เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 6
  พิมพ์  
อ่าน: 118790 อยากทราบข้อมูลวังเจ้าในจักรีบรมราชวงศ์..ที่หายสาบสูญไปจากแผ่นดินสยาม
เจ้าสัวบ่อนไก่
อสุรผัด
*
ตอบ: 33

เรียน


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 30 พ.ค. 06, 14:07

 2. วังริมป้อมจักรเพรช  ของเจ้าฟ้าฯกรมหลวงเทพหริรักษ์ ( ต้นราชกกุล เทพหัสดินฯ )

3. วังริมวัดโพธิ์ ของกรมหมื่นนรินทรพิทักษ์ พระภัสดาในสมเด็จเจ้าฟ้าฯกรมหลวงนรินทรเทวี ( จ้าครอกวัดโพธิ์ ) ซึ่งเป็นสมเด็จพระพี่นางเธอในรัชกาลที่ 1 วังนี้ค่อนมาทางใต้ของวัดโพธิ์ ( ต้นสกุล นรินทรกุลฯ )

4. วังปากคลองวัดชนะสงคราม ของกรมขุนสุนทรภูเบศร์ ท่านนี้ไม่ใช่พระราชวงศ์เดิมเป็นชาวเมืองชลบุรีชื่อนายเรือง ได้สาบานเป็นพี่น้องกับกรมพระราชวังบวรมาหสุรสิงหนาท  วังนี้อยู่ระแวกเดียวกับวังริมป้อมพระสุเมรุในปัจจุบัน ( ต้นสกุล สุนทรกุล ณ ชลบุรี )

5. พระนิเวศน์เดิม เป็นที่ประทับของกรมพระราชวังบวรสถานมหาเสนานุรักษ์ วังหน้าในรัชกาลที่ 2 เมื่อคราวยังมีพระยศเป็นสมเด็จเจ้าฟ้า

6. พระราชวังเดิม ธนบุรี เป็นที่ประทับของเจ้านายหลายพระองค์ในที่นี้ขอกล่าวถึงเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเมื่อครั้งยังเป็นกรมพระราชวังบวรสถาน ในรัชกาลที่ 1 ( ต่อจาก กรมพระราชวังบวรสถานมหาสุรสิงหนาท )

7. วังคลังสินค้า ของ พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯกรมหลวงพิทักษ์มนตรี วังนี้ผมไม่ทราบที่มาว่าอยู่แห่งหนตำบลใดครับและวังนี้เป็นวังที่ไม่ปรากฎหลักฐานใดๆ ในเวลาต่อมา ( ต้นราชสกุล มนตรีกุล ณ อยุธยา )

8. วังท่าเตียน วังนี้ฟังดูคุ้น แต่ในช่วงสร้างกรุงเทพใหม่ๆ เป็นชื่อวังของ พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯกรมขุนอิศรานุรักษ์ ซึ่งต่อมาโปรดฯ ย้ายไปสร้างวังใหม่ที่วังสวนมังคุด สำหรับวังนี้อยู่ท่าเตียน ปัจจุบันเป็นที่ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ บางส่วนเป็นตึกแถว อยู่หน้าวัดโพธิ์

ปล.ทายาทของวังริมป้อมพระสุเมรุใช้นามสกุลว่า เจษฏางกูรฯ

ต่อไปเป็นวังของพระเจ้าลูกเธอในรัชกาลที่ 1
บันทึกการเข้า
เจ้าสัวบ่อนไก่
อสุรผัด
*
ตอบ: 33

เรียน


ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 30 พ.ค. 06, 14:21

 9. วังถนนหน้าพระลาน ( ตะวันตก ) ทีป่ระทับของกรมขุนกษัตรานุชิต พระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าตากสิน ภายหลังพระองค์ต้องพระราชอาญาถึงสิ้นพระชนม์ วังนี้ปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพเรือและท่าช้างวังหลวง

10.วังถนนหน้าพระลาน ( กลาง ) ที่ประทับเดิมของกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพบ์ วังหน้าในรัชกาลที่ 3

11.วังถนนหน้าพระลาน ( ตะวันออก ) ของกรมหมื่นเทพพลภักดิ์

ทั้ง 3 วังนี้เป็นกลุ่มวังถนนหน้าพระลาน ภายหลังจากเจ้าสิ้นพระชนม์ของเจ้าของวังเหล่านี้ วังนี้ยังเป้นทีป่ระทับของเจ้านายฝ่ายหน้าต่อมาจวบจนรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัววังกลุ่มนี้จึงถูกรื้อเพื่อสร้างเป็นทุ่งพระสุเมรุ ปัจจุบันพื้นที่วังหน้าพระลานทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของสนามหลวง
บันทึกการเข้า
เจ้าสัวบ่อนไก่
อสุรผัด
*
ตอบ: 33

