|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 121 เมื่อ 10 มิ.ย. 06, 19:50
|
|
คุณ B หากไปนอนจะไม่เจ๊อะ เวรจริงแบบเรียลไทม์นะครับ...555 เซฟเก็บไว้อ่านดีกว่าครับ เป็นการกันเหนียว เผื่อท่านผู้มีเจตนาดีแต่ประสงค์ร้าย จะมาช่วยทำความสะอาดเรือนไทยแบบคราวที่แล้วอีก
ทองบางตะพาน นี่ก็หมุดเวลาอีกหนึ่งดอกครับ เป็นเหตุให้นายสำอางต้องโทษประหารไงครับ เบิกเงินหลวงไปเป็นหมื่นชั่ง ได้ทองมาร้อยกว่าชั่ง นั่นคือต้นรัชกาลที่ 5 ครับ ตอนนั้นทองคงเกลี้ยงเหมืองแล้ว
มีหลักอย่างนี้แล้ว ผมคุ้ยเอกสารไม่นานเป็นได้เรื่องครับ เสียดายไม่ได้อยู่ไกล้โรงเรียนเก่า ที่นั่นค้นจนจำเป็นชั้น ไม่ต้องพึ่งบัตรรายการ
ส่วนเรื่องฝิ่นนี่ มีมากขนาดร. 3 เอากลักมาหลอมทำพระพุทธรูปเชียวครับ จำไม่ผิดก็ที่วัดสุทัศน์ แต่ต้องสอบตำนานก่อน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 122 เมื่อ 10 มิ.ย. 06, 20:01
|
|
หน้าแตกดังเพล้ง.... คดีพระปรีชาเกิดที่กบินทร์ครับ ขอสมาลาโทษท่านผู้อ่านทุกท่าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 123 เมื่อ 11 มิ.ย. 06, 09:16
|
|
ทองเสาชิงช้า จากสุภาษิตสอนหญิงของสุนทรภู่ มาแล้วค่ะ สุนทรภู่ค่อนขอดผู้หญิงยากจนที่อยากทำเทียมหน้าเทียมตาคนรวย ไม่มีเงินซื้อทองของจริง ก็ไปซื้อทองเสาชิงช้ามาประดับกาย อยากโก้กับเขาบ้าง ถ้าท่านอยู่มาจนทุกวันนี้คงจะค่อนขอดสินค้าเลียนแบบแบรนด์เนมเป็นแน่
หาทองแท้แก้ไขมันไม่คล่อง ต้องเอาทองเสาชิงช้าน่าใจหาย แต่ล้วนเนื้อสิบน้ำทองคำทวาย สายสร้อยสายหนึ่งก็ถึงสลึงเฟื้อง แพงไม่เบาเขายังกล้าอุตส่าห์ซื้อ ผูกข้อมือแลงามอร่ามเหลือง ถึงจนยากอยากบำรุงให้รุ่งเรือง จนทองเหลืองไม่ละจะกละงาม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 124 เมื่อ 11 มิ.ย. 06, 09:24
|
|
ค้นเรื่องทองเสาชิงช้ามาให้แล้ว บังเอิญไปเจอตอนนี้ในสุภาษิตสอนหญิง เลยเอามาแถมให้คุณพิพัฒน์ สุนทรภู่เล่าถึงผู้หญิงที่มีชู้ สามีจับได้ เอาตัวไปฟ้องตุลาการ การตัดสินคดีของตุลาการคือไต่สวนเรื่องราวจนได้ความจริง
ครั้นซักไซ้ไต่ถามได้ความชัด จึงจำกัดศักดินาราคาขาย ถ้ารักชู้ก็ให้อยู่กับชู้ชาย มันเบื่อหน่ายขายกลับเอาทรัพย์คืน
คำตัดสินก็คือดูศักดินาของผู้หญิงแล้วตั้งราคาขาย ถ้าอยากอยู่กับชู้ก็ให้ชู้จ่ายค่าศักดินากับผัว เพื่อเอาเมียไป แต่เอาไปแล้ว ชู้เกิดเบื่อหน่ายขึ้นมาก็ขายเมียเอาเงินคืนได้
ฟังๆดูแล้วสิทธิในการขายอยู่ที่ฝ่ายชาย ผู้หญิงไม่มีสิทํธิ์คัดค้าน ถ้างั้นสุภาษิตนี้ต้องเขียนก่อนรัชกาลที่ ๔ หรืออย่างช้าก็ต้นรัชกาลที่ ๔ ก่อนพ.ศ.ที่อำแดงเหมือนแกถวายฎีกา เพราะหลังจากนั้นถ้าซื้อขายลูกเมีย สมเด็จพระจอมเกล้าฯ ท่านกำหนดให้ลูกเมียต้องสมัครใจเสียก่อน พ่อหรือผัวถึงขายได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 125 เมื่อ 11 มิ.ย. 06, 11:22
