เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
อ่าน: 14516 บุญเพ็ง หีบเหล็กจอมไสยเวทย์ฆาตกรรม
BlueMT
อสุรผัด
*
ตอบ: 16


 เมื่อ 18 ก.ค. 06, 18:55

 ฆาตกรรายนี้มิได้อยู่ไกลจากเราเลยครับ  เขาอยู่ในประเทศไทยนี่แหละ


และเป็นนักโทษรายสุดท้ายในประวัติศาสตร์ไทยนับจากปี2475เป็นต้นมาที่ตายไปโดยไม่มีศีรษะอยู่บนบ่า



"บุญเพ็ง"  หากเรียกเฉยๆ  คงอาจไม่มีใครทราบได้นะครับ  ว่า  เขาคือใคร............................

หลายคนอาจคิดว่า  เขาเป็น  หมอดูที่หน้าหยก  กิริยานอบน้อม  และมีความเฉลียวฉลาด

แต่....................................


หากเรียกว่า  "บุญเพ็ง  หีบเหล็ก" หลายคนคงจะทราบดีนะครับ

ฆาตกร  ฆ่าหั่นศพหญิงสาวในย่านบางลำภู  ช่วง พุทธศักราช 2461


                   "บุญเพ็ง"  พระนอกรีตที่ถูกจับสึกเพราะทำผิดวินัยสงฆ์ต่อมาตั้งตนเป็นอาจารย์ มีคาถาอาคมทำเสน่ห์เมตตามหานิยมให้ผู้ที่เชื่อในเรื่องของคุณไสย และลงมือสังหารเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายคนแล้วคนเล่าเพียงเพื่อต้องการทรัพย์สมบัติมาเป็นของตน โดยอำพรางคดีด้วยการหั่นศพใส่หีบเหล็ก และในที่สุดวิญญาณอาฆาตเหล่านั้นก็แสดงอาถรรพ์ให้ทกคนได้เห็น จนในที่สุด "บุญเพ็ง" ก็ถูกจับและศาลตัดสินประหารชีวิตด้วยการกุดหัวเป็นคนสุดท้าย เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 242 ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตย


ในขณะที่ต่างประเทศได้ให้ความสนใจถึงขนาดตั้งฉายาของ"บุญเพ็ง  หีบเหล็ก"ว่า

"THE MURDERESS IRON BOX "หรือฆาตกร  ผู้อำพลางด้วยหีบเหล็ก


ย้อนรอยชีวิตฆาตกร
                    หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ช่วงนั้นได้มีการประหารนักโทษสำคัญท่านหนึ่ง ซึ่งที่รู้จักกันดีในสมัยนั้นว่า "บุญเพ็ง" ซึ่งก่อคดีฆ่าคน ตายหลายชีวิต และศพที่ "บุญเพ็ง" ฆ่านั้นก็ได้นำมาใส่หีบเหล็ก แล้วโยนทิ้งน้ำทุกครั้ง จนชาวบ้านขนานนามว่า



                     ซึ่งนับว่า "บุญเพ็ง" เป็นนักโทษประหารคนสุดท้าย ของกรุงรัตนโกสินทร์ บุญเพ็งเดิมเป็นชายหนุ่มรูปงามนักเป็นที่เลื่องลือ และกล่าวขาน เขากำพร้าพ่อแม่แต่เล็ก อยู่กับตายาย ชื่อตาสุก และยายเพียร ซึ่งเฝ้าเลี้ยงดูอย่างทนุถนอมมา


                      แต่ หนุ่มบุญเพ็ง ไม่เอาไหน งานการไม่อยากทำ โดยปล่อยให้ตายาย ไปทำนาตามประสา ส่วนตัวเองกลับสนใจวิชาทางด้านไสยศาตร์เวทมนต์และ ได้ไปขอเรียนวิชาอาคม กับ ตาไปล่ สัปเหร่อวัดไผ่เคาะ ผู้มีวิชาดี ทาง กำจัดภูติผี ปีศาจ และทำเสน่ห์ยาแฝด และหมอดู บุญเพ็งเรียนจบครบหลักสูตรวิชาไสยศาตร์ประเภทมนต์ดำฝังรูปฝังรอย พร้อมวิชาหมอดู


                      นอกจากเขาจะมีรูปร่างอ้อนแอ้น เขายังมีกิริยานอบน้อม เจรจาพาทีไพเราะ จนสาว ๆ ทั้งหลายทอดสายตาให้ วิชาที่บุญเพ็งเรียนมา เป็นวิชาที่ไม่ให้คุณใคร และตาสุก ยายเพียรตระหนักดี แกคอยห้ามปราม ต่าง ๆ นานา แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากบุญเพ็งเท่าที่ควร