เรียน


ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 30 พ.ค. 06, 14:56

 ถัดจากลุ่มวังถนนหน้าพระลานมาจะเป็นกลุ่มวังถนนหลักเมืองอีก 4 องค์ของพระเจ้าลูกยาเธอในรัชกาลที่ 1

12. วังถนนหลักเมือง ที่ 1 ของกรมพระรามอิศเรศ ในเจ้าจอมมารดาเพ็งใหญ่ พระองค์ได้ประทับอยู่วังนี้จนสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 4 ต่อมาเป็นทีป่ระทับของกรมหมื่นอลงกตกิจปรีชา จนกระทั่งสิ้นพระชนม์อีกพระองค์หนึ่ง รัชกาลที่ 5 จึงโปรดฯ ให้ร้อทำเป็นโรงช้าง ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งขององค์การเชื้อเพลิงและส่วนหนึ่งเป็นที่ทำการของกระทรวงยุติธรรมครับ ( ต้นราชสกุล สุริยกุลฯ และ นิลรัตน์ฯ )

13. วังถนนหลักเมือง ที่ 2 อยู่ตรงข้ามวังที่ 1 ของกรมหมื่นจิตรภักดี ในเจ้าจอมมารดาน้อย ภายหลังสิ้นพระชนม์แล้ว เป็นที่ประทับของกรมหมื่นสถิตสถาพร จนกระทั่งสิ้นพระชนม์อีกพระองค์หนึ่ง รัชกาลที่ 4 จึงโปรดฯ ให้ พระองค์เจ้าชุมแสง ในพระบวรมหาเสนานุรักษ์ มาประทับต่อจนสิ้นพระชนม์ จึงรื้อวังทำโรงม้าแซง ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงกลาโหม ( ต้นราชสกุล ทัพพะกุลฯ,มรกฎฯ,และ สหาวุธฯ )

14.  วังถนนหลักเมือง ที่ 3 อยู่ถัดจากวังที่ 1 มาทิศตะวันตก ของกรมหมื่นศรีสุเทพ ในเจ้าจอมมารดาเพ็งใหญ่ เมื่อสิ้นพระชนม์ลงแล้ว หม่อมเจ้าในกรมได้ประทับต่อมา ( ต่อมาคือพระองค์เจ้าจันทรสุเทพ ) จนถึงรัชกาลที่ 5 โปรดให้รื้อสร้างโรงช้างใน ( ต้นราชสกุล ดารากรฯ )

15.  วังถนนหลักเมือง ที่ 4 ของกรมหมื่นศรีสุเรนทร ต่อมาทรงต้องพระราชอาญาเรื่องพระนิพนธ์โคลงกลอนล้อพระเจ้าอยู่หัว จนสิ้นพระชนม์ ต่อมาวังนี้เป็นทีป่ระทับของกรมหลวงมหิศวรินทรามเรศร์ เมื่อสิ้นพระชนม์ลงอีกพระองค์หนึ่ง พระองค์เจ้าสายสมร พระขนิษฐาร่วมพระมารดาประทับอยู่ต่อมา ครั้นรัชกาลที่ 5 โปรดให้รื้อวังสร้างกระทรวงกลาโหม ( กรมหลวงมหิศวรารินทรามเรศร์ ต้นราชสกุล วัชรีวงศ์ฯ ส่วนเสด็จในกรมหมื่นฯ ไม่มีทายาท )

16.  วังถนนหลักเมือง ที่ 5 อยู่ถัดจากวังที่ 3 เดิมเป็นที่ประทับของพระองค์เจ้ากล้าย ลูกเธอพระองค์ใหญ่ ( ชั้นพระองค์เจ้า ) ของ ร.1 ต่อมาทรงพระเคราะห์ร้ายสิ้นพระชนฒืเมื่อพระชันษาน้อย กรมหมื่นไกรสรวิชิต ประทับอยู่ต่อมาจวบจนสิ้นพระชนม์ หม่อมเจ้า-และทายาทพระองค์อยู่ต่อมา วังนี้อยู่ค่อนไปทางสนามหลวง   ถึงรัชกาลที่ 5 โปรดฯ รือวังสร้างสนามหลวงครับ ( กรมหมื่นไกรสรวิชิต ต้นราชสกุล สุทัศน์ ส่วน เสด็จพระองค์ชายกล้าย ไม่มีทายาท )