|
|
"ผ้หญิงเปนควาย ผู้ชายเปนคน" หาเปนยุตธรรมไม่ ให้ยกเสีย อยู่ใน ประกาศรัชกาลที่ 4 หมายเลข 294 พ.ศ. 2410 พระราชบัญญัติเรื่องผัวขายเมีย บิดามารดาขายบุตร
และพบประกาศห้ามไม่ให้แต่งตัวเด็กด้วยเครื่องทองเงิน ถึงสองฉบับ ออกในพ.ศ. 2409 แสดงว่าคงมีคดีเกิดชุกในเวลานั้น
ส่วนทองเสาชิงช้า ผมสนใจ เพราะตลาดเสาชิงช้า ไม่ใช่ตลาดใหม่ เนื่องจากเป็นตลาดบก จะเจริญได้ ต้องรอถนนบำรุงเมืองตัดผ่านเสียก่อน เดิมเป็นถนนสะเล็กสะน้อย เรื่องนี้ยังสัมพันธ์กับยี่ห้อกิมตึ๋งฮกกี่ ฮวดกี่ ที่ไปยึดทำเลแถวนั้นค้าเครื่องกระเบื้องในสมัยรัชกาลที่ 4 และ 5 เรือนไทยของคุณชายคึกฤทธิ์ก็ดูเหมือนเคยอยู่แถวนั้นเหมือนกัน
รูปมาจากมูโอต์ เป็นเสาชิงช้าสมัย 2400-5 ตำแหน่งเดิม ไม่ใช่อยู่หน้าวัดเหมือนทุกวันนี้ |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 126 เมื่อ 11 มิ.ย. 06, 11:29
|
|
 .
รูปถ่ายตอนปลายรัชกาลที่ 4 มองจากพระบรมบรรพตเข้าในกำแพงเมือง เห็นประตูเมืองด้านทิศตะวันออก ที่กลายเป็นมาเรียกว่า ประตูผี เพราะความเคยชิน (เป็นทางลำเลียงศพออก คราวโรคห่ระบาด สมัยร. 2 เป็นต้นมา เหมือนวัดสังเวช ก็ได้ชื่อเพราะศพออกทางนั้นมากเหมือนกัน)
ตำแหน่งที่เป็นถนนบำรุงเมืองยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสวนผลไม้ |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 127 เมื่อ 11 มิ.ย. 06, 11:36
|
|
 .
ถนนบำรุงเมือง เมื่อต้นรัชกาลที่ 5 ประมาณ 2420-5 (แนวเส้นสีแดง) ห่างจากรูปที่แล้วสิบปี ไม่เกินสิบห้าปี กลายเป็นเมืองแล้ว กิจการร้านค้ารุ่งเรือง สวนและป่าหายหมด เพราะท่านโปรดให้น้องๆ ไปสร้างวัง เท่ากับขยายเมืองไปในตัว |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 129 เมื่อ 11 มิ.ย. 06, 12:47
|
|
เห็นภาพกรุงเทพในช่วงขยายเมือง สวนยังมีอุดมสมบูรณ์แม้ว่าฝั่งกรุงเทพเป็นที่ลุ่ม เปิดหน้าต่างห้องนอนก็เห็นสวนแล้ว อยากส่งคุณติบอกลับไปอาศัยอยู่ในเรือนคหบดีในภาพค.ห. 129 เช้าตรู่คงได้คุยกับพรรคพวก น้องนกกางเขน สีชมพูสวน และน้องอะไรต่อมิอะไรจนคอแห้ง อากาศในตอนนั้นเย็นสบายกว่าเดี๋ยวนี้หลายองศา โดยเฉพาะในยามเช้าที่สงบเงียบ ไร้เสียงยวดยานพาหนะแสบหู
เห็นเรือหลายลำ เลือกไม่ถูกว่าจะนั่งไปไหนบ้าง คงให้คุณติบอชวนคุณหมูน้อยและคุณเฟื่อง เลือกลงเรือประทุนลำไหนก็ได้ไปเที่ยวตามคลองต่างๆของกรุงเทพ ที่เชื่อมโยงถึงกันตลอด ************** ขอออกนอกเรื่องค่ะ เมื่อวานไปจ่ายตลาดที่ดอนหวาย ทางเข้าจากถนนปิ่นเกล้า-นครไชยศรี ยังคงมีสภาพสวนเขียวชอุ่มให้เห็นเมื่อสองสามปีก่อน แต่วันนี้สวนใกล้หายไปเหมือนบางกรวย หมู่บ้านจัดสรรเข้ามาแทนที่ ดินที่ปลูกผลไม้ได้งาม ถูกเททับด้วยคอนกรีตเกือบหมดแล้ว วันหนึ่งข้างหน้าเราคงต้องสั่งมะพร้าว กล้วย ฝรั่ง ละมุด จากนอกมากิน รสชาติไม่ดีเท่าของเดิม พูดแค่นี้ค่ะ ไม่อยากบ่นนานกว่านี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Tiwa