                   
                       ต่อมาเขาได้เติบโตเป็นหนุ่ม ถูกตายายดุด่า ห้ามปรามไม่ให้เล่นวิชาไสยศาสตร์ เขาจึงทนไม่ไหว และมุ่งหน้าเข้าสู่บางลำภู ที่บางกอก (กรุงเทพฯ) มาตั้งสำนักหมอผี อยู่ในสวน ใกล้คลองบางลำภู เปิดสำนักดูหมอสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาชีวิต รับทำเมตตามหานิยม เสน่ห์ยาแฝด และไสยศาสตร์ ซึ่งขณะนั้นมีคนมาหาแวะเวียนมากมาย


                      บุญเพ็งมีคนรักชอบพอมากมายเนื่องจากเป็นคนรูปร่างดี พูดจาไพเราะอ่อนหวาน กับอีกด้าน ก็มีคนไม่ชอบอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ศัตรูก็ไม่น้อย ที่สำนักของเขามีหีบเหล็กโบราณ อยู่ถึง 7 ใบ ช่วงนั้นผู้หญิงได้ไปติดพัน ไปหาตอนกลางคืน และนั่งคุยจนดึกดื่น ก็ต่างตกเป็นทาสสวาทของเขาทั้งสิ้น นานวันเข้าผู้หญิงคนนั้นก็หายไปอย่างลึกลับ ไร้ร่องรอย พร้อมกับหีบเหล็กที่หายไปทีละ 1 ใบ พฤติกรรมของเขา ที่เล่นบทรักกับผู้หญิงอย่างซาดิสม์ ทารุณ จนขาดใจตาย แล้วเขาจะใช้มีดสับศพเป็นท่อน ๆ ยัดใส่หีบเหล็ก นำไปทิ้งลงคลองย่านบางลำภูเพื่อทำลายหลักฐานซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่สุดเหี้ยมโหดในสมัยนั้น



                   ก็มีผู้หญิงคนแล้วคนเล่าที่ต้อง มาสังเวยชีวิตให้กับบุญเพ็ง คนสุดท้ายเป็นคุณนาย ที่สามีทอดทิ้ง รูปร่างดี แต่งกายทองเต็มตัว บุญเพ็งก็เสพสมแล้ว กลายเป็นขาประจำ จนกระทั่งวันหนึ่ง หญิงคนนั้นก็เกิดตั้งท้อง ยื่นคำขาดให้บุญเพ็งรับผิดชอบเป็นเมียอย่างออกหน้าออกตา ซึ่งบุญเพ็งจะบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา


                    ดังนั้นเขาจึงต้อง ฆ่าหญิงคนนั้นเสีย แล้วนำศพหั่นเป็นท่อน ๆ ยัดลงหีบนำไปทิ้งลงคลองอีกเช่นเคย "และเป็นหีบใบสุดท้ายที่มี" ซึ่งหลังจากนั้นเริ่มระแคะระคาย บุญเพ็งจึงลี้ภัยที่รู้ว่าจะมาหาตัว หนีไปบวชเป็นพระที่วัดแถวอยุธยา หลังจากนั้นซึ่งไม่รู้ว่าเป็น กรรมเวรอะไร ทำให้บุญเพ็งต้องสึกออกมาเพื่อแต่งงานกับผู้หญิงที่หมายปอง และคืนนั้นเองที่ ยังไม่ทันจะได้ถึงสวรรค์ ก็มีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาล้อมจับไว้อย่างละม่อมในข้อหา ฆ่าคนตายอย่างเหี้ยมโหด เรื่องราวทั้งหมดสืบเนื่องมาจากได้มีชาวบ้านไปทอดแห แล้วเจอหีบทั้ง 7 ใบ ในนั้นมีซากศพเป็นท่อน ๆ อยู่ในหีบทุกใบ จึงต้องโทษ และถูกตัดสิน โดยการประหารชีวิต เป็นการลงโทษที่หนักที่สุด ซึ่งในช่วงประหารชีวิตนั้นได้มีผู้คนมากมายมาดูการประหารชีวิต แต่ว่าไม่มีญาติของบุญเพ็งเลยสักคน แม้กระทั่งเจ้าสาวซึ่งยังไม่ทัน จะส่งตัวเข้าห้องหอ ก็ไม่มา



แต่..................