17.  วังถนนหลักเมือง ที่ 6 ตรงข้ามกับวังที่ 5 ของกรมหมื่นอินทรพิพิธ ต่อมารัชกาลที่ 2 โปรดฯ ให้ทรงย้ายไปอยู่วังริมสนามชัย ต่อมาวังนี้รื้อสร้างโรงทหาร  ถ้าจำไม่ผิดในเวลาต่อมากลายเป็นที่ทำการกระทรวงเกษตราธิการใน ร.5  ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของวังสราญรมย์  ( ต้นราชสกุล อินทรางกูรฯ )

วังกลุ่มถนนหลักเมืองปัจจุบันคือพื้นที่บริเวณกระทรวงกลาโหมยาวไปจนถึงวังสราญรมย์ วังหายไปหมดแล้วครับ

มีต่อ
บันทึกการเข้า
เจ้าสัวบ่อนไก่
อสุรผัด
*
ตอบ: 33

เรียน


ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 30 พ.ค. 06, 15:13

 ต่อไปเป็นวังกลุ่มสุดท้ายของลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกครับ

18. วังริมสนามไชย ( เหนือ ) วังนี้เป็นวังใหม่ของกรมหมื่นอินทรพิพิธที่ทรงย้ายมาประทับ ( แต่เดิมประทับอยู่วังถนนหลักเมือง 6 ) ต่อมากรมหมื่นณรงหริรักษ์เสด็จมาประทับอยู่ต่อจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ หม่อมเจ้าดิศ ต่อมาคือ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ ประทับสืบมา จนกระทั่งรัชกาลที่ 5 ทรงรื้อสร้างวังสราญรมย์
( กรมหมื่นณรงค์ฯต้นราชสกุล ดวงจักรฯ )

19.  วังถนนหลักเมือง ( กลาง ) กรมหลวงรักษ์รณเรศประทับอยู่ ทรงเป็นเจ้านายผู้ใหญ่แต่ต่อมาทรงเล่นชู้แถมคิดก่อการกบฎ จนต้องพระราชอาญาประหารชัวิต นับเป็นเจ้านายพระองค์สุดท้ายที่ถูกประหารชีวิตด้วยท่อนจันทน์ในรัชกาลที่ 3 ภายหลังสิ้นพระชนม์แล้ว กรมหมื่นอมเรนทรบดินทร์ พระราชโอรส ร.3 เสด็จมาประทับอยู่ จวบจน ร.5ทรงรื้อสร้างวังสราญรมย์ ( กรมหมื่นรักษ์รณเรศ เป็นต้นราชสกุล พึ่งบุญฯ ส่วน กรมหมื่นอมเรนทรฯ เป็นต้นราชสกุล คเนจรฯ )

20.  วังถนนหลักเมือง ( ใต้ ) กรมหลวงพิเศษศรีสวัสดิสุขวัฒนวิไชย ประทับอยู่จนสิ้นพระชนม์ กรมขุนวรจักรธรานุภาพ พระราชโอรส ร.2  ประทับอยู่ต่อมา ครั้น ร.5 โปรดจะสร้างสวนสราญรมย์ พระองค์จึงย้ายไปและทรงซื้อที่สวนย่านวรจักรสร้างวัง ปัจจุบันกลายเป็นถนนวรจักร แต่วังหลักเมืองใต้เป็นสวนสราญรมย์ ( กรมหลวงพิเศษฯ ไม่มีทายาท แต่กรมขุนวรจักรฯ เป็นต้นราชสกุล ปราโมชฯ )

กลุ่มวังนี้อยู่หน้าวัดโพธิ์ปัจจุบันเป็นที่ทำการกระทรวงการต่างประเทศและสวนสราญรมย์ วังหายไปหมดแล้วเช่นกันครับ

วันหลังจะขอเล่าเรื่องวังของพระราชโอรสรัชกาลที่ 2 บ้างครับ
บันทึกการเข้า
เจ้าสัวบ่อนไก่
อสุรผัด
*
ตอบ: 33

เรียน


ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 30 พ.ค. 06, 15:40

 แถมอีกนิดคือ วังของพระราชโอรสในกรมพระราชวังบวรสถานมหาสุรสิงหนาท วังหน้าในรัชกาลที่ 1 ว่าทรงปลูกวังพระราชทานพระราชโอรสเท่าที่ปรากฎอยู่ 4 วังภายในวังหน้าของพระองค์ ต่อมาทั้ง 4 วังนี้ถึงกาลดับสูญหลังจากอยู่มาชั่วอายุเจ้านายเจ้าของวังและพระบรมราชชนก

