าเคยมีฉากเรือนไทยมุมนี้ในเรื่องทวิภพ เมื่อวันก่อนผมซื้อซีดีเพลงของกรมนริศท่านก็มีการนำภาพนี้มาเป็นปกซีดี สวยงามน่าชมบารนี

ตอนนี้ผมค่อนข้างว่างแล้ว มาดูภาพไม่สวยกันบ้างครับ เนื้อหาคงจะไม่มีอะไรแล้ว
บันทึกการเข้า
กุรุกุลา
พาลี
****
ตอบ: 235


ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 08 ส.ค. 06, 20:04


วัดซางตาครู้ส หลังเดิมครับ สร้าง พศ 2378-2456


สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 เพราะวัดหลังแรกอายุมากถึง 66 ปีแล้ว คงจะชำรุดทรุดโทรมลงตามกาลเวลา วัดหลังนี้สร้างโดยสังฆราชปัลเลอกัวร์ผู้โด่งดัง สมัยนั้นท่านยังไม่มีสมณศักดิ์ ได้กล่าวถึงชุมชนกุฏีจีนว่า


ชมรมแซงเตอะครัวซ์ มีโบสถ์อันภูมิฐานและกว้างขวาง ซึ่งใช้เงินของพวกคริสตังที่น่าสงสารไปถึงสองหมื่นฟรังซ์ แต่ก่อนนี้การประกอบพิธีกรรม กระทำกันในโรงหลังคาต่ำเป็นที่ลุ่มน้ำเฉอะแฉะ แท่นบูชาจึงกลายเป็นที่ซ่องสุมของอสรพิษ"


วัดหลังนี้สร้างเสร็จในปี พศ 2378 มีลักษณะสถาปัตยกรรมคล้ายแบบจีน มีปูนปั้นอ่อนช้อยคล้ายศาลเจ้า ผสมกับโบสถ์ไทย ติดพระราชนิยมรัชกาลที่ 3 นิดๆ ตรงหลังคาทรงกระเท่เซรที่ก่ออิฐสูงยันอกไก่ แต่มีปีกนกรอบด้านแป  
บันทึกการเข้า
กุรุกุลา
พาลี
****
ตอบ: 235


ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 08 ส.ค. 06, 20:09


พิธีศพในสมัยโบราณ สังเกตที่โลงหน้าตาประหลาดแบบนี้  ยังไม่ทราบว่ามีที่มาจากประเทศใด แต่ก็ยังมีสืบทอดรูปแบบมาถึงปัจจุบัน (เพียงแต่ไม่ค่อยมีใครใช้) ดูจากเครื่องแต่งกายแล้วน่าจะอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่จะเป็นช่วงใดคงต้องรอผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณติบอมาตอบ  
บันทึกการเข้า
กุรุกุลา
พาลี
****
ตอบ: 235


ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 08 ส.ค. 06, 20:14


ด้านข้างของโบสถ์ดูไม่ต่างกับโบสถ์ไทย
บันทึกการเข้า
กุรุกุลา
พาลี
****
ตอบ: 235


ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 08 ส.ค. 06, 20:16


พิธีแต่งงานหน้าโบสถ์ คาดว่าจะเป็นสมัยรัชกาลที่ 6 (รอคุณติบอมาอธิบายเรื่องที่คาดศีรษะของผู้สาวครับ) วัดเป็นวัดหลังที่ 3 แล้ว
บันทึกการเข้า
NickyNick
พาลี
****
ตอบ: 290

ทำงานแล้วครับ


ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 09 ส.ค. 06, 13:32

 ยอดเยี่ยมเลยครับ
รูปแบบนี้แหละที่อยากดูมานาน
หากไม่ได้กุรุกุลาช่วยค้นมาให้
คงไม่มีวาสนาได้ดูเป็นแน่

เป็นภาพโบสถ์เก่าที่ดูแล้วมีความขลัง
สถาปัตยกรรมงดงาม
ท่านออกตัวว่าไม่สวย
แต่ผมว่าสวย  ใครจะทำไม
บันทึกการเข้า
NickyNick
พาลี
****
ตอบ: 290

ทำงานแล้วครับ


ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 09 ส.ค. 06, 13:36

 ท่านบอกว่าเนื้อหาเหลือไม่เท่าไร
แต่ผมยังมีเรื่องอยากจะถามอีกเยอะแยะ
ในหัวตอนนี้มีแต่คำถาม
แล้วจะหาการบ้านให้ทำเรื่อยๆ

ไม่อยากให้กระทู้ตกไป
เลยเข้ามาเสริมเท่าที่กำลังมี
แล้วก็  ไม่ออฟไซด์



โบสถ์หลังเก่าสร้างขึ้นสมัยกรุงธน
พระสังฆราชปาเลอกัวซ์บูรณะในปี ๒๓๗๗-๘
โบสถ์หลังปัจจุบันสร้างในปี ๒๔๕๖-๗

แล้วผมจะมีวาสนาได้เห็นรูปโบสถ์หลังแรกมั้ยครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 09 ส.ค. 06, 14:18

 ขอสันนิษฐานแทนติบอได้ไหมคะ  เจ้าตัวยังไม่เข้ามาตอบ

ภาพในค.ห. 51 เป็นปลายรัชกาลที่ 6 หรืออย่างช้าทึ่สุดก็ต้นรัชกาลที่ 7 ค่ะ
แถบคาดหน้าผาก หรือ headband แบบนี้ เป็นแฟชั่นนำโดยพระวรกัญญาเมื่อเป็นพระคู่หมั้น
เจ้าสาวตัดผมสั้นแค่คอ (สมัยนั้นมี 2 ทรงคือชิงเกิ้ล และบ๊อบ)
ดูเหมือนจะมีคีมเย็นจับลอนผมเสียด้วย  หน้าตาสวยทันสมัยไม่แพ้สาวชาวกรุง  
ถ้าเทียบกับคุณแม่เธอ(เดาว่างั้นนะ)ทางซ้ายสุด    คุณแม่ยังไว้ผมเสยด้วยขี้ผึ้ง  แต่งตัวแบบโบราณอยู่เลย
บันทึกการเข้า
กุรุกุลา
พาลี
****
ตอบ: 235


ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 10 ส.ค. 06, 09:32

 ขอบพระคุณมากครับ อาจารย์เทาชมพู ผมคิดว่าเจ้าสาวก็คงพยายามจะแต่งตัวให้ทันสมัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะโบสถ์นี้ก็ไม่ได้อยู่ไกลปืนเที่ยง แทบจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพระบรมมหาราชวังทีเดียว

อีกเรื่องหนึ่งที่อยากทราบก็คือ การใช้แขนไว้ทุกข์น่ะครับ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรและเริ่มสมัยไหน

อ้อ ขอบคุณคุณนิกมากนะครับ ที่ติดตามชมกันอย่างสม่ำเสมอ วันหลังช่วยผมโพสอีกนะครับ
บันทึกการเข้า
กุรุกุลา
พาลี
****
ตอบ: 235


ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 10 ส.ค. 06, 10:04


เชิงเทียนพระราชทานครับ แต่ก็ไม่ทราบว่าพระราชทานในโอกาสใด คงต้องไปค้นหาให้มากกว่านี้ ผมไม่มีความรู้เรื่องถนิมพิมพาภรณ์ ก็คงต้องรอผู้รู้ชี้แจงว่าเป็นของนำเข้าหรือช่างไทยทำเลียนแบบ แต่ผมว่าคงจะมีแต่คนเข้ามากระเทียบมากกว่าว่าถ่ายรูปไม่ได้เรื่อง ขอชี้แจงครับว่า เวลาใช้ save for web ในโฟโต้ชอปแล้วภาพที่ได้มันจะออกมาใหญ่ แต่ความละเอียดมันจะน้อยลง ถ้าปรับไปน้อยมากๆมันจะแตกไปเลย
บันทึกการเข้า
กุรุกุลา
พาลี
****
ตอบ: 235


ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 10 ส.ค. 06, 10:06


-
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 10 ส.ค. 06, 10:06

 ดิฉันสับสนเองละค่ะคุณกุรุฯ
อ่านกระทู้นี้พร้อมกับกระทู้เมืองเพชร   เลยพลาดไปนึกว่าเจ้าสาวอยู่เมืองเพชร
กราบขอโทษเจ้าสาวซานตาครูสงามๆสามที    ไปว่าเธอไม่ใช่สาวชาวกรุง

เรื่องแขนทุกข์   จำได้ว่าในนิยายของดอกไม้สด มีฉากพระเอกพันแขนทุกข์แล้ว  
นิยายแต่งในรัชกาลที่ 7 ช่วง 2470-2475
บันทึกการเข้า
NickyNick
พาลี
****
ตอบ: 290

ทำงานแล้วครับ


ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 11 ส.ค. 06, 08:14


ก่งก๊งเข้าไปร่วมกระทู้ผม  อย่างกับที่ผมมาก๊งใน คหพต.๔๓ เชียวนะท่าน  รึจะเลียนแบบ  เป็นการเชิญชวนทางอ้อม  เรทติ้งดีเชียวนา  ตอนนี้ภาวะก๊งกำลังระบาด  เจอหลายคนพร้อมๆ กันเลยครับ

ท่านอุตส่าห์เยินยอซะดิบดี  ของชอบเสียด้วย  ก็ต้องช่วยๆ กันไป  กระทู้จะได้ไม่ต้องตกหน้าจากเรือนไทยที่รักยิ่งของเรา

ว่าแล้วก็สมนาคุณซะหนึ่งรูป  ควักเอามาจากเล่มเดิมที่กล่าวถึงข้างบนโน้นแหละครับ  เห็นยังติดพันอยู่กับเรื่องสาวๆ สวยๆ งามๆ  กลัวจะมาไม่ทันเขา  เดี๋ยวเลิกเห่อไปซะก่อน

นี่เป็นสาวเมืองกรุงนะจ๊ะ  ไม่ใช่สาวเมืองเพชร   หากอาจารย์เทาไปอ่านกระทู้ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองฯ ของผม  อาจเผลอนึกว่าเป็นสาวสุพรรณเป็นแน่เลย

ท่านเจ้าของหนังสือบรรยายว่า  ภาพนี้คือ  แองเจลินาทรัพย์  ผู้สืบสกุลรุ่นสี่ของเจ้าพระยาวิไชเยนทร์ (วิชเยนทร์-วิชาเยนทร์? - NickyNick)  ภริยาของหันแตร (โรเบิร์ต ฮันเตอร์ : หลวงวิเศษอาวุธประเทศพานิช  พ่อค้าต่างชาติหมายเลข ๑ ในสมัยรัชกาลที่ ๓)   เรียกกันอย่างยกย่องว่า  ท่านผู้หญิงทรัพย์   เป็นผู้นำชุมชนเชื้อสายโปรตุเกสแห่งหมู่บานกระดีจีน   ที่ขึ้นตรงต่อโบสถ์แซงเตอ ครัวส์ (Sainte Croix)  ซึ่งพระสังฆราชปาลเลอกัวส์เคยเป็นเจ้าอาวาส
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.059 วินาที กับ 19 คำสั่ง