Akira
อสุรผัด

ตอบ: 27
Status:
Working
Position: Buyer
Workplace: Samuthprakarn
Job history:
Teacher
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 28 เม.ย. 06, 19:12
|
|
ขอบคุณครับ อ.เทาชมพู... ก็เท่ากับว่าเหตุการณ์ของหอคอยบาเบล เกิดหลังเหตุการณ์น้ำท่วมโลกในพระคัมภีร์พันธสัญญาเก่า...สินะครับ ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าคนทั่วโลกเกิดจากครอบครัวโนอาห์ อา.... อึ้งเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 29 เม.ย. 06, 09:11
|
|
ใช่ค่ะ เพราะพระเจ้าให้โนอาห์กับเมียและลูกรอดมาได้ก็เพื่อได้เป็นต้นเผ่าพันธุ์ของมนุษย์สืบต่อมา ก็ไปตรงกับปางมัตสยาวตารของพระนารายณ์ ที่พระองค์อวตารเป็นปลาใหญ่พาเรือพระมนูฝ่ากระแสคลื่นรอดน้ำท่วมโลกมาได้ พระมนูก็เลยเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ สืบมาด้วยประการนี้ บางคนก็แปลคำว่ามนุษย์ว่า สืบต่อมาจากพระมนู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Akira
อสุรผัด

ตอบ: 27
Status:
Working
Position: Buyer
Workplace: Samuthprakarn
Job history:
Teacher
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 02 พ.ค. 06, 18:26
|
|
กำลังอึ้งอยู่ครับ.... ความจริงคือผมไม่สันทัดกับวรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ์เท่าไร ก็เลยไม่รู้จะถามต่อยังไง รู้จักแค่ตัวหลักๆเท่านั้น.. (ถนัดแต่วรรณกรรมฝรั่ง แหะๆ)
แต่ก็ขอขอบคุณสำหรับคำตอบของอาจารย์เทาชมพูมากๆครับ.....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
     
ตอบ: 1012
ทำงานราชการ
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 02 พ.ค. 06, 20:10
|
|
พอเริ่มเรื่องนำท่วมโลก ซึ่งภาษาไทยคริสต์รุ่นเก่าท่านเรียกว่า น้ำวินาศ แล้วก็คงเล่าต่อได้อีกหลายเรื่องละครับคุณ Akira
ตั้งแต่เทียบพระมนูกับโนอาห์ (อาหรับเรียก นุห์) และอื่นๆ
ตอนนี้ผมมีคำถามเดียวก่อนว่า ทำไมคนเราเดี๋ยวนี้ ซึ่งเป็นลูกหลานพ่อโนอาห์ด้วยกันหมด ถึงได้มีสีผิวเชื้อชาติต่างๆ กันได้ยังงี้ครับ? อำนาจคำสาปพระเจ้าอันเนื่องมาจากหอคอยบาเบล คงจะทำให้มนุษย์พูดกันไม่รู้เรื่อง แต่ในพระคัมภีร์ไม่เห็นบอกนี่ครับว่าทำให้ลักษณะทางพันธุกรรมของมนุษย์เปลี่ยนแปรไปต่างๆ ด้วย?
ที่จริงจะว่ากันจริงๆ แล้ว อย่าว่าแต่สมัยพ่อโนอาห์เลย ตั้งแต่ยุคพ่ออาดัมแม่อีฟแล้ว จากบรรพชนคู่เดียว พวกเราเปลียนแปรแปลกๆ กันได้มากขนาดนี้เลยเหรอ?
คิดไปก็ไลฟ์บอยเปล่า...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ใต้ร่มไทร
อสุรผัด

ตอบ: 3
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 03 พ.ค. 06, 00:47
|
|
มีเรื่องรบกวนถามอาจารย์อีกแล้วครับ คือผมมีโอกาสได้อ่านนิตยสารต่วยตูน ฉบับพ๊อตเก็ต ฉบับนานนมาแล้วนะครับ
มีคอลัมภ์หนึ่งผู้เขียนได้กล่าวเรื่อง เทพไดโอนีซุส (dionysus) ว่าเป็นตัวแทนของปัจเจกชน induvidus lism คือเป็นความคิดเป็นอิสระในตัวเอง เขากล่าว ถ้าปัจจุบันก็คือคนที่มีอาชีพ แพทย์ ทนาย ศิลปิน นักคอมฯ แต่ผู้เขียนไม่ได้กล่าวเรื่อง เทพซีอุส เทพอพอลโล คือผมอยากรู้ว่า เทพทั้งสอง ปัจจุบันเป็นตัวแทนคนจำพวกใดนะครับ
ขอบคุณสำหรับคำตอบมากครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
     
