เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
อ่าน: 34629 “ชายข้าวเปลือกหญิงข้าวสารโบราณว่า น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย”
111
มัจฉานุ
**
ตอบ: 55


 เมื่อ 12 เม.ย. 06, 14:29

 ..............“ชายข้าวเปลือกหญิงข้าวสารโบราณว่า น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย” กลอนสุภาษิตคุ้นหูที่ได้ถูกนำมาใช้เป็นสุภาษิตสอนใจอย่างแพร่หลายมาเป็นเวลานาน สุภาษิตดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งในอีกหลายๆส่วนที่มีความคมคายและเฉียบแหลมของ “สุภาษิตเจ้าอิศรญาณ” หรือที่รู้จักกันอีกในชื่อ “เพลงยาวเจ้าอิศรญาณ” ผลงานของหม่อมเจ้าอิศรญาณ โอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงมหิศวรินทรามเรศ
   สุภาษิตเพลงยาวนี้มีจุดกำเนิดมาจากเมื่อครั้งที่ หม่อมเจ้าอิศรญาณซึ่งมีจริตไม่สู้ปกตินัก กำลังผนวชอยู่ ณ วัดบวรนิเวศ ครั้งหนึ่งสำคัญว่าคงกระทำอะไรบางอย่างพิกลไป พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวถึงกับตรัสบริภาษว่า “บ้า” และดูเหมือนกับว่าบุคคลอื่นๆก็คงจะเห็นจริงดังที่พระองค์ตรัสไป หม่อมเจ้าอิศรญาณน้อยพระทัยจึงแต่งเพลงยาวฉบับนี้ขึ้น โดยมีเนื้อความว่า
   อิศรญาณชาญกลอนอักษรสาร
เทศนาคำไทยให้เป็นทาน
โดยตำนานศุภอรรถสวัสดี
สำหรับคนเจือจิตจริตเขลา
ด้วยมัวเมาโมห์มากในซากผี
ต้องหาม้ามโนมัยใหญ่ยาวรี
สำหรับขี่เป็นม้าอาชาไนย
ชายข้าวเปลือกหญิงข้าวสารโบราณว่า
น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย
เราก็จิตคิดดูเล่าเขาก็ใจ
รักกันไว้ดีกว่าชังระวังการ..............
................................ (มีต่อจ้า............)
บันทึกการเข้า
111
มัจฉานุ
**
ตอบ: 55


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 12 เม.ย. 06, 18:44

 (ต่อ) ผู้ใดดีดีต่ออย่าก่อกิจ
ผู้ใดผิดผ่อนพักอย่าหักหาญ
สิบดีก็ไม่ถึงกับกึ่งพาล
เป็นชายชาญอย่าเพ่อคาดประมาทชาย
รักสั้นนั้นให้รู้อยู่เพียงสั้น
รักยาวนั้นอย่าให้เยิ่นเกินกฎหมาย
มิใช่ตายแต่เขาเราก็ตาย
แหงนดูฟ้าอย่าให้อายแก่เทวดา
อย่าดูถูกบุญกรรมว่าทำน้อย
น้ำตาลย้อยมากเมื่อไรได้หนักหนา
อย่านอนเปล่าเอากระจกยกออกมา
ส่องดูหน้าเสียทีหนึ่งแล้วจึงนอน
บันทึกการเข้า
111
มัจฉานุ
**
ตอบ: 55


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 12 เม.ย. 06, 18:45

 เห็นตอหลักปักขวางหนทางอยู่
พิเคราะห์ดูควรทึ้งแล้วจึงถอน
เห็นเต็มตาแล้วอย่าอยากทำปากบอน
ตรองเสียก่อนจึงค่อยทำกรรมทั้งมวล
ค่อยดำเนินตามไต่ผู้ไปหน้า
ใจความว่าผู้มีคุณอย่าหุนหวน
เอาหลังตากแดดเป็นนิจคิดคำนวณ
รู้ถี่ถ้วนจึงสบายเมื่อปลายมือ
เพชรอย่างดีมีค่าราคายิ่ง
ส่งให้ลิงจะรู้ค่าราคาหรือ
ต่อให้ผู้ดีมีปัญญาจะหารือ
ให้เขาลือเสียว่าชายนี้ขายเพชร
บันทึกการเข้า
111
มัจฉานุ
**
ตอบ: 55