                  มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยครับ  เนื่องจากระหว่างที่นายบาปเพ็ง  เอ้ย.............บุญเพ็งจะถูกประหารเนี่ย

                   ในช่วงประหารชีวิตนั้นเอง เพชรฆาต รำดาบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วได้ลงดาบอันคบกริบลงบนคอ แทนที่คอจะ ขาดเลือดพุ่งกระฉูด กลับกลายเป็นว่า คมดาบนั้นไม่ได้ระคายเคืองผิวเลย จนเพชรฆาตรพูดว่า "มึงมีอะไรดี ให้เอาออกเสียเถอะ" หลังจากนั้นเพชรฆาต ก็เอาพระเขวี้ยงทิ้งไปในกอไผ่


                   คราวนี้รำดาบใหม่ ดาบหน้ารำจนบุญเพ็งเคลิ้มเผลอ ทันใดนั้นดาบหลังฟันดัง  
                    ฉับ !

                   คราวนี้ คอขาด หัวกระเด็น จนเลือดพุ่งกระฉูด ผู้คนที่มาดูต่างร้องวีดว้ายระงม

                   เพราะ................ว่าๆกันว่า  ขณะที่ศีรษะถูกคมดาบของเพชรฆาตฟันฉับนั้น   ในช่วงวินาทีสั้นๆ  ชาวบ้านหลายคนได้เห็นมุมปากของบุญเพ็ง  ขมุบขมิบเหมือนท่องคาถาอะไรสักอย่าง  


                   ซึ่งว่ากันว่า  อาจจะเป็นไพ่ตาย  คุณไสย์ครั้งสุดท้ายของเขาเผื่อจะป้องกันชีวิตของเขาได้ครับ  


                  แต่ผมว่าของดีของบุญเพ็งน่าจะเสื่อมไปนานแล้วละครับ  เพราะผู้หญิงกับคุณไสย  ไม่ถูกกันอยู่แล้ว  ของดีเช่นคาถา อาคมของเขาจึงเสื่อมด้วยประการฉะนี้


                  ศพของบุญเพ็ง หีบเหล็ก ถูกนำไปฝังไว้ในป่าช้านั้นเอง จนภายหลังญาติมาจัดการเผาศพตามพิธี และกล่าวกันว่า รอยสักช่วงแผ่นหลัง ของเขา เผาไฟไม่ไหม้ ญาติเก็บกระดูกใส่เจดีย์ไว้ข้างอุโบสถ์วัด จนช่วงหลังเจดีย์ถูกรื้อออก ทางวัดภาษี จึงได้ให้ช่างปั้นรูปปั้นจำลอง ไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ เมื่อ พ.ศ.2537 ตั้งไว้ในศาลเล็ก ๆ ติดกับวิหาร ซึ่งเป็นอนุสรณ์ว่า เขาเป็นนักโทษประหารคนสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2474 ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2475 ศาลลุงบุญเพ็ง หีบเหล็ก ได้มีคนไปกราบไหว้บูชา เสี่ยงโชคลาง และเข้าใจว่าวิญญาณของเขายังไม่ได้ไปผุดไปเกิด จนถึงทุกวันนี้เพื่อไถ่บาปอีกนับร้อนนับพันปี


                   นับว่าเขาคือ นักโทษคนสุดท้ายที่ได้รับโทษประหารชีวิตด้วยการบั่นศีรษะ


                  และบุญเพ็ง  คือ  ฆาตกรฆ่าหั่นศพคนแรกของเมืองสยาม

                   สิ่งที่ทำให้บุญเพ็ง  หีบเหล็ก ได้กระทำความผิดนั้น  มีเพียงอย่างเดียว  นั่นคือ  *กิเลส* ในจิตใจของเขานั่นเอง

                    มนต์ดำ  คือของนอกรีต  ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดกับหลักคำสอนของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  มันเป็นสิ่งที่คอยผูกมัดมนุษย์ด้วยความกลัว  ความโลภ  ความหลง

                    และสิ่งที่เขาได้รับเป็นผลตอบแทนจากกรรมของเขา   จะเป็นบทเรียนที่สำคัญให้แก่นักเล่นไสยศาสตร์มนต์ดำนอกรีต


                   ดังนั้น  ประวัติของบุญเพ็ง  หีบเหล็ก  จึงจบลงด้วยประการนี้ครับ........................................
บันทึกการเข้า
กุรุกุลา
พาลี
****
ตอบ: 235


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 19 ก.ค. 06, 10:17

 น่ากลัวจังเลยครับ แปลกนะครับที่ฆาตกรก็ยังมีศาลเอาไว้กราบไหว้บูชา
บันทึกการเข้า
สุขุม
อสุรผัด
*
ตอบ: 3