ตอบ: 1012
ทำงานราชการ
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 03 พ.ค. 06, 17:04
|
|
ใช่ Individualism รึเปล่าครับ
ผมออกจะนึกว่าไดโอนีซุส เป็นเทพประจำพวกขี้เมามากกว่าอื่น แต่ค้นในวิกิพีเดีย เห็นให้เป็นเทพของพวกที่มีวิชาชีพอิสระทำนองคล้ายๆ ที่ต่วยตูนว่ามาได้ด้วยจริงด้วย
อะพอลโลสุริยเทพ ดูเหมือนจะเป็นเทพเจ้าของอะไรหลายๆ อย่าง รวมทั้งศิลปะวิทยาการ ดังนั้น อาชีพอะไรที่เป็นวิชาการทั้งหลาย และศิลปินทั้งหลายจะถือวาอยู่ใต้พระอุปถัมภ์ของพระองค์ก็คงได้มั้ง ถ้าผมจำไม่ผิด คทาของแอสเคลาปิอุสหมอวิเศษ อันที่มีงูพันแล้วต่อมาเป็นสัญลักษณ์ของการแพทย์นั้น เดิมก็เป็นของอะพอลโล เทพธิดามิวส์ 9 นางประจำศิลปะวิทยาการสาขาต่างๆ ก็มีเรื่องเกี่ยวข้องกับอะพอลโล อะพอลโลทรงดีดพิณเรียกว่า lute ดังนั้นมือกีตาร์และนักดนตรีทั้งหลายก็น่าจะเป็นชนพวกที่อะพอลโลทรงเอ็นดูด้วย
ส่วนซิวส์เทพบดี ราชาแห่งโอลิมปุสนั้น ผมออกรู้สึกว่า โดยพระนิสัยส่วนพระองค์ น่าจะทรงเป็นเทพของคนเจ้าชู้ทั้งหลาย และเป็น "ป๋า" ของสาวๆ ดังนั้นควรจะเหมาะกับอาชีพไหนก็นึกเอาเองเถิด แต่ที่จริงถ้าว่าโดยหน้าที่ของพระองค์ ซิวส์ทรงเป็นเทวาธิบดี ก็คงจะเป็นเทพประจำชนชั้นปกครอง หัวหน้างาน นายงานต่างๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Akira
อสุรผัด

ตอบ: 27
Status:
Working
Position: Buyer
Workplace: Samuthprakarn
Job history:
Teacher
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 03 พ.ค. 06, 18:17
|
|
อืม... อืม... กำลังรอเก็บข้อมูลครับคุณนิลกังขา จริงอย่างที่คุณบอกแหละ เริ่มต้นมีแค่มนุษย์คู่เดียว อดัมส์กับอีฟ หรือ โนอาห์กับภรรยาเขา แค่คู่เดียวก่อให้เกิด เผ่าพันธ์มนุษย์ได้หลาหลายขนาดนี้เชียว พระคำภีร์ Holy Bible เองก็ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ด้วย... เอ ไม่ทราบจะมีอยู่ในส่วนของคำภีร์บทนอกด้วยหรือเปล่า..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 03 พ.ค. 06, 18:25
|
|
ถ้าหากว่าคุณ Akira จะมองพระคัมภีร์ว่าเหมือนหลักฐานทางสังคมศาสตร์ หรือประวัติศาสตร์ ชิ้นหนึ่งละก็ คุณจะต้องตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้ แบบไม่รู้จบทีเดียว
สิ่งหนึ่งที่ตำราไม่มี แต่ไบเบิ้ลมี คือศรัทธา เพราะฉะนั้นเมื่อมีศรัทธาเสียอย่าง อะไรๆก็เป็นไปได้ เหมือนคำในพระคัมภีร์ใหม่ (New Testament)ที่ว่า Faith can move the mountain ไงคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 03 พ.ค. 06, 19:49
|
|
กลับเข้ามาบอกอีกทีว่า ไม่อยากให้คำตอบของดิฉันเป็นการตัดบท และกีดขวางสติปัญญาของคุณ Akira และคุณนกข. มิให้คิดสงสัยอะไรอีก ก็จะบอกข้อน่าฉงนฉงายอีกข้อหนึ่งให้ไปคิดกันเล่น
เมื่ออาดัมกับอีฟ ถูกขับไล่ออกจากสวนสวรรค์อีเดนแล้ว ก็ไปใช้ชีวิตกันอย่างสามีภรรยา มีลูกชาย ๒ คน คนโตชื่อเคน(แต่ไม่ใช่ธีรเดช) คนเล็กชื่ออาเบล หรือเอเบล
ทั้งสองกระทำสักการะแก่พระเจ้าเป็นนิจ เคนเป็นชาวนาก็เอาพืชผลมาสังเวยพระเจ้า ส่วนอาเบลเป็นคนเลี้ยงแกะ ก็เชือดแกะปรุงอาหารเนื้อ ถวาย พระเจ้าโปรดของสักการะของอาเบลมากกว่า ทำให้เคนริษยาจึงฆ่าน้องชาย
เมื่อพระเจ้าทรงทราบ ก็ทรงลงโทษเคนด้วยการสาปให้เขาเร่ร่อนพเนจรออกจากถิ่นที่อยู่ เคนร้องขอความกรุณาว่า "ข้ากลัวคนที่พบข้า จะฆ่าข้า" พระเจ้าก็โปรดประทานเมตตาให้ ไม่ให้เคนตายด้วยน้ำมือใครทั้งสิ้น เคนก็ร่อนเร่พเนจรไปเป็นเวลานาน มีลูกหลานมากมายสืบต่อกันมาเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์
คำถามก็คือเคนไปมีลูกได้ยังไง ในเมื่อตอนนั้นมีมนุษย์แค่ ๔ คนในโลก คืออาดัมกับอีฟ เขาและน้องชาย เมื่ออาเบลถูกฆ่าตาย ก็เหลือ ๓ คน
เมื่อเคนถูกสาปให้ร่อนเร่ไปไกลถิ่น เขาจะกลัวคนมาฆ่าเขาไปทำไม ในเมื่อโลกไม่มีใครอีกนอกจากพ่อแม่ที่ถูกทิ้งอยู่ทางบ้าน และข้อสำคัญ เคนมีลูกหลาน ด้วยการแต่งงานกับผู้หญิงที่ไหนกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Akira
อสุรผัด