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 12 เม.ย. 06, 18:45

 ของสิ่งใดเจ้าว่างามต้องตามเจ้า
ใครเลยเล่าจะไม่งามตามเสด็จ
จำไว้ทุกสิ่งจริงหรือเท็จ
พริกไทยเม็ดนิดเดียวเคี้ยวยังว่าร้อน
เกิดเป็นคนเชิงดูให้รู้ท่า
ใจของเราไม่สอนใจใครจะสอน
อยากใช้เขาเราต้องก้มประนมกร
ใครเลยห่อนจะว่าตัวเป็นวัวมอ
เป็นบ้าจี้นิยมชมว่าเอก
คนโหยกเหยกรักษายากลำบากหมอ
อันยศศักดิ์มิใช่เหล้าเมาแต่พอ
ถ้าเขายอเหมือนอย่างเกาให้เราคัน
บันทึกการเข้า
111
มัจฉานุ
**
ตอบ: 55


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 12 เม.ย. 06, 18:56

 บ้างโลดเล่นเต้นรำทำเป็นเจ้า
เป็นไรเขาไม่จับผิดคิดดูขัน
ผีหลอกช่างผีตามทีมัน
คนเหมือนกันหลอกกันเองกลัวเกรงนัก
สูงอย่าให้สูงกว่าฐานนานแล้วล้ม
จะเรียนคมเรียนเถิดอย่าเปิดฝัก
คนสามขามีปัญญาหาไว้ทัก
ที่ไหนหลักแหลมคำจงจำเอา
เดินตามรอยผู้ใหญ่หมาไม่กัด
ไปพูดขัดเขาทำไมขัดใจเขา
ใครทำตึงแล้วก็หย่อนผ่อนลงเอา
นักเลงเก่าเขาไม่หาญราญนักเลง
บันทึกการเข้า
111
มัจฉานุ
**
ตอบ: 55


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 12 เม.ย. 06, 18:57

 เป็นผู้หญิงแม่ม่ายที่ไร้ผัว
ชายมักยั่วทำเลียบเทียบข่มเหง
ไฟไหม้ยังไม่เหมือนคนที่จนเอง
ทำอวดเก่งกับขื่อคาว่ากระไร
อันเสาหินแปดศอกตอกเป็นหลัก
ไปมาผลักบ่อยเข้าเสายังไหว
จงฟังหูไว้หูคอยดูไป
เชื่อน้ำใจดีกว่าอย่าเชื่อยุ
หญิงเรียกแม่ชายเรียกพ่อยอไว้ใช้
มันชอบใจข้างปลอบไม่ชอบดุ
ที่ห่างปิดที่มิดไชให้ทะลุ
คนจักษุเหล่หลิ่วไพล่พลิ้วพลิก
บันทึกการเข้า
111
มัจฉานุ
**
ตอบ: 55


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 12 เม.ย. 06, 18:57

 เอาเป็นหมอเป็นครูดูปลาหมอ
บนบกหนออุตส่าห์เสือกกระเดือกกระดิก
เขาย่อมว่าฆ่าควายเสียดายพริก
รักหยอกหยิกยับทั้งตัวอย่ากลัวเล็บ
มิใช่เนื้อเป็นเนื้อก็เหลือปล้ำ
แต่หนามตำเข้าสักนิดกรีดยังเจ็บ
อันโลภลาภบาปหนาตัณหาเย็บ
เมียรู้เก็บผัวทำพาจำเริญ
ถ้ารู้จริงนิ่งไว้อย่าไขรู้
เต็มที่ครู่เดียวเท่านั้นเขาสรรเสริญ
ไม่ควรก้ำเกินหน้าก็อย่าเกิน
อย่าเพลิดเพลินคนชังนักคนรักน้อย
บันทึกการเข้า
111
มัจฉานุ
**
ตอบ: 55


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 12 เม.ย. 06, 19:06

 วาสนาไม่คู้เคียงเถียงเขายาก
ถึงมีปากมีเสียเปล่าเหมือนเต่าหอย
ผีเรือนตัวไม่ดีผีอื่นพลอย
พูดพล่อยพล่อยไม่ดีปากขี้ริ้ว
แต่ไม่ไผ่อันหนึ่งตันอันหนึ่งแขวะ
สีแหยะแหยะตอกตะบันเป็นควันฉิว
ช้างถีบอย่าว่าเล่นกระเด็นปลิว
แรงหรือหิวชั่งใจดูจะสู้ช้าง
ล้องูเห่าเล่นก็ได้ใจกล้ากล้า
แต่ว่าอย่ายักเยื้องเข้าเบื้องหาง
ต้องว่องไวในทำนองคล่องท่าทาง
ตบหัวผางเดียวม้วนจึงควรล้อ
บันทึกการเข้า
111
มัจฉานุ
**
ตอบ: 55


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 12 เม.ย. 06, 19:06

 ถึงเพื่อนฝูงที่ชอบพอขอกันได้
ถ้าแม้ให้เสียทุกคนกลัวคนขอ
พ่อแม่เลี้ยงปิดปกเป็นกกกอ
จนแล้วหนอเหมือนเปรตเหตุด้วยจน
ถึงบุญมีไม่ประกอบชอบไม่ได้
ต้องอาศัยคิดดีจึงมีผล
บุญหาไม่แล้วอย่าได้ทะนงตน
ปุถุชนรักกับชังไม่ยั่งยืน
บันทึกการเข้า
111
มัจฉานุ
**
ตอบ: 55


