เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
อ่าน: 14118 อยากรู้ตำนานกรีกเรื่องทำไมมนุษย์ไม่ชอบหน้ากัน หรือว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน มีในตำนานหร
Akira
อสุรผัด
*
ตอบ: 27

Status: Working Position: Buyer Workplace: Samuthprakarn Job history: Teacher


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 28 เม.ย. 06, 19:12

 ขอบคุณครับ อ.เทาชมพู...
ก็เท่ากับว่าเหตุการณ์ของหอคอยบาเบล เกิดหลังเหตุการณ์น้ำท่วมโลกในพระคัมภีร์พันธสัญญาเก่า...สินะครับ
ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าคนทั่วโลกเกิดจากครอบครัวโนอาห์
อา.... อึ้งเลย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 29 เม.ย. 06, 09:11

 ใช่ค่ะ  เพราะพระเจ้าให้โนอาห์กับเมียและลูกรอดมาได้ก็เพื่อได้เป็นต้นเผ่าพันธุ์ของมนุษย์สืบต่อมา
ก็ไปตรงกับปางมัตสยาวตารของพระนารายณ์  ที่พระองค์อวตารเป็นปลาใหญ่พาเรือพระมนูฝ่ากระแสคลื่นรอดน้ำท่วมโลกมาได้
พระมนูก็เลยเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์  สืบมาด้วยประการนี้  บางคนก็แปลคำว่ามนุษย์ว่า สืบต่อมาจากพระมนู
บันทึกการเข้า
Akira
อสุรผัด
*
ตอบ: 27

Status: Working Position: Buyer Workplace: Samuthprakarn Job history: Teacher


ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 02 พ.ค. 06, 18:26

 กำลังอึ้งอยู่ครับ.... ความจริงคือผมไม่สันทัดกับวรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ์เท่าไร ก็เลยไม่รู้จะถามต่อยังไง รู้จักแค่ตัวหลักๆเท่านั้น.. (ถนัดแต่วรรณกรรมฝรั่ง แหะๆ)

แต่ก็ขอขอบคุณสำหรับคำตอบของอาจารย์เทาชมพูมากๆครับ.....
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 02 พ.ค. 06, 20:10

 พอเริ่มเรื่องนำท่วมโลก ซึ่งภาษาไทยคริสต์รุ่นเก่าท่านเรียกว่า น้ำวินาศ แล้วก็คงเล่าต่อได้อีกหลายเรื่องละครับคุณ Akira

ตั้งแต่เทียบพระมนูกับโนอาห์ (อาหรับเรียก นุห์) และอื่นๆ

ตอนนี้ผมมีคำถามเดียวก่อนว่า ทำไมคนเราเดี๋ยวนี้ ซึ่งเป็นลูกหลานพ่อโนอาห์ด้วยกันหมด ถึงได้มีสีผิวเชื้อชาติต่างๆ กันได้ยังงี้ครับ? อำนาจคำสาปพระเจ้าอันเนื่องมาจากหอคอยบาเบล คงจะทำให้มนุษย์พูดกันไม่รู้เรื่อง แต่ในพระคัมภีร์ไม่เห็นบอกนี่ครับว่าทำให้ลักษณะทางพันธุกรรมของมนุษย์เปลี่ยนแปรไปต่างๆ ด้วย?

ที่จริงจะว่ากันจริงๆ แล้ว อย่าว่าแต่สมัยพ่อโนอาห์เลย ตั้งแต่ยุคพ่ออาดัมแม่อีฟแล้ว จากบรรพชนคู่เดียว พวกเราเปลียนแปรแปลกๆ กันได้มากขนาดนี้เลยเหรอ?  

คิดไปก็ไลฟ์บอยเปล่า...
บันทึกการเข้า
ใต้ร่มไทร
อสุรผัด
*
ตอบ: 3


ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 03 พ.ค. 06, 00:47

 มีเรื่องรบกวนถามอาจารย์อีกแล้วครับ
คือผมมีโอกาสได้อ่านนิตยสารต่วยตูน ฉบับพ๊อตเก็ต ฉบับนานนมาแล้วนะครับ

มีคอลัมภ์หนึ่งผู้เขียนได้กล่าวเรื่อง เทพไดโอนีซุส (dionysus) ว่าเป็นตัวแทนของปัจเจกชน induvidus lism  คือเป็นความคิดเป็นอิสระในตัวเอง เขากล่าว ถ้าปัจจุบันก็คือคนที่มีอาชีพ  แพทย์  ทนาย ศิลปิน  นักคอมฯ  แต่ผู้เขียนไม่ได้กล่าวเรื่อง เทพซีอุส  เทพอพอลโล  คือผมอยากรู้ว่า  เทพทั้งสอง  ปัจจุบันเป็นตัวแทนคนจำพวกใดนะครับ

ขอบคุณสำหรับคำตอบมากครับ
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 03 พ.ค. 06, 17:04

