กุรุกุลา
|
ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อ 06 ก.ค. 06, 20:18
|
|
ยกกลอนของสุนทรภู่เกี่ยวกะวัดนี้มาบ้างครับ ปี 2374 ถึงบางหว้าอารามนามจอมทอง ดูเรืองรองรุ่งโรจน์ที่โบสถ์สาม สาธุสะพระองค์ที่ทรงสร้าง เป็นเยี่ยงอย่างขึ้นไว้ในสยาม ในพระโกศโปรดปรานประทานนาม โอรสราชอารามงามเจริญ มีเขื่อนรอบขอบคูดูพิลึก กุฏิตึกเก๋งกุฏิสุดสรรเสริญ ที่ริมน้ำทำศาลาไว้น่าเพลิน จนเรือเดินมาถึงทางบางขุนเทียน
สุนทรภู่ไปพระแท่นดงรัง ในปี 2376 ก็ได้เขียนเกี่ยวกับวัดนี้เอาไว้อีก
ประมาณสามยามเงียบเชียบสงัด มาถึงวัดจอมทองดูผ่องใส มีเกาะขวางกลางชลาพฤกษาไทร ยังจำได้พรั่งพร้อมถึงจอมทอง
ถ้าจำไม่ผิดคลองที่ผ่านวัดนี้คือคลองด่านหรือคลองสนามไชย แสดงว่าคงจะใหญ่พอดูจึงมีเกาะได้ ไม่ทราบสมัยนี้ยังอยู่หรือไม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อ 11 ก.ค. 06, 11:26
|
|
ขอเข้ามาดึงกระทู้นี้ไว้ ไม่ให้ตกหน้าลงไปค่ะ *************** สาเหตุการสร้างวัดราชโอรส นายธนิต อยู่โพธิ์ เรียบเรียงเอาไว้ยาวเอาการเหมือนกัน ขอตัดตอนมาย่อๆก็แล้วกัน
สาเหตุหนึ่งคงจะเนื่องมาจากกรมสมเด็จพระศรีสุลาไลย(เจ้าจอมมารดาเรียม)พระบรมราชชนนีของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ เป็นธิดาของพระยานนทบุรี (จัน) และคุณหญิงเพ็ง คุณหญิงเพ็งเป็นธิดาของพระยาราชวังสัน(หวัง ) และท่านชู ท่านชูจึงเป็นยายทวดของสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ท่านชูผู้นี้กล่าวกันว่าเป็นธิดาคหบดีเจ้าของสวนแถวคลองด่าน แถววัดหนัง ใกล้วัดจอมทอง ถิ่นนี้จึงมีวงญาติของท่านอาศัยอยู่โดยมาก
นอกจากนี้เจ้าอาวาสวัดจอมทอง ต่อมาเมื่อเป็นวัดราชโอรสแล้ว ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระสุธรรมเทพเถร เล่ากันว่าท่านชำนาญการพยากรณ์ยามสามตาด้วย และคงจะได้คุ้นเคยกับพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ เมื่อครั้งทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ในรัชกาลที่ 2
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tuka007
พาลี
   
ตอบ: 291
คนจับจอบจับเสียม
|
ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อ 12 ก.ค. 06, 15:13
|
|
แอบเดินตามท่านผู้ใหญ่ พร้อมเคี้ยวขนมข้าวเหนียวแดงสุดอร่อย หนึบๆ ติดฟัน เดินตามดูของสวยๆงามๆต่อ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
จงยิ้มให้โลก...แล้วโลกจะยิ้มให้เรา
|
|
|
ติบอ
|
ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อ 12 ก.ค. 06, 21:59
|
|
ไม่ได้เข้ามาดูกระทู้นี้เสียนานเลยครับ พอเข้ามาถึงได้นึกขึ้นได้ว่าผมลืมเฉลยว่าขนมในภาพที่ 12 คือขนมอะไร
ขอเฉลยว่า "ขนมทองทัต" นะครับ ภาพจากพระนิพนธ์ "ขนมลูกๆทองแดง" ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อ 13 ก.ค. 06, 13:17
|
|
หนีไปกระอักโลหิตมาสามรอบ อาการแค้นฝังใจค่อยคลายลงบ้าง ฟ้าหนอฟ้า ส่งศิลปะไทยมาเกิดแล้ว ใยต้องให้กรมศิลป์มาเกิดด้วย อะไรที่เป็นคุณค่า เป็นต้องถูกแปรไปเป็นมูลค่าเสียทั้งสิ้น จะมีเหนือกว่าก็คือการท่องเที่ยว...