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 12 เม.ย. 06, 19:08

 ****ความของเพลงยาวเจ้าอิศรญาณที่ต่อจากนี้เป็นต้นไป จากสำนวนนั้นคาดว่าเป็นของผู้อื่น******** (มีอีกเยอะพอสมควร)
บันทึกการเข้า
ชื่นใจ
ชมพูพาน
***
ตอบ: 136

นักศึกษาปริญญาเอก University of East Anglia England


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 12 เม.ย. 06, 20:02

 ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ จะรออ่านอีกนะคะ
บันทึกการเข้า
111
มัจฉานุ
**
ตอบ: 55


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 16 เม.ย. 06, 12:56

 ตัวยากอยากจะไปอาศัยเขา
ถึงเป็นญาติก็เปล่าเหมือนผู้อื่น
แม้มั่งมีเหมือนกันจึงยั่งยืน
การยิงปืนลูกถึงแล้วจึงดัง
อันคลื่นใหญ่ในมหาชลาสินธุ์
เข้าฝั่งสิ้นสาดเข้าไปในที่ฝัง
เสียงกลองดังฟังดูเพียงหูพัง
ปากคนดังอึงจริงยิ่งกว่ากลอง
ถ้าทำดีก็จะดีเป็นศรีศักดิ์
ถ้าทำชั่วชั่วจักตามสนอง
ความชั่วเราลี้ลับอย่ากลับตรอง
นอนแล้วมองดูผิดในกิจการ
เราทำผิดสิ่งใดในราชกิจ
อุตส่าห์คิดอย่าแพร่งแถลงสาร
คิดถึงผิดจิตไม่เหิมฮึกทะยาน
คิดถึงชอบแล้วก็ปานละเลิงใจ
บันทึกการเข้า
111
มัจฉานุ
**
ตอบ: 55


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 16 เม.ย. 06, 13:00

 เป็นข้าเฝ้าเหล่าเสวกามาตย์
ยิ่งกว่าทาสทาสาค่าสินไถ่
อย่าให้ชิดอย่าให้ห่างเป็นกลางไว้
ฝ่ายข้างในอย่านำออกนอกอย่าแจง
มิควรทูลก็อย่าทูลประมูลข้อ
จะเกิดก่อลุกลามความแสลง
อย่าพูดปดให้จับได้พูดไพล่แพลง
ทูลแล้วแบ่งมุสาอย่าให้เต็ม
อันความเรื่องเดียวกันสำคัญกล่าว
พูดไม่ดีแล้วก็เปล่าไม่เข้มแข็ง
ข้าวต้มร้อนอย่ากระโจมค่อยโลมเล็ม
วิสัยเข็มเล่มน้อยร้อยช้าช้า
บันทึกการเข้า
111
มัจฉานุ
**
ตอบ: 55


ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 16 เม.ย. 06, 13:05

 ถึงโปร่งปรุในอุบายเป็นชายชาติ
แม้หลงมาตุคามขาดศาสนา
อันความหลงแม้ไม่ปลงสังขารา
แต่ทว่ารู้บ้างค่อยบางเบา
อย่าโอกโขยกอยู่ในโลกสันนิวาส
แต่นักปราชญ์ยังรู้พึ่งผู้เขลา
เหมือนเรือช่วงพ่วงลำในสำเภา
เรือใหญ่เข้าไม่ได้ใช้เรือเล็ก
คนพันหนึ่งดึงดื้อถือมานะ
ในทิฏฐะแข็งจริงยิ่งกว่าเหล็ก
เหล็กเผาไฟมอญไทยพม่าเจ๊ก
ผู้ใหญ่เด็กตีก็อ่อนเพราะร้อนไฟ
บันทึกการเข้า
111
มัจฉานุ
**
ตอบ: 55


ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 16 เม.ย. 06, 13:10

 อนิจจังภาวนาว่ากุศล
พากันบ่นวุ่นวุ่นบุญที่ไหน
จังแต่ปากใจยังไม่จังใจ
ต่อเมื่อไรสังเวชจิตอนิจจัง
หลงโลภลาภบาปก็รู้อยู่ว่าบาป
กิเลสหยาบยังไม่สุกย่อมทุกขัง
ตัณหาหากชักนำให้กำบัง
เอาธรรมตั้งข่มกดให้ปลดร้อน
คนศรัทธาว่าง่ายสบายจิต
ไม่เบือนบิดเร่งทำตามคำสอน
คนที่ไม่ศรัทธาอุราคลอน
โง่แล้วนอนถึงไม่ฟังก็ยังดึง
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.057 วินาที กับ 19 คำสั่ง