วังที่ 1 -4 นี้ไม่มีชื่อเรียกครับ อาจจะมีแต่ผมหาไม่พบ หามานานแล้วด้วย

วังนี้อยู่ในกำแพงวังหน้าครับ วังที่ 1 ของพระองค์เจ้าลำดวน พระองค์นี้ถูกประหารชีวิตในรัชกาลที่ 1 เพราะคิดจะแย่งราชสมบัติพระเจ้าลุงคือ ร.1 เหตุเพราะวังหน้าท่านด่วนสวรรคตลงก่อนจะได้ราชสมบัติและทรงเปรยๆ แก่พระราชโอรสว่า อยากได้ทำเอง ทำนองนี้

วังที่ 2 ของพระองค์เจ้าอินทปัต พระองค์นี้ก้อถูกประหารชีวิตในรัชกาลที่ 1 เช่นกันเพราะทรงคบคิดกับเจ้าพี่พระองค์ชายลำดวล

วังที่ 3 ของพระองค์เจ้าอสุนี ต่อมาคือ กรมหมื่นเสนีเทพ ทรงมีพระชันษายืนนานจนสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 3
( ต้นราชสกุล อสุนีฯ )

วังที่ 4 ของพระองค์เจ้าช้าง มิได้ทรงกรมและมีพระชันษายืนจนสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 3

วังของลูกเธอวังหน้า เรียกว่า วังริมสนามวังหน้า ครับ นอกจากนี้ผมพบว่าพระราชโอรสองค์อื่นๆ ก้อทรงออกวังเหมือนกัน เท่าที่ค้นพบคือ

วังของกรมหมื่นนรานุชิต ต้นราชสกุลสังขทัต ทรงมีวังคือ วังริมสนามวังหน้า และพระองค์เจ้าก้อนแก้ว ก้อทรงประทับอยู่ใกล้ๆ กัน ส่วนเจ้าพี่เจ้าน้องของพระองค์นอกจากนี้หาไม่พบครับว่าท่านมีวังหรือไม่ แต่ผมคิดว่าอาจจะมี แต่โดยมากน่าจะประทับอยู่บนตำหนักในวังหน้า ที่เจ้าพี่ทั้ง 4 ข้างต้นมีวังต่างหากเพราะเป็นเจ้าพี่รุ่นใหญ่ของวังหน้า และในช่วงนั้นเจ้านายยังมีจำนวนน้อยถ้าจะให้อยู่แต่ในวังหน้าคงสบายไม่แออัด
บันทึกการเข้า
เจ้าสัวบ่อนไก่
อสุรผัด
*
ตอบ: 33

เรียน


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 04 มิ.ย. 06, 01:58

 ทำไมม่ายมีใครแสดงความคิดเห็นบ้างเลยอ่ะ แหมม เข้ามาดูกันก้อเยอะดีนะครับ ใครอ่านแล้วสะดุดตรงไหนช่วยโพสตอบหน่อยหรือแสดงความคิดเห็นหน่อยก้อดี ตอนนี้กำลังหาข้อมูลที่เหลืออยู่ครับ
บันทึกการเข้า
เจ้าสัวบ่อนไก่
อสุรผัด
*
ตอบ: 33

เรียน


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 05 มิ.ย. 06, 18:16

 สำหรับบรรดาพระเจ้าลูกเธอในกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท วังหน้า ในร.1 ผมสัณนิษฐานว่าลูกเธอทุกพระองค์ประทับในวังหน้า เนื่องจากพระองค์หวงพื้นที่วังหน้าของพระองค์มาก ไม่โปรดให้คนนอกมาอยู่แม้ภายหลังการสวรรคตของพระองค์แล้ว สมเด็จเจ้าฟ้าฯกรมหลวงอิศรสุนทร ได้อุปราชาภิเษกเป็นวังหน้าต่อมา ร.1 ยัวโปรดฯให้พระองค์ประทับอยู่ ณ วังเดิม ฝั่งธนฯ เนื่องจากวังหน้านั้นยังเป็นที่ประทับของลูกเธอในกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท

ฉะนั้นลูกเธอของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทไม่น่าจะทรงออกวังนอกกำแพงวังหน้า จึงไม่ปรากฎหลักฐานวังลูกเธอของพระองค์เลยแม้ตำหนักเดียว
บันทึกการเข้า
เจ้าสัวบ่อนไก่
อสุรผัด
*
ตอบ: 33

เรียน


ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 05 มิ.ย. 06, 18:58

 ต่อไปเป็นบรรดาวังของพระเจ้าลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2

กลุ่มวังในแพร่งภูธร ถนนตะนาว มี 2 วังครับ วังทั้ง 2 นี้มีชื่อว่า วังสะพานช้างโรงสี เหนือและใต้ นับเป็นกลุ่มวังที่เก่าแก่และมีอดีตมานานที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเริ่มสร้างมาแต่ปลายรัชกาลที่ 1 และคงเป็นที่ประทับของเจ้านายมาอีกหลายสิบพระองค์ต่อเนื่องกันมาถึงรัชกาลที่ 7

