เพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัดครับ
ก่อนไปก็หงุดหงิดอยู่หลายวัน เกลียดการนอนวัดที่ทั้งร้อนทั้งอบอ้าวตอนหัวค่ำแล้วก็หนาวจับใจก่อนฟ้าจะสาง
กลัวแมลงสาระพัดชนิดที่ฝากตุ่มแดงๆไว้บนตัวตอนตื่นนอน กลัวน้ำบ่อจะทำให้สิวขึ้นเต็มหลัง
กลัวขี้โคลนจะทำกางเกงยีนส์เปรอะ และกลัวๆๆๆๆๆ อีกสาระพัดจะกลัว จนเผลอโวยวายใส่เพื่อนไปก็หลายคนด้วยความหงุดหงิด
พอไปถึงเข้าจริงๆล้ว ชาวบ้านก็ใช้ชีวิตอยู่กับวัด กับน้ำบ่อ กับขี้โคลน และแมลงเหมือนเราน่ะแหละ แต่เขาก็อยู่ได้อย่างสุขสบายไม่มีใครบ่นซักคำ
เวลาเดินไปถึงบ้านขอทำแบบสอบถาม แต่ละคนกุลีกุจอออกมาเปิดประตูต้อนรับ ถือไม้ออกมากันหมา หาน้ำหาท่ารับแขก บ้านไหนมีขนมข้าวต้มก็เรียกให้ชิมกันไม่ขาดปาก
แถมก่อนกลับก็ชวนให้พักค้างคืนด้วยกันก็ได้ แล้วก็หาของฝากออกติดไม้ติดมือมาส่งทุกบ้าน
ชาวบ้านยังอยู่ได้อย่างสุขกายสบายใจ ไม่มีใครสนอะไรกับเรื่องที่ผมกลัวซักอย่าง แต่ทุกวันนี้เขาอยู่ไมได้ถ้าไม่มีทีวี ตู้เย็น หรือโทรศัพท์มือถือ
ชาวนาชาวสวนที่ผมเห็นอยุ่ทุกวันนี้ถึงจะมีน้ำจิตน้ำใจเหมือนเมื่อหลายปีก่อน ก็ถูกระบบทุนนิยมครอบงำฝังหัวเข้าไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวกันทุกครัวเรือนล่ะครับคุณอ๊อฟ
เด็กที่มารับการรักษาวิ่งมาชี้ที่กล้องถ่ายรูปดิจิตอลของเพื่อนก่อนจะร้องงอแงให้แม่ซื้อให้
สาวน้อยในหมู่บ้านมองโรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้ที่เพื่อนผมใช้ตาละห้อยจนเจ้าของต้องรีบตัดบทขอตัวเพื่อนที่คุยกันอยู่วางสาย
ตบท้ายด้วยเด็กอายุไม่เกิน 12 คนนึงที่ตั้งคำถามผมจนคนฟังต้องสะอึกว่า "ทำไมพี่ไม่ใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปได้ล่ะ ทั้งโก้ทั้งเท่ห์ เหมือนในละครทีวีเปี๊ยบ"
พอตอบว่าพี่ไม่รวยนี่จ้ะ พ่อหนูก็มองหน้าผมด้วยตาใสแจ๊วแล้วถามว่า "อยู่กรุงเทพก็น่าจะรวยนะพี่ เห็นในโฆษณาเขาขับรถกันทั้งเมือง ถนนก็สู๊งสูง ทำไมพี่จนล่ะ"
ฟังคำถามจากหนูน้อยตาใสแล้วนึกถึงกลอนบทนึงที่ชื่อ "หนาวดอกจาน" ของคุณไพวรินทร์ ขึ้นมาตะหงิดๆ
แต่ผมคงต้องเปลี่ยนเป็นหนาวอย่างอื่น เพราะตอนนี้มันหน้าฝนดอกจานโรยกันหมดแล้ว
ก็โถ่เอ๊ยน้องจ๋า โทรศัพท์พี่น่ะซื้อมาไม่ถึงพันห้า ใช้มาก็ 3 ปีกว่าแล้วเพราะเอาไว้แค่โทรออกกับรับสาย พี่ล่ะไม่เคยคิดเลยว่ามันเก่าหนูมาถามพี่ทำไม๊ลูก ?
กลับมาถึง ผมกลายเป็นหงุดหงิดสังคมแทน เดี๋ยวนี้ทุนนิยมมันครอบหัวจิดหัวใจคนไทยไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวกันหมดแล้วล่ะครับคุณอ๊อฟ
ไม่รู้ว่าความเอื้ออารีเหมือนที่คนไทยเคยรู้จักจะจางเอาตอนไหนนะครับ เหนื่อยใจจัง