สองหน่วยนี้ เข้ากันดียังกะผีคู่กะโลง
แต่เหนือฟ้า ยังมีฟ้า เหนือดารายังมีดาวราย เอ เกี่ยวใหมหว่า พ่อแม่พี่น้องทั้งหลายทราบใหมครับ ว่าสุดยอดแห่งการทำลายล้างศิลปะวัตถุในประวัติศาสตร์ชาติไทยสมัยใหม่ คือครั้งใด
ไม่นับคราวเสียกรุงนะ คราวนั้นนรกแตก ยกเว้นให้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อ 13 ก.ค. 06, 16:23
|
|
ทางรถไฟที่แพงที่สุดในโลก น่าจะได้แก่เส้นที่ผ่านลพบุรี และที่ผ่านกำแพงแสน............. แพงแค่ใหนหรือ
เขาเอาพระพุทธรูปสมัยทวารวดีถมทำทางวางรางน่ะ แพงไม้ ที่ลพบุรีอาจจะถูกกว่าหน่อย เพราะใช้ศิลปะเขมรกับอู่ทอง
แล้ว เขื่อนที่แพงที่สุดในประเทศไทยคือที่ใหนรู้ใหม ..........
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ศรีปิงเวียง
|
ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อ 13 ก.ค. 06, 18:46
|
|
เรียน คุณพิพัฒน์ ที่พึงเคารพครับ ผมมองว่า เขื่อนที่แพงที่สุด คือ เขื่อนสามโตรก (อ้าว นี่ของจีนแดงนี่ ไม่ช่ายๆๆๆ) ด้านราคา ยกให้กับเขื่อนยันฮี ด้านทรัพยากร ก็ยกให้เขื่อนเขาแหลมครับ เพราะ ใต้เขื่อนเขาแหลม มีวัดร้าง!+รางรถไฟสายเมืองกาญจน์-ตะนาวศรี+ที่ทำกินของชาวบ้านในสังขละบุรี ครับ นี่ยังไม่นับความอุดมสมบูรณ์ของป่าเมืองกาญจน์ ที่สูญไปตั้ง 1 ใน 7 ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่เห็นใครแน่นอน
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 37 เมื่อ 13 ก.ค. 06, 19:15
|
|
ศิลปะวัตถุที่สูงค่ายิ่งใหญ่ที่สุดชิ้นหนึ่งของเรา เป็นพระบฎขนาดสูงคับห้อง รูปพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์ ประมาณอายุไม่ถูก เพราะพบเพียงชิ้นเดียว มีค่าควรเมือง
อาจจะตรงกับสมัยอยุธยาตอนกลาง เป็นหนึ่งในไม่กี่ร้อยชิ้น ที่เราขนออกมาจากเขตนำท่วมหลังเขื่อน มาจากอำเภอฮอด ปัจจุบัน(คงจะ)อยู่ที่หอศิลป์ ถนนเจ้าฟ้า ผมไม่ได้ชมนานแล้ว ไม่ทราบว่ายังอยู่ดีหรือไม่อย่างไร
ใต้ผืนน้ำยังกู้ออกมาไม่ทันอีกไม่รู้กี่แสนชิ้น
ขิเชิญคุณศรีฯ ต่อเลยครับ เขื่อนใหม่ๆ ไม่ค่อยรู้จัก คือไม่อยากรู้จักน่ะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อ 13 ก.ค. 06, 22:44
|
|
มาต่อเรื่องวัดราชโอรสครับ ที่ท่านอธิบดีธนิตว่ามา เป็นส่วนที่ท่านตีความ ซึ่งมีวิธีพิสูจน์ได้ ด้วยการไปศึกษาระบบสัญลักษณ์ที่ใช้ในวัด พูดอย่างนี้ เพราะเทียบต้วอย่างจากวัดเฉลิมพระเกียรติ ที่สร้างอุทิศ พระชนกชนนีของพระราชมารดา มีการสร้างสัญลักษณ์ว่า 1 กำแพงวัด สร้างเป็นป้อม เพื่อแสดงสถานะที่เป็นเจ้าเมืองนนทบุรี 2 ลายหน้าบัน เป็นรูปกระต่ายชมจันทร์ ล้อชื่อ เพ็ง และจัน เพ็ญเต็มดวง คือดวงจันทร์
เสียดายที่วัดสร้างไม่เสร็จ หาไม่จะมีรหัสให้ถอดมากกว่านี้
สำหรับที่คลองด่านนั้น ทรงปฎิสังขรณ์มากกว่าวัดจอมทอง และทรงชักชวนคนอื่นๆมาร่วมสร้างชุมชนอีกมากมาย ดังนั้นประเด็นที่ว่าสร้างอุทิศบรรพบุรุษ จึงอาจจะเป็นเหตุผลส่วนเดียว เหตุผลอีกส่วนน่าจะมาจากเศรษฐกิจ
แถวนี้มีใครเป็นนักเศรษฐศาสตร์โบราณบ้าง มาช่วยผมที คุณนิลกังขาเธอหนีงานหายสาบสูญไปซะแล่ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ศรีปิงเวียง
|
ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อ 14 ก.ค. 06, 17:59
|
|