แพร่งภูธรเป็นหนึ่งในสามแพร่ง คำว่าภูธรมาจากพระนามกรมของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ 4 ซึ่งพระองค์เสด็จมาประทับวังช้างโรงสีเหนือเป็นพระองค์สุดท้ายก่อนที่วังนี้จะถูกรื้อไปในรัชกาลที่ 5 โดยทรงวมีพระบรมราชประสงค์ให้ปลูกตึกแถวขึ้นในพื้นที่แพร่งภูธร

ปัจจุบันหมู่ตึกแถวในแพร่งภูธรซึ่งสร้างมาแต่รัชกาลที่ 5 ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี

กรมหมื่นสนิท ต้นราชสกุล ไพฑูรย์ฯ กรมหลวงสรรพศิลป์ ต้นราชสกุล ชุมแสง กรมหมื่นภูธเรศ ต้นราชสกุล ทวีวงศ์ฯ

21. วังริมสะพานช้างโรงสี วังเหนือ นั้นแต่เดิมเป็นวังทีป่ระทับของ กรมหมื่นสนิทนเรนทร์ ซึ่งประทัยเรื่อยมาจนสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 3 ต่อมาเป็นที่ประทับของกรมหลวงสรรพศิลป์ปรีชา อนุชาร่วมเจ้าจอมมารดากับเสด็จในกรมหมื่นสนิทฯ ภายหลังที่กรมหลวงสรรพศิลป์ปรีชาสิ้นพระชนม์ลง รัชกาลที่ 5 โปรดฯ พระราชทานวังนี้แก่พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ พระเจ้าน้องยาเธอพระองค์นี้สิ้นพระชนม์เมื่อปลายรัชกาลที่ 5 จากนั้นวังนี้ไม่ตกแก่ทายาทในกรม แต่รัชกาลที่ 5 โปรดให้รื้อสร้างตึกแถวดังกล่าว

22. วังริมสะพานช้างโรงสี วังใต้ อยู่ตรงข้ามวังเหนือ เป็นที่ประทับของพระองค์เจ้าเนียม พระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว วังนี้เป็นที่ประทับของ พระองค์เจ้าอุทัย พระองค์เจ้าสว่าง พระองค์เจ้าแฉ่ง พระราชโอรสร่วมเจ้าจอมเดียวกันในกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ มีพระองค์สว่างมีพระชนม์ชีพยืนนานจนถึงรัชกาลที่ 4 ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เจ้าสว่าง ไม่ปรากฎว่ามีเจ้านายพระองค์ใดมาประทับที่วังนี้อีก ต่อมารื้อสร้างกระทรวงนครบาล ในรัชกาลที่ 5

พระองค์เจ้าเนียม ต้นราชสกุล นิยมิศรฯ ส่วนลูกเธอกรมพระราชวังบวรฯ ไม่มีพระทายาทสืบพระสกุล

แพร่งภูธร เป็นชื่อพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเมื่อแรกสร้างตึกแถวนั่นเอง จบเรื่องแพร่งภูธร

กลุ่มวังต่อไปคือ กลุ่มวังหับเผย ซึ่งมี 3 องค์ อยู่ถนนบ้านหม้อในปัจจุบัน

23. วังหับเผย วัง 1 อยู่ริมคลองคูเมืองเก่า เป็นทีป่ระทับของกรมพระพิพพิธโภคภูเบนทร ซึ่งประทับอยู่ตราบจนสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 4 ต่อมาพระโอรสคือ พระองค์เจ้าชิดเชื้อพงศ์ เสด็จมาประทับต่อ ปัจจุบันวังนี้หายสาบสูญไปแล้ว
ต้นราชสกุล พนมวันฯ

24. วังหับเผย วัง 2 หันหน้ามาทางสะพานหัวจระเข้ เป็นวังที่ประทับของกรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ เมื่อสิ้นพระชนม์ลงหม่อมเจ้าในกรมประทับอยู่ต่อมา ปัจจุบันวังนี้หายสาบสูญไปแล้ว
ต้นราชสกุล ทินกรฯ