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 19 ก.ค. 06, 13:27

 มันจะแปลกไปได้กะไร เล่าคุณ "กุรุกุลา" ขนาดหมู หมา ที่เกิดมาผิดธรรมชาติ ชาวไทยยังกราบไหว้ ราวกับเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ทีเดียว..
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 19 ก.ค. 06, 14:28

 ชื่อใหม่ โพสต์ครั้งแรก
************************
คุณสุขุมพูดจาไม่น่าฟังเลยนะคะ  
น่าเกลียดมาก  เปรียบเทียบอย่างไม่รู้จักการควรมิควร เทียบถึงพระพุทธเจ้าเชียวหรือ
ชาวไทยคนไหนไม่ทราบ คุณกับดิฉันก็เป็นชาวไทย  
ดิฉันไม่เคยทำ  คิดว่าคนอื่นๆในเรือนไทยหรือเว็บวิชาการก็ไม่มีใครทำ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 19 ก.ค. 06, 14:29

 คุณเจ้าของกระทู้ได้ที่มาของเรื่องนี้จากเว็บหรือหนังสือไหนคะ
ขอให้อ้างอิงที่มาด้วย ก็จะดีค่ะ
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 19 ก.ค. 06, 15:10

 เคยอ่านเรื่องบุญเพ็งหีบเหล็กมาก็หลายหน ไม่เคยได้ยินอะไรพิลึกพิลั่นแบบนี้

ถามน้องกู๊กดู ได้ความว่าเรื่องที่คุณ BlueMT เล่ามีที่มาจากหนังไทยเกรดที่ไม่ได้เข้าฉายในโรงเหนังเรื่องหนึ่ง

ชื่อ THE MURDERESS IRON BOX นั้นดูขัดตาขัดใจยิ่งนัก แปลไม่เป็นภาษามนุษย์ ไม่มีทางที่ใครในต่างประเทศ(อย่างที่อวดอ้าง)จะตั้งชื่อแบบนี้ได้

ที่สำคัญ บุญเพ็ง จะเป็น murderess ไปได้อย่างไร ในเมื่อบุญเพ็งเป็นชาย

หาคนเขียนบทที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือ?

มักง่ายแท้ๆเชียว
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 19 ก.ค. 06, 15:31

 ขอบคุณคุณอาชาผยองค่ะ ที่เข้ามาชี้แจง
มิน่า....
ทีเคยอ่านมา  ก็ไม่ได้เติมพริกป่น และผงชูรสปลอม เยอะขนาดนี้

อ่านให้ดีๆ ข้อความจะขัดกันเอง ไม่รู้ว่าก่อนหรือหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองกันแน่
ทีแรกบอกว่าหลัง  แต่ต่อมาถูกประหารไปตั้งแต่ปี 2474 ก็ก่อนน่ะซิคะ

หนังเรื่องนี้ แค่อ่านเรื่องย่อ ก็มีฉากติดเรทแบบซาดิสม์เอาการ
บันทึกการเข้า
pipat
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1802


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 20 ก.ค. 06, 00:48

 ผู้เสนอเรื่องชิ้นนี้ ทำผิดมารยาทมากนะครับ
ผมไปพบเรื่องนี้ ที่นี่
 http://66.102.7.104/search?q=cache:rrz9KFYjdmoJ:my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php%3Fid%3D138659%26chapter%3D4+THE+MURDERESS+IRON+BOX&hl=th&gl=th&ct=clnk&cd=3
ลงวันที่อับเดทว่า
ตอนที่ 4 : "บุญเพ็ง หีบเหล็ก" จอมไสยเวทย์ฆาตกรรม / โดย กำเหลง / อัพเดท 13 เม.ย. 49
-----------------
ขอเสนอให้ลบกระทู้ทิ้ง จะผิดกติกาใหมครับ หรือล็อคไว้เพื่อเป็นตัวอย่างที่ไม่พึงกระทำ
การลอกเขามาทั้งดุ้นก็ผิดมากแล้ว แล้วยังไม่บอกที่มาอีก
บันทึกการเข้า
Hotacunus
องคต
*****
ตอบ: 613


AD FRANCIAM


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 20 ก.ค. 06, 01:57

 ที่สำคัญคือ คุณ BlueMT ขออนุญาตผู้เขียนหรือยังครับ

ผู้แต่ง : กำเหลง email : c5289884@ego.co.th


Story at Dek-D.com : Copyright  1999-2006
คำเตือน : ข้อความในทุกบทความในคอลัมน์นี้ ถือเป็นสิทธิ์ของเจ้าของบทความแต่เพียงผู้เดียว
ห้ามมิให้ทำการลอกเลียน คัดลอก ทำซ้ำ หรือทำการเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 20 ก.ค. 06, 08:23