อสุรผัด

ตอบ: 16
ทำงาน
|
ความคิดเห็นที่ 130 เมื่อ 11 มิ.ย. 06, 14:35
|
|
 ตอบ ค.ห. 113
จัดให้ตามคำขอของอาจารย์ครับ ที่อยากทราบรายละเอียดของข้อมูลของผม ความจริงสิ่งที่ผมอ่านมา ไม่ใช่ว่าผมจะให้น้ำหนักกับมันเสมอไปนะครับ ผมเพียงแต่อ่านเพื่อความบันเทิง อ่านเอาเรื่อง ไม่ได้อ่านหาเรื่อง...แหะๆๆ ล้อเล่นนะครับ ยังดีนะครับที่ผมตามเจอว่าอ่านมาจากเล่มไหน ถ้าไม่เจอละก็ ผมก็ไม่ทราบว่าจะเอาอะไรมายืนยันว่าผมไม่ได้ลิขิตขึ้นเองน่ะคราาาาาาาาบบบบบ
สิ่งที่ทราบมาก็คือในสมัยโบราณ ชายมิอาจเข้าไปในพระราชฐานฝ่ายใน แต่เรื่องในกำแพงวัง ชั้นในที่เขาถ่ายทอดกันมาเป็นอักษรสาร เจ้านายผู้ชายทรง "ดอด" เข้าไปข้างในก็บ่อยไปครับ
ไม่งั้น ทำไมกรมขุนพินิจฯ ถึงทรงเข้าไปฝากรักที่สอง กับคุณแพรได้สำเร็จ จนขวดโอเดอโคโลน หล่นแตก หอมฟุ้งโจษจันไปทั้งวัง เจ้าฟ้าภาณุรังษี กลางวันทรงประทับที่หนึ่ง กลางคืนทรงเข้าไปนิทรากับสมเด็จยายข้างในได้
เอาล่ะครับ ถ้าสงสัยอะไรก็ถามขึ้นมาได้ครับ นี่ยังดีที่ผมยังไม่ได้เล่าเรื่องการสืบสวนคดี กรมหลวงรักษ์รณเรศกับตัวละคอนนอก ที่ว่า " ใช้มือเคลื่อนธาตุ" เพราะมันติดเรทมาก
ต่อไปผมจะเอากระชอนกรองก่อนครับ สิ่งใดที่ผมไม่เชื่อ ผมจะรีบออกตัวว่าผมก็ไม่เชื่อครับ |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 131 เมื่อ 11 มิ.ย. 06, 14:40
|
|
 .
ผิดไปเพียงไม่กี่วาครับ เป็นคลองคูเมิอง ที่ผ่าระหว่างวัดราชนัดดา กับวัดสระเกษ เดี๋ยวนี้กลายเป็นชุมชนน่ารังเกียจที่บ้านเมือง โดยฝูงคนแก่เพราะกินเข้า เฒ่าเพราะอยู่นาน อ้างเหตุผลซังกะบ๊วยอะไรสักอย่าง ไล่รื้อมา 14 ปีแล้วครับ หาว่ารกพระนคร ความจริงเขาอยู่นอกกำแพงพระนครโดยความกล้าหาญนะครับ ข้าศึกบุกเข้ามา พวกนี้ตายก่อน
อนาถใจ เอาคนไม่รู้ประวัติศาตร์มาคุมงานอนุรักษ์เมือง อายไปถึงรัชกาลที่ 1 เลยครับ
คลองมหานาคไปทางขวาอีกนิดเดียวก็เจอครับ คลองนี้ น่าจะเป็นฝีมือเขมรตอนรัชกาลที่ 1 |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Tiwa
อสุรผัด

ตอบ: 16
ทำงาน
|
ความคิดเห็นที่ 132 เมื่อ 11 มิ.ย. 06, 14:49
|
|
 ต่อครับ |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pipat
|
ความคิดเห็นที่ 133 เมื่อ 11 มิ.ย. 06, 14:51
|
|
 .
ขยายให้เห็นรายละเอียด จุดแดงที่ทำไว้ คือแนวคลองหลอดเส้นที่ผ่าวัดเทพธิดาราม (ซ้ายบน เห็นโบสถ์วิหารคู่กัน) กับวัดราชนัดดา ปลายคลองออกวัดบุรณศิริฯ |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Tiwa
อสุรผัด

ตอบ: 16
ทำงาน
|
ความคิดเห็นที่ 134 เมื่อ 11 มิ.ย. 06, 15:02
|
|
 ภาพนี้ต่อจาก คห 131 ครับ ขออภัยครับ เรียงผิด ต้นฉบับชัดดี แต่ผมบีบไฟล์สุดๆครับ . |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|