25. วังหับเผย วังที่ 3 วังนี้ชื่อวังท้ายหับเผยและมีตำหนักชื่อตำหนักปลูกผัก เป็นที่ประทับชั่วคราวของกรมพระพิทักษ์เทเวศร์ ทั้งนี้ทั้งนั้นกรมพระพิทักษ์ฯ อาจจะประทับร่วมกับเจ้าพี่ 2 องค์ที่วังที่ 1- 2 ก้อเป็นได้ แต่ทราบว่าทรงย้ายมาสร้างวังใหม่ที่ฝั่งตรงข้าม คือวังบ้านหม้อในปัจจุบัน เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว พระทายาทคงประทับอยู่ต่อมาตราบชั่วลูกชั่วหลาน แต่วังท้ายหับเผยสูญสิ้นไปนานแล้ว เหลือแต่วังบ้านหม้อ ปัจจุบันวังนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระทายาทในราชสกุลและองค์พระตำหนักยังคงมีสภาพดีอยู่ นับเป็นวังสุดท้ายที่เป็นขจองเอกชนและคงถาวรมาจนถึงทุกวันนี้
( ต้นราชสกุล กุญชรฯ )
*       วังบ้านหม้อตกเป็นกรรมสิทธิ์สืบมาแต่
1. พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์
2. เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์
3. หม่อมหลวงวราห์ กุญชร
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 06 มิ.ย. 06, 18:06

 ตอบค.ห. 21

เมื่อสิ้นกรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาทแล้ว   เป็นปลายรัชกาลที่ ๑  วังหน้าไม่ได้มีเจ้านายอยู่คึกคักอย่างที่คุณเจ้าสัวเข้าใจ  แต่กลับตรงกันข้าม
ดิฉันอ้างจาก "ตำนานวังหน้า" พระนิพนธ์สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพค่ะ
***************
ความปรากฏในพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระจอมเกล้าฯว่า "คุณเสือ" หรือเจ้าจอมแว่น พระสนมเอกในรัชกาลที่ ๑  
กราบทูลว่าวังหน้าร้าง ไม่มีเจ้าของ  ทรุดโทรมยับเยินไป   เหย้าเรือนข้างในก็ว่างเปล่ามาก
สมควรเชิญกรมพระราชวังบวรฯพระองค์ใหม่ คือเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรสุนทรไปครอง  จะได้กลับคืนสภาพดีอีกครั้ง
แต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ไม่ทรงเห็นด้วย   ตรัสว่า
" ไปอยู่บ้านช่องของเขาทำไม    เขารักแต่ลูกเต้าของเขา    เขาแช่งเขาชักไว้เป็นนักเป็นหนา"

แล้วทรงพระราชปรารภว่าทรงชรามากแล้ว  ให้พระราชโอรสรอเสด็จมาครองพระบรมมหาราชวังเลยทีเดียวดีกว่า
ไม่ต้องย้ายไปย้ายมาหลายแห่งให้ประดักประเดิด
ด้วยเหตุนี้ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศรสุนทรหลังอุปราชาภิเษกแล้ว  จึงยังอยู่ที่พระราชวังเดิมทางฝั่งธนเหมือนเดิม   ไม่ได้ย้ายมาอยู่วังหน้า

อธิบายตามนี้ คุณพีพีท่านจะเข้ามาค้านอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้  
เพราะจากการค้นคว้า  เห็นว่าได้พบอะไรต่อมิอะไรหลายเรื่อง ไม่เหมือนในตำราเดิมๆที่ใช้อ้างอิงกันมา  
อย่างเรื่องตำนานวังเก่า  คุณพีพีก็เจอจากรูปว่าบางจุดไม่ตรงกับที่สมเด็จกรมพระยาดำรงฯท่านเรียบเรียงไว้

ดิฉันก็เลยเว้นเปิดช่องกว้างเอาไว้ตรงนี้    ถ้าเห็นไม่ถูก  เดี๋ยวเขาก็คงเข้าประตูมาเคลียร์พื้นที่เองละค่ะ
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 06 มิ.ย. 06, 18:31

 หลังจากกรมพระราชวังบวรฯเสด็จสวรรคต พระเจ้าลูกเธอหลายพระองค์ต้องพระราชอาญาประหารชีวิตจากข้อหากบฏ

วังหน้าน่าจะร้างไปนับแต่นั้น
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
Karine!!
ชมพูพาน
***
ตอบ: 130

กำลังค้นหาทางสว่างของชีวิต


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 06 มิ.ย. 06, 22:21

 
บันทึกการเข้า

การศึกษาก้าวไกล ประเทศไทยรุ่งเรือง (แต่ตอนนี้ตูรุ่งริ่งชอบกล)
Tiwa
อสุรผัด
*
ตอบ: 16

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 06 มิ.ย. 06, 23:41

 ค.ห. 23
...ด้วยเหตุนี้ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศรสุนทรหลังอุปราชาภิเษกแล้ว จึงยังอยู่ที่พระราชวังเดิมทางฝั่งธนเหมือนเดิม....