 อยากลบค่ะ แต่มีคำถามขึ้นมาในใจ
หรือว่าคุณ BlueMT และคุณกำเหลง เป็นคนเดียวกัน !
บันทึกการเข้า
ลำดวนเอ๋ยพี่จะด่วนไปก่อนแล้ว
ชมพูพาน
***
ตอบ: 175

ความสุขที่แท้อยู่ที่ใจ


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 20 ก.ค. 06, 10:56

 ผมก็เป็นคนนึงนะ ที่เห็นแบบเดียวกับคุณสุขุม ที่เห็นคนไทยในปัจจุบัน ไปไหว้หมูหมาพิกลพิกร สุดธูปเทียนเครื่องบูชาเหมือนบูชาพระพุทธปฏิมา หรือ พระพุทธปฏิมาด้วย เพื่อขอหวย (ตอนแรกอยากเรียกว่าขอโชคลาภ แต่ว่าคิดๆแล้วมันก็คือขอหวย) แล้วก็สังเวชใจ พระพุทธศาสนา มีหลักที่จะสั่งสอนพุทธศาสนิกชนให้ไกลจากอบาย คือ ความเสื่อมทั้งหลาย แต่มาบัดนี้ พระสงฆ์บางรูป และ วัดบางวัดก็ทำตัวเป็นสำนักใบ้หวย อยากให้ทาง มหาเถรฯ มาจัดการให้เรียบร้อยกว่านี้ พระหมอดู พระหมอยา ผมยังรับได้ แต่พระใบ้หวยนี่ ผมถือว่าเป็นพวกมหาโจรปล้นพระศาสนา ตายไปก็มีแต่ไปอเวจีมหานรก
กลับมาที่ความงมงายของคนไทยสมัยนี้ ผมว่า มันรุนแรงขึ้นทุกวันๆ เมื่อปีก่อนๆ(จนถึงปัจจุบัน) เห็นมีไหว้เปตร ไหว้หมูหมากาไก่ เป็นเรื่องที่ไร้สาระที่สุด ถ้าจำไม่ผิดผมเคยอ่ายนตำราพรหมชาติ เรื่องการสัตว์ตกลูกออกมาพิกลพิการแบบนี้ แต่โบราณเค้าถือเป็นเครื่องอุบาทย์ ต้องมีการทำพิธีปัดอุบาทย์กันเป็นการใหญ่( หาอ่านได้ในตำราพรหมชาติ เล่มหนาๆเลย) แต่ทำไมตอนนี้กลับเห็นดีเห็นงาม ชะรอยว่า บ้านเมืองจะเป็นทุรยุค ไพร่บ้านพลเมืองอับปัญญาไร้ดวงตาแห่งธรรม.....
..........เมืองไดไร้ธรรมอำไพ  เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน.......
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 20 ก.ค. 06, 11:14

 การมาด่า คงไม่ได้แก้ไขให้อะไรดีขึ้นหรอกค่ะคุณลำดวน  ก็อาจจะเป็นการระบายอารมณ์ได้ชั่วครั้งคราว
แต่ทุกอย่างในสังคมก็ยังเหมือนเดิม
มีข้อแนะนำถึงทางออก ที่นำไปปฏิบัติได้   มั่งไหมคะ
บันทึกการเข้า
สุขุม
อสุรผัด
*
ตอบ: 3


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 21 ก.ค. 06, 15:06

 ขอโทษที่โพสตรงกับความจริงไปนิดน่ะครับ แต่ก็มีให้เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ทั่วไปมิใช่หรือครับ คุณเทาชมพู
บันทึกการเข้า
สุขุม
อสุรผัด
*
ตอบ: 3


ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 21 ก.ค. 06, 15:14

 ชื่อใหม่คับ
แต่ก็ฝากเนื้อฝากตัวเป็นสมาชิคที่ดีของ "วิชาการ.คอม"ด้วยน่ะ ขอรับ
(แต่ชื่อนี้ สั้นไปอ่านแล้วแปลๆ กะไรอยู่ ว่าจะตั้งนามใหม่เป็น "สุขุมวงศ์"น่ะครับ )
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 21 ก.ค. 06, 17:18

 ไม่ชอบที่คุณด่ากราดไปทั่วน่ะคะ   คนที่กราบไหว้สัตว์พิการคงไม่ใช่ชาวไทยโดยทั่วไป  
อาจเป็นคนจำนวนหนึ่ง ที่สื่อไปเสนอเป็นข่าว  แต่คนในหมู่บ้านหรือในตำบลที่เขาไม่ได้ร่วมขบวนไปไหว้   คงมีมากกว่า
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.056 วินาที กับ 19 คำสั่ง