 ใช่ Individualism รึเปล่าครับ

ผมออกจะนึกว่าไดโอนีซุส เป็นเทพประจำพวกขี้เมามากกว่าอื่น แต่ค้นในวิกิพีเดีย เห็นให้เป็นเทพของพวกที่มีวิชาชีพอิสระทำนองคล้ายๆ ที่ต่วยตูนว่ามาได้ด้วยจริงด้วย

อะพอลโลสุริยเทพ ดูเหมือนจะเป็นเทพเจ้าของอะไรหลายๆ อย่าง รวมทั้งศิลปะวิทยาการ ดังนั้น อาชีพอะไรที่เป็นวิชาการทั้งหลาย และศิลปินทั้งหลายจะถือวาอยู่ใต้พระอุปถัมภ์ของพระองค์ก็คงได้มั้ง ถ้าผมจำไม่ผิด คทาของแอสเคลาปิอุสหมอวิเศษ อันที่มีงูพันแล้วต่อมาเป็นสัญลักษณ์ของการแพทย์นั้น เดิมก็เป็นของอะพอลโล เทพธิดามิวส์ 9 นางประจำศิลปะวิทยาการสาขาต่างๆ ก็มีเรื่องเกี่ยวข้องกับอะพอลโล อะพอลโลทรงดีดพิณเรียกว่า lute ดังนั้นมือกีตาร์และนักดนตรีทั้งหลายก็น่าจะเป็นชนพวกที่อะพอลโลทรงเอ็นดูด้วย

ส่วนซิวส์เทพบดี ราชาแห่งโอลิมปุสนั้น ผมออกรู้สึกว่า โดยพระนิสัยส่วนพระองค์ น่าจะทรงเป็นเทพของคนเจ้าชู้ทั้งหลาย และเป็น "ป๋า" ของสาวๆ ดังนั้นควรจะเหมาะกับอาชีพไหนก็นึกเอาเองเถิด แต่ที่จริงถ้าว่าโดยหน้าที่ของพระองค์ ซิวส์ทรงเป็นเทวาธิบดี ก็คงจะเป็นเทพประจำชนชั้นปกครอง หัวหน้างาน นายงานต่างๆ
บันทึกการเข้า
Akira
อสุรผัด
*
ตอบ: 27

Status: Working Position: Buyer Workplace: Samuthprakarn Job history: Teacher


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 03 พ.ค. 06, 18:17

 อืม... อืม... กำลังรอเก็บข้อมูลครับคุณนิลกังขา
จริงอย่างที่คุณบอกแหละ เริ่มต้นมีแค่มนุษย์คู่เดียว อดัมส์กับอีฟ หรือ โนอาห์กับภรรยาเขา แค่คู่เดียวก่อให้เกิด เผ่าพันธ์มนุษย์ได้หลาหลายขนาดนี้เชียว พระคำภีร์ Holy Bible เองก็ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ด้วย...
เอ ไม่ทราบจะมีอยู่ในส่วนของคำภีร์บทนอกด้วยหรือเปล่า..
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 03 พ.ค. 06, 18:25

 ถ้าหากว่าคุณ Akira จะมองพระคัมภีร์ว่าเหมือนหลักฐานทางสังคมศาสตร์ หรือประวัติศาสตร์ ชิ้นหนึ่งละก็   คุณจะต้องตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้ แบบไม่รู้จบทีเดียว

สิ่งหนึ่งที่ตำราไม่มี แต่ไบเบิ้ลมี คือศรัทธา  เพราะฉะนั้นเมื่อมีศรัทธาเสียอย่าง  อะไรๆก็เป็นไปได้
เหมือนคำในพระคัมภีร์ใหม่ (New Testament)ที่ว่า Faith can move the mountain  ไงคะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 03 พ.ค. 06, 19:49

 กลับเข้ามาบอกอีกทีว่า ไม่อยากให้คำตอบของดิฉันเป็นการตัดบท และกีดขวางสติปัญญาของคุณ Akira และคุณนกข. มิให้คิดสงสัยอะไรอีก
ก็จะบอกข้อน่าฉงนฉงายอีกข้อหนึ่งให้ไปคิดกันเล่น

เมื่ออาดัมกับอีฟ ถูกขับไล่ออกจากสวนสวรรค์อีเดนแล้ว ก็ไปใช้ชีวิตกันอย่างสามีภรรยา
มีลูกชาย ๒ คน คนโตชื่อเคน(แต่ไม่ใช่ธีรเดช) คนเล็กชื่ออาเบล หรือเอเบล

ทั้งสองกระทำสักการะแก่พระเจ้าเป็นนิจ   เคนเป็นชาวนาก็เอาพืชผลมาสังเวยพระเจ้า   ส่วนอาเบลเป็นคนเลี้ยงแกะ ก็เชือดแกะปรุงอาหารเนื้อ ถวาย
พระเจ้าโปรดของสักการะของอาเบลมากกว่า ทำให้เคนริษยาจึงฆ่าน้องชาย