สวัสดี คุณพิพัฒน์ ครับ ขออนุญาตฝากลิงค์เรื่องเขื่อนสามโตรก( Three Gorges Dam )ของจีนแดงก่อนนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่เห็นใครแน่นอน
|
|
|
นางมารน้อย
พาลี
   
ตอบ: 306
ทำงานแล้วค่ะ
|
ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อ 17 ก.ค. 06, 11:30
|
|
ขอนั่งยัน นอนยัน ยืนยันค่ะว่าถึงใครไม่รักและเคารพรัชกาลที่สาม นางมารน้อยผู้นี้ขอสักการะพระองค์ด้วยใจจริง ทั้งรัชกาลที่สามและสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ค่ะ ศรัทธาในความสามารถและพระวิริยะอุตสาหะของท่านที่ทำเพื่อบ้านเมืองโดยแท้จริง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สวัสดีทุกๆท่านค่ะ
|
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อ 17 ก.ค. 06, 22:24
|
|
ในวัดราชโอรสนั้น มีสิ่งอันพึงชมอยู่มากมาย ขอกล่าวถึงสิ่งวิเศษที่คนใจบาปหยาบช้า กระทำการเลวทรามลักขโมยไปเสียก่อน คือรูปเทวดาจีนขนาดใหญ่กว่าคน เป็นกระเบื้องเขียนสีแสนงดงาม ตีราคาไม่ได้ไม่ว่าเป็นเงินบาท เงินดอลล่าร์ หรือเงินเย็น ในหนังสือของอาจารย์ น ณปากน้ำ และหนังสือเมืองโบราณเคยลงรูปไว้ อาจจะหาชมยากหน่อย แต่น้องคนใหนที่สิงสู่อยู่ ม.ศิลปากร ในห้องวารสารคงจะมีให้ชม แนะนำให้ชมเสียเป็นบุญตา สิ่งที่ควรใส่ใจต่อไป คือรูปตุ๊กตาจีน ที่เรามาเรียกกันว่าอับเฉาเรือ ที่นั่น เป็นชุดเริ่มแรกของประติมากรรมเหล่านี้ ไม่แน่ใจว่าสภาพจะทรุดโทรมไปมากน้อยเพียงใด
ผมต้องขอโทษ ที่พาชมแบบของแห้ง ไม่มีรูปประกอบเลย เคยมีครับ แต่ไม่ใส่ใจเก็บ สไลด์มากกว่าสามสี่ร้อยกล่อง กลายเป็นทรากไปหมด เสียดายอยู่เหมือนกัน
อย่างที่สามคือ เครื่องตกแต่งหน้าบัน เป็นงานเครื่องเคลือบที่มีคุณภาพสูงสุดที่ปรากฏในรัชกาลก็ว่าได้ เพราะผมยังไม่เห็นที่ใหนจะมีคุณภาพเหนือกว่า
ใครที่เป็นนักถ่ายรูป ใช้เครื่องกระเบื้องที่วัดนี้ ทดสอบได้เลย ว่าเลนส์ของคุณ จำลองสีของจริงออกมาได้กี่หน่วย เผลอๆจะเสียเงินซื้อเลนส์หมดตัว แดงที่นั่น สีอิ่มลึก เขียวก็กระจ่างสดใส แม้แต่เหลืองก็แวววับใสสด
นี่คือจุดกำเนิดของสถาปัตยกรรมสี เป็นศรีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
UP
|
ความคิดเห็นที่ 43 เมื่อ 01 ก.ย. 06, 14:37
|
|
 วัดไหนไหนก็ไม่ลือระบือยศ เหมือนวัดราชโอรสอันสดใส เป็นวัดเดิมเริ่มสร้างไม่อย่างใคร ล้วนอย่างใหม่ทรงคิดประดิษฐ์ทำ
ทรงสร้างด้วยพระมหาวิริยาธึก โอฬารึกพร้อมพริ้งทุกสิ่งขำ ล้วนเกลี้ยงเกลาเพราะเพริศดูเลิศล้ำ ฟังข่าวคำลือสุดอยุธยา
จะรำพันสรรเสริญก็เกินสมุด ขอยกหยุดพองามตามเลขา กำหนดสร้างอาวาสโดยมาตรา ประมาณช้านับได้สิบสี่ปี
จึงเสร็จการอาวาสราชโอรส อันเลื่องยศเฟื่องฟุ้งทั่งกรุงศรี แล้วสมโภชโปรดปรานการทวี การที่มีเหลือล้นคณนา
เพิ่งได้เขามาอ่านกระทู้สนุกๆ กระทู้นี้ครับ เสียดายที่กระทู้หยุดนิ่งไปนานแล้ว ขอยกเพลงยาวของนายมี มหาดเล็ก มาหนุนกระทู้นี้ให้ระบือยศต่อไป
ใครที่ยังเห็นแก่ผลแห่งกุศลวิทยาทาน ก็ได้โปรดเข้ามาบำเพ็ญเพิ่มเติมทีเถิด |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
UP
|
ความคิดเห็นที่ 44 เมื่อ 01 ก.ย. 06, 14:40
|
|
ล้วนเกลี้ยงเกลาเพราะเพริศดูเลิศล้ำ ขอแก้เป็น ล้วนเกลี้ยงเกลา "เพรา" เพริศดูเลิศล้ำ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|