ตอบ: 27
Status:
Working
Position: Buyer
Workplace: Samuthprakarn
Job history:
Teacher
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 03 พ.ค. 06, 20:18
|
|
อิ อิ อิ พูดอย่างนี้ชวนให้สงสัยให้คิดจริงๆนา... ท่านอาจารย์เทาชมพู แต่อาจารย์มาเล่าอย่างนี้ก็ดีครับ สนุกจังตังค์อยู่ครบ เอ๊ย..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
AngleHell
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 22 ธ.ค. 07, 15:26
|
|
เคนมีลูกกับลิลิธหรือเปล่า?? ลิลิธที่เปนผู้หญิงคนแรกก่อนที่เอวาจะเกิดน่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 22 ธ.ค. 07, 16:33
|
|
Lilith เป็นตำนานในพระคัมภีร์ฮีบรู(ยิว)มาก่อน ไม่ใช่คริสเตียน แม้ว่าอ้างไว้ในบางฉบับของพระคัมภีร์คริสเตียน ก็ยังน่าสงสัยถึงความจริง ว่าเป็นเรื่องแท้หรือว่าปลอมปนเข้ามาทีหลัง เรื่องราวของลิลิธกระจัดกระจายอยู่ในตำนานหลายแห่ง หาอ่านได้ที่นี่ http://en.wikipedia.org/wiki/Lilith
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
baezae
อสุรผัด

ตอบ: 2
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 26 ธ.ค. 07, 04:30
|
|
ขอทักท้วงคุณนิลกังขานิดหน่อยนะครับ
คำว่า กาลี นี้ ความหมายเดิมมีว่า เป็นผู้อยู่เหนือหรือไร้ซึ่งกาลเวลา
ในนิยายฮินดูไม่เคยมีผู้ร้ายที่เป็นตัวกาลีนะครับ จะมีก็แต่เจ้าแม่กาลี (ขออนุญาตเรียกตามที่คนไทยเราเรียกกัน) อันเป็นภาคหนึ่งของพระแม่อุมาเทวี ซึ่งแปลงภาคออกมาเพื่อปราบอสูรทารุณ ซึ่งปางมหากาลีนี้นัยว่าเป็นการแสดงพลังแห่งการปกป้องของเพศแม่ ที่เมื่ออยู่สถานการณ์จำเป็น ก็จะมีกำลัง ความสามารถ รวมถึงความดุร้ายชนิดที่บุรุษเพศไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลย อย่างไรก็ตาม ในตำนานยังได้กล่าวต่อว่า เมื่อได้รับชัยชนะแล้ว พระแม่ได้แสดงความยินดีโดยการกระโดโลดเต้น และจะกระทืบเท้าลงยังพื้นโลก ในจังหวะนี้เอง เพื่อป้องกันไม่ให้โลกถูกทำลาย พระอิศวรอันเป็นพระสวามีจึงได้ทอดกายลงเพื่อรองรับแรงกระทืบของเจ้าแม่ หากแต่เมื่อเจ้าแม่ทอดเนตรลงเห็นพระผู้เป็นสามีนอนรองรับอยู่นั้น ก็ได้ทำการยั้งเท้าไม่ให้กระทืบลงไปอันอาจจะทำให้เกิดการเสื่อมเกียรติแก่พระอิศวร
ผมว่าตำนานเรื่องนี้เป็นตำนานที่น่ารักมากครับ และเพื่อแก้ไชขความเข้าใจผิดเกี่ยวกับนาม กาลี จึงขอทักท้วงมาดังข้างต้นครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|