เมื่อพระเจ้าทรงทราบ ก็ทรงลงโทษเคนด้วยการสาปให้เขาเร่ร่อนพเนจรออกจากถิ่นที่อยู่
เคนร้องขอความกรุณาว่า "ข้ากลัวคนที่พบข้า จะฆ่าข้า"
พระเจ้าก็โปรดประทานเมตตาให้ ไม่ให้เคนตายด้วยน้ำมือใครทั้งสิ้น   เคนก็ร่อนเร่พเนจรไปเป็นเวลานาน
มีลูกหลานมากมายสืบต่อกันมาเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์

คำถามก็คือเคนไปมีลูกได้ยังไง  ในเมื่อตอนนั้นมีมนุษย์แค่ ๔ คนในโลก   คืออาดัมกับอีฟ เขาและน้องชาย
เมื่ออาเบลถูกฆ่าตาย ก็เหลือ ๓ คน

เมื่อเคนถูกสาปให้ร่อนเร่ไปไกลถิ่น    เขาจะกลัวคนมาฆ่าเขาไปทำไม  ในเมื่อโลกไม่มีใครอีกนอกจากพ่อแม่ที่ถูกทิ้งอยู่ทางบ้าน
และข้อสำคัญ เคนมีลูกหลาน ด้วยการแต่งงานกับผู้หญิงที่ไหนกัน
บันทึกการเข้า
Akira
อสุรผัด
*
ตอบ: 27

Status: Working Position: Buyer Workplace: Samuthprakarn Job history: Teacher


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 03 พ.ค. 06, 20:18

 อิ อิ อิ พูดอย่างนี้ชวนให้สงสัยให้คิดจริงๆนา... ท่านอาจารย์เทาชมพู
แต่อาจารย์มาเล่าอย่างนี้ก็ดีครับ สนุกจังตังค์อยู่ครบ เอ๊ย..
บันทึกการเข้า
AngleHell
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 22 ธ.ค. 07, 15:26

เคนมีลูกกับลิลิธหรือเปล่า??
ลิลิธที่เปนผู้หญิงคนแรกก่อนที่เอวาจะเกิดน่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 22 ธ.ค. 07, 16:33

Lilith เป็นตำนานในพระคัมภีร์ฮีบรู(ยิว)มาก่อน   ไม่ใช่คริสเตียน  แม้ว่าอ้างไว้ในบางฉบับของพระคัมภีร์คริสเตียน ก็ยังน่าสงสัยถึงความจริง   ว่าเป็นเรื่องแท้หรือว่าปลอมปนเข้ามาทีหลัง
เรื่องราวของลิลิธกระจัดกระจายอยู่ในตำนานหลายแห่ง   หาอ่านได้ที่นี่
http://en.wikipedia.org/wiki/Lilith


บันทึกการเข้า
baezae
อสุรผัด
*
ตอบ: 2


ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 26 ธ.ค. 07, 04:30

ขอทักท้วงคุณนิลกังขานิดหน่อยนะครับ

คำว่า กาลี นี้ ความหมายเดิมมีว่า เป็นผู้อยู่เหนือหรือไร้ซึ่งกาลเวลา

ในนิยายฮินดูไม่เคยมีผู้ร้ายที่เป็นตัวกาลีนะครับ จะมีก็แต่เจ้าแม่กาลี (ขออนุญาตเรียกตามที่คนไทยเราเรียกกัน) อันเป็นภาคหนึ่งของพระแม่อุมาเทวี ซึ่งแปลงภาคออกมาเพื่อปราบอสูรทารุณ ซึ่งปางมหากาลีนี้นัยว่าเป็นการแสดงพลังแห่งการปกป้องของเพศแม่ ที่เมื่ออยู่สถานการณ์จำเป็น ก็จะมีกำลัง ความสามารถ รวมถึงความดุร้ายชนิดที่บุรุษเพศไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลย
อย่างไรก็ตาม ในตำนานยังได้กล่าวต่อว่า เมื่อได้รับชัยชนะแล้ว พระแม่ได้แสดงความยินดีโดยการกระโดโลดเต้น และจะกระทืบเท้าลงยังพื้นโลก ในจังหวะนี้เอง เพื่อป้องกันไม่ให้โลกถูกทำลาย พระอิศวรอันเป็นพระสวามีจึงได้ทอดกายลงเพื่อรองรับแรงกระทืบของเจ้าแม่ หากแต่เมื่อเจ้าแม่ทอดเนตรลงเห็นพระผู้เป็นสามีนอนรองรับอยู่นั้น ก็ได้ทำการยั้งเท้าไม่ให้กระทืบลงไปอันอาจจะทำให้เกิดการเสื่อมเกียรติแก่พระอิศวร

ผมว่าตำนานเรื่องนี้เป็นตำนานที่น่ารักมากครับ และเพื่อแก้ไชขความเข้าใจผิดเกี่ยวกับนาม กาลี จึงขอทักท้วงมาดังข้างต้นครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.102 วินาที กับ 19 คำสั่ง