พระองค์ทรงอุปราชาภิเษกปี พ.ศ. 2446 พระชนม์ 36 พรรษา ขณะนั้นน่าจะทรงพระอิสริยยศ
เป็นกรมหลวงแล้วกระมังครับ (ทรงราชาภิเษกปี 2352, 42 พรรษา)

ยกเว้นช่วง 15 ปีที่ทรงครองราชย์ พระองค์ทรงพำนักอยู่ที่พระราชวังเดิมโดยตลอด
ครั้นเสด็จสวรรคตแล้ว พระอัครชายา (เจ้าฟ้าบุญรอด) ได้ทรงกราบบังคมทูลลาพระบาทสมเด็จ
พระนั่งเกล้าฯ กลับไปพำนักที่พระราชวังเดิมกับเจ้าฟ้าน้อย โดยพระอัครชายา (เจ้าฟ้าบุญรอด)
ทรงได้รับการเรียกขานว่าเป็น "พระพันวัสสาฟากขะโน้น" ครับ

ส่วนสมเด็จแม่ตัว  ร. 3 ได้ทรงสถาปนาพระอิสริยยศเป็น "กรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย" เสด็จอยู่
ในที่พระพันปีหลวง ครับ
บันทึกการเข้า
เจ้าสัวบ่อนไก่
อสุรผัด
*
ตอบ: 33

เรียน


ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 07 มิ.ย. 06, 00:52

 ครับ เรามาต่อกันถึงเรื่องวังลูกเธอในรัชกาลที่ 2 ขออธิบายต่อว่าในกลุ่มวังในแพร่งภูธร ปัจจุบันหายสาบสูญไปหมดแล้วครับเหลือแต่ตึกแถว ส่วนกลุ่มวังท้ายหับเผยก้อหายไปหมดแล้วครับ ปัจจุบันเป็นตึกแถวที่สร้างขึ้นเมื่อตอนปลายรัชกาลที่ 5

ต่อไปเป็นวังที่ 26 คือ วังสนามชัย วังเหนือ เป็นที่ประทับของกรมหมื่นสุนทรธิบดี วังนี้สร้างมาแต่รัชกาลที่ 1 ต่อมาไฟไฟม้ตำหนักวอดวายทั้งวัง เสด็จในกรมหมื่นสุนทรฯ พระกุมารสิ้นพระชนม์ในไฟ ต่อมา พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ ขอพระบรมราชาณุญาตที่ดินของวังสนามชัยเพื่อสร้างวังบ้านหม้อ ปัจจุบันพื้นที่นี้คือวังบ้านหม้อ

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น 2 กรมหมื่นสุนทรธิบดี เป็นต้นราชสกุล กล้วยไม้ฯ

27. วังสนามชัย วังใต้ ที่ประทับของกรมหมื่นเสพสุนทร ต้นราชสกุล กุสุมาฯ วังนี้ปรากฎข้อมูลน้อยมาก

28. วังริมน้ำใต้วัดโพธิ์ เป็นที่ประทับของ สมเด็จกรมพระยาเดชาดิศร ต้นราชสกุล เดชาติวงศ์ฯ วังนี้อยู่ท้ายวัดโพธิ์ หมดสภาพการเป็นวังนับแต่กรมสมเด็จฯ สิ้นพระชนม์ ปัจจุบันเป็นที่ทรัพย์สิน

29. วังถนนจักรเพรช เป็นที่ประทับของ กรมพระเทเวศร์วัชรินทร ต้นราชสกุล วัชรีวงศ์ฯ วังนี้อยู่บนถนนจักรเพรช ไม่ทราบที่แน่นอน ไม่มีข้อมูลแน่ชัด สันนิษฐานว่าอยู่ไม่ห่างจากปากคลองตลาดเท่าไหร่นัก ปัจจุบันหายสาบสูญไปหมดแล้ว

30. วังสะพานหัวจระเข้ อยู่ข้างวังท้ายหับเผย เป็นที่ประทับของกรมหลวงวรศักดาพิศาล ต้นราชสกุล อรุณวงศ์ ปัจจุบันหายสาบสูญไปหมดแล้ว สร้างเป็นตึกแถวตลอดแนวในรัชกาลที่ 5

31. วังประตูสำราญราษฏ์ ตะวันออก ของกรมหมื่นภูบาลบริรักษ์ ต้นราชสกุล กปิตถาฯ อยู่ย่านสำราญราษฏ์ต่อกับวรจักร ปัจจุบันหายสาบสูญสร้างถนนและตึกแถว

32. วังประตูสำราญราษฏ์ กลาง ของพระองค์เจ้าเกยูร สิ้นพระชนม์เมื่อทรงหนุ่มไม่มีพระทายาท อยู่ย่านสำราญราษฏ์ต่อกับวรจักร ปัจจุบันหายสาบสูญสร้างถนนและตึกแถว

33. วังประตูสำราญราษฏ์ ตะวันตก ของกรมขุนวรจักรธรานุภาพ ต้นราชสกุล ปราโมช อยู่วรจักร ปัจจุบันหายสาบสูญไปหมดแล้ว

ผมสันนิษฐานว่าวังของกรมขุนวรจักรฯ และบางส่วนของกลุ่มวังนี้ถูกรื้อสร้างโรงพยาบาลกลาง ครับ

วังของพระองค์เจ้าคำรบ พระโอรสของกรมขุนวรจักรฯ อยู่คลองถมในปัจจุบันครับ ส่วนวังนั้นหายสาบสูญไปตั้งแต่เมื่อไหร่ทราบไม่ได้

34.วังริมพระนิเวศน์เดิม ที่ 1 ที่ประทับของกรมหมื่นอมรมนตรี ในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ปัจจุบันพระนิเวศน์เดิมยังสภาพดีอยู่แต่วังหายไปไหนไม่ทราบครับ

35. วังริมพระนิเวศน์เดิม 2 ที่ประทับของพระองค์เจ้าเสือ ในกรมพรระชวังบวรมหาเสนานุรักษ์อยู่ระแวกเดียวกับวัง 1 แต่วังหายไปไหนก้อไม่ทราบได้ ต้นราชสกุล พยุคฆเสนาฯ

36. วังริมพระนิเวศน์เดิม 3 ที่ประทับของพระองค์เจ้ากระต่ายในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ อยู่ถัดมาจากวังที่ 2 แต่วังหายไปไหนทราบไม่ได้อีกเช่นกัน

ทั้งเจ้าของวังกลุ่มริมพระนิเวศน์เดิมเป็นเจ้าพี่เจ้าน้องร่วมพระมารดาเดียวกันครับ

35. วังถนนพระอาทิตย์ ของกรมหมื่นกษัตริย์ศรีศักดิเดช ในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ วังนี้หาไม่พบแล้วครับว่าอยู่ที่ไหนแต่ทราบว่าหม่อมเจ้าในกรมอยู่ต่อมาชั่วลูกชั่วหลานเหมือนกัน แต่ตัววังหายไปหาไม่พบครับ ต้นราชสกุล อิสรเสนาฯ ( ผมคิดว่าน่าจะอยู่แถวตรอกรามบุตรี หรือบริเวณนั้นไม่ไกลนัก )

มีต่อ
บันทึกการเข้า
Tiwa
อสุรผัด
*
ตอบ: 16

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 07 มิ.ย. 06, 01:04

 ขออภัยครับ
วังหน้าเสด็จทิวงคต......... ปี พ.ศ. 2446
พระราชพิธีอุปราชาภิเษก...ปี พ.ศ. 2449
พระราชพิธีราชาภิเษก.......ปี พ.ศ. 2452


มีข้อสงสัยอีกประการหนึ่งหลังจากไปเปิดตำราดูขอรับ

1) พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เสด็จผ่านพิภพในปี พ.ศ. 2325 และในบรรดาพระราชวงศ์
ก็มีเพียงพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเท่านั้นที่ได้เสด็จติดพระองค์ในการศึกทุกครั้ง
จึงทรงโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระเกียรติยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหลวงอิศรสุนทร
ดังนั้น ผมจึงสงสัยว่าเจ้าฟ้าองค์นี้ ทรงกระโดดข้ามขั้นตอนกรมขุนน่ะครับ
ผิดถูกกรุณาชี้แนะด้วย จะขอบพระคุณมากครับ

2) เพิ่มเติมคุณ Crazy HOrse ครับ โอรสวังหน้าที่ก่อการคือ พระองค์ลำดวน และพระองค์อินทปัตครับ
บันทึกการเข้า
Tiwa
อสุรผัด
*
ตอบ: 16

ทำงาน


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 07 มิ.ย. 06, 03:13

 คห 22 ข้อ 25

กรมหมื่นสุนทรธิบดี (พระองค์เจ้ากล้วยไม้) ต้นราชสกุล ‘กล้วยไม้ ณ อยุธยา' เคยเป็นเจ้าของวัง

ที่ตั้งที่บ้านหม้อมาก่อนครับ ต่อมาไฟไหม้ พระองค์สิ้นในกองเพลิง และตำหนักเดิมถูกรื้อถอน

หลายปีต่อมากรมพระพิทักษ์เทเวศร์ จึงขอพระราชานุญาตเข้าใช้พื้นทีปลูกวังขึ้นใหม่ครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.067 วินาที กับ 19 